Kabird
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2558
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
2 กรกฏาคม 2558
 
All Blogs
 

เที่ยว Hong Kong + Macau 2015 สนุ๊ก~สนุก ตอน 4

จิ๊กๆๆๆๆๆ จิ๊กๆๆๆๆๆ เสียงนาฬิกาปลุก 10 โมงเช้า เฮ้อออ เหนื่อยเพลียง่วงจังเพราะเพิ่งนอนเมื่ือเกือบๆ 7 โมงเช้าเองง่า ต้องรีบตื่นอาบน้ำ เก็บของ check out ตอน 11 โมงคร้าา (จริงๆในกฎมีว่าห้ามเกินเที่ยง) พวกเราเดินย้วยๆเอื่อยๆ กดลิฟท์ check out ชั้น 3 วันนี้เที่ยววันสุดท้ายแล้วง่า ต้องกลับไทยละนะ เวลาแห่งความสุขนี่ช่างผ่านไปเร็วจริง 

Front วันนี้เป็นผู้ชายร่างท้วมแขกขาวใจดีๆ แม้เราจะ check out เรียบร้อยแล้วแต่ก็สามารถฝากสัมภาระไว้แล้วค่อยย้อนกลับมาเอาได้ในช่วงบ่าย ดีๆๆๆชั้นไม่อยากเที่ยวแบบมีกระเป๋าเดินทาง ^^

มื้อเช้าของพวกเรา คิดอะไรไม่ออก ก็เดินไปซอยที่หน้าปากซอยมี Giordano เช่นเคยละกัน เลือกร้านที่ยังไม่เคยเข้า ก็เดาๆเอาค่ะ เป็นร้านที่ใกล้กับร้านก๋วยเตี๋ยวชามโตที่กินเมื่อวันก่อน 
จำชื่อร้านไม่ได้ รู้แต่ว่าอยู่ชั้น 2 ดูจากเมนูและทางขึ้นร้านน่าจะโอเค
ทั้งร้านไม่มีลูกค้าเลยค่ะ สั่งโจ๊กมากิน คือแบบบถ้วยใหญ่มาก!!! คือกะให้ชั้นอ้วนใช่มะ และช้อนก็ขนาดประมาณทัพพี ตักทีนึงเนี่ยต้องอ้าปากกว้างๆค่ะ รสชาติจืดค่ะ ดีเลย เพราะทุกร้านที่กินมาอ่ะเค็มมั่กๆ (มื้อนี้คนละ 30 ดอลล์) กินกันอย่างพะอืดพะอม ล้าเพลีย  
แต่... The show must go on จร้าาา เที่ยวต่อไปทาเคชิ อิๆ 

โปรแกรมวันนี้ เน้นเที่ยวช้าๆ สบายๆ เก็บตกสถานที่ที่ไม่ไกลมากเพราะต้องเผื่อเวลาเดินทางไปสนามบินค่ะ



1. Repulse bay รีพัลส์ เบย์ (หาดรูปพระจันทร์เสี้ยว)
อยู่ทางตอนใต้เกาะฮ่องกง เป็นหาดที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของฮ่องกง จุดเด่นของที่นี่คือ เป็นหาดที่สร้างขึ้นโดยฝีมือมนุษย์ จาการถมทะเลคือซื้อทรายมาจากไทย + เวียดนาม เป็นสถานที่ยอดฮิตและนิยมใช้เป็นฉากถ่ายทำภาพยนตร์หลายเรื่อง
การเดินทางไปไม่ยากเลยค่ะ เริ่มที่
นั่ง subway มาที่ Central (5 ดอลล์)ออก exit A ข้ามฝั่งมา เดินมาทางซ้ายจะเจออู่รถเมล์โอ่อ่าใหญ่โต เป็นระเบียบ (เหมือนที่ Washington DC ที่ อเมริกาเลยอ่ะ) ป้ายบอกเป็นช่องๆแยกสายรถเมล์ แบ่งเขตให้เข้าคิวเป็นเรื่องเป็นราวมีระเบียบดีแท้ 
ป้ายที่ไปรอรถเมล์มีสาย  260,6X,66,6 ยืนรอที่เดียวกัน สายไหนมาก่อนเชิญขึ้นได้เลยจ้า 
รอรถแป๊บเดียว พวกเราขึ้นสาย 6X (ใช้บัตร otopus ตึ๊ดหน้าเครื่องบนรถ 8.4 ดอลล์) รีบขึ้นไปนั่งหน้าสุดชั้น 2 เลยค่ะ ไม่มีที่กั้น ความรู้สึกคล้ายๆนั่งรถไฟเหาะ ไม่มีอะไรบังทัศนียภาพนอกจากกระจกใส 
ระหว่างการเดินทาง ทั้งขึ้นเขา ลงเขา ลอดอุโมงค์คดเคี้ยวหูอื้อ มึนๆ สนุกสนาน บ้านเมืองน่าอยู่ สวยงามต่างจากในเมืองมาก น่าอยู่กว่าเยอะเลยค่ะ



