ไปเที่ยวฮ่องกงมาครับ เป็นทริปที่กระทันหันทีเดียว กลับมาตอนนี้ยังเจ็บคออยู่ เป็นไข้
อากาศหนาว หมอกลงเยอะ มีแต่รูปถ่ายมัว ๆ ไม่ค่อยถูกใจเท่าไหร่คงไม่ใช่ฤดูที่ควรไปถ่ายรูป
[1]
เริ่มต้นการเดินทางโดยสายการบินเอมิเรตชั้นประหยัด เครื่องของเอมิเรตนี่ทุกที่นั่งจะมีทีวีจอเล็ก ๆ
ให้ดูส่วนตัว เครื่องลงจอดผ่านด่านต่าง ๆ กว่าจะออกจากสนามบินได้ก็ประมาณทุ่มนึงแล้ว เวลาที่
ฮ่องกงเร็วกว่าที่ไทยประมาณ 1 ชั่วโมง สนามบินที่ฮ่งกงนี่แปลกดี เราต้องขึ้นรถไฟสายสั้น ๆ
ออกจาก terminal เพื่อมาจุดตรวจคนเข้าเมือง
[2] ภาพนี้แถว ๆ ที่พักครับ
เมื่อฝ่าด่านต่าง ๆ ออกมาก็มาเจอกับไกด์ซึ่งมารอรับเรา ไกด์เป็นคนไทยพูดคุยทักทายกันอย่างเป็นกันเอง
จากนั้นก็ให้คนขับรถซึ่งเป็นคนจีนพากลุ่มเราไปส่งที่โรงแรมชุงเฮง ซึ่งอยู่ย่านถนนจอร์แดน
[3] กำลังเดินข้ามถนนจะไป Temple Night Market
กลุ่มผมไปกันทั้งหมด 4 คนมีแม่ พี่สาว น้องสาว และผมพี่สาวผมเป็นผู้จัดหาตั๋วเครื่องบินและที่พัก
โดยซื้อแพคเก็จประหยัดแถมซิตี้ทัวร์ครึ่งวัน(เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังว่าแพคเก็จนี้มันเป็นยังไง) มาถึงโรงแรม
ประมาณ 2 ทุ่มครึ่งละ ไม่ทันไปดู Symphony of Light ตามที่วางแผนไว้แต่แรก เลยไม่รีบร้อน
ออกไปหาของกินกันก่อน ก่อนมาผมได้หาข้อมูลจากหนังสือและ search ข้อมูลจากเวบต่าง ๆ รวมทั้ง
blog ชาวบ้านวางแผนเที่ยวไว้คร่าว ๆ ตอนนี้ต้องเริ่มคลำทางกันจริงจังละ (ผมเพิ่งได้แผนที่ฮ่งกงจาก
ที่สนามบินเอง นี่สิเริ่มระทึกละ จะหลงไหมฟะ) ผมดูไว้ว่าจะไปหาของกินกันที่ Temple Night Market
เพราะอยู่ใกล้โรงแรม ดูข้อมูลมาแล้วของกินเยอะน่าจะดี เดินกึ่งหลงจนได้เจอร้านนึง เป็นโต๊ะนั่งริมถนน
ของสดดี เอาฟะร้านนี้แหละ
[4] มาถึงแล้วครับ Temple Night Market
ร้านแรกก็ทำเอาอึ้งไปหน่อย เค้าพูดอังกฤษไม่ได้ฟังกันไม่รู้เรื่องเลยเมนูก็ภาษาจีนล้วนเอาละสิเริ่มอึ้งละ
แต่... แม่ผมพูดจีนได้ รอดตัวไป นึกว่าจะอดกินซะละ คนที่นี่ส่วนมากจะพูดภาษากวางตุ้งกัน จริง ๆ
ผมมีเชื้อจีนกวางตุ้งแท้ ๆ แต่พูดไม่ได้เลย น่าเศร้า เอาล่ะได้กินละ ร้านที่เรากินนี้อาหารรสชาติใช้ได้
