สถานะการการเมืองไทยปัจจุบัน ความประหลาดของรูปแบบการปกครอง

นับแต่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ เป็นต้นมา

ประเทศไทยผ่านเรื่องราวมากมาย แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือพัฒนาการประชาธิป

ไตย การพัฒนาดังกล่าวไปอย่างเชื่องช้าขาดการสนับสนุนทั้งยังมีการขัดขวางไม่

ให้ประชาธิปไตยพัฒนาไปด้วยการก่อรัฐประหาร เช่นนี้ประเทศเราจึงอยู่ในวงเวียน

ของอำนาจที่ประชาชนไม่ได้เข้ามีส่วนในการใช้อำนาจนั้น หลักสำคัญของประชา

ธิปไตย คืออำนาจในการปกครองนั้น เป็นของราษฎรหรือไม่ ? ซึ่งคำนี้ในรัฐธรรม

นูญฉบับที่ ๑ ได้บัญญัติไว้ใน มาตรา ๑ ว่า "อำนาจสูงสุดของประเทศนั้น เป็น

ของราษฎรทั้งหลาย สิ่งนี้คือเจตนารมณ์ของผู้อภิวัฒน์ที่จะสถาปนาระบอบการปก

ครองของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน การณ์ต่อมากลุ่มอำนาจ

เก่ากลับมองว่าการถูกยึดอำนาจและเปลี่ยนแปลงการปกครองนั้นเป็นการเสียหน้า

จึงได้มีการพยายามรื้อฟื้นระบอบเดิมแล้วปรับให้เข้ากับสถานะการณ์เท่านั้น จะเห็น

ได้จากการทำถูกลืมเลือนไปของคณะราษฎร การวิจารย์การกระทำของคณะ

ราษฎรว่าเป็นสิ่งไม่ถูกต้องเร็วเกินไป อันที่จริงความคิดนี้เป็นความคิดที่มีอคติ

ต่อระบอบประชาธิปไตย เพราะท่านทั้งหลายที่คิดแบบนี้เพียงเพราะรู้สึกเสีย

หน้ากับการถูกยึดอำนาจ กอปรกับอำนาจที่เคยมีบริบูรณ์ในรูปแบบการปกครอง

แบบเก่ายังหอมหวานอยู่ สิ่งนี้ส่งผลให้เกิดขุนศึกทรราชน์แย่งกันผลัดเปลี่ยน

ตนขึ้นมาเป็นใหญ่ด้วยการทำรัฐประหาร เพื่อเอาใจอำนาจเก่าว่าตนได้แสดง

ว่าเห็นด้วย และจงรักภักดี สิ่งเหล่านี้ยิ่งสร้างให้เห็นภาพความขัดแย้งมากขึ้น

ถึงขั้นใช้กำลังเสียเลือดเสียเนื้อเพราะอำนาจนั้น เมื่อวันหนึ่งกฎกติกาของระ-

บอบประชาธิปไตยได้ร่างขึ้นโดยประชาชน และประชาชนได้ใช้อำนาจนั้นสม

บูรณ์ ประชาชนได้รู้และเข้าใจว่าการปกครองนั้นประชาชนก็มีส่วนร่วมได้

ไม่ว่าทางตรงและทางอ้อม จนเกิดค่านิยมใหม่มีการเลือกข้าง ประชาชนฝักใฝ่

โหยหาประชาธิปไตยมาขึ้น กล้าที่จะเรียนรู้และใช้มัน สิ่งเหล่านี้ทำให้กระทบ

กระเทือนบางกลุ่มเป็นอย่างมาก ทำให้รู้สึกว่าอำนาจแท้จริงนั้นประชาชนคือ

ผู้กำหนด จึงพยายามที่จะทอนอำนาจดังกล่าวและก็ทำสำเร็จในวันที่ ๑๙

กันยายน ๒๕๔๙ เมื่อทำการสำเร็จก็เผยแพร่ความคิดลัทธิประหลาด เช่น
-------------------------------------------------------------------------------