ประมาณเกือบๆ 45 นาที ก็ถึงค่ะ ลงป้ายที่ 20 Repulse bay beach ถ้ากลัวหลงสังเกตง่ายๆซ้ายมือมีตึก The Repulse bay มีรูอยู่ที่ตัวตึก (เดาว่าน่าจะสร้างตามหลักฮวงจุ้ยนะ) หรือไม่ก็ถามคนบนรถนั่นแหละชัวร์สุด 555+


ถึงซะที...แต่อย่าเพิ่งดีใจ เพราะต้องเดินลงบันไดมาอีกหลายขั้นทีเดียวค่ะ ลุงป้าน้าอาคงเมื่อยน่าดู แต่ก็คุ้มนะกับการที่มาเยือนที่นี่ หาดสะอาด มีร้านค้า ห้าง ร้านอาหาร ฮิปๆ เอาใจวัยรุ่น เด็ก beach ไรเงี้ย จัดสรรสัดส่วนได้อย่างลงตัวทีเดียว ห้องน้ำสะอาด รองรับนักท่องเที่ยวได้เยอะ เข้าฟรี อีกทั้งยังมี guard คอยดูแลช่วยเหลือผู้คนที่มาเล่นน้ำทะเลด้วยค่ะ 
หันหน้าเข้าทะเล เดินขึ้นมาทางซ้ายมือเรื่อยๆๆๆๆๆ เลยนะ อย่าเพิ่งท้อเพราะแดดร้อนจัด เดินมาเรื่อยๆจะเจอ...

วัดหรือศาลเจ้าแม่กวนอิม (Tin Hau and Kwun Yum statues) ที่นี่ถือเป็น 1 ใน 4 ของศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์ชื่อดังของฮ่องกง วิธีการเดินผ่านซุ้มประตูซุ้มพันปีต้องกลั้นหายใจ ก้าวเท้าซ้ายข้ามผ่านประตูเพื่อความเจริญก้าวหน้า จากนั้นหายใจได้ตามปกติ เนื่องจากฮ่องกงให้ความสำคัญด้านฮวงจุ้ยมาก วัดนี้ได้รับการออกแบบเพื่อให้ถูกตามหลักฮวงจุ้ยโดยซินแสชื่อดัง 



- เดินเข้ามาด้านซ้ายมือคือเจ้าแม่กวนอิมปางประทานพร สูงเด่นสง่า องค์นี้สามารถขอพรได้ทุกเรื่องแต่ต้องเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดได้ครั้งละ 1 เรื่องค่ะ วิธีการไหว้ขอพรจากท่านต้องยืนตรงจุดสี่เหลี่ยม 2 จุดที่พื้นเยื้องๆท่าน มองเห็นได้อย่างชัดเจนค่ะ จุดนี้เชื่อเป็นจุดเบิกเนตรรับพลังจากเจ้าแม่กวนอิมโดยตรง เมื่อเงยหน้าขึ้นไปจะเป็นตำแหน่งที่เจ้าแม่กำลังมองลงมาที่ตัวเราพอดี 
*จุดธูปบอกชื่อ นามสกุล อายุ ส่วนใหญ่ถวายสร้อยมุกด้วยค่ะ 

