ค่ำคืนเดียวดาย เมามายใต้จันทร์เสี้ยว
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2548
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
22 ธันวาคม 2548
 
All Blogs
 
ศาสนบรรพต - เปรียะ วิเฮียร์







ปราสาทเขาพระวิหาร..สำหรับจุแล้ว ดูเหมือนคุ้นเคยในความไม่คุ้นเคยนั้น ( แม่จุขอจุ จากพระศรีศิขเรศวร ป้าจุก็ขอลูก (พี่ชายจุ) จาก พระศรีศิขเรศวร และล่าสุด พี่สาวจุ ก็ไปขอลูก จากศรีศิขเรศวร )

เขาพระวิหารอ่านตามภาษาเขมรว่า เปรี๊ยะ วิเฮียร์ Phrea vihear ตั้งอยู่บนหน้าผาของเทือกเขาพนมดงรัก หรือดงเร็ก, ดองแร็ก อยู่ในพื้นที่บ้านภูมิซร็อล ตำบลบึงมะลู อำเภอกันทรลักษณ์ จังหวัดศรีสะเกษ

ขณะที่วัยละอ่อนจุเคยเรียนอยู่ที่โรงเรียนวัดพระโต อ.เมือง จ.ศรีษะเกษ ก่อนจะระเห็จตามผู้ปกครองมาถึงเมืองกำแพงเพชร แต่ก็ยังกลับไปที่ศรีสะเกษ อยู่เสมอ แต่นั่นไม่ใช่ข้อได้เปรียบที่จุจะขึ้นเขาพระวิหารตามความฝันได้







กระทั่งปีที่แล้ว จะเรียกว่าผีชักจูงก็ไม่น่าใช่..เพราะเพื่อนชวนให้ไปเป็นเพื่อนระหว่างทำงานอีสาน ไล่ตั้งแต่โคราช – สารคาม –นครพนม -อุบล และ ศรีสะเกษ จุรีบโดดเกาะเอวไปด้วยเลย โอกาสอย่างนี้พลาดได้งัย เพราะหลังทำงาน เราก็จะได้เที่ยวได้

ก่อนจะขึ้นเขาพระวิหาร จุท้องเสียอย่างรุนแรงมาจากนครพนม รถที่วิ่งตามริมแม่น้ำโขง เพื่อเข้าสู่อุบลราชธานี ต้องจอดให้จุอาเจียนเป็นระยะ ๆ จากการเริ่มต้นอาเจียนมีเศษอาหาร กระทั่งอาเจียนครั้งสุดท้าย มีแต่น้ำสีเขียว แต่ก็ยังขยันอาเจียน ราวกับว่า มันสนุกดี ...ซะงั้น

สมมุติว่า พรุ่งนี้ จะขึ้นเขาพระวิหาร....คืนนี้ จุยังนอนและอาเจียนเป็นระยะที่เตียงในโรงแรมแห่งหนึ่งของอุบลราชธานี จุไม่ได้ไปหาหมอ ยาที่กินคือ ยาธาตุแก้ท้องเสีย คาร์มิเนตีฟ

จุมีความรู้สึกว่า... มีบางอย่าง กำลังจะขัดขวางไม่ให้จุขึ้นเขาพระวิหาร เพราะจุไม่ได้ทานอะไรผิดสำแดง กินเหมือนเพื่อน แต่เป็นอยู่คนเดียว ระหว่างที่เพื่อนออกไปทานข้าว ปล่อยจุไว้คนเดียวในห้อง กำลังเคลิ้มๆ เพราะอาเจียนจนเหนื่อย ก็ปรากฏว่า มีเด็กเล็กๆ ค่อยๆ เดินย่ำลงบนผ้าห่ม ไต่ขึ้น ไต่ลง จุหลับตาอ่อนเพลีย แล้วก็พูดลอยๆ ขึ้นว่า อย่าเล่น พี่เหนื่อย

ราวกับว่าทั้งห้องเงียบสนิท ทุกอย่างไม่เคลื่อนไหว แล้วเขาก็ไป อาการของจุก็เริ่มดีขึ้น เพื่อนซื้อนมมาให้ แล้วจุก็อาเจียนเป็นครั้งสุดท้าย