1. เผยแพร่ว่าผู้ที่ใช้อำนาจและได้มาซึ่งอำนาจจากรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน

คือกลุ่มบุคคลผู้โกงชาติ และไม่จงรักภักดี

2. กล่าวหาว่าประเทศจะล่มสลายเพราะการโกงกินของนักการเมืองและกลุ่ม

การเมือง

3. ทำให้ประชาชนเชื่อว่าการมีนักการเมืองคือสิ่งที่เลวร้าย

4. สร้างความเชื่อว่า 1 เสียง 1 สิทธิ์ไม่เท่ากันเพราะการศึกษา

5. ยกย่องเชิดชูกลุ่มบุคคลที่สนับสนุนความคิดเช่นว่านี้

6. เมื่อเกิดเหตุจารจลในประเทศโดยคนกลุ่มนี้ ทหารไม่เข้ามาควบคุมสถาน-

การณ์

7. เกิดลัทธิประหลาดเชิดชูบุคลใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท โดยมีการเดินขบวน

ของนักเรียน ขึ้นป้ายโฆษณา เพื่อให้กำลังใจ

8. เกิดสงครามแย่งชิงความจงรักภักดี เช่น ถ้าไม่เชื่อฉันคุณคืออีกฝ่าย

9. โจมตีฝ่ายตรงข้ามด้วยการใส่ร้ายเขาว่าไม่จงรักภักดี ฝักใฝ่ในระบอบการ

ปกครองแบบสาธารณรัฐอันมีประธานาธิบดีเป็นประมุข

10. มีการตั้งองค์กรอิสระโดยไม่ผ่านการโปรดเกล้า และองค์กรอิสระเห็นได้

ชัดว่าเป็นบุคคลที่ยืนตรงข้ามอีกฝ่าย

11. เขียนกฎหมายโดยใช้เหตุผลเพียงกำจัดอำนาจเดิม แต่แสดงฐาตุแท้ในเนื้อ

ความในตัวบทกฎหมายแบบคนยุคเก่าหลงยุค วางหลักอันขาดไร้ซึ่งความยุติ-

ธรรม

12. ดุลพินิจในการตีความช่างประหลาดกรณีเดียวกันกลับใช้ดุลพินิจแตกต่าง

เป็นโทษแก่ฝ่ายตรงข้าม เป็นคุณแก่ตัวเอง

13. เริ่มมีการชำระประวัติศาสตร์เข้าข้างความเชื่อของตัวเอง ลบล้างความมีตัว

ตนจริงๆของประวัติศาสตร์บิดเบือนเพื่อสนับสนุนความชอบธรรมของตนเอง

14. ถ้าผู้ใดมีความเห็นแตกต่าง ติ แนะนำ ก็เหมารวมว่าเป็นอีกฝ่าย และทุก

ครั้งจะประนามบุคคลเช่นนั้นว่าไม่จงรักภักดี

15. มีการเพิ่มขึ้นอย่างมากเกี่ยวกับคดีความเกี่ยวกับการหมิ่นพระบรม ฯ ในรอบ

ตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองมา
--------------------------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------------------------

นี่คือตัวอย่างเล็กๆน้อยเกี่ยวกับเหตุการณ์ประหลาดกับสถานการณ์ที่นับว่าล่อ

แหลมและเป็นภัยต่อความมั่นคงอย่างยิ่ง ซึ่งในตอนหน้าเราจะมาคุยกันเรื่องนี้

ต่อครับ

-------------------------------------------------------------------------------

ปล. อำนาจสูงสุดของประเทศนั้น เป็นของราษฎรทั้งหลาย

ปล.2. คณะราษฎร อ่านว่า (ราด-สะ-ดอน)

Create Date : 28 มิถุนายน 2552		2 comments
Last Update : 28 มิถุนายน 2552 22:00:26 น.
Counter : 2468 Pageviews.
Share Tweet