ไดอารี่(ไม่)ส่วนตัว Jub_ka_Jib
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
5 พฤศจิกายน 2553
 
All Blogs
 
ประสบการณ์คลอดน้องแน๊กซ์จ้า

10 มิถุนายน 2553 ปวดท้องตั้งแต่ ตี 1 ไปถึงโรงพยาบาล ประมาณ 8 โมงครึ่ง ปากมดลูกเปิด 6 ซม. แล้ว คุณหมอเวรถามยายสุว่าจะไปคลอดที่โรงพยาบาลอื่นมั้ย