- ด้านขวาคือเจ้าแม่ทับทิม (ขอพรเพื่อเดินทางปลอดภัย) เป็นเทพเจ้าที่ชาวประมงนับถือเป็นอย่างมากเพราะคุ้มครองให้เดินทางปลอดภัย แคล้วคลาดจากอุบัติเหตุ และยังสามารถขอพรด้านธุรกิจการงานอีกด้วย 

- นอกจากนี้ยังมีพระยูไล หรือพระสุชาตะพุทธเจ้า เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ที่ 15 ของจีน (นิยายไซอิ๋วก็กล่าวถึงค่ะ) สามารถขอพรเรื่องสุขภาพค่ะ // 



เหลือบๆไปด้านหน้าบริเวณเจ้าแม่กวนอิม ผู้คนยืนต่อแถวกันไหว้เทพเจ้า "ไฉ่ ซิน เอี้ย" เทพแห่งโชคลาภ ซึ่งวิธีไหว้คือ นำแบงก์ร้อยหรือพันลูบศรีษะท่านผ่านหน้าลงมาถึงลำตัวและถุงเงินท่าน จากนั้นเก้บเงินนี้ใส่กระเป๋าตังค์เป็นเงินขวัญถุงนะคะ คือดิชั้นยืนไหว้ขอพรอยู่ห่างๆไม่กล้าเบียดเสียดผู้คนเข้าไป ก็น่าจะโอเคอยู่เน๊าะ^^ (ปลอบใจตนเอง) นอกจากนั้นยังมีการไหว้ตามตำแหน่งของท่านอีกนะเธอ เช่น 
: ยกมือไหว้ลูบขอพรที่เคราจะเสริมบารมีแก่ข้าราชการด้านอำนาจ หน้าที่การงาน 
: ยกมือไหว้ลูบขอพรที่ดาบจะเสริมนักธุรกิจด้านความสำเร็จ
: ยกมื้อไหว้ ลูบขอพรที่ถุงเงินจะเสริมโชคลาภสำหรับทุกคนค่ะ 

ส่วนใครที่อยากมีลูก ให้ขอพรลูบท้องขององค์พระยิ้มที่ตั้งอยู่ด้านข้างขององค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภค่ะ ถ้าอยากได้ลูกชายให้ลูบท้องด้านขวาที่มีเด็กผู้ชาย ส่วนมครที่อยากได้ลูกสาวให้ลูบท้องด้านซ้ายที่มือเด็กผู้หญิงค่ะ 

มองไปทางทะเล เห็นเศษขยะเล็กๆน้อยๆที่ชาวประมงมาช้อนขึ้นทำความสะอาดพื้นที่ท่องเที่ยวให้สวยงามขึ้น ^^
พวกเราเดินขึ้นไปที่ศาลาแห่งสิริมงคล มองดูรอบๆไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร แต่ศาลาแห่งนี้มีวิธีขอพรอยูว่าให้ตั้งจิตขอพรอธิษฐานตรงจุดกึ่งกลางศาลา และเมื่ออธิษฐานเสร็จให้นำมือทั้งสองลูบที่ป้ายหินแกะสลักสีแดงแดง กวาดมือเป็นรูปเลข 8 แล้วกวักมือเข้าหาตัว ซึ่งคนจีนเชื่อว่าเลขแปดคือ Infinity โชคดีไม่มีที่สิ้นสุด 





เดินเยื้องๆลงมาที่ลานยื่นออกไปในทะเล เป็นรูปปั้นเด็กขี่ปลามังกรสีเหลือง ซึ่งตอนแรกงงๆว่านักท่องเที่ยวทำไมต้องต่อคิวโยนเหรียญให้เข้าปากปลาอ่ะ... นึกขึ้นพอดีว่าที่เคยอ่านๆมาคือถ้าขอพรเสี่ยงทายอธิษฐานแล้วโยนเหรียญเข้าปากปลาได้ พรที่คาดหวังไว้ก็จะสมปรารถนา 
นึกขึ้นได้ทันควัน ก็เอากะเค้ามั่ง 555+ โยนอยู่นานสองนานประมาณ 5 นาที ฮึ๊บบบๆๆๆๆๆๆ เย้!!!!! สำเร็จชั้นทำได้จ้า สาธุขอให้เป็นจริงดังหวังนะคะ 
บริเวณใกล้กัน มีเทพเจ้าแห่งความรัก ซึ่งถ้าหากใครที่ยังไม่มีคู่ก็ให้มาอธิษฐานขอพรจากเทพองค์นี้ได้ค่ะ 





