. พาใจไปห่มหนาว ที่ อินทนนท์ . (8-11 ธ.ค.06)
ลมหนาว พัดเยือนมาอีกครั้ง คราวนี้เราพาหัวใจไปห่มหนาวที่ "อินทนนท์ สูงสุดแดนสยาม" กี่ครั้งแล้วไม่อยากจะนับเพราะนับยังไง ก็ต้องมีครั้งต่อไป ต่อไป และต่อไป แต่อินทนนท์คราวนี้ แปลก แตกต่าง จากหลายครั้งที่ผ่านมา ไม่มีรถยนต์นั่งส่วนตัว หรือรถตู้เพื่อนร่วมเดินทางในคันเดียวกัน
แต่ อินทนนท์คราวนี้ มีแต่เพื่อนร่วมเดินทางที่คุ้นเคยและแปลกหน้า แปลกหน้าเพราะเราไม่รู้จักเค้า และ เค้าไม่รู้จักเรา ความลำบากของการเดินทางด้วยรถทัวร์ อีกอย่างหนึ่งสำหรับคนถ่ายภาพอย่างพวกเรา กระเป๋าเสื้อผ้า ถุงนอน เต๊นท์ เป๋ากล้อง ขาตั้งกล้อง อืมม์ สิ่งที่ตัดออกไปได้คือ เต็นท์ ไปเช่าที่ อช. 250.- ต่อคืนเป็นคำตอบสุดท้ายที่ลงตัวที่สุดสำหรับการเดินทางในครั้งนี้ แต่จริงๆ แล้วก็ลงตัวทุกครั้งเพราะเราไม่มี ที่ไม่มีเพราะอาศัยเพื่อนร่วมเดินทางนั่นเอง แหะ แหะ 8 ธันวาคม 2549 จุดมุ่งหมายของค่ำนี้ นัดรวมพลชาวโลกใบเล็ก 10 ชีวิต ณ เวลา สามทุ่ม นัดพบที่ประชาสัมพันธ์ ชั้น 1 เพื่อโยกย้ายไปที่ ชานชลา 120 รถออกเวลา 21.20 น. ความประทับใจเริ่มแรกของการเดินทาง น้าผักกะเฉด นำซาลาเปา ใส่ ไข่แดง ใหญ่บึม ประทับใจสุดๆ เพราะไม่เคยกินซาลาเปาที่มีไข่แดงทั้งใบแบบนี้เลย 9 ธันวาคม 2549 06.00 น. มาถึง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ก็รอหารถเพื่อไปยัง อช.อินทนนท์ แต่ฤดูกาลท่องเที่ยวแบบนี้ การรอคอยคงเหมาะสมที่สุดที่เราจะทำได้ และแล้ว การรอคอยก็สมหวัง รถทัวร์ที่มาเค้าอาสาไปส่งให้ที่จุดพักข้างทางไปน้ำตกแม่กลาง เพื่อต่อไปยัง อช.ฯ และเพื่อเป็นการไม่ให้ รู้สึกว่า การรถคอย ช่างแสนนาน ฆ่าเวลากันเสียหน่อยดีกว่า บ้างก็กินข้าว บ้างก็ชื้อถุงมือ 20.-เอง บ้างก็ซื้อหมวก เราก็ได้มาหนึ่งใบ บ้างก็ซื้อเสื้อ กางเกง แล้วแต่อะไรจะถูกใจ ถูกชะตา
เวลาผ่านไปเราก็ได้เพื่อนร่วมเดินทางอีก 2 คน เจ้าเอ๋ และ น้องป๊อป BMW เหลืองอร่ามคู่ใจ เครื่องแรงดั่งแรงม้า ซิ่งสุดๆ บรรทุก 5 ชีวิตรวมทั้งคนขับ และเราก็ไปถึงยังสถานที่กางเต๊นท์ลานสน เพื่อจับจองพื้นที่ จองเต็นท์ และเครื่องกันหนาวเพิ่มเติม