แต่จานผัดอะไรต่าง ๆ ใส่น้ำมันเยอะมากค่อนข้างเลี่ยน กินเสร็จก็ดึกพอสมควร เดินเล่นต่ออีกสักพัก
[5] ร้านนี้แหละที่นั่งกิน
ที่ Temple Night Market นี่ดู ๆ ไปก็เหมือนถนนคนเดินบ้านเรานั่นแหละของขายดู ๆ ไปก็คล้าย ๆ
บ้านเรา เดิน จนเกือบหลงอีกละแต่ก็มาโผล่ซอยโรงแรมจนได้ ตอนนี้เกือบ ๆ สี่ทุ่มละแต่ยังไม่อยากนอน
เลยไปเดินเที่ยวต่อ จะได้ศึกษาเส้นทางไปในตัว และจะไปซื้อบัตร Octopus ไว้ใช้ด้วย (บัตร Octopus
ใบเดียวสามารถใช้จ่ายค่ารถไฟ รถเมล์ เรือ ฯลฯ ได้ ถือว่าสะดวกทีเดียว)
[6] ของที่ขายดู ๆ ไปเหมือนบ้านเราเลย
เราซื้อบัตร Octopus จากนั้นปิ๊บ ๆ ขึ้น MRT รถไฟใต้ดินไปที่จิมซานโจ่ยกันเพื่อไปดูจุดที่เค้าดู
Symphony of Light กันเดินจาก MRT เพื่อไปริมน้ำไกลพอสมควรเลย แถมยังต้ิองลง subway
(ทางข้ามถนนใต้ดิน) ที่มีทางออกยั้วเยี้ยมาก เดินตามป้ายชี้อยู่ดี ๆ เข้าไปในห้างเฉยเลย อ้าว งง
เลยลองเดินขึ้นบันไดเลื่อนออกไปก็ไปออก หอนาฬิกาจนได้ เดินถ่ายรูปตึกมานิดนึง อากาศเย็น
และลมแรงทีเดียวหมอกลงเยอะมาก ถ่ายมามีแต่หมอกขาวไปหมดมองไม่ค่อยเห็นตึก เริ่มดึกละ
พอเริ่มคิดจะกลับ พบว่าเราเดินมาจนถึงท่าเรือสตาร์เฟอรี่ เมื่อดูแผนที่จ๊ากมันไกลจากสถานี MRT
ตั้งเยอะ เลยลองถาม ๆ คนแถวนั้น เค้าให้ขึ้นรถเมล์สาย 7 กลับ จริง ๆ มาพบที่หลังว่าไปได้ตั้งหลายสาย
กลับที่พักกว่าจะได้นอนเกือบตีสอง พรุ่งนี้ไกด์นัดเวลาไว้ 7.40น.
[7] หมอกลง อากาศขมุกขมัว
เช้าวันที่สอง
ไกด์มารับและพาเราไปกินติ่มซำ ข้าวต้มตอนเช้าจากนั้นพาไปไหว้เจ้าแม่กวนอิม ที่ Repulse Bay
ที่นี่แทบจะเป็นที่รวมสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมาย จำไม่ได้ไม่หมด มีเจ้าแม่กวนอิืม เจ้าแม่ทับทิม
และเทพเจ้าแห่งโชคลาภ และยังมีสะพานต่ออายุซึ่งเชื่อว่าใครได้ข้ามแล้วจะมีอายุขัยเพิ่มขึ้น 3 ปี
[8]
สะพานต่ออายุ แต่ต้องข้ามให้ถูกทางด้วยนะครับ ข้ามผิดมีอายุลดลงด้วย -_-''
[9]
ที่บริเวณตรงนี้ถือว่ามีฮวงจุ้ยดีมาก มีตึกนึงแปลก ๆ คือมีรูตรงกลาง
เกิดจากการแก้ปัญหาหวงจุ้ย เค้าบอกว่าให้มังกรลอดออกมาเล่นน้ำทะเล
[10]
ผมเดิน ๆ แล้วไม่รู้จะถ่ายอะไรเลยนั่งรอกลุ่มคณะทัวร์ที่เค้ารอเข้าแถวเอาแบงค์ไปลูบคลำ รูปปั้นเทพเจ้า
