|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
อุจจาระตกค้าง
อุจจาระตกค้าง เนื่องมาจาก
1. เคี้ยวอาหารไม่ละเอียด 2. กินอาหารที่มีกากใยน้อย 3. มีพยาธิหรือเชื้อราทำให้ระบบย่อยอาหารผิดปกติ 4. ระบบดูดซึมเสียเพราะน้ำมันพืชเคลือบทำให้น้ำที่ดื่มเข้าไปไม่หมุนเวียน 5. ไม่ถ่ายอุจจาระเวลา 05:00-07:00 เช้า
หากถ่ายอุจจาระ หลังเวลา 7 โมงเช้า ลำไส้จะบีบให้อุจจาระขึ้นไปข้างบน
เวลาถ่าย จะถ่ายไม่หมด แต่ไม่รู้ตัว ที่ปลายลำไส้จะมีประสาทปลายทวาร เมื่อมีอุจจาระที่เหลวพอ มาจ่อปลายทวาร ประสาทจะส่งสัญญานบอกสมองให้ปวดอึ หลัง 7 โมงเช้า
ลำไส้จะทำงานไม่เป็นปกติ บีบอุจจาระให้ขาดช่วง เวลาถ่ายจนรู้สึกว่าหมดแล้ว เราก็หยุด แต่ความจริงอุจจาระท้ายขบวนยังไม่ออก
มันถูกดันกลับขึ้นไป ไม่มาจ่อปลายทวารทำให้เราไม่ปวดอึ
เราก็นึกว่าหมดแล้ว อุจจาระที่ค้างไว้นี้ก็จะเกาะที่ผนังลำไส้ พอมีอุจจาระใหม่ที่เหลวกว่า มันก็แซงหน้าไปก่อน
แต่มันไม่สามารถดันพวกที่ค้างแข็งให้ออกไปได้ พวกที่ค้างแข็งไว้ก็เกาะติดแน่น
ฉะนั้น ทุกวันที่ถ่าย มันก็ถ่ายเฉพาะอึที่เหลวพอ ส่วนที่เหลือก็เกาะไปเรื่อย ๆ อุจจาระตกค้างจะไปทับเส้นเลือดต่าง ๆ ในกระเพาะและกดทับกระดูกหลัง
ทำให้เกิดอาการมากมาย เช่น ท้องอืด ปวดหลัง ปวดขา ปวดกล้ามเนื้อที่ไหล่และสะบัก เวียนหัว อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ เป็นฝ้า ไมเกรน และ อื่น ๆ
คุณหมอพรทิพย์เขียนไว้ว่า เวลาผ่าศพจะเจออุจจาระตกค้างในลำไส้อย่างน่าตกใจ
บางศพมีน้ำหนักอุจจาระถึง 10 กิโล การนำอุจจาระตกค้างออกจึงจำเป็นต้องสาเหตุ ว่าเป็นที่สาเหตุใดใน 5 สาเหตุข้างต้น
แต่ถ้าสามารถได้รับการตรวจด้วยลูกดิ่งเพนดูลั่มก็จะรู้ได้ สำหรับท่านที่ไม่สะดวกในการเดินทางมาให้ตรวจ
ก็แนะนำให้ถ่ายพยาธิเสียก่อน แล้วลองสูตรอาหาร ดังต่อไปนี้
1. เม็ดแมงลัก 2 ช้อนชา ผสมน้ำ 1 แก้ว ทิ้งไว้ 30 นาที ดื่มก่อนนอน เม็ดแมงลักจะลากอุจจาระตกค้างออกมา ทานเป็นปกติได้ทุกวัน หรือ3 - 4วันต่อสัปดาห์ แล้วแต่จะชอบ
2. นมสด 2 กล่อง (รวมจะได้ประมาณ 500 มิลลิตร) และกล้วยน้ำว้า 2 ลูก ทานก่อน 6 โมงเช้า ช่วงแรกควรทานติดกัน 3 วัน หากถ่ายก่อน 7 โมงเช้าเป็นปกติได้แล้ว ก็ลดมาเป็นสัปดาห์ละ 2 ครั้ง หรือตามที่เห็นสมควร
