Kabird
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2560
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
6 มีนาคม 2560
 
All Blogs
 
นั่งรถไฟสายทรานไซบีเรีย จีน มองโกเลีย รัสเซีย (วันที่4: นอนเกอที่อุทยานแห่งชาติ Gorhi Terelj)



ตื่นมา มองไปนอกหน้าต่างอากาศเกือบๆ 8 โมงเช้ายังมืดอยู่เลย -27 องศา บ้าไปแล้ว ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมไกด์นัดเวลา 10 โมง

พนักงานก็ไม่เห็นซักคน มีแต่ขนมปัง+เนย+แยม อยู่บนโต๊ะไว้ให้บริการตัวเอง

กว่าจะสว่าง กว่าพวกเราจะ check out พร้อมออกเดินทางก็ 10.42 โมง ไกด์ก็น่าร๊าก ยิ้มอย่างเดียวไม่เร่ง ไม่ว่าอะไร


เริ่มต้นทริปด้วยการจ่ายเงินไกด์ จ่ายแบบครึ่งๆกลาง ผสมเงินมันทุกสกุล ตั้งแต่หยวน, ดอลลาร์ และ ทูกรุก ก็ยังไม่พอ ขอแบ่งจ่ายวันพรุ่งนี้อีกต่างหาก 555+  ต้องกดตังค์และแลกตังค์เพิ่ม


ที่แรกวันนี้ National museum of Mongolia อยู่ไม่ไกลจากที่พัก คุณลุงพาขับรถไปแป๊บเดียว

ไกด์จัดการซื้อตั๋วให้ counter จำหน่ายตั๋วอยู่บริเวณเดียวกับร้านขายของที่ระลึกของพิพิธภัณฑ์

ช่วงหน้าร้อน : 15 พ.ค.-15 ก.ย. เปิด 09.00-19.00 น.

ช่วงหน้าหนาว : 16 ก.ย.-14 พ.ค. เปิด 09.00-18.00 น.

ราคาตั๋ว :

ผู้ใหญ่ 8,000 ทูกรุก

นักเรียน 2,500 ทูกรุก

เด็ก 1,000 ทูกรุก

ถ้าจะถ่ายรูปในพิพิธภัณฑ์ จ่ายเพิ่มอีก 10,000 ทูกรุก


ที่นี่แบ่งเป็น 3 ชั้น มีไกด์ส่วนตัวของพิพิธภัณฑ์พาเดินชมแนะนำ เล่าเรื่องประวัติศาสตร์มองโกเลีย โดยส่วนตัวชื่นชมในความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรมองโกเลียในอดีตที่ขยายอำนาจไปได้กว้างใหญ่ไพศาลทั่วโลก แบบว่า โอ้ว! ต้องรีบศึกษาประวัติศาสตร์ชาตินี้ด่วน! ตรูไปอยู่ไหนมา ไม่รู้ซะเลยว่าประเทศนี้ไม่ควรมองข้าม ยิ่งรู้ลึกยิ่ง amazing กษัตริย์ตระกูลข่าน (ข่านแปลว่า หัวหน้า) ต่างๆ ตั้งแต่เจงกีสข่าน โอกูไดข่าน กุบไลข่าน คือ คุณไกด์เค้าก็รัวๆไฟแลบมาเลย ป้ารับข้อมูลไม่ทัน ตาโตและตั้งใจฟังขึ้นเรื่อยๆๆๆ


พิพิธภัณฑ์จัดทำได้ดีมาก มาตรฐานสากล ถอดแบบอเมริกามาเลย มีคำอธิบายภาษาอังกฤษ แผนที่ รูปปั้นจำลอง ซากประวัติศาสตร์ อุปกรณ์ล่าสัตว์ หากินเพื่อความอยู่รอด เครื่องแต่งกายประจำชาติ ทั้งของจริง และของจำลอง แบ่งเป็นโซนๆเรียงลำดับเหตุการณ์ตามปีจากอดีตถึงปัจจุบัน ทั้งใส่โชว์ในตู้กระจก และ ตั้งโชว์ตามพื้นที่ของห้องตามสัดส่วนได้อย่างลงตัว (คิดถึงบ้านเชียง ถ้าทำได้ดีมีมาตรฐานแบบนี้คงเป็นที่เที่ยวที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เยอะกว่านี้เพราะบ้านเรามีศิลปะวัฒนธรรมที่เก่าแก่และสวยงามกว่านี้มาก!!!)