4 โมงเช้าขึ้นมาจุทานข้าวต้มประมาณ 2-3 ช้อน พร้อมโอวัลติน กินไม่ลง ได้แต่กินน้ำตลอดทางในระหว่างที่เราเดินทางขึ้นเขาพระวิหาร

จุถึงเขาพระวิหารด้วยอาหารอยู่ในท้องเพียงเท่านั้น ส่วนเพื่อนมันอิ่มหมีพีมันมาแล้ว ไปถึงชายแดนไทย ก็ต้องเดินเข้าไปอีก เพื่อนหันมาถามว่า ไหวมั้ย ฝันไปเถอะว่าจะให้ฉันอยู่ในรถ ก็เลยลากสังขารขึ้นไป เดินไปเรื่อยๆ เหมือนลอยๆ มือซ้ายถือยาดมเผื่อเหนียว จุเดินจนถึงเป้ยตาดีนะ เพราะต้องถ่ายรูปให้เพื่อนด้วย ไม่ได้รู้สึกหิว เพียงแต่เพลียเท่านั้น







เปรียะ วิเฮียร์ แห่งนี้ สันนิษฐาน ว่าอาจจะสร้างขึ้นใน พุทธศตวรรษที่ 16 สมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 โดยสถาปนาศรีศิขเรศวร อันหมายถึงที่ประทับของพระอิศวร ซึ่งเล่ากันว่า อัญเชิญมาจากวัดภู ประเทศลาว ( ปราสาทอีกแห่งหนึ่งที่อยากไป) ต่อมาได้ทำการก่อสร้างเพิ่มเติมอีกหลายรัชกาล

สมัยก่อนนั้น เขาพระวิหารอยู่ภายใต้การปกครองของประเทศไทย แต่เมื่อ พ.ศ. 2505 ศาลโลกได้พิพากษาตัดสินให้ เขาพระวิหารตกเป็นของประเทศกัมพูชา แม้ว่าด้านหน้าและทางขึ้นลงปราสาทอยู่ทางฝั่งประเทศไทย หากชาวเขมรต้องการขึ้นสู่เขาพระวิหารต้องอาศัยผ่านช่องเขาแคบๆ ที่สูงชันที่ชาวบ้านเรียกว่าช่องบันไดหัก ซึ่งไม่สะดวกและอันตรายมาก ส่วนสาเหตุที่เราแพ้นั้น อย่าไปพูดถึงเลย ไม่มีประโยชน์อันใด

จุดที่สูงที่สุดด้านใต้ของปราสาท เรียกว่า เป้ยตาดี มองลงไปจะเห็น เขตจังหวัดพระวิหาร ที่เรียกกันว่าเขมรต่ำ จากแผ่นดินเขมรมองขึ้นมาจะเห็นปราสาทเหมือน วิหารสวรรค์ ลอยอยู่บนฟากฟ้า เป็นความคิดของขอมโบราณ ที่ปัจจุบันเรียกว่า กุศโลบาย(มั้ง)






ขากลับลงมา ถึงจุดผ่านแดน มีน้ำอ้อยขายโดยทหาร ขอเบิ้ล 2 แบบว่า นู๋ขาดน้ำตาลมาก แล้วพวกเราก็เดินทางกลับ โดยที่จุไม่รุ้สึกหิวเลย กินลมจากเขาพระวิหารแบบอิ่มอกอิ่มใจ มื้อที่สองวันนั้น ซัดข้าวขนานใหญ่ที่นางรอง บุรีรัมภ์ ก่อนจะเข้าไปนอนที่โคราช ร่างกายเป็นปกติ ราวกับว่า ไม่เคยมีปัญหาใดๆ มาก่อน

กลับบ้านจุรื้อหนังสือปราสาทเขาพระวิหารมาดู มุมสูงที่เห็นการทอดยาวของปราสาท ยังนึกในใจเลยว่า ที่เราเดินไกลขนาดนั้นเลยหรือ (วะ)