เห็นร้าน Starbucks นึกขึ้นมาได้ว่ายังไม่ได้กินกาแฟเลยนี่นา เลยเข้าไปสั่งกาแฟ(ที่แสนแพง)กินซะหน่อย
เมื่อสั่งกาแฟ พนักงานฟังไม่รู้เรื่องอีกแล้ว -_-''' แต่สุดท้ายก็ได้กาแฟกิน กาแฟสตาร์บัคกินที่ไหนก็แพง
ละก็ไม่เคยอร่อยซะที(ค.ห.ส่วนบุคคล) ผมติดกาแฟน่ะเลยต้องกิน
[11] ตึกนี้ก็แปลก ๆ ดี
จากนั้นทัวรก็เริ่มละ บรรยายเริ่งฮวงจุ้ยอยู่ดี ๆ จากนั้นก็พูดไปถึงกังหันที่วัดอะไรสักอย่าง แล้วบอกว่า
จะพาเราไปเยี่ยมชมโรงงานจิวเวอรี่ ไปถึงโรงงานก็จะมีผู้บรรยายอีกคน พูดฉอด ๆๆๆ ตอนนี้เริ่มรู้สึกเซ็งละ
พูดเรื่องอะไรหว่า เสริมดวงชะตา ไป ๆ มา ๆ ขายของซะงั้น (เอ่อตูจะมาเที่ยวให้ฟังอะไรตั้งนาน)
เมื่อบรรยายจบก็จะพาเราไปห้องขายของ ที่มีคนขายมากมาย ชักจูงสารพัดให้ซื้อ แม่กะพี่สาวผมก็
เกือบซื้อเหมือนกัน แต่แลกเงินมาไม่เยอะ และเห็นมามันแพงเกินไป
จากนั้นไกด์ก็พาเราไปขายของอีก !!! -_-''' เอ่อตูจะเที่ยว คราวนี้ขายสมุนไพรจีนหัวมงกรหางหงส์ -_-'''
คราวนี้แม่กะพี่สาวซื้อบ๊วย กะพวกของดองห่อ ๆ ไป ผมห้ามไว้แล้วเหมือนกัน มาพบที่หลังพบว่า
ข้างนอกขายถูกกว่าเยอะเลย จากนั้นไกด์พาเราไปเขาวิคเตอร์เรีย แต่จุดชมวิวไม่ค่อยสวย ต้นไม้บัง ๆ
ผมเลยไม่ได้ถ่ายอะไรเท่าไหร่ เพราะแพลนไว้ว่าจะไปดูวิวบนพีคทาวเวอร์อยู่แล้ว
(รูปนี้ตรงจุดชมวิว เป็นห้องน้ำที่ฮวงจุ้ยดีที่สุด เค้าว่างั้นนะ เลยเข้าไปรับพลังชี่ซะหน่อย ^^)
[12] ห้องน้ำ
ในที่สุดไกด์ก็พาเราไปปล่อยซะที อิสระแล้วดีใจสุด ๆ กำลังผวาว่าจะขายอะไรอีกเปล่า (ก่อนหน้าจะ
ปล่อยขายจาน ที่ถ่ายรูปเราไว้ ขายพวงกุญแจชุดนึง -_-'') บ่ายสองโมงแล้ว เสียเวลาไปกะอะไรฟะเนี่ย
ตอนนี้เราโดนปล่อยอยู่หน้าห้าง Harbour City พอดีมีโพยมาด้วยว่ามีร้านอร่อยแถวนี้ ว่าแต่หิวจะแย่แล้วนี่
เดิน ๆ หาสักพักพบว่าร้านอยู่ตรงข้าม Harbour City เลยเข้าไปต้องยืนรอคิวนิดนึง แต่ดู ๆ ที่เค้ากินกัน
น่ากินทั้งนั้นเลยซู้ดดดน้ำยายไหย๋ เมื่อได้นั่งโต๊ะปุ๊พบว่าเจอปัญหาเดิม คุยกันไม่รู้เรื่อง -_-'' ดูเมนูจิ
เลยขอเมนูรูปภาพ มาชี้ ๆ ผมสั่งบะหมี่หมูแดงกะเกี๊ยวน้ำ ราคาเอาเรื่องแต่เมื่อมาถึง หมูแดง !!!!
