อย่าเชื่อจนกว่าจะได้พิสูจน์

วันนี้ผมได้เดินทางไปไหว้สุสานของอากง อาม่า ที่วิสุทธิมรรคคิรี อำเภอหินกอง จังหวัดสระบุรี เพราะอยู่ในเทศกาลเชงเม้ง การที่ต้องรีบไปก่อนวันเช็งเม้ง เพราะถึงวันนั้นแล้วจะมีผู้คนมากันมากทำให้ลำบากในการเดินทาง

เมื่อไหว้เสร็จแล้ว มีเวลาว่าง ก็เลยแวะไปไหว้พระที่ พระพุทธบาทสระบุรี ไม่ได้ไปมานานเกือบสิบปีแล้ว เดินทางไปถึงประมาณสองโมงเช้า รถน้อย เพราะเป็นวันทำงาน นักท่องเที่ยวไม่ค่อยมี จะมีก็แต่คนไต้หวันไม่กี่คน กับคนแขกกลุ่มหนึ่ง และคนไทยอีกไม่มากนัก ผมเดินไปหน้าบรรไดทางขึ้นด้านหน้า กำลังจะเดินขึ้นไปก็เห็นป้ายเขียนว่า "ยกช้าง เสี่ยงทาย" เกิดความคิดบางอย่างขึ้นมาในใจทันที เพราะเรื่องพวกนี้ ผมเป็นคนไม่เชื่อ ไม่นับถือ เห็นว่าคนไทยเราที่นับถือศาสนาพุทธแท้ ๆ ยังเชื่อในสิ่งเหนือธรรมชาติ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอุปทานของจิตใจเราเท่านั้น

"...ลองดูซิว่ามันจะเป็นจริงหรือไม่......ยกยังไงมันก็ขึ้นอยู่แล้ว.....พวกที่แสร้งยกไม่ขึ้นเป็นพวกงมงายทั้งนั้น....."

ผมคิดอย่างนั้นจริง ๆ ผมจึงเดินไปที่วิหารหลังนั้น ซึ่งอยู่หน้าทางขึ้นพระพุทธบาท เมื่อเดินเข้าไปถึงหน้าประตู มีป้ายเขียนวิธีการเสี่ยงทายไว้ เมื่อผมอ่านเข้าใจแล้วก็เดินเข้าไปในวิหาร มีเจ้าหน้าที่หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ประจำหลังตู้กระจก มีดอกไม้ธูปเทียนวางไว้ ให้นำไปบูชาพระพุทธรูปในวิหาร แต่ผมยังไม่ทำบุญเพราะอยากลองของก่อน

"...เอาแบบนี้...ให้ผมลองยกเจ้าช้างทองเหลืองตัวนี้ก่อน ว่าน้ำหนักเท่าไหร่...หลังจากนั้นค่อยว่ากัน..." นี้่คือความคิด หรือข้อต่อรองกับเทวดาประจำวิหาร

ผมนั่งคุกเข่าใช้นิ้วก้อยซ้ายสอดเข้าที่ห่วงหลังช้าง แล้วก็ทำการยกเจ้าช้างน้อยตัวนั้นขึ้น

หนักเอาการ แต่ก็ยกขึ้นมาได้ประมาณเกือบหนึ่งนิ้วฟุต

"..ลองอธิษฐานมั่ว ๆ ดูสิ ว่าจะเป็นอย่างไร...." ผมคิดต่อ

เมื่ออธิษฐานเสร็จ ก็ทำเหมือนครั้งแรก คือ สอดนิ้วก้อยเข้าในห่วงหลังช้าง แล้วก็เตรียมยก ในใจคิดว่า "...ครั้งนี้ จะยกให้สูงกว่าเก่า เพราะรู้น้ำหนังของเจ้าช้างตัวนี้แล้ว...."

ผมใช้แรงสุดกำลังยกเจ้าช้างเสี่ยงทาย คิดว่าอย่างไรก็คงจะยกได้สูงกว่าครั้งแรก เพราะครั้งนี้เตรียมกำลังไว้เต็มที่...