12.00 น. ชาวโลกใบเล็กที่เหลือเดินทางมาด้วยรถกระบะ ของแม่โอเหล่าซือ คุณแม่ใจดีของลูกสาวแสนสวย เมื่อทุกชีวิตมากันพร้อมแล้ว พวกเราก็ไปกินข้าวมื้อกลางวันและไปถ่ายภาพที่ สถานีวิจัยโครงการหลวงอินทนนท์ เพื่อถ่ายภาพชีวิตเล็กๆ สมคำนิยามของห้องโลกใบเล็ก ชีวิตที่ถูกมองข้าม เนื่องจากเป็นแค่ส่วนเล็กมาก ที่ใครมักไม่เห็นความสำคัญ แต่ผู้ที่ไม่เคยมองเห็นสิ่งเล็กๆ แบบนี้ย่อมไม่ได้รับรู้ และสัมผัสกับความงามที่ไม่เล็กอย่างที่เป็น
เก็บเกี่ยวความงามที่ยิ่งใหญ่ของชีวิตเล็กๆ แล้ว อากาศเย็น เข้ามาปะทะใบหน้าและร่างกายของพวกเราแล้ว ทำให้เรารับรู้ได้ว่า ถึงเวลาที่ต้องโยกย้าย เดินทางไปยังจุดชมวิวก่อนถึงพระมหาธาตุนภเมทนีดล และ พระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ เพื่อบันทึกแสงยามเย็น
แสงสุดท้ายของวันนี้ และเมื่อพระอาทิตย์ลับลา หมดแสง คงเหลือไว้เพียงท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้ม ก็ได้เวลากินข้าวมื้อเย็นแล้ว กลับมาที่เต๊นท์ทำภารกิจที่ทุกคน หรือ บางคนต้องทำ การอาบน้ำ (เย็น) เมื่อภารกิจส่วนตัวเสร็จสิ้น พวกเราก็วางแผนถึงการเดินทางในวันพรุ่งนี้ ซึ่งจุดหมายที่เราจะไปก็คือ เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน
ค่ำแล้ว อากาศหนาวจัง ไม่หนาวซิ ต้องบอกว่า อากาศเย็นจริง การเตรียมตัวในครั้งนี้ เราก็เตรียมตัวมาแล้ว ไอ้โม่ง ถุงมือ ถุงเท้า เสื้อกันหนาวอุ่นๆ สีแดงแรงฤทธิ์ และที่ขาดไม่ได้สำหรับการเดินทางในครั้งนี้ หัวใจที่อบอุ่นและความทรงจำที่อุ่นใจ แม้ ณ เวลานี้ ข้างกายจะไม่มีไออุ่นแบบที่ผ่านมา แต่ไออุ่นก็มีทุกคราที่ได้นึกถึง ค่ำนี้แล้วเธอทำอะไรนะ คิดถึงจัง 10 ธันวาคม 2549 07.00 น.เป็นเวลานัดหมายเพื่อกินข้าวเช้า และเริ่มเดินทางสู่แผนที่เราวางไว้ "กิ่วแม่ปาน" เช้านี้เราไม่ได้ไปถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้น เพราะกะว่าจะไปถ่ายในวันพรุ่งนี้ก่อนลง
9.00 น. ประมาณนี้ เป็นเวลาที่พวกเราเริ่มเดินทางเข้าสู่ กิ่วแม่ปาน ความตั้งใจที่ต้องทำมากมายหลายสิ่งที่ให้เราได้ถ่ายรูป ความสุขที่ได้เดินทาง ความสุขที่ได้กดชัตเตอร์
รักจัง
ขุนเขา
กุหลาบงาม นาม กุหลาบพันปี
เสียดายจัง กุลาบพันปีมีเพียงไม่กี่ต้นที่เราได้พบเห็นที่ยังมีประดับต้น เป็นผลมาจากไฟไหม้ป่าเมื่อคราวก่อน