ตอนเดินข้ามฝั่งกลับมา กะเบิ๊ดเดินข้ามสะพานจีนสีแดงเด่นเป็นสง่า ซึ่งไม่ได้รู้เรื่องเล๊ยว่านี่คือสะพานต่ออายุ ถ้าเดินข้ามสะพานแล้วจะอายุยืนอีก 3 ปี แต่เดินได้ 1 รอบนะ ห้ามเดินข้ามไปข้ามมาเพราะจะตัดอายุให้สั้นลงไปอีก 3 ปีจ้า (โชคดีที่เดินข้ามแค่รอบเดียวแบบไม่รู้เรื่อง 555+ เอ๋...ว่าแต่ข้ามกลับด้านอ่ะจะเป็นไรมั้ยเนี่ย?)





ท้ายสุดก่อนลอดซุ้มประตู เห็นเค้าเดินขึ้นไปที่พระอ้วนนั่งยิ้มองค์ใหญ่ อันนี้ไม่รู้ว่าคืออะไร แต่ได้ยินเค้าคุยกันภาษาไทยประมาณว่าลูบๆท้องเพื่อขอพรความอุดมสมบูรณ์อะไรเงี๊ย.... จัดไป ทำตามค่ะขี้ลอกจริงๆเลย



เดินถ่ายรูปเลาะชายหาดก่อนกลับแดดร้อนดีแท้ :( แวะตู้หยอดเหรียญกะจะซื้อน้ำ แต่ที่นี่ไฮเทคสามารถตึ๊ดบัตร Otopus ซื้อน้ำชามะนาวได้จ้าาา สวยๆ 6.5ดอลล์
จากนั้นก็ขั้นรถเมล์สาย 6x กลับ รอบนี้แค่ 5.3ดอลล์เอง เอ๋ ทำไมถูกกว่าตอนมาหว่า? 
ระหว่างทางก็เพลินไปกับทัศนียภาพวิวสวยงามทั้งภูเขา ทะเลท่าเรือยอร์ช มองไปไกลๆสุดลูกหูลูกตาจะเห็น Ocean park อยู่ไกลลิบๆท้ายภูเขาอีกลูกค่ะ มีกระเช้าลอยฟ้าซึ่งกว่าจะนั่งไปถึงคิดว่าคงใช้เวลานานพอสมควร Ocean park เป็นสวนสนุกขนาด 200 เอเคอร์ เปิดบริการในปี 1977 มีเครื่องเล่นมากมาย ดึงดูดนักท่องเที่ยวด้วยลูกแพนด้ายักษ์ 2 ตัว และพิพิธภัณฑ์แมงกะพรุนทะเลแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  




ชมบ้านเรือน อาคารใหญ่โต อสังหาริมทรัพย์ของฮ่องกงที่ขึ้นเยอะเป็นดอกเห็ดที่เรียงระเบียบสวยงามตามฮวงจุ้ยซะด้วยซิ แถมราคาแพงมากขอบอก เอาเป็นว่าขนาดห้อง 160 ตร.ม.เห็นวิวทะเล ราคา 25 ล้านดอลล์ หรือ 100 ล้านบาทอ่ะค่ะ ไม่โคตรรวยจริงอยู่ไม่ได้นะจ้ะ 

ก่อนเข้าในเมืองเหลือบไปทางซ้ายเห็นฮวงซุ้ยปักเรียงเต็มพื้นที่ที่จัดไว้เต็มไปหมด ต้องใช้คำว่าดาษดาเพราะเยอะจริง! ทุกอณูเลยค่ะ

พวกเราลงรถเมล์ที่ป้าย Admiralty เพราะจะข้ามฝั่งกลับเกาลูนซึ่งประหยัดเวลาได้นิดหน่อยค่ะ นั่ง subway กลับไป Tsim Tsa Tsui (9 ดอลล์) เพื่อเอาสัมภาระที่ Hostel แล้วก็เดินทางต่อ ต้องรีบค่ะเวลาน้อย เพลีย ร้อน และง่วง ><