อยากเล่าถึงภาพนี้...ด้านล่าง พิธีกวนเกษียณสมุทร ซึ่งถ้าไปเที่ยวปราสาทขอม เรื่องราวเหล่านี้ จะถูกสลักอยุ่ทั่วไป พิธีนี้ เป็นความร่วมมือ ร่วมใจ ระหว่างเทวดา กับยักษ์เป็นครั้งแรก เพื่อให้ได้ น้ำอมฤต แต่ เทวดา(ที่ทุกคนเห็นว่าดี) เจ้าเล่ห์ ให้ยักษ์ถือส่วนหัวของพญานาค พิษพญานาคก็พ่นใส่แต่ยักษ์ แล้วพอได้น้ำอมฤต แทนที่จะแบ่งกันกินตามสัญญา ไม่หรอก ฝ่ายเทวดา วางแผนจะไม่ให้กิน ก็ให้พวกนาวอัปสรที่ผุดขึ้นมาตอนกวนน้ำ นั่นแหละมายั่วยวน (ยกเว้นพระลักษมี เสร็จพระนารายณ์ ) ยักษ์ก็ช่างกระไร โง่ อีก ไม่ได้กินน้ำอมฤตอีก มีเพียงตัวเดียวที่ไม่หลงกลคือพระราหู แต่กินไปได้แค่ครึ่ง พระจันทร์เห็นเข้าก็เลยบอกพรรคพวก พระราหูเลยโดนฟันขาดครึ่งตัว แล้วก็โกรธแค้นพระจันทร์มาตั้งแต่นั้น....ตำนานเขาว่าอย่างนั้นนะคะ





แต่จุว่า เทวดาขี้โกงอ่ะ







Create Date : 22 ธันวาคม 2548
Last Update : 19 มิถุนายน 2551 16:54:56 น. 31 comments
Counter : 1161 Pageviews.

 
เห็นเค้าไปเที่ยวกันมาเยอะเลยอะ สวยดีจะคุณจุ แบบนี้คงเดินเพลินเลยนะ


โดย: อินทรีทองคำ วันที่: 22 ธันวาคม 2548 เวลา:10:38:59 น.  

 
อ้า...ศาสนบรรพต...ที่งดงามที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ครูของผม (ศาสตราจารย์ ดร.หม่อมราชวงศ์สุริยวุฒิ สุขสวัสดิ์) บอกว่า..เปรี๊ยะวิเฮียร์ คือ "เพชรยอดมงกุฎ" แห่งพนมดงรัก

นึกถึงเพลงของอินฌดจีน..(ถ้าผมจำไม่ผิดนะ)...เขาพระวิหาร..ทางขึ้นต้องผ่านด่านทางศรีสะเกษษ...

ภาพสวยมากครับ..

ผมเคยไปมาสองหน..ถ้าจะไปเที่ยวพระวิหาร ต้องไปหน้าหนาวครับ..สวยมากๆ เดินไม่เหน่อยด้วย

ภาพที่ถ่ายมา..สด ดีครับ คุณจุ


โดย: กุมภีน วันที่: 22 ธันวาคม 2548 เวลา:10:42:07 น.  

 
อาการดีขึ้นยังจ๊ะจุ น่าจะแวะไปหาหมอนะค่ะ
แป๋มชอบนางอัปสรนะค่ะ
แป๋มชอบเพลงอัปสราที่ อ.ดนู ฮันตรกูลแต่ง
ภาพสวยจังเลย ฟ้าสวยมากเลยค่ะ
แป๋มว่าตอนที่ขอมยังยิ่งใหญ่ประสาทหินเหล่านี้คงสวยงามนะค่ะ
แป๋มเคยอ่านนิยายที่ทมยันตีเขียนจำชื่อเรื่องไม่ได้ล่ะ
แต่เขียนว่าประสาทนครวัดสร้างจากความรักเศร้าดีค่ะ
แป๋มชอบอ่านตำนานแบบนี้อ่านแต่ไม่เคยจำเลยค่ะเอิ๊กๆๆ

ปล. แป๋มเคยอาเจียนจนเป็นน้ำเเขยวๆๆมันทรมาณมากๆๆค่ะ





โดย: หยิ๋งแป๋ม วันที่: 22 ธันวาคม 2548 เวลา:10:42:16 น.  