อื๊บ....อื๊บ....เฮ้ย เกิดอะไรขึ้ัน มันไม่ยอมขึ้นจากที่เลย ผิดกับครั้งแรกที่ยกสุ่ม ๆ ก็ขึ้น

ลองใหม่ ทีนี้ตั้งใจให้ดี ออกแรงที่นิ้วเต็มที่ ...อื๊บ...อื๊บ.... ไม่ขยับแม้แต่น้อย เหมือนมันถูกตรึงติดกับพื้นห้องไว้ ชักไม่พอใจตัวเอง อยู่ดี ๆ ก็ยกไม่ขึ้น นิ้วเกือบหัก แรงก็ออกเต็มที่แล้ว

"...ลองใหม่ ทีนี้ดึงเข้าหาตัวแล้วออกแรงยกขึ้นอีกครั้ง ต้องขึ้นนะ...เมื่อกี่มันผิดพลาดนิดหน่อย..." ปลอบใจตัวเอง

มันอะไรกัน ดึงมาที่ตัวเรามันก็ไม่ขยับ ไม่เขยี่อนเลยแม้แต่นิดเดียว ก็ลองยกครั้งแรกมันก็ไม่หนักขนาดนี้นี่ ทำไม ทีนี้ยกอย่างไรมันก็ไม่ขยับเลย

"....เริ่มท้อใจ ...มีสุภาพสตรีรออยู่สองท่าน ต้องให้เขาลองก่อน...เราไหว้พระก่อนหลังจากเขายกแล้วค่อยมาลองใหม่.." ใจคิดอย่างนั้น

ผมเดินไปทำบุญ ซื้อดอกไม้ธูปเทียนจัดการไหว้พระ ระลึกถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ ปิดทองพระเรียบร้องแล้ว สุภาพสตรีทั้งสองก็เสี่ยงทานแล้ว ถึงเราลองอีกที

"...ทีนี้เอาใหม่ ลองดูใหม่ แต่เปลี่ยนวิธี.... เมื่อมันหนักนัก ...ก็ขอให้ยกขึ้นแบบขอนไม้เบา ๆ ดูสิ.....ถ้าศักดิ์สิทธิ์จริงก็ต้องยกได้ง่าย ๆ สิ..."

เมื่อคิดอย่างนี้แล้ว ก็อธิษฐานขออย่างเดียว และบอกว่า ถ้าได้อย่างที่ตั้งใจไว้ของให้ช้างตัวเบา ยกขึ้นได้สูงกว่ากำลังที่จะยกได้..."

เมื่ออธิษฐานเสร็จ ผมก็ทำการสอดนิ้วก้อยเข้าที่ห่วงยกแบบไม่ตั้งใจยก คิดว่ายังไงก็ยกไม่ขึ้น เพราะมันหนักมาก

แต่.....เจ้าช้างลอยขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ มันมีน้ำหนักเบากว่าที่ผมยกครั้งแรก มันสูงจากพื้นเกือบถึงเอว ผมไม่แน่ใจ ไม่ยอมปล่อยมันลง ยกขึ้น ลง อย่างนั้นอยู่สามสี่ครั้ง มันเบาจริง ๆ นิ้วก้อยแทบไม่รู้สึกว่ารับน้ำหนักอะไรเลย ผิดกับครั้งที่สองที่ยกไม่ขึ้น แถมนิ้วก้อยแทบหัก......นี่.....นี่.....

ผมทั้งปีติ ทั้งอัศจรรย์ใจอย่างบอกไม่ถูก....

ที่ผ่านมาผมเคยแต่ดูถูกพวกที่ชอบเสี่ยงทาย แล้วหลอกตัวเองว่ายกขึ้นบ้าง ยกไม่ขึ้นบ้าง เป็นพวกงมงาย เชื่อในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ พวกจิตอุปทาน

แต่เมื่อมาเจอกับตัวเอง .............!!!!!!!

วิหารหรือโบสก็ไม่ทราบได้ อยู่หน้าทางขึ้นบรรไดพระพุทธบาทสระบุรี

ไปลองกันเอาเองเถิดครับ ผมไม่ฟันธง แต่สำหรับที่นี้ ผมยอมครับ........

(รูปเจ้าช้างน้อยถ่ายมาแล้ว แต่ยังเอาออกจากมือถือไม่ได้ครับ ถ้าออกได้จะนำมาลง)

Create Date : 15 มีนาคม 2555		1 comments
Last Update : 15 มีนาคม 2555 19:17:47 น.
Counter : 4799 Pageviews.
Share Tweet