เวลาผ่านไปเท่าไหร่แล้วนะ ความรู้สึกของพวกเราเป็นหนึ่งเดียวกัน หิวว่ะ ยังมีอีกหลายสิ่ง หลายอย่างที่พวกเราอยากบันทึกภาพ แต่ กองทัพต้องเดินด้วยท้องฉันใด พวกเราก็หิวอยากกินแล้วฉันนั้น ทางออก เป็นจุดหมายที่พวกเราต้องไปให้ถึง ณ เวลานี้ และแล้ว ไก่ย่าง ส้มตำ น้ำอัดลมเย็นๆ ก็ลงท้องพวกเราหมด แม้แต่ ข้าวเหนียว 14 ถุง ที่ไม่คิดว่าจะกินกันหมดก็หมดจนได้ อิ่ม ก็อยู่แต่ใน กิ่วฯ รวมเวลาได้ประมาณ 6 ชั่วโมง น้ำก็มีน้อย อะไรก็ไม่มีกิน ผลที่ออกมาก็เกลี้ยงแบบนี้แหละนะ
เมื่อท้องอิ่ม แล้ว ร่างกายก็มีแรง ไปต่อที่ เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา มีเพียงไม่กี่คนที่เดินเข้าชมอ่างกา เราต้องทำหน้าที่เป็นไกด์พาเพื่อนที่ยังไม่เคยมา เดินเที่ยวชมป่าใส่เสื้อ ตามที่ได้รับปากไว้แต่ต้นแล้ว เดินได้ไม่ได้เพราะแสงไม่มีให้บันทึกภาพแล้ว ในความเห็นส่วนตัวแล้ว ควรจะเข้ามาที่ อ่างกา ยามเช้าเสียมากกว่า เพราะจะได้แสงที่สาดส่อง ลอดมาตามพุ่มไม้
อากาศเริ่มเย็นอีกแล้ว ถึงเวลาที่ต้องได้ถ่ายภาพพระอาทิตย์ยามเย็นแล้ว เย็นนี้เราไปถ่ายภาพกันที่พระธาตุฯ เย็นวันนี้ โอกาสเป็นของพวกเราจริงๆ ได้แสงยามเย็นที่สวยงาม และพระอาทิตย์กลมโต ขอบคุณ ขอบคุณธรรมชาติที่ให้โอกาสพวกเรา
เมื่อแสงสุดท้ายลับลาขอบฟ้าแล้ว ดาวบนฟ้าและดาวบนดิน ปรากฏฉายแสงแทนที่เข้ามาเป็นสัญญาณบอกให้พวกเราต้องกลับเต๊นท์แล้ว ก่อนกลับก็แวะกินข้าวตามเดิม
ค่ำคืนนี้ พวกเรา เขียนโปสการ์ด คงมีแต่เราที่ไม่ได้เขียน เพราะไม่ได้เตรียมมา การเขียนโปสการ์ดคงไม่ใช่ครั้งแรกของเรา เป็นสิ่งที่เราทำมานานแล้ว แต่คงเป็นเพราะการห่างหายจากการเดินทาง เราจึงลืม ลืมที่จะกระทำแบบนี้อีก แต่นี่คงเป็นการเริ่มต้นอีกครั้ง เริ่มต้นเดินทาง เริ่มต้นเขียนโปสการ์ดส่งให้คนที่เราอยากให้แม้ว่าเค้าจะไม่อยู่แล้วก็ตาม ก่อนเข้านอน การวางแผนเริ่มต้นอีกครั้ง ในการดูพระอาทิตย์ขึ้นของวันพรุ่ง มาสมาชิกเพียง 5 คน พี่ป๋อง พี่สุดใจ นิดหน่อย คนไร้ชื่อ และ เกดจัง
ค่ำแล้ว ค่ำมากแล้ว ทุกคนเข้าเต็นท์คงจะเริ่มหลับกันแล้ว มีแต่เรา กับ นิดหน่อย เพียงสองคน ที่ออกเดินรับอากาศเย็นๆ ความตั้งใจ เราตั้งใจที่จะเดินไปยังที่ทำการฯ แต่ ไฟทางไม่มีแล้ว เดินออกมาถึงโรงเรียนเราก็ต้องเดินกลับ เพียงพอแล้วสำหรับค่ำคืนนี้ หลับซะนะ หลับซะ ห่มหนาวเสียให้พอ ห่มหนาวให้ใจได้อุ่น