 
อ้อๆ..ขออนุญาต save รูปนะครับ..


โดย: กุมภีน วันที่: 22 ธันวาคม 2548 เวลา:10:45:40 น.  

 
เรื่อง สุรยวรรมันที่ 2 ค่ะ ป้าทม แต่ง

เนื้อเรื่องก็ไล่มาตั้งแต่ พิมาย พนมรุ้ง ขึ้นเขาพระวิหาร ไปจบลงที่นครวัด

จินตนาการใคร ก็จินตนาการมัน ค่ะ ของใครก็ของมัน

ป้าทม แกมี พรสวรรค์ที่เขียนได้น่าเชื่อถือ แต่นั่นนิยายค่ะ ผสมกับความคิดของป้าแก

แต่จุยอมรับนะ นิยายของป้า ใช้จ้อมูลประวัติศาสตร์เยอะมาก เยอะจนเกือบคล้อยตาม

แต่บางอย่างไม่มีหลักฐานรองรับนะคะ อ่านหนุกๆ ค่ะ


โดย: ju (กระจ้อน ) วันที่: 22 ธันวาคม 2548 เวลา:10:48:34 น.  

 
ภาพถ่า
ย....ท้องฟ้าสวยจังเลยค่ะ...


โดย: สเลเต วันที่: 22 ธันวาคม 2548 เวลา:11:10:01 น.  

 
แป๋มอ่านเจอเห็นว่าป้าทมยันตีไปนั่งมาธิ
เพื่อให้เกิดนิมิตด้วยนี่คะ
แป๋มชอบนิยายเรื่องนี้นะคะ สนุกมาก เรื่องดีไม่น่าเบื่อ
ข้อมูลแป๋มว่าเยอะนะไม่ว่าเรื่องใช้ช้างทำสงคราม
การใช้เสียงกลองแจ้วข่าว ส่งต่อข่าว
เรื่องความรัก สวยงามมากเลย
แป๋มเหมือนคนช่างฝันเลยอ่ะเอิ๊กๆๆๆ




โดย: หยิ๋งแป๋ม วันที่: 22 ธันวาคม 2548 เวลา:11:40:43 น.  

 
เช็คหลังไมค์ด้วยครับ..คุณจุ...


โดย: กุมภีน วันที่: 22 ธันวาคม 2548 เวลา:11:55:13 น.  

 
ภาพถ่ายท้องฟ้าสดใสดีจังค่ะ
ขอบคุณที่เอามาให้อ่านนะคะ


โดย: uggie* วันที่: 22 ธันวาคม 2548 เวลา:12:43:56 น.  

 
สวยมากเลยค่ะ เป็นอีกที่ที่อยากไปมาก


โดย: ธูปหอมเทียนสว่าง วันที่: 22 ธันวาคม 2548 เวลา:12:52:40 น.  

 
แอบตามมาเที่ยวด้วยค่ะ

สวยมากค่ะ


โดย: Sugar and spice วันที่: 22 ธันวาคม 2548 เวลา:16:19:57 น.  

 


โดย: โอน่าจอมซ่าส์ วันที่: 22 ธันวาคม 2548 เวลา:16:39:30 น.  

 
สวัสดีค่ะ จุ

จริงเหรอ? อินเดียนี่ร้อนตายเลยเหรอ อาการเป็นไงอ้ะ คือน้ำระเหยแห้งหมดตัวจนตายหรือว่าไงอะคะ?


อยากรู้ๆ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 22 ธันวาคม 2548 เวลา:17:02:49 น.  

 
ไม่เคยได้มีโอกาสไปเที่ยวที่นี่เลยนะคะ

ภาพสวยงามมากค่ะ


โดย: Batgirl 2001 วันที่: 22 ธันวาคม 2548 เวลา:17:09:42 น.  

 
เคยไปเขาพระวิหารเมื่อ2-3ปีก่อน
เป็นแรงบันดาลให้อยากไปนครวัดมากๆค่ะ
แต่ก็ยังไม่ได้ไปซะที...