ชิ้นอย่างหนา หั่นมาโป๊ะเข้าปิดบะหมี่เกือบมิด อะไรจะเยอะขนาดนั้น เกี๊ยวน้ำโอ้ววววสุดยอด !!!! ใหญ่มาก
เกี๊ยวอันเท่าช้อน ข้างในมีหอยเชลล์กะกุ้งขนาดกลางอย่างละตัว ร้านนี้ถือว่าอร่อยทีเดียวเสียดาย
ไม่ได้กินเป็ดย่าง ไปถึงละหมดพอดี คุณภาพอาหารเทียบกะราคาผมว่าไม่แพงนะของเค้าดีจริง ๆ
(ผมไม่ค่อยถนัดถ่ายของกินนะ เพราะมันเสียเวลากิน อิอิอิ
รูปนี้ที่เห็นในถ้วยผมคือเกี๊ยว 1 ชิ้นครับ โอ้ววว)
[13]
จากนั้นเราไปเที่ยว Space Museum กันต่อ คิดไว้ว่าจะเข้าดูดาว ว่าจะเหมือนท้องฟ้าจำลองบ้านเราไหม
แต่ไปดูรอบฉายแล้วงง ๆ ไม่เห็นมีดาวให้ดูเลย เหมือนเป็นโรงฉายหนัง เอ้าไหน ๆ ก็มาแล้วเลยซื้อตั๋วรอบ
ที่ใกล้ที่สุด 5 โมงเย็น ฉายเรื่อง Deep Sea แต่มารู้ทีหลังว่าถ้าจะดูดาวต้องซื้อเรื่อง Black Hole
หนังที่เค้าฉายมี 3 เรื่องเวียนกัน Dinosoure, Deep Sea, Black Hole ตอนซื้อ คนขายดุมาก จะซื้อแถว J
แต่โดนตวาดกลับมาเป็นภาษาจีน จ๊าก ตกใจหมด เค้าทำไรผิดเนี่ย แง ๆ แล้วชี้ให้เราไปนั่งแถว H เชอะ
ไปก็ได้ ค่าบัตรเข้าดูหนัง 38$ HK ระหว่างรอก็ซื้อบัตรเข้าชมนิทรรศการอีก 10$ HK
[14] เครื่องจำลองการบังคับยาน
คิดไม่ผิดนะครับที่เข้ามา ตอนแรกสงสัยว่าเค้าจะฉายหนังยังไง เค้าฉายขึ้นโดมข้างบนครับ
เป็นโปรเจคเตอร์ร่วมร้อยตัวฉายขึ้นไป แล้วเราก็นอนดู โห เหมือนอยู่ใต้น้ำจริง ๆ เลยพูดเสียงจีน แต่มีหูฟัง
ภาษาอังกฤษให้ แอบหลับไปหลายที ^^" เพราะฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง
ในโรงหนังเค้าไม่ให้ถ่ายภาพอ่ะครับ เลยไม่มีภาพปลากรอบ
[15] จำลองห้องนักบิน
[16] หอนาฬิกา ขวามือคือ Culture Museum
หลังจากไปนั่งหลับได้่สักพัก ก็ออกมาขี้เกียจเดินกันแล้วเลยจะนั่งรอ เดินเล่นแถว ๆ นี้เพื่อรอดู Symphony of Light
ส่วนผมนั่งรถกลับโรงแรมเพื่อไปเอาขาตั้งกล้อง ผมกลับมาถึงอีกทีทุ่มนิด ๆ ไปนั่งจองที่ทางเดินข้างบนเพื่อรอถ่าย
สังเกตเห็นว่าสาวหมวยแถวนี้น่ารักกันจัง คิคิคิ แต่ไม่ได้เข้าไปคุย
[17] ศูนย์แสดงสินค้า
[18] ตึก ifc สูงและโดดเด่นมาก
และแล้วก็มาถึงเวลาที่รอคอย 2 ทุ่มตรงเป๊ะ การแสดงก็เริ่มขึ้นสวยงามทีเดียว น่าตื่นตาตื่นใจมาก แต่ละตึก
มีไฟวิ่งสลับไปมา และฉายไฟ แสงเลเซอร์ ไปตามจังหวะเพลง นี่แหละที่อยากดู
ดูเสร็จกลับที่พักและไปฝากท้องกะ Night Market อีก คราวนี้ไปกินอีกร้านนึง อร่อยใช้ได้ ตอนเจอเค้ามา
ทักผมพูดภาษาจีนเห็นผมส่ายหน้า เค้าก็พูด"สวัสดีครับ" เอ้อ พูดไทยได้ด้วย เลยเอาร้านนี้แหละ แต่จริง ๆ
เค้าพูดไม่ได้เท่าไหร่หรอก เค้าเรียกลูกค้าโดยพูดหลาย ๆ ภาษา ภาษาไทยเค้าพูดว่า "มาเลย มาเลย" 5555
เห็นละขำดี
[19] Symphony of Light ที่รอคอย
ขอจบตอน 1 แต่เพียงเท่านี้นะครับ เดี๋ยวจะมาต่อตอนสอง ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามครับ
ขอให้มีความสุขมากๆค่ะ