เค้าห้ามถ่ายรูป แต่ถ้าจะถ่ายต้องเพิ่มเงิน เกิดความงกอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้ ตัดสินใจไม่จ่ายเพิ่ม ทั้งๆที่ทั้งทริปที่ไกด์ดูแลนี้ได้ราคาพิเศษเพราะไกด์เป็นคนท้องถิ่น ซื้อตั๋วต่างๆ deal ได้ในราคาถูกกว่านักท่องเที่ยวต่างชาติทั่วไปอยู่แล้ว

ไม่เป็นไรวะ พลาดละ เก็บความรู้ความทรงจำไว้ในสมอง รับข้อมูลจากพี่ไกด์ให้ทันแล้วไปศึกษาต่อเองแทนละกัน

ชั้น 1 : ยุคก่อนประวัติศาสตร์ และยุคสมัยโบราณของมองโกเลีย

ชั้น 2 : ชุดประจำชาติ  เสื้อผ้า เครื่องประดับ ตั้งแต่โบราณ ถึงยุคศตวรรษที่ 20

ชั้น 3 :

-อาณาจักรมองโกเลียจากอดีต สมัยเจงกีสข่านล่าอาณาจักร ขยายแผ่ไปทั่วโลก จากเหนือจรดใต้ 2,400 กิโลเมตร จากเอเชียกลางไปไกลถึงยุโรป ดูจากแผนที่แล้วทึ่งค่ะ ครอบครองอาณาจักรตั้งแต่ทะเลดำ (Black Sea) จนถึงทะเลเหลือง (Yellow Sea) ในจีน  อีกทั้งครอบครองโปแลนด์ รัสเซีย ฮังการี แหลมบอลข่าน     

ครอบคลุมพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลมาก ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าสมัยพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ แห่งอาณาจักรกรีก ถึง 4 เท่า และมีขนาดใหญ่กว่าอาณาจักรโรมันถึง 2 เท่า!!!  เจงกีสข่านสวรรคตปี 1227 ระหว่างเดินทัพ สุสานของพระองค์ยังคงเป็นปริศนา ไม่มีใครทราบว่าอยู่ที่ใด?????  เมื่อเจงกีสข่านสวรรคต มองโกเลียก็ยังคงล่าอาณาจักรเพื่อขยายดินแดนอย่างไม่หยุดหย่อน อาทิ อิตาลี อียิปต์ เกาหลี ญี่ปุ่น พุกาม(พม่า) เวียดนาม สุโขทัย อินโดนีเซีย

ในสมัยหลานของเจงกีสข่าน ซึ่งปกครองโดยกุบไลข่าน ได้เข้ายึดครองกรุงปักกิ่ง ปกครองจีนแผ่นดินใหญ่ได้สำเร็จอย่างเบ็ดเสร็จและสถาปนาราชวงศ์หยวนแห่งประเทศจีนขึ้น กุบไลข่านสวรรคตปี 1294

เจงกีสข่านได้รับการยกย่องว่าเป็นนักการทหารที่เก่งที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ของโลก เลยนะเธอ อยากทราบรายละเอียดเชิงลึก หาอ่านและศึกษาได้ตามสะดวกเลยค่ะ ดิชั้นเดินดูพิพิธภัณฑ์ต่อละ




(ขอบคุณภาพแผนที่มองโกเลียจาก Wikipedia , พันทิปการตูนการเมือง และ Google ค่ะ)

-ศิลปะ วัฒนธรรมมองโกเลีย เครื่องดนตรีพื้นเมือง เครื่องเล่น เทศกาลประจำชาติ

-ชีวิตความเป็นอยู่ โซนนี้น่ารักดีค่ะ มี Ger (เกอ) กระโจมมองโกเลีย ทรงกลมๆ ตกแต่งให้ดูทั้งแบบหน้าหนาวที่ใช้วัสดุหนาๆเพื่อป้องกันหิมะ และหน้าร้อนมีไม้เป็นซี่ๆ รูระบายความร้อนเหมือนเป็นหน้าต่างประมาณนั้นอ่ะ พร้อมข้าวของเครื่องใช้จำเป็นในการดำรงชีวิต เตียง ที่ใส่ถ่านเพื่อให้ความร้อนภายในเกอ