โดย: แครอทเค้ก วันที่: 22 ธันวาคม 2548 เวลา:17:14:19 น.  

 
ภาพสวยจังเลยค่ะคุณจุ
สถานที่สวยงาม พอไปเที่ยวแล้วก็จิตใจเบิกบานเน๊อะ


โดย: ค้างคาวกินกล้วย IP: 84.154.202.20 วันที่: 22 ธันวาคม 2548 เวลา:17:34:44 น.  

 
ลืมอมยิ้ม อิ อิ


โดย: ค้างคาวกินกล้วย วันที่: 22 ธันวาคม 2548 เวลา:17:41:08 น.  

 
ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะคะ

ไม่เคยได้ยินข่าวมาก่อนเลย


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 22 ธันวาคม 2548 เวลา:18:16:06 น.  

 
รูปสวยมากๆ ฟ้าสวย มุมกล้องก็ ยอดเยี่ยมค่ะ
รักทุกปราสาทหิน ...รักหินทุกก้อน
ปีหน้าต้องไปให้ได้ค่ะ เขาพระวิหาร ...แล้วจะพกน้ำตาลหวานๆ ไปด้วยค่ะ


โดย: ประกายดาว วันที่: 22 ธันวาคม 2548 เวลา:18:18:52 น.  

 
อ่านแล้ว อยากไปเที่ยวนะคะ


โดย: rebel วันที่: 22 ธันวาคม 2548 เวลา:19:28:56 น.  

 
ยังไม่เคยไปเลยค่ะ สวยมาก ๆ น่าไปเที่ยวจัง


โดย: ซออู้ วันที่: 22 ธันวาคม 2548 เวลา:20:00:35 น.  

 
ตามมาดูภาพโบราณสถาน


โดย: ชายคา วันที่: 22 ธันวาคม 2548 เวลา:21:00:13 น.  

 
นี่ขนาดเพลีย ๆ ยังถ่ายภาพได้ขนาดนี้

เจ๋งจริง ๆ ค่ะ ภาพสวยจังเลย ชอบๆ


โดย: loveme_loveu วันที่: 22 ธันวาคม 2548 เวลา:22:50:30 น.  

 


โดย: ตี๋สีชมพู วันที่: 23 ธันวาคม 2548 เวลา:1:05:59 น.  

 


โดย: ไอดินและกลิ่นฝน วันที่: 23 ธันวาคม 2548 เวลา:2:00:44 น.  

 
Merry Christmas & Happy New Year ค่ะ คุณจุ
มีความสุขมากๆนะคะ




โดย: Black Tulip วันที่: 23 ธันวาคม 2548 เวลา:6:36:27 น.  

 
สุขสันต์วันคริสมาสต์นะคะจุ



โดย: หยิ๋งแป๋ม วันที่: 23 ธันวาคม 2548 เวลา:8:40:38 น.  

 
อ่า ไมคุณจุ อัพบล๊อคมะได้อะจ้ะ ก็เห็นบล๊อคปกติดีนินา หรือว่าหาโค้ด บีจี อยู่หรือเปล่าอะ จาได้หลังไมค์ไปให้อะนะ


โดย: อินทรีทองคำ วันที่: 23 ธันวาคม 2548 เวลา:9:01:51 น.  

 
ดีจ้าจุภาพสวยเพราะมันไม่เหมือนแป๋มใช่ไหมล่ะเอิ๊กๆๆ
แป๋มก็ว่ามันใช่ของแป๋มสักคนจริงๆๆด้วยอ่ะ
ที่รักๆๆกันอยู่ก็มีอยู่น้องชาย 2 คนนี่แหละ
จุวงเวียนไหนอ่ะ เพราะอุดรมีห้าแยกวนเวียนเยอะมาก
เดี๋ยวจะไปซุ่มคอยเอิ๊กๆๆ
ที่มองหาน่ะแป๋มก็มองนะจะคอจะหักแล้วค่ะเอิ๊กๆๆๆๆ


โดย: หยิ๋งแป๋ม วันที่: 23 ธันวาคม 2548 เวลา:10:16:57 น.  

