Group Blog
 
 
สิงหาคม 2552
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
24 สิงหาคม 2552
 
All Blogs
 

อุจจาระตกค้าง

อุจจาระตกค้าง เนื่องมาจาก

1. เคี้ยวอาหารไม่ละเอียด
2. กินอาหารที่มีกากใยน้อย
3. มีพยาธิหรือเชื้อราทำให้ระบบย่อยอาหารผิดปกติ
4. ระบบดูดซึมเสียเพราะน้ำมันพืชเคลือบทำให้น้ำที่ดื่มเข้าไปไม่หมุนเวียน
5. ไม่ถ่ายอุจจาระเวลา 05:00-07:00 เช้า

หากถ่ายอุจจาระ หลังเวลา 7 โมงเช้า
ลำไส้จะบีบให้อุจจาระขึ้นไปข้างบน

เวลาถ่าย จะถ่ายไม่หมด
แต่ไม่รู้ตัว ที่ปลายลำไส้จะมีประสาทปลายทวาร

เมื่อมีอุจจาระที่เหลวพอ มาจ่อปลายทวาร
ประสาทจะส่งสัญญานบอกสมองให้ปวดอึ หลัง 7 โมงเช้า

ลำไส้จะทำงานไม่เป็นปกติ
บีบอุจจาระให้ขาดช่วง เวลาถ่ายจนรู้สึกว่าหมดแล้ว เราก็หยุด
แต่ความจริงอุจจาระท้ายขบวนยังไม่ออก

มันถูกดันกลับขึ้นไป
ไม่มาจ่อปลายทวารทำให้เราไม่ปวดอึ

เราก็นึกว่าหมดแล้ว
อุจจาระที่ค้างไว้นี้ก็จะเกาะที่ผนังลำไส้
พอมีอุจจาระใหม่ที่เหลวกว่า มันก็แซงหน้าไปก่อน

แต่มันไม่สามารถดันพวกที่ค้างแข็งให้ออกไปได้
พวกที่ค้างแข็งไว้ก็เกาะติดแน่น

ฉะนั้น ทุกวันที่ถ่าย
มันก็ถ่ายเฉพาะอึที่เหลวพอ ส่วนที่เหลือก็เกาะไปเรื่อย ๆ
อุจจาระตกค้างจะไปทับเส้นเลือดต่าง ๆ
ในกระเพาะและกดทับกระดูกหลัง

ทำให้เกิดอาการมากมาย เช่น
ท้องอืด ปวดหลัง ปวดขา ปวดกล้ามเนื้อที่ไหล่และสะบัก เวียนหัว
อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ เป็นฝ้า ไมเกรน และ อื่น ๆ

คุณหมอพรทิพย์เขียนไว้ว่า
เวลาผ่าศพจะเจออุจจาระตกค้างในลำไส้อย่างน่าตกใจ

บางศพมีน้ำหนักอุจจาระถึง 10 กิโล
การนำอุจจาระตกค้างออกจึงจำเป็นต้องสาเหตุ
ว่าเป็นที่สาเหตุใดใน 5 สาเหตุข้างต้น

แต่ถ้าสามารถได้รับการตรวจด้วยลูกดิ่งเพนดูลั่มก็จะรู้ได้
สำหรับท่านที่ไม่สะดวกในการเดินทางมาให้ตรวจ

ก็แนะนำให้ถ่ายพยาธิเสียก่อน
แล้วลองสูตรอาหาร
ดังต่อไปนี้

1. เม็ดแมงลัก 2 ช้อนชา ผสมน้ำ 1 แก้ว
ทิ้งไว้ 30 นาที ดื่มก่อนนอน เม็ดแมงลักจะลากอุจจาระตกค้างออกมา
ทานเป็นปกติได้ทุกวัน หรือ3 - 4วันต่อสัปดาห์ แล้วแต่จะชอบ

2. นมสด 2 กล่อง (รวมจะได้ประมาณ 500 มิลลิตร) และกล้วยน้ำว้า 2 ลูก
ทานก่อน 6 โมงเช้า ช่วงแรกควรทานติดกัน 3 วัน
หากถ่ายก่อน 7 โมงเช้าเป็นปกติได้แล้ว
ก็ลดมาเป็นสัปดาห์ละ 2 ครั้ง
หรือตามที่เห็นสมควร

3. ทานผักบุ้ง 2 กำมือ ผัดหรือต้ม ทำอาหารตามใจชอบ
ผักบุ้งจะลากอุจจาระตกค้างออกมา สำหรับผู้ที่สงสัยว่าระบบดูดซึมเสีย
ให้ดูสูตรชามะละกอ

สูตรชามะละกอ

มะละกอดิบไม่อ่อนเกินไป 1 ลูก
ชาเขียว หรือชาจีน หรือชาใบหม่อน อย่างใดอย่างหนึ่ง
เพิ่มดอกเก๊กฮวย หรือใบเตย หรือรากเตยลงไปด้วยก็ได้
เพราะดอกเก๊กฮวย ใบเตยจะบำรุงหัวใจ รากเตยก็ช่วยฟื้นฟูตับอ่อน
ให้มีกำลังถ้าไม่มีก็ไม่ต้องใส่

วิธีทำ
1. ปอกเปลือกมะละกอล้างน้ำให้สะอาด
แล้วหั่นแบบชิ้นฟัก ไม่ถึงครึ่งลูก

2. นำมะละกอที่หั่นใส่หม้อ แล้วเติมน้ำ 3 - 4 ลิตร ตั้งไฟ
จะเติมดอกเก๊กฮวย หรือใบเตย หรือรากเตย ก็ใส่ไประหว่างนี้

3. เมื่อน้ำเดือดสักพักหนึ่งยกหม้อลง ตักมะละกอ
และดอกเก๊กฮวยออก ให้เหลือแต่น้ำ

4. นำน้ำนั้นไปชงชา ใส่ใบชาประมาณครึ่งกำมือ
การแช่ชานั้นไม่ควรเกิน 5 นาที

5. กรองเอากากชาทิ้งไป ทิ้งไว้ให้เย็นดื่มได้ทันที
หรือบรรจุขวดเก็บไว้ในตู้เย็นได้ประมาณ 3 วัน

สารของมะละกอจะเกิดการถักทอกับสารของใบชา
ทำให้ช่วยย่อยไขมันและล้างไขมันออกจากผนังลำไส้
ควรดื่มเพื่อล้างเป็นประจำ ดื่มแทนน้ำอัดลมได้

ถ้าไม่ล้างลำไส้
ก็เปรียบเหมือนกินข้าวไม่ล้างจาน
แล้วใช้จานใบเก่าที่ไม่ล้าง เอามาใส่ข้าวกินใหม่

เมื่อล้างลำไส้แล้ว ก็ควรกินอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อไปบำรุงร่างกายด้วย
ถ้าหลีกเลี่ยงอาหารผัดน้ำมันไม่ค่อยได้ ก็กินเท่าที่จำเป็น คือ
กินให้น้อยลง แล้วกินชามะละกอไปล้างลำไส้ทุกวัน
เมื่อมีเวลาว่าง

ที่มา (หนังสือชื่อ กินเป็นลืมป่วย โดย อ. สุทธิวัสส์ คำภา)

.

dymllozocat
.

เมื่อเช้าได้รับเมล์จากเพื่อนคนหนึ่ง
จั่วหัวมาบอกว่าลองอ่านดูนะ มีประโยชน์มาก ข้าพเจ้าก็เลยเปิดอ่าน
อ่านไปอ่านมา วาย วาย วาย นั่นแหระคือปัญหา
ที่ข้าพเจ้าประสบอยู่ในตอนนี้

อ่านแล้วอ่านอีก กลัวว่าตัวเองจะลืม
ก็เลยเก็บข้อมูลมาแปะไว้ที่นี่

ข้อมูลที่ได้รับมายังไม่สมบูรณ์นัก
ทิ้งท้ายไว้ที่เรื่อง สูตรชามะละกอ
ข้าพเจ้าก็เลยเข้า google
หาข้อมูลเพิ่ม

อืม

เห็นว่าเป็นเรื่องเดียวกันก็เลยจัดมาใส่ไว้ด้วยกันซะเลย
น่าจะดีและมีประโยชน์

ขออนุโมทนาบุญกับผู้ให้ข้อมูลด้วยนะคะ
.•:*´ ขอบคุณมากค่ะ `*:•.

.
lozocatlozocat




 

Create Date : 24 สิงหาคม 2552
0 comments
Last Update : 11 มีนาคม 2553 9:39:29 น.
Counter : 640 Pageviews.


หม๋องแหม๋ง
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




: Users Online
Friends' blogs
[Add หม๋องแหม๋ง's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.