-มองโกเลียยุคศตวรรษที่ 17-20 โซนกษัตริย์สมัยสุดท้ายของมองโกเลียประกาศอิสรภาพจากแมนจูได้สำเร็จ

-มองโกเลียตั้งแต่ปี 1921-1990 หลังจากที่กษัตริย์สิ้นพระชนม์ และหลังจากการปฎิวัติในปี 1921 มองโกเลียได้เปลี่ยนมาเป็นระบบนายกรัฐมนตรี  บ้านเมืองมองโกเลียก็เริ่มก้าวเข้าสู่ยุคพัฒนา เจริญสัมพันธไมตรีกับชาติต่างๆ หนึ่งในนั้นคือ ปี 1981 นักบินอวกาศคนแรกและคนเดียวของมองโกเลีย ได้เข้าร่วมบินไปกับการบินอวกาศของรัสเซีย ซึ่งสร้างชื่อเสียงและความภาคภูมิใจให้กับประเทศเป็นอย่างมาก

-มองโกเลียตั้งแต่ปี 1990- ปัจจุบัน

เดินชม ฟังไกด์อธิบายเพลิน อ้าว! จบซะละ เดินกลับลงมาที่ชั้น 1 หน้าประตูทางเข้า ขอบคุณไกด์ ได้นามบัตรมา ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก แล้วจึงออกเดินทางต่อ


คุณลุงมุ่งหน้าพาพวกเราออกเดินทางไปที่

Gorhi Terelj national park อุทยานแห่งชาติ ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองไปทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือ ประมาณ 80 กิโลเมตร ขับรถหน้าหนาวกลางหิมะปกคลุมประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง อุทยานแห่งนี้ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศและเป็นที่ยอดฮิตของนักเดินทางจากทั่วโลก ธรรมชาติสวย อากาศเย็นทั้งปี เหมาะแก่การเดินป่า ศึกษาธรรมชาติ ว่ายน้ำ ล่องแพ ขี่ม้า เล่นสกี กีฬาเอ็กซ์ตรีม ไฮไลท์ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่คือหินรูปเต่า มหึมาตั้งตระหง่านอยู่ริมถนน


ระหว่างทางหนาวๆแบบนี้คุณลุงแวะ supermarket ซื้อไอติมนะจ๊ะ ส่วนชั้นก็แวะเข้าห้องน้ำ ค่าเข้า 200 ทุกลุก สะอาดดี

คุณลุงคนขับพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ พวกเราก็สื่อสารกันแบบภาษามนุษย์ค่ะ วานให้แกถ่ายรูปให้ตลอดทริปเลย 555+ แกเป็นคนท้วมๆตัวใหญ่ท่าทางใจดี น่ารัก ลุยๆเท่ห์ๆ พยายามจะคุยกับพวกเรา เอ็นเตอร์เทน แต่ขับรถได้สุดติ่งกระดิ่งแมวมาก บีบแตร เปิดไฟสูงรัวๆ ใครขับช้าแกแซงแหลก แซงทางโค้งพร้อมมองหน้า เอาเป็นว่าเวลาขับรถอะไรที่ว่าไม่ควรทำ ลุงแกจัดหมด อย่าขัดใจแกละกัน ไม่งั้นมีหนาว 555+

ชื่อแกก็เรียกยากเหลือเกิน เราเลยเรียกง่ายๆว่าคุณลุง แกก็ยิ้มๆ เหมือนจะชอบชื่อนี้นะ^^




ระหว่างทางมองไปรอบๆมีแต่สีขาวโพลน หิมะปกคลุมทุกหย่อมย่าน มีคนยืนถือถุงขายถั่วเป็นระยะๆ

พวกเราชวนไกด์เมาท์มอยไปเรื่อยได้ความรู้เพิ่มขึ้นเยอะแยะเลยนี่แหละคือข้อดีของการมีไกด์ท้องถิ่น