 
บ้านเราอยู่ศรีสะเกษแท้ๆ แต่เราเคยได้ไปแค่ตีนสะพานเท่านั้นเพราะไม่มีใครพาขึ้นไป ตอนนั้นเด็กมากๆ จำได้ว่าตามพ่อแม่กับเพื่อนพ่อแม่ไปเที่ยวที่ไหนซักที่แถวๆนอกเมืองนี่แหละคะ แล้วผู้ใหญ่ก็พาแวะที่นี่แป๊บเดียว เห็นแค่บันไดหักๆ อยากขึ้นมากแต่ขึ้นไม่ได้เพราะพวกผู้ใหญ่เขาอยากไปตั้งวงกินเหล้ากันแล้ว จากวันนั้นถึงวันนี้ไม่ได้ไปอีกเลย จนเรื่องกับทางเขมรมันบูมขึ้นมาอีก ไม่รู้ทุกวันนี้ยังขึ้นได้รึเปล่า? อยากไปมากๆ เพราะชอบวัฒนธรรมขอมโบราณ เคยไปผาแต้มและทำพิธีบายศรีที่นั่นมาครั้งนึง ยังอยากไปอีกเลยคะ

ตอนเป็นนักเรียนประถม มัธยม เคยเป็นนางรำประจำโรงเรียนคะ แล้วได้รำอัปสราบ่อยๆ ชอบมาก ไม่รู้ทำไม? แต่ช่วง ม.ปลายก็ไม่ได้รำเพราะอ้วนเกิน แต่ก็ยังรักที่จะดูเรื่อยๆ แถมอวดเก่งชอบว่าคนนั้นคนนี้รำไม่ถูกใจอีก(ตัวเองก็ไม่ได้รำสวยอะไร)

ตอนนี้เรียนจบ ป.ตรี มา 2 ปีแล้ว เพิ่งจะกล้าอ่านสุริยวรรมัน ของทมยันตี (เพราะเคยอ่านคู่กรรมมาก่อน แล้วอินมากจนร้องไห้เป็นอาทิตย์ อย่างอื่นไม่เป็นอันทำ และยิ่งมีคนบอกว่านามปากกานี้เศร้าทุกเรื่อง เลยบอกตัวเองว่าถ้าใจไม่แน่จริงจะไม่ไปซื้องานของทมยันตีมาเก็บไว้เด็ดขาด แต่ก็นั่นแหละคะ จนได้! ยิ่งเรื่องนี้มองไว้ก่อนคู่กรรมนานมากแล้ว แต่เห็นภาษายากเกินปัญญาเราตอนนั้น เลยต้องวาง) ก่อนหน้านี้อ่านจันทรอุษาคเนย์ ของวรรณวรรธน์ ด้วย อยากอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับขอมอีก ไปพลิกๆดูในร้านหนังสือ บางเล่มแค่ประโยคแรกที่เปิดเจอกลางเล่มก็วางเลยเพราะรู้สึกว่ามันไม่ใช่ เสิร์ชในเนตเลยมาเจอเรื่อง อัปสรามนตรา ของคุณ มีคนๆหนึ่งเขาแนะนำไว้น่าสนใจ ว่าคุณได้แรงบันดาลใจมาจากนิมิตและสิ่งที่คุณนิมิตมีในประวัติศาสตร์ บางเรื่องไม่มีจารึกแต่คุณรู้ เลยต้องรีบไปหามาอ่านอย่างด่วน จำได้ว่าตอนเห็นตัวเล่มตกใจมาก ทำไมมันบางงี้...จะสะใจโจ๋ไหมเนี่ย? แต่ผลออกมาคุ้มค่าแก่การวนรถหาซื้อมากคะ ร้องไห้อีกแล้ว (ถือว่าเยี่ยมมากสำหรับนิยายเรื่องแรกคะ) เลยต้องมาทบทวนความรู้เรื่องอาณาจักรขอมโบราณอย่างจริงๆจังๆจากครั้งแรกที่เริ่มเมื่อประมาณ 2 ปีมานี้ตอนอ่านจันทรอุษาคเนย์ โอย...บรรยากาศอินจัดกลับมาอีกครั้ง อยากไปนครวัด นครธม (แต่ไม่รู้จะไปกับใคร...กำลังเก็บเงิน ว่าจะไปคนเดียวแล้ว เพราะคนรอบตัวไม่มีใครสนใจจะไปเลย) ตอนนี้รูปในคอมมีแต่ปราสาทที่ชาวบ้านไปมาแล้วถ่ายๆไว้ บางครั้งมองๆแล้วร้องห่มร้องไห้กับคอมฯ ไม่รู้จะร้องเอาอะไร ยิ่งได้มาอ่านความเห็นของนักประวัติศาสตร์ นักวิชาการหลายท่านว่า บรรพบุรุษที่สร้างปราสาทหินเหล่านั้น ที่เราเรียกว่า ขอม มีความเป็นไปได้สูงมากว่าเป็นคนไทยนี่เอง ไม่ใช่ชาวเขมรที่อยู่ในกัมพูชาปัจจุบัน ยิ่งรู้สึกภูมิใจยังไงบอกไม่ถูก เหมือนกับตัวเองก็รู้สึกมานานมากแล้วว่าบรรพบุรุษเราๆนี่แหละที่เป็นคนสร้าง ตอนเด็กๆเคยโกรธมากที่ได้อ่านได้รู้ว่าคนไทยไปก๊อปศิลปะเขามา ตอนนั้นก็ไม่มีความรู้อะไรแต่คิดแก้ตัวไปว่า ศิลปะวัฒนธรรมนี่มันก๊อปกันได้เหรอ? คนเราบ้านใกล้เรือนเคียงจะมีวัฒนธรรมเหมือนๆกัน มันแปลกเหรอ? มันต้องก๊อปเท่านั้นเหรอ? แล้วคำว่า "รับวัฒนธรรม" มันคืออะไร? ตอนนี้ได้มาศึกษาได้มาอ่าน รู้สึกดีใจมาก ว่าอย่างน้อย...เราก็เข้าใจ

เขียนซะยืดยาวเลย แต่อยากบอกว่า ขอบคุณมากคะที่เขียนงานเกี่ยวกับเรื่องที่เราอยากอ่าน งานของคุณทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งมีความสุขมากที่ได้รับรู้เรื่องราวของบรรพบุรุษ ถึงแม้ว่าบางตอนต้องแลกกับน้ำตาของผู้หญิงบ้าๆคนนี้เนื่องจากมันอินเกินเหตุ จนต้องปลอบตัวเองอย่างหนักเลยว่า "มันเป็นนิยายๆ เป็นเรื่องแต่ง" แต่มันก็ไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่คะ ร้องไห้เหมือนญาติเสีย เหมือนทุกครั้งที่ได้อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับขอมโบราณ

จะติดตามผลงานต่อไปคะ เป็นกำลังใจให้นะคะ


โดย: เจ้าช่อมาลี IP: 110.169.174.112 วันที่: 6 กรกฎาคม 2555 เวลา:5:23:08 น.  

 
คุณ "เจ้าช่อมาลี" ขอบคุณมากค่ะ ถ้ากลับมาอ่านที่นี่อีกครั้ง คุยกับจุได้ที่เฟสบุ๊ค "ธนุศร จุติ" หรือ จุติศร ได้เลยนะคะ เพราะจุไม่ค่อยได้เข้ามาในบล็อกแกงค์เลยค่ะ

ขอบคุณอีกครั้งนะคะ ปลื้มใจมากๆ ค่ะที่คุณชอบงานของจุ


โดย: กระจ้อน วันที่: 23 กรกฎาคม 2555 เวลา:17:13:01 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กระจ้อน
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




แล้ววันหนึ่ง....

เราจะมาพบกัน



เรื่องจริงที่ยังสงสัย บอกได้ชาตินี้เท่านั้น คลิ๊กที่นี่ค่ะ






อัปสรามนตรา คลิ๊กที่นี่ค่ะ


บล็อกที่แล้ว

"อะไรกันนักหนา"




Friends' blogs
[Add กระจ้อน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.