ไปเสียมเรียบครั้งแรกเมื่อสองปีที่แล้ว ...

สองปีที่แล้วไปทำ Business Matching ที่เสียมเรียบ ได้ลูกค้ากลับมาพอสมควรซึ่งก็ยังคงติดต่อค้าขายกันมาถึงทุกวันนี้ และยังได้มิตรภาพที่ดีกลับมาด้วย คนเขมรที่มาช่วยเป็นล่ามให้ก็นิสัยดี คนที่นี่พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้แต่มีบางส่วนที่พูดภาษาไทยได้ เพราะมีการสอนภาษาไทยที่โรงเรียนด้วย

คนไทยมาทำธุรกิจที่เสียมเรียบเยอะเหมือนกัน ส่วนใหญ่เป็นผู้บริหารโรงแรม และสปา ซึ่งนายทุนส่วนใหญ่เป็นสิงคโปร์ และมาเลเซีย นอกนั้นก็เป็นเจ้าของร้านอาหารไทย ที่ทัวร์ทุกคณะทุกชาติต้องไปแวะทาน dinner ที่นั่น

ทำงานอยู่สามวัน ที่เหลือก็คือสำรวจตลาด และไปเที่ยวปราสาทบันทายศรี และนครวัดนครธม ต้องบอกว่าสถาปัตยกรรมสวยมาก และก่อสร้างแบบอลังการมาก ๆ แบบน่าทึ่ง เพราะถ้าเรานึกเทียบว่าเทคโนโลยีสมัยก่อนไม่ได้ทันสมัยแบบนี้ แต่คนโบราณทำได้อย่างไรในการเรียงหินก้อนหนักอึ้กขึ้นไปเป็นรูปปราสาทใหญ่ ๆ ได้ขนาดนั้น รวมถึงแกะสลักรูปนางอัปสราทั้งหลาย เขาใช้เครื่องมืออะไรแกะจนได้ลวดลายละเอียดขนาดนั้น ไม่ได้มีสิ่วไฟฟ้าเหมือนสมัยนี้ ยิ่งพอนึกเทียบกับปราสาทหินพิมายในไทย ก็ยิ่งทึ่งเข้าไปอีกว่าคนโบราณใช้หลักอะไรในการคำนวนว่า เมื่อถึงวันหนึ่งแสงจะสาดเข้ามาในปราสาท โดยเข้ามาทุกช่องทาง และทำให้ปราสาทสว่างไสวโดยไม่ต้องจุดไฟเพื่อให้แสงสว่าง ถ้ามี time machine ก็ดีซิ นั่งย้อนกลับไปคุยกับคนโบราณถึงความคิดอันแยบยลสมัยนั้น ท่าจะดีนะ อิ อิ

โรงแรมที่พักค่ะ



ชั้นลอยตรง lobby ของโรงแรมที่เราแวะไปเจรจาการค้าค่ะ และได้ order มาด้วย อิ อิ



ช่วงเดินสำรวจตลาดค่ะ



ร้านค้าที่มีของแบรนด์เนมขายค่ะ อยู่ตรงแยกโรงแรมสุขา ค่ะ จริง ๆ นะโรงแรมชื่อนี้จริง ๆ เป็น Boutique Hotel อีกต่างหาก ความหมายคือโรงแรมแห่งความสุขน่ะค่ะ ไม่ใช่ห้องปลดทุกข์นะคะ อิ อิ





อันนี้เที่ยวออกนอกเส้นทางสำรวจตลาดแล้วค่ะ อิ อิ หน้าทางเข้าปราสาทบันทายศรีค่ะ



หน้าบรรณของปราสาทค่ะ





ขอหลบแดดหน่อยค่ะ ที่นั่นแดดแรงจริง ๆ จบทริปนี้กลับมาฝ้าขึ้นปื้นใหญ่เลยค่ะ ต้องบูรณะหน้าอยู่นานเลยกว่าจะหาย เฮ้อ....










หน้าบรรณและบานประตูของวิหารที่ลวดลายแกะสลักยังคงชัดเจนอยู่ ลายน่าสนใจมาก ๆ เลยค่ะ ส่วนใหญ่จะเป็นลายพันธ์พฤกษา และกนกที่ตวัดหางได้งามมาก ส่วนมากจะทำเป็นลวดลายเกี่ยวกับพระนารายณ์แทบทั้งสิ้น ครุฑยุดนาคก็มี




















ปราสาทนี้สูงและชันมาก ๆ ตอนปีนขึ้นไปไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ แต่อีตอนลงนี่ซิ หูย...หวาดเสียวจริง ๆ มันชันซะจนหัวจะทิ่มให้ได้เลยอ่ะ







มีพระพุทธรูปอยู่ในปราสาทสูง ๆ นี้ด้วยค่ะ ขึ้นมาได้แล้วต้องแวะไหว้พระหน่อยนะ อิ อิ



อันนี้ลงมาแล้วก็ย้ายวิกไปดูปราสาทที่นครวัดต่อ เอารูปมาแปะล่อน้ำลายก่อน เดี๋ยวมาต่อบล๊อกสองค่ะ อิ อิ สังเกตุให้ดีจะเห็นว่าสีของหินที่นำมาก่อสร้างปราสาทจะแตกต่างกัน ที่บันทายศรีหินจะออกสีแดง แต่นครวัดนครธมหินจะเป็นสีดำค่ะ





ปิดท้ายด้วยรูปสาวเขมรที่มาเป็นล่ามให้ค่ะ น้องเค้าน่ารักมาก เพิ่งรู้ตอนหลังว่าเค้าก็เป็นเด็กแฝดเหมือนกัน ตอนที่เขียนบล๊อกอยู่นี่ก็เพิ่งกลับมาจากเอาของไปฝากป้าเค้าที่จะเดินทางกลับไปเขมร เค้าโทร.มาคุยกับ jujastar อยู่เรื่อย ๆ เด็กคนนี้นิสัยดีมาก ๆ พูดไทยเก่งเพราะบ้านเค้าพูดภาษาไทยกันทั้งบ้านค่ะ ได้ความรู้มาอย่างนึงว่ามีภาษาไทยโกลา ซึ่งเป็นภาษาไทยเก่าแก่ ที่คนเขมรบางกลุ่มเท่านั้นที่จะพูดได้ และบ้านนี้ก็เป็นกลุ่มนึงที่พูดภาษานี้ได้ค่ะ เราก็เพิ่งเคยได้ยินนี่แหละ ว่าจะลองไปขอความรู้จากกรมศิลปากรดูว่ารู้จักภาษาไทยเก่าแก่นี้มั๊ย ก็ยังไม่มีเวลาจะได้ไปเลยอ่ะค่ะ

Create Date : 12 สิงหาคม 2552 Last Update : 14 สิงหาคม 2552 21:37:00 น. Counter : 1674 Pageviews.		21 comments
Share Tweet