-ชาวมองโกลชอบกีฬายิงธนู ขี่ม้า

-ประชากรมีไม่มาก ประมาณ 3 ล้านคน พื้นที่ตอนเหนือมีมลพิษทางอากาศสูงเพราะเกิดจากการเผาไหม้ฟืน คนมีตังค์หรือคนรวยจึงย้ายไปอาศัยอยู่ทางตอนใต้เพราะอากาศบริสุทธิ์กว่า

-เนื้อแกะ เนื้อม้า เป็นอาหารที่หากินได้ทั่วไป แต่เนื้อไก่หากินได้ลำบากไม่ค่อยมี

-ค่าครองชีพแพงกว่าจีน รายได้/เงินเดือนน้อย แต่ค่าครองชีพสูง จึงต้องทำงานหลายอาชีพ

-ดีกรีไกด์เราเป็นนักกฎหมายสาวสวย อายุ 27 ปี พูดภาษาอังกฤษดีมาก เคยเป็นไกด์ในช่วง summer มาก่อน แต่ตอนนี้ไม่ทำแล้ว ดังนั้นพวกเราเป็นกรณีพิเศษที่เค้ารับนะจ๊ะ

-รถพวงมาลัยขวา เลนตรงข้ามกับไทย ยุ่งละสิเวลายื่นตั๋วค่าผ่านทาง หรือข้ามถนน ต้องมองดีๆ

-กระดาษทิชชูไม่มีรู (แกน) เหมือนที่จีนและรัสเซีย โดยภาพรวมห้องน้ำสะอาดทุกที่เลย

-ลักษณะชาวมองโกเลีย  ผิวขาว-เหลือง ผมดำ หน้ามนๆแป้นๆ คล้ายคนจีนแต่ตาโต จมูกโด่งกว่า และบุคลิกนิ่งกว่ามาก ไม่โหวกเหวกโวยวาย ยิ้มง่าย ส่วนผู้ชายร่างกำยำ สูง สันทัดก็มีบ้างแต่เป็นส่วนน้อย

-ภาษาเขียนใช้ตัวอักขระเดียวกันกับรัสเซีย แต่อ่านออกเสียงต่างกัน (ความจริงชาวมองโกลมีตัวอักษรเป็นของตนเอง ใช้เมื่อสมัยโบราณลักษณะลากๆจากบนลงล่าง คล้ายภาษาจีนปนภาษาขอมสักยันต์อ่ะค่ะ ซึ่งปัจจุบันไม่ใช้แล้วและน้อยคนที่จะศึกษาและเข้าใจ)

-ช่วงที่หนาวที่สุดของมองโกเลียคือช่วงนี้แหละ (ธ.ค.-ม.ค.) อุณหภูมิเฉลี่ยกลางคืนประมาณ -30 องศาเซลเซียส หรือหนาวกว่านั้น อากาศจะเริ่มอุ่นขึ้นตั้งแต่เดือน มี.ค. และช่วง high season ที่นักท่องเที่ยวควรมาคือ ก.ค.-ก.ย. เอ๊ะ! แล้วตรูมาช่วงนี้เพื่อ? ขนาดไกด์ยังยอกเลยว่าช่วงนี้คนเค้าไม่เที่ยวกันเพราะมันหนาวจับใจ ซึ่งเคยหนาวสุดๆก็ -50 องศา แม่เจ้าบ้าไปแล้วอยู่กันได้ยังไงฟะ


คุณลุงแวะเติมน้ำมันแปบนึงเหมือนได้ปลดปล่อย เพราะพวกเรานั่งอัดกันในรถ 6 คนยังกะปลากระป๋อง ออกมายืนถ่ายรูปภูเขาสีขาวหิมะ แชะๆและรีบเดินทางต่อ...