2. Wong Tai Sin (วัดหวังต้าเซียน หรือวัดหว่องไทซิน)
พวกเราหอบของแบกเป้เดินเที่ยวอย่างทุลักทุเล ทำไงได้มีเวลาเที่ยวน้อยนี่คะ
นั่ง subway สีแดงแล้วต่อสีเขียวที่สถานี Prince Edward เพื่อไปที่สถานี Wong Tai Sin ออกที่ Exit B3 เลี้ยวขวาเดินขึ้นบันไดมาปุ๊บจะเห็นวัดเลย
วัดนี้สร้างขึ้นเมื่อปี 1921 เป็นวัดศูนย์รวมของศาสนา 3 ลัทธิคือ เต๋า พุทธ ขงจื๊อ สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบจีน ชื่อของวัดมาจากชื่อเทพวัดหวังต้าเซียนค่ะ 
นักท่องเที่ยวและผู้ศรัทธามาเต็มวัดเลยค่ะ ลานด้านหน้าบนวัดมีรูปปั้นเทพเจ้าใบหน้าเป็นสัตว์ชนิดต่างๆ เช่น แพะ ม้า มังกร ค่ะ 



พอเดินเข้ามา รอบๆเป็นเทพเจ้าต่างๆ ส่วนตรงกลางเป็นที่จุดธูปขอพรค่ะ
ส่วนลานตรงกลางโล่งกว้างประดับด้วยโคมไฟกลมแดงเป็นจำนวนมาก มีเบาะนั่งแดงสำหรับไหว้พระ เทพ ขอพร และเสี่ยงเซียมซีค่ะ ตอนแรกก็กะว่าจะเสี่ยงเซียมซี แต่พอเห็นเป็นภาษาจีนก็เลยไม่ได้เสี่ยงค่ะ นั่งสงบนิ่งมองบรรยากาศรอบๆเพลินตาดี 



เดินถัดมาอีกจุดนึงเป็นศาลไหว้เจ้าเล็กบ้างใหญ่บ้าง คือดูไม่ค่อยเข้าใจค่ะ รู้จักแต่เปาบุ้นจิ้น^^ มีรูปปั้นเปาบุ้นจิ้นทั้งในศาลา และกลางแจ้งด้วยทำให้นึกถึงละครเปาบุ้นจิ้นตอนเด็กๆที่ชอบดูเป็นประจำเลยค่ะ  



ณ ตอนนี้แบตชีวิตอีชั้นจะหมดละ เหนื่อยล้าเป็นที่สุด แดดก็แรง :( พยุงตัวเองเฮือกสุดท้ายถ่ายรูปคู่กะน้องสุกี้ปิดจ๊อบเที่ยวฮ่องกงของเราแว๊วว..



เกือบๆ 5 โมงเย็นนั่ง subway สีเขียวจาก Wong Tai Sin เปลี่ยนเป็นแดงที่ Prince Edward เปลี่ยนเป็นเขียวเข้ม express ไปที่ airport 
มาถึงไวมากก่อนเวลาบินตั้งหลายชั่วโมง ก็เลยซื้อซูชิกล่อง (22 ดอลล์ใช้บัตร octopus จ่ายเช่นเคย) นั่งกินกันก่อนเชคอินค่ะ 



อ้อ..เพื่อนๆอย่าลืม refund บัตร octopus นะคะ คือได้ที่จุดขายบัตร Terminal 1 จะได้เงินที่เหลืออยู่ + เงินมัดจำ 50 ดอลล์คืนค่ะ (ใครที่คืนบัตรภายใน 3 เดือนนับจากวันที่ซื้อจะถูกหักเงิน 7 ดอลล์นะคะ)



