พฤษภาคม 2553

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
คุยเรื่องรถเมล์เมืองหลวง ตามประสาคนบ้านนอกกัน
บอกไว้ก่อนนะครับ นี่เป็นไดอารี่เล็กๆ เหมาะสำหรับชาวเขาชาวเราที่ไม่ค่อยได้เข้ามาเดินตุปัดตุเป๋เมืองหลวงบ่อยนัก รึเรียกง่ายๆก็ พวกเราคนบ้านเดียวกัน คนต่างจังหวัด คนชนบท คนบ้านนอก รึชาวป่าชาวเขา อะไรก็ว่ากันไปครับ ก็เลยจะขยายความเรื่องรถเมล์เมืองหลวงให้ได้ดูได้ฟังกัน

หลังจากที่ต้องทนนั่งรถเมล์มากว่า 6 เดือนถึงตอนนี้ ก็ได้ฤกษ์หยุดใช้บริการชั่วคราวซะทีครับ ^^' สาเหตุเหรอ เพราะว่าตอนนี้สามารถจดจำ ศึกษาเส้นทางการจราจร ทางหนีทีไล่ มารยาทในการขับรถของคนเมืองหลวง(ไม่รู้ว่าเรียกมารยาทรึปล่าว อิอิ)
แอบดูลักษณะนิสัยของพี่ๆจราจรสุดหล่อที่คอยโบกรถให้ชาวเมืองหลวงทุกเมื่อเชื่อวัน (แต่ไหงไม่ค่อยมีคนชอบก็ไม่รู้นะ??) แอบงงเหมือนกัน ทั้งที่พวกเค้าคอยบริการคนเมืองหลวงตลอดชั่วโมงเร่งด่วน ถ้าไม่มีพวกเค้าเราแย่นะ !!! ข้อนี้ผมค่อนข้างไปทางพี่ๆจราจรแฮะ (อาจเป็นเพราะว่าโดนจับแล้วไม่เสียค่าปรับก็ได้นิ) แต่คงไม่ช้าไม่นานหรอกครับ ใบสั่งจากการฝ่าไฟแดงแถวแยกปิ่นเกล้าโดยจราจรหญิงเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง จากการจับได้โดยกล้องวงจรปิดแถวนั้น ซึ่งบันทึกได้ละเมียดมาก รู้แม้กระทั่งว่าเราเลยไฟแดงไปกี่วินาที อยู่ระหว่างไฟเหลืองรึปล่าว ป้ายทะเบียนที่ชัดแจ๋ว พร้อมหน้าตาแบบคนขับแบบเหวอสุดขีด เพราะจะเบรกก็ไม่ทัน จะขับไปก็รู้ว่าโดนค่อนข้างแน่ แต่ถ้าเบรกตอนนั้นมีสิทธิ์โดนคันหลังกระแทกตูดเอาได้ ตัวนี้ต้องอาศัยการตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยว เด็ดขาด ค่อนข้างชำนาญพอสมควร (ซึ่งตอนนี้กระผมคงเปรียบเหมือนแม่บ้านลูกสามที่เพิ่งสอบใบขับขี่ได้น่ะ ^^" )
ข้อควรระวังอีกอย่างของคนมีกิ๊ก พ่อบ้านริอาจมีเมียน้อย คืออย่าให้กิ๊กรึเมียน้อยใช้รถเราเด็ดขาด และเวลาพากิ๊กรึเมียน้อยไปใหน พึงควรระวังเรื่องการฝ่าไฟแดงไว้ด้วยเพราะเกือบทุกแยกในเมืองหลวงขณะนี้มีกล้องติดตามดูพฤติกรรมตลอด เพราะแค่คุณฝ่าไฟแดงครั้งเดียว พอใบสั่งไปถึงบ้าน หัวคุณๆท่านๆอาจจะโดนฝ่าเป็นสีแดงก็ได้ หุหุ

เอาเป็นว่ามาคุยเรื่องเกร็ดเล็กๆน้อยๆ และสังคมในรถเมล์เมืองหลวงกันดีกว่าครับ
คงต้องเริ่มจากชั่วโมงการเดินทางก่อนละกัน การเดินทางของผมจากบ้านไปถึงสำนักงาน ประมาณ 1.30-2 ชั่วโมงครับในระยะทางแค่ 20 กม เป๊ะ!!!
เดินทางไปกลับก็ประมาณ 3-4.30 ชั่วโมง
คิดเล่นๆนะครับ เวลาขนาดนี้กินเวลาการใช้ชีวิตเราไปเยอะนะประมาณว่า 4 ชม /วัน เดือนนึง 20 วัน ผมต้องเสียเวลาไปกับการนั่งรถไปถึง 3.33 วัน ปีนึงต้องเสียเวลาไปถึง 40 วัน และที่สำคัญผมต้องมาจับเจ่า อยู่ในเมืองหลวงอีก 4 ปี ดังนั้นผมต้องเสียเวลานั่งอยู่บนรถเมล์ไปทั้งสิ้น 160 วัน รึประมาณ 5 เดือน !!!!!!
คิดแล้วใจหายล่วงหน้า อิอิ
สำหรับรถเมล์ที่ผ่านหน้าปากซอยบ้านผมก็มีอยู่ 3 สี คือ สี แดง เหลือง น้ำเงิน !! ไม่ๆๆเปลี่ยนดีกว่า
มีสีเหลือง สีฟ้า สีส้ม สำหรับสายไปอนุสาวรีย์โดยเฉพาะ แบ่งเป็นชนชั้นเอ๊ย ไม่ใช่ครับ แบ่งเป็นราคาตามคุณภาพดังนี้
1. สีฟ้า สำหรับคนที่ไม่ชอบอากาศเย็น ชอบลมพัดประทะใบหน้า ชอบกลิ่นของควันรถ ที่นั่งเยอะแยะ มักไม่ค่อยได้ยืนยาว เพราะส่วนใหญ่จะขึ้นลงกันป้ายใกล้ๆ แป้บๆ ก็ได้นั่งละ รึเป็นพวกที่ไม่ค่อยอยากกลับบ้านเร็ว ที่สำคัญชอบประหยัดครับ เพราะราคาแค่ 8 บาทตลอดสายในปี 2553 นะ อิอิ (ต้องบอกไว้ก่อนนะ เพราะว่าตอนนี้แนวโน้มเศรษฐกิจบ้านเราไม่ค่อยดี ทั้งการเมืองก็ง่อนแง่น บางประเทศก็เจ๊งบ๊งไปละเช่น กรีซ ) อีกอย่างเจ๊เกียวแกก้อร่ำๆจะขึ้นค่ารถให้ได้ เอ รึขึ้นไปก่อนละนะ??
สำหรับสีฟ้านี่เหมาะกับคนบ้านนอกอย่างกระผมมาก เพราะว่าพี่โชเฟอร์ขับไม่เร็วเท่าไหร่ สามารถแจ้งกระเป๋ารถเมล์ได้ว่าจะลงตรงใหน ความปลอดภัยก็ดีกว่าสีแดง ไม่ค่อยขับกระชากเกียร์เท่าไหร่ การรับผู้โดยสารก็ดีกว่า ที่สำคัญ ร้อนหน่อยแต่มีโอกาศได้นั่งมากกว่าสีอื่น รู้มั้ยครับว่าการยืนบนรถเมล์นิ่งๆ ครั้งละชั่วโมง สองชั่วโมงมันทรมานขนาดใหน ยิ่งช่วงรถติดแล้วเบียดๆกันนี่ แทบขยับเปลี่ยนอิริยาบทแทบไม่ได้ อาการตอนมาโหนรถเมล์ใหม่ๆนี่ พอยืนได้ซัก 10 นาที เราจะเริ่มปวดน่อง ปวดข้อเท้าเพราะต้องเกร็งทั้งส่วนล่างตอนรถเมล์เบรก ปวดมือ ปวดแขน ปวดขา
ผ่านไป 30 นาที อาการขาสั่นเริ่มมาละ อาการปวดเริ่มลุกลามมาที่บั้นเอว หัวไหล่
ผ่านไป 1 ชั่วโมง ให้ตายเหอะ !!! มันเหมือนโดนทรมานแบบไม่มีวันสิ้นสุด เหลียวมองออกไปนอกหน้าต่าง โห เพิ่งผ่านมาสองบล๊อกยังไม่ถึงกิโลด้วยซ้ำ !!!!!
แต่ในความโชคร้ายของผู้ชายที่อาศัยอยู่ในเมืองหลวง มันก็มีโชคดีปนมาอยู่บ้างนิดหน่อย ดังวลีที่ว่า ในความมืดมิดของราตรียามใกล้รุ่งสาง ก็ยังพอจะมีแสงของดาวเหนือส่องนำทางอยู่บ้าง ^^
บ่อยๆครั้งที่รถเมล ปอพ วิ่งผ่านหน้าสถานศึกษาระดับมหาลัยชื่อดัง ก็จะมีนักศึกษาสวยๆขึ้นมาพร้อมกลิ่นบําบัดความเครียด อโรม่าเทอร์ราพี. อโรม่าเทอร์ราพี.อะไรน่ะเหรอ !! มันก็คือน้ำหอมกลิ่นอ่อนๆ ผสมกับพีโรโมนของสาววัยเจริญพันธุ์ ลอยมาปะปนกับสายลมเย็นๆของช่องแอร์ที่ปล่อยออกมาแบบเต็มพิกัด ช่วยผ่อนคลายอารมณ์หงุดหงิด อาการปวดน่องซึ่งเริ่มลุกลามมาถึงต้นขา ข้อมือที่จับอยู่ที่ราวที่มันเริ่มชาเพราะเลือดชักจะไม่ไหลขึ้นไปหล่อเลี้ยง ซึ่งข้อนี้ก็พอจะเป็นข้อดีอยู่บ้างกับการใช้ชีวิตที่ไร้สาระบนรถเมล์ เอ้อ แต่ผมก็ไม่คิดลุกลามไปแบบคนโรคจิตที่แสดงอาการหื่นอย่างเห็นได้ชัดแบบพี่แว่นในหนังเรื่อง เมล์นรกหมวยยกล้อนะครับท่าน อย่าเพิ่งรีบเข้าใจผิดไป อิอิ แต่มันก็มีไม่บ่อยหรอกครับเรื่องโชคดีแบบนั้น
แต่ก้อนะ ยังมีเรื่องโชคดีกว่านั้นอีกนะ แต่ อาจจะเป็นโชคร้ายขอนักศึกษาสาวสวยคนนั้นก็ได้ อิอิ
เรื่องมีอยู่ว่า ในตอนสายของเทศกาลบอลโลก 2010 ซึ่งเราก็งัวเงียจากการที่รอเชียร์ทีมโปรดคือ ญี่ปุ่น กับ ปารากวัยที่ โดยทีมของน้องอาโออิ แพ้ดวลจุดโทษไป 5-3 ซึ่งเล่นกันได้มันส์หยด ติ๋งๆ ชนิดที่ทีมอังกฤษยังต้องอายถึงขนาดต้องตีตั๋วกลับก่อนเวลาอันควร อิอิ
จากมุมมองผม ผมว่าญี่ปุ่นชุดนี้เล่นได้สุดยอดจริงๆ โดยเฉพาะทีมเวอร์ค การต่อบอลสั้น การเลี้ยงบอลในมุมอับ การเก็บบอลแดนกลาง การช่วยสกัดหน้าประตู แต่เสียอย่างเดียวโชคร้ายในการทำประตูไปหน่อย แถมยังยิงจุดโทษโดนคานเซฟอีกด้วย และในเวลาก็โดนคานเซฟไปลูกนึง ไม่งั้นตอนนี้ แฟนๆสาวๆทีมญี่ปุ่นคงได้เช่าโรงแรมที่แอฟริกาใต้เพิ่มอีกหลายวันแน่ๆ

เแถมด้วยคู่ดึก ศึกแห่งศักดิ์ศรีของสองทีมจากคาบสมุทรไอบีเรีย อืม ยังมีอีกทีมนึงที่รอทำสงครามลูกหนังศึกแห่งศักดิ์ศรีจากทีมร่วมคาบสมุทรนั่นก็คือ อันเดอร์ร่า แต่ นะ เป็นเนื้อสมันตากแห้งผสมหมูหวานทุบซะเหลือเกินทีมนี้
ส่วนผลน่ะเหรอ โปรตุเกสแพ้ไปตามความคาดหมายของเซียนอยู่รูหลายๆคน โดย ดาวิด บิย่ากดให้1-0 ในนาทีหกสิบกว่าๆนี่แหละถ้าจำไม่ผิดนะ ก็สมใจแฟนอาร์เซนอลอย่างกระผม ที่แอบเชียร์เจ้าเชส ฟราเบกัส ที่มีชื่ออยู่ในทีมชุดนี้ด้วยแหละ ว่าก้อว่า พูดตรงๆ ถ้าไม่มีเชส อยู่ในทีมชุดนี้ ผมคงไม่เชียร์นะเสปนชุดนี้ เพราะหมั่นใส้ บาร์ซ่ากะรีลมาดริด
อยู่ๆก็ง่วงซะงั๊น เฮ้อ อืม

อืม ฝากบอกทุกๆคนที่มีรถส่วนตัวใช้งานนะครับ ว่า.................
....... อย่าไปหงุดหงิดเวลารถเมล์ปาดหน้า
.........อย่าไปหงุดหงิดเวลาเค้าบีบแตรไล่
..........อย่าไปหงุดหงิดเวลาเค้าวิ่งเลนขวาเพื่อจะลัดคิวไฟแดง
ถ้าเค้าจะเบียดเข้าเลนก็ให้เค้าเข้าไปเหอะ ขอให้นึกสงสารพวกเพื่อนร่วมโลกที่ยืนแออัดเบียดเสียดกันในกระป๋องเคลื่อนที่ นะครับ



ไปถ่ายรูปบรรยากาศตอนเช้าๆในรถเมล์สีฟ้ามาละ



Create Date : 06 พฤษภาคม 2553
Last Update : 17 กันยายน 2553 22:21:57 น.
Counter : 920 Pageviews.

2 comments
  

โดย: tongsehow วันที่: 9 พฤษภาคม 2553 เวลา:11:22:52 น.
  
น่าสนใจดีเนาะ
โดย: ใบตอง IP: 58.9.99.144 วันที่: 17 พฤษภาคม 2553 เวลา:19:06:53 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Good will hunting
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



ร้อยพันคนที่เดินผ่านกันทุกๆวัน ไหงไม่รู้จักกันนะ แม้จะยืนรอรถเมล์ด้วยกันทู้กเมื่อเชื่อวัน นั่งรถตู้คันเดียวกันทู้กวัน อยู่หมู่บ้านเดียวกัน บ้านตรงข้ามกัน อยากให้คนไทยสนิทกันเหมือนสมัยรุ่นย่าตาทวดเราเนาะ