ถึงที่หมาย Angel ger camp ใน Gorhi Terelj national park อย่างปลอดภัยแม้ว่าคุณลุงจะขับรถหวาดเสียวก็ตาม ก็เล่นเยียบเอาๆ บนหิมะกันเลย (คือถนนโดนหิมะปกคลุมอ่ะค่ะ ทางค่อนข้างลื่น)

Ger camp ที่นี่หน้าตาเหมือนกันหมด ถ้ามาเองหลงทางแน่นอน แนะนำว่าควรมีคนชำนาญพื้นที่พามา



คืนนี้เรามานอนที่นี่กันค่ะ เจ้าของเกอ 2 สามีภรรยา นิ่งๆเงียบๆ ไม่พูดไม่จา แต่ใจดี ดูแลเกอ ที่มีประมาณ 10 กว่าหลัง และ เรือนรับรอง (check in+ร้านอาหาร+ห้องน้ำ+ห้องอาบน้ำรวม แต่แยกหญิง-ชายให้) มีสนามเด็กเล่นด้วย

Check in (ราคาคนละ 90,000 MNTต่อคืน) หลังที่เรานอนมี 2 เตียง ตรงกลางห้องเป็นเตาเผาฟืนเพื่อให้ความร้อนภายในเกอ มีปล่องรูระบายอากาศตรงกลางของเพดานห้อง ส่วนเกอที่น้องๆนอนมี 3 เตียง ห้องใหญ่กว่าห้องเรา





มื้อเที่ยงวันนี้ เสริฟด้วย ขนมปังแผ่นแข็งแบบฝรั่ง ชาร้อน สลัดผัก(น้ำสลัดอร่อยอ่ะ) ตามด้วยซุปมันฝรั่งบรอคโคลีแครอทบดผสมกันหน้าตาเป็นสีเหลืองเหมือนอาหารเด็กอ่อน และตบท้ายด้วยขนมจีบแกะ 5 ชิ้นโตๆ แทบอ้วก อิ่มจุก อร่อย กินทิ้งกินขว้างไม่หมดซักอย่าง หันไปดูไกด์กับคุณลุง อุต๊ะ! กินหมดเกลี้ยงทุกอย่างแถมชงกาแฟเต็มแก้วเกือบล้นอีก






เก็บสัมภาระเรียบร้อย ออกเดินทางกันต่ออีกประมาณครึ่งชั่วโมง ลัดเลาะบุกหิมะไปเรื่อย อย่าถามว่าไปทางไหน คือพากรูไปฆ่าหมกหิมะก็หาศพไม่เจออ่ะ ข้างทางซ้ายขวาทุกอย่างคือสีขาว ที่เห็นบ้างเป็นระยะคือ Ger camp เจ้าอื่นๆ


ถึงที่หมาย Ariyapal meditation Temple ค่าเข้าคนละ 2,000 MNT เป็นวัดที่ตอนนี้ไม่มีพระอยู่ประจำ มีแค่คุณลุงเฝ้าทางเข้า 2 คน คนนึงเดินตามพวกเราขึ้นมาเพื่อมาเปิดโบสถ์ยอดเขาให้ สถานที่แห่งนี้กำลังปรับปรุงเป็นแหล่งท่องเที่ยวประจำท้องถิ่น

ณ เวลานี้มีแต่พวกเรา เหมือน private กรุ๊ปยังไงยังงั้นเลย

ทางขึ้นเป็นขั้นบันไดยาวขึ้นไปเรื่อยๆ ข้างทางมีป้ายอธิบายความหมายจากการที่หมุนล้อเสี่ยงทายคำทำนายตามตัวเลข ตั้งแต่เลข 1-150






ขึ้นมาถึงกลางทาง คือศาลา " The great prayer wheel of Kangyur" อธิษฐาน เสี่ยงทายโดยการหมุนล้อเสี่ยงทาย เมื่อเข็มขนาดใหญ่บนเพดานหยุดที่ตัวเลขใด แสดงว่าเราได้ตัวเลขนั้น แล้วจึงเดินหาป้ายคำทำนายขอวตัวเลขที่เราได้ ( ป้าได้เลข 110 ค่ะ)







เดินกันต่อไป ผ่านหินแกะสลักพระพุทธเจ้า ชาวมองโกลนับถือศาสนาพุทธและดาไลลามะ

ผ่านประตูซุ้มสะพานไม้เชื่อมไปอีกฝั่ง มองขึ้นไปบนยอดเขาสลักตัวอักษร "Om Mani Padme Hum" เป็นบทสวดที่สลักลงบนหินที่ใหญ่ที่สุดในมองโกเลีย ควรสวดให้ครบ 108 จบ เพื่อความสิริมงคล