ได้เวลาเชคอิน ต่อคิวยาวเหยียดเลย โดยเฉพาะทัวร์พี่ไทยเรานี่แหละ... 
พอถึงคิวเราเชคอินปรากฎว่าไม่ฟรีโหลดกระเป๋า 1 ใบ (แง๊เค้าลืมไปว่าเป็นตั๋ว final price ถูกไม่มีแถมโหลดกระเป๋าฟรี) ก็เลยต้องจ่ายตังค์อ่ะตั้ง 190 ดอลล์แนะ ไม่น่าเล๊ยยยย นังพนักงานฮ่องกงคนนั้นหน้าตาดีมาก แต่บริการห่วยสุดๆ ไม่บอกเหตุผลใดๆทั้งสิ้น ถามก็ตอบคำเดิมๆ แถมน้องคนไทยที่พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ มาเชคอินผิดเวลาตกเครื่อง ก็พูดอยู่นั่นแหละว่าคุณตกเครื่อง เครื่องมันออกไปแล้ว เชคอินไม่ได้ๆๆๆซ้ำไปมา น้องผู้ชายก็สั่นๆพูดอึกอักๆเพราะลนลานที่มาผิดเวลา จนเราทนไม่ไหวต้องเข้าไปช่วยถามว่า เปลี่ยนตั๋วได้มั้ย ต้องเพิ่มเงิน หรือซื้อใหม่ หรือจะยังไง ไม่หาทางออกช่วยลูกค้าเล้ยย 
แล้วที่ไม่ไหวเลยก็คือ เราจ่ายค่าโหลดกระเป๋าไป 200 ดอลล์ ต้องเข้าแถวข้างๆซึ่งแถวยาวมากกกก คนต่อคิวเกิน 10 คนอ่ะ เพื่อรอตังค์ทอนแค่ 10 ดอลล์ คุณพระ...เจ๊ไม่ไหวจะเคลียร์จริงๆ ปรี๊ดแตก... นางก็เลยรีบปริ้นท์ใบเสร็จและเอาเงินทอนให้ 

พอเข้ามาที่ gate ด้วยความที่มาถึงไว ก็เลยเดินเล่นใน airport ซึ่ง Duty free และของแบรนด์เนมที่นี่เยอะมาก เดินเพลินสุดๆ ได้ของฝากขนมนมเนยให้เพื่อนๆ จริงๆก็เล็ง Long Champ แดงลดราคาเหลือ 900 ดอลล์ แต่ อืม...มะเอาดีกว่าตัดใจเก็บเงินไว้^^ 


เครื่องขึ้นเวลา 9.35pm สายการบิน Air Asia FD503 ถึงไทยเวลา 11.20pm ค่ะ ถึงโดยสวัสดิภาพคร้าาาา 


ทริปนี้ยังมีหลายที่ที่ไม่ได้ไปเพราะมีเวลาจำกัดค่ะ อาทิ
- วัดกังหันลม
- Stanley market อยู่ทางตะวันออกของ Repulse Bay เป็นหมู่บ้านชาวประมง นิยมตกปลา หาปลาเป็นอาชีพ อีกทั้งในซอยเล็กๆยังขายสินค้าของฝาก ผ้าไหม เครื่องประดับจีน ผลงานศิลปะต่างๆ 
- Temple street แหล่งช็อปปิ้งทุกสิ่งอย่าง มีการแสดงงิ้ว เปิด 4 โมงเย็น-เที่ยงคืน
- สวน Nan Lian garden สวนหนานเหลียน มีศาลาทอง และปลาคาร์พเป็นไฮไลท์
- Chi Lin Nunnery สำนักนางชี สร้างโดยไม้ไม่ใช้ตะปู 


สรุปรวมรายจ่ายทั้งทริปค่ะ
-แลกเงิน HK dollars เป็นเงิน 19,000 บาท เหลือแลกเงินคืน 7,000 บาท เบ็ดเสร็จ กิน ช็อปปิ้ง รวมๆแล้ว 1 หมื่นนิดๆเองจ้า
-ค่าตั๋วเครื่องบิน Air Asia 5,322 กว่าบาท
-ค่า Hostel คนละ 550 HK dollars (3 คืนค่ะ)







 

Create Date : 02 กรกฎาคม 2558
0 comments
Last Update : 31 กรกฎาคม 2558 17:55:29 น.
Counter : 1687 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Kabird
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]




Friends' blogs
[Add Kabird's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.