11 ธันวาคม 2549 5.00 น. ประมาณนี้ สมาชิกทั้งห้า ที่มีแรงใจและแรงกายเดินทางยังจุดชมวิว กม.42 เริ่มแรกมา ก็ยังไม่เห็นอะไร มีแต่ความมืดและความหนาว หลับในรถก่อนดีกว่า รอให้เวลาผ่านไปอีกหน่อย อีกนิด แล้วก็ได้เวลาของการถ่ายภาพอีกแล้ว แสงเช้ายามนี้ สวยงามไม่แพ้ครั้งใดเลย มีหมอกบางๆ แล้วก็เริ่มหนา บางช่วงหมอกลอยเหนือสูงมาบดบังพระอาทิตย์ดวงโต เราคิดว่าไม่สวย แต่ถ่ายรูปมาแล้ว อืมม์ เป็นภาพที่เราไม่เคยมีเลย
อิ่มหนำจากการถ่ายภาพแล้ว ภารกิจต่อไป คือการล้มเต็นท์ และเดินทางไปยัง ราชพฤกษ์ จุดหมายต่อไป อันที่จริงแล้วการเดินทางในครั้งนี้ ทิวลิป ที่ ราชพฤกษ์ เป็นความตั้งใจแรกของการเดินทาง แต่เป็นเพราะปลายปีจะมีงานแสดงภาพมหัศจรรย์อินทนนท์ ณ ที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ทำให้เราได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง (แอบดีใจเล็กน้อย ปานกลาง ถึงมากมาย)
จากที่ครั้งแรกเราได้ไปที่ งานราชพฤกษ์ เมื่อวันที่ 10-12/11/2006 ที่ผ่านมา จากการเริ่มต้นครั้งนั้น ทำให้เกิดการเดินทางอย่างต่อเนื่องในครั้งนี้ ราชพฤกษ์ แน่นอน จุดหมายในวันสุดท้ายของการเดินทางครั้งนี้ จะหนีพ้นอะไร ก็ ทิวลิป นั้นเอง เริ่มเข้ามาได้ จุดหมายแรก ก็คือ ทิวลิป ตามความคาดหมาย
การถ่ายภาพครั้งนี้ มีบางสิ่งบางอย่างที่ต้องทำ เพราะบางคนฝากมาให้ทำ แต่ก็ทำด้วยความเต็มใจ การถ่ายภาพครั้งนี้เป็นการเก็บตก จากที่ไม่ได้ถ่ายครั้งแรก แต่ก็ยังไม่วาย เก็บไม่หมดอยู่ดี
จักรยานบรรทุกดอกไม้ ก็ยังไม่ได้ถ่าย เพราะไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน มารู้ก็ตอนขากลับแล้ว ไม่เป็นไร คราวหน้ายังมี ถ่ายภาพครั้งนี้ ก็ ขำขำ ถ่ายเล่น ถ่ายกันเองเสียมากกว่า ภาพคนแลจะเยอะกว่าสถานที่
หมด ครบ ทุกจุดหมายของการเดินทางแล้ว ก่อนกลับ เพื่อขึ้นรถทัวร์ ณ เวลา ทุ่มครึ่ง กลับละนะ ลาละนะเชียงใหม่ แล้วเราจะกลับมาเยือนอีกครั้ง ไม่นาน ไม่นาน
Create Date : 07 มกราคม 2550 |
|
23 comments |
Last Update : 6 มิถุนายน 2552 22:25:50 น. |
Counter : 1453 Pageviews. |
|
|
|
ถ่ายภาพเก่งจังเลย
ได้มุมมองที่สวยงาม
ได้บรรยากาศครบถ้วนดี
จะแวะมาชมรูปบ่อย ๆ น่ะ