เดินขึ้นบันไดต่อเพื่อขึ้นไปโบสถ์ Avalokiteshvara เป็นศาลาหลักของวัดนี้ตั้งอยู่บนยอดเขา เหนื่อยเอาการ แต่ขึ้นมาถึงก็ชื่นใจ วิวสวย สงบ สถานที่เหมาะอย่างยิ่งในการฝึกสมาธิ ก่อนเข้าโบสถ์ ต้องใส่ถุงรองรองเท้าเพื่อความสะอาด ภายในโบสถ์มีพระประธานพระพุทธรูปหลายเศียรศิลปะมองโกเลีย รูปถ่ายท่านดาไลลามะ ระฆัง ตู้บริจาคเงิน อาสนะและเสาตกแต่งลวดลายพื้นเมืองสีสันสวยงาม








รอบนอกโบสถ์มีระฆังทรงกระบอกโดยรอบให้หมุนใต้ฐานให้ครบทุกอัน

ส่วนศาลาเล็กๆข้างๆโบสถ์ ภายในมีรอยพระพุทธบาทหิน ภาพวาดพุทธศาสนา และหินแกะสลักผู้ชายนั่งเฝ้ารอยพระพุทธบาท


เมื่อพวกเรากลับลงมา ก็เป็นเพลาพระอาทิตย์ตกดินแล้ว เห็นฝูงม้ามองโกเลีย ขนหนา หางปุย ยืนอยู่หน้าวัด แชะภาพมันหน่อย แล้วจึงออกเดินทางกลับที่พัก คุณลุงใจดี แวะระหว่างทางให้พวกเราถ่ายหินรูปเห็ด ซึ่งถ้ามองอีกด้านจะเป็นหินรูปเต่า ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของอุทยานแห่งชาติที่นี่ค่ะ เก๋ไก๋ไปอีกแบบจ้า



ไกด์นัดเวลามารับพวกเราพรุ่งนี้ 10 โมงเช้า ส่วนคืนนี้ Ger camp แห่งนี้เป็นของพวกเราเพียงกลุ่มเดียว หลอนมั้ยเนี่ย 555+

อาหารเย็นเสริฟเวลา 6.30pm. มีสลัดแครอท เนื้อแกะผัดบรอคโครีราดข้าว ตกท้ายด้วยบราวน์นี่และจิบชาเขียวร้อน มันวิเศษมาก! ห้องอาหารอุ่นมากๆ มีความสุข อยู่กันยาวเลยละกัน นั่งเมาท์มอย กินขนมนมเนย จัดไวน์แดงไปขวดนึง ของเหลือเมื่อวานหอบมาจากในเมืองค่ะ เล่นไพ่ สุขใจดีแท้ ต่อเลยอีกขวดคราวนี้อุดหนุนร้านเค้าหน่อย เป็นไวน์นม รสชาติกาแฟหวานเลี่ยน รสชาตินอกจากจะดื่มลำบากแล้ว ยังซื้อลำบากอีก แม่ค้ารับเงินทูกรุก หรือเงินหยวนเท่านั้น.... เงินไม่พอค่ะ ก็เลยแลกกันเองในกลุ่ม แปลงสกุลเงินเป็นหยวน ดอลลาร์ รูเบิล (เอาเงินล่วงหน้า ซึ่งเป็นเงินรัสเซียมาแลกกันก่อน 555+)






นั่งเมาท์มอย คิดเลขลับสมอง (เล่นไพ่นั่นเอง) กันจนร้านปิด 5 ทุ่ม มีลูกค้ามาเพิ่ม 2 คน สงสัยจองไว้ดึก เพิ่งมาถึง

พวกเราย้ายที่ไปเล่นไพ่ต่อในเกอ ได้สักพักจึงแยกย้ายกันนอน....

ตี 1 กว่าแล้ว แง้ๆๆนอนไม่หลับ เกอร้อนมากๆวัดอุณหภูมิได้ 37 องศา ร้อนเกิ๊นนน ส่วนข้างนอกก็ติดลบ -30 หนาวเกิ๊นน โอยทรมานอ่า พลิกตัวไปมาอยู่นานมากๆกว่าจะเพลียจนหลับไป




Create Date : 06 มีนาคม 2560
Last Update : 6 มีนาคม 2560 20:38:49 น. 0 comments
Counter : 3104 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Kabird
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]




Friends' blogs
[Add Kabird's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.