3. ทานผักบุ้ง 2 กำมือ ผัดหรือต้ม ทำอาหารตามใจชอบ ผักบุ้งจะลากอุจจาระตกค้างออกมา สำหรับผู้ที่สงสัยว่าระบบดูดซึมเสีย ให้ดูสูตรชามะละกอ
สูตรชามะละกอ
มะละกอดิบไม่อ่อนเกินไป 1 ลูก ชาเขียว หรือชาจีน หรือชาใบหม่อน อย่างใดอย่างหนึ่ง เพิ่มดอกเก๊กฮวย หรือใบเตย หรือรากเตยลงไปด้วยก็ได้ เพราะดอกเก๊กฮวย ใบเตยจะบำรุงหัวใจ รากเตยก็ช่วยฟื้นฟูตับอ่อน ให้มีกำลังถ้าไม่มีก็ไม่ต้องใส่
วิธีทำ 1. ปอกเปลือกมะละกอล้างน้ำให้สะอาด แล้วหั่นแบบชิ้นฟัก ไม่ถึงครึ่งลูก 2. นำมะละกอที่หั่นใส่หม้อ แล้วเติมน้ำ 3 - 4 ลิตร ตั้งไฟ จะเติมดอกเก๊กฮวย หรือใบเตย หรือรากเตย ก็ใส่ไประหว่างนี้
3. เมื่อน้ำเดือดสักพักหนึ่งยกหม้อลง ตักมะละกอ และดอกเก๊กฮวยออก ให้เหลือแต่น้ำ
4. นำน้ำนั้นไปชงชา ใส่ใบชาประมาณครึ่งกำมือ การแช่ชานั้นไม่ควรเกิน 5 นาที
5. กรองเอากากชาทิ้งไป ทิ้งไว้ให้เย็นดื่มได้ทันที หรือบรรจุขวดเก็บไว้ในตู้เย็นได้ประมาณ 3 วัน
สารของมะละกอจะเกิดการถักทอกับสารของใบชา ทำให้ช่วยย่อยไขมันและล้างไขมันออกจากผนังลำไส้ ควรดื่มเพื่อล้างเป็นประจำ ดื่มแทนน้ำอัดลมได้
ถ้าไม่ล้างลำไส้ ก็เปรียบเหมือนกินข้าวไม่ล้างจาน แล้วใช้จานใบเก่าที่ไม่ล้าง เอามาใส่ข้าวกินใหม่
เมื่อล้างลำไส้แล้ว ก็ควรกินอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อไปบำรุงร่างกายด้วย ถ้าหลีกเลี่ยงอาหารผัดน้ำมันไม่ค่อยได้ ก็กินเท่าที่จำเป็น คือ กินให้น้อยลง แล้วกินชามะละกอไปล้างลำไส้ทุกวัน เมื่อมีเวลาว่าง
ที่มา (หนังสือชื่อ กินเป็นลืมป่วย โดย อ. สุทธิวัสส์ คำภา)
.
| | | | .
เมื่อเช้าได้รับเมล์จากเพื่อนคนหนึ่ง จั่วหัวมาบอกว่าลองอ่านดูนะ มีประโยชน์มาก ข้าพเจ้าก็เลยเปิดอ่าน อ่านไปอ่านมา วาย วาย วาย นั่นแหระคือปัญหา ที่ข้าพเจ้าประสบอยู่ในตอนนี้
อ่านแล้วอ่านอีก กลัวว่าตัวเองจะลืม ก็เลยเก็บข้อมูลมาแปะไว้ที่นี่
ข้อมูลที่ได้รับมายังไม่สมบูรณ์นัก ทิ้งท้ายไว้ที่เรื่อง สูตรชามะละกอ ข้าพเจ้าก็เลยเข้า google หาข้อมูลเพิ่ม
อืม
เห็นว่าเป็นเรื่องเดียวกันก็เลยจัดมาใส่ไว้ด้วยกันซะเลย น่าจะดีและมีประโยชน์
ขออนุโมทนาบุญกับผู้ให้ข้อมูลด้วยนะคะ .:*´ ขอบคุณมากค่ะ `*:.
. | | | | |
Create Date : 24 สิงหาคม 2552 |
|
0 comments |
Last Update : 11 มีนาคม 2553 9:39:29 น. |
Counter : 640 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|