|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
The Prestige
ช่วงนี้เปิดเทอมแล้วก็ต้องยุ่งวุ่นวายเป็นธรรมดาครับ วันนี้ก็เลยไปดูหนังมาเรื่องนึง (...ไหงงั้นวะ?) The Prestige นี่ก็เข้าโรงบ้านเรามาได้หลายสัปดาห์แล้วล่ะ ตอนแรกกะจะไปดู Casino Royale กันครับแต่เผอิญมีเพื่อนคนนึงมันดูแล้วก็เลยต้องเปลี่ยนมาเป็นเรื่องนี้แทนครับ ก็เห็นว่าเสียงตอบรับค่อนข้างจะดีน่ะนะก็เลยลองดูซะหน่อย น่าจะสนุก...
เรื่องราวของสองหน้าม้ารับจ้างในคณะมายากลอย่างแองเจียร์ (Hugh Jackman) และบอร์เดน (Christian Bale) ที่ต่างก็ใฝ่ฝันว่าจะได้วาดลวดลายแสดงกลของตนเอง และกลายเป็นนักมายากลที่มีชื่อเสียง ทว่าทั้งคู่กลับต้องมากลายเป็นศัตรูกันหลังจากเกิดเหตุผิดพลาดในการแสดงกลครั้งหนึ่งจนทำให้ภรรยาของแองเจียร์ที่เป็นผู้ช่วยนักมายากลต้องเสียชีวิต แองเจียร์มองว่าทั้งหมดนั้นเป็นความผิดของบอร์เดน ทั้งสองต่างจึงชิงดีชิงเด่นกันด้วยกลลวงต่างๆ นานาเพียงเพื่อให้ตนเองเป็นนักมายากลที่เหนือกว่าอีกฝ่าย
แปะชื่อผู้กำกับ Christopher Nolan แห่ง Memento ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหนังโดดเด่นด้วยบทภาพยนตร์อันเข้มข้น น่าติดตาม (แม้จะมีแอบโม้ไปบ้าง) และชวนพิศวงงงงวยที่ยิ่งมาถูกถ่ายทอดผ่านการเล่าเรื่องที่ไม่ดำเนินตามลำดับเวลา คงไม่ต้องให้บอกว่ายิ่งงงหนักเข้าไปอีกแค่ไหน ช่วงแรกของหนังเราจะได้รับชมแต่เนื้อเรื่องสลับไปสลับมาที่ยิ่งดูก็ยิ่งเกิดคำถามในใจมากขึ้น แต่ใช่ว่าวิธีการเล่าเรื่องแบบนี้จะนำมาซึ่งผลเสียแต่เพียงอย่างเดียวเสียเมื่อไหร่ การเล่าเรื่องตัดไปมาระหว่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหลังอย่างไม่เป็นระเบียบนี้แหละที่เร้าความอยากรู้อยากเห็นของเราได้ดีนักเชียว จนในที่สุดเมื่อเนื้อเรื่องดำเนินมาถึงจุดคลี่คลายปมปัญหาทั้งหลาย หนังเลือกที่จะใช้วิธีฉายภาพเดิมที่เราได้ดูในตอนแรกซ้ำอีกครั้ง แต่ครั้งนี้จะมีส่วนที่ตอนแรกไม่มีออกมาให้ดูด้วย สำหรับผมแล้วรู้สึกว่ามันทำให้เราเกิดความเข้าใจในเนื้อเรื่องได้ดีกว่าการเล่าเรื่องตามลำดับเวลาซะอีก นับเป็นการนำเสนอที่แสนชาญฉลาด แถมดูจบแล้วยังรู้สึกภูมิใจ (ที่เข้าใจเนื้อเรื่องได้) แบบที่ไม่เคยเกิดตอนหลังดูหนังเรื่องอื่นๆ อีกด้วย นอกจากนี้องค์ประกอบด้านอื่นๆ ของหนังต่างก็ละเมียดละไม ไม่ว่าจะเป็นงานโปรดักชั่นอันน่าตื่นตาตื่นใจ ทั้งฉากที่สวยงามราวกับหลุดออกมาจากเทพนิยาย เครื่องแต่งกายย้อนยุคสวยๆ ไปจนกระทั่งการถ่ายภาพที่แสนสวยงามในทุกๆ ตอน และดนตรีประกอบที่เร้าอารมณ์ได้ถึงขั้นขนลุกชูชัน โดยรวมแล้วจึงไม่ยากเลยที่จะบอกว่า... นี่คือภาพยนตร์ที่เข้าใกล้ความสมบูรณ์แบบมากที่สุดเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว
แองเจียร์ นักมายากลหนุ่มผู้เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น และหิวกระหายในชัยชนะเหนือสิ่งอื่นใด รับบทโดย Hugh Jackman ขนดกอกตั้งผู้มักจะรับบทซูเปอร์ฮีโร่ในหนัง blockbuster ทั้งหลายแหล่ ในความคิดผมในบทของแองเจียร์นี้เขาทำได้เหนือความคาดหมาย เขารับบทนำของเรื่องได้อย่างน่าประทับใจ Jackman สามารถเป็นได้ทั้งนักมายากลผู้สง่างาม หรือผู้แพ้ที่แสนจะสิ้นหวัง ในฉากแสดงอารมณ์ทั้งหลายเขาก็สามารถแสดงอารมณ์ออกมาแบบลูกผู้ชายได้ดีโดยปราศจากการ overacting จนเกินเหตุ และแม้ว่าจะต้องประชันบทบาทกับนักแสดงฝีมือดีมากหน้าหลายตา แต่เขาก็ไม่เคยทำให้แองเจียร์หลุดออกไปจากสายตาของผู้ชมได้เลยสักครั้งเดียว ...สำหรับการแสดงที่โดดเด่นที่สุดขอยกให้ Christian Bale ในบทของบอร์เดน เขาทำสำเร็จในทุกๆ สิ่งที่ตัวละครนี้ควรจะเป็น ตั้งแต่บุคลิกท่าทางอันน่าสงสัย ทุกครั้งที่บอร์เดนปรากฎตัว จะต้องมีคำถามต่างๆ นานาในการกระทำของเขาเกิดขึ้นตามมาทันที ไม่เว้นแม้แต่ฉากแสดงอารมณ์อย่างรุนแรงอย่างตอนทะเลาะกับภรรยา ซาร่าห์ เรายังไม่อาจทำใจให้เชื่อได้ว่านี่คือตัวตนที่แท้จริงของเขา เชื่อว่าหากไม่ได้ Bale มารับบทนี้ล่ะก็ บอร์เดนคงจะไม่เป็นตัวละครที่ทรงพลังขนาดนี้แน่ ...นอกจากนี้ยังต้องขอชมเชยนักแสดงสมทบทุกคน Michael Caine ในบทของคัตเตอร์ วิศวกรของแองเจียร์ มาในมาดชายชราใจดีเช่นเคย สำหรับผมแล้วเขาคือผู้ชายคนเดียวที่สามารถไว้วางใจได้ในเรื่องราวที่เต็มไปด้วยกลลวงเรื่องนี้ ...Scarlett Johansson ในบทของโอลิเวีย ผู้ช่วยสาวสวยของแองเจียร์ เรื่องนี้นอกจากจะได้ยลเนื้อ นม ไข่กับหุ่นอั๋นๆ ของเธอในชุดสั้นๆ ของผู้ช่วยนักมายากลแล้ว การแสดงของเธอนั้นก็ถือว่ายอดเยี่ยมคงเส้นคงวาอีกเช่นเคย จนนับเป็นนักแสดงสาวอายุน้อยอีกคนนึงของวงการที่สามารถเชื่อใจในฝีมือของเธอได้เสมอ ...รายที่ผมสะดุดตามากๆ คือ Rebecca Hall ผู้รับบทซาร่าห์ ภรรยาแสนอาภัพของบอร์เดน ไม่เคยเห็นเธอคนนี้มาก่อนแต่เพียงไม่กี่ฉากที่ปรากฎตัว เธอสามารถทำให้มันล้วนเป็นที่จดจำได้ อย่างตอนทะเลาะกับบอร์เดน ผมว่า Hall แสดงอารมณ์ได้แปลก ไม่ซ้ำใครดี นับเป็นอีกหนึ่งการแสดงที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก ...หรือแม้แต่ Piper Perabo ในบทของจูเลีย ภรรยาของแองเจียร์ที่แม้จะปรากฎตัวแป๊บเดียว เธอคนนี้ก็โปรยเสน่ห์เอาไว้คุ้มค่าเวลาบนจอเชียวล่ะ
ชัยชนะไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด ชนะไปแล้วจะได้อะไรหากในการแข่งขันนั้นไม่นำมาซึ่งประโยชน์ใดๆ เลย ...อย่างน้อยนี่ก็คือสิ่งหนึ่งที่ผมคิดได้หลังจากดู The Prestige จบ สำหรับผมแล้วนี่คือหนังที่มีองค์ประกอบสมบูรณ์จนแทบไม่มีที่ติ รวมทั้งให้อรรถรสของการรับชมภาพยนตร์ได้อย่างแท้จริง น่าเสียดายที่หนังอาจไม่ได้รับความสนใจจากรางวัลต่างๆ มากนัก เพราะประเด็นของหนังเรื่องนี้ไม่ได้สะท้อนถึงปัญหาต่างๆ ในสังคมโดยตรง จึงไม่อาจจัดเป็นหนังหวังกล่องได้สักเท่าไหร่ แต่หากว่าหนังเรื่องนี้ได้รับการเหลียวแลอีกสักหน่อย ผมเชื่อว่าการประกาศรางวัลต่างๆ ปลายปีนี้ในสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมคงต้องมีอะไรให้ตื่นเต้นมากขึ้นอย่างแน่นอน
Create Date : 22 พฤศจิกายน 2549 |
|
8 comments |
Last Update : 22 พฤศจิกายน 2549 22:45:36 น. |
Counter : 933 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: unwell 23 พฤศจิกายน 2549 11:48:19 น. |
|
|
|
| |
โดย: BloodyMonday On Da Move IP: 211.139.145.21 25 พฤศจิกายน 2549 21:46:39 น. |
|
|
|
| |
โดย: tea pig 26 พฤศจิกายน 2549 15:02:09 น. |
|
|
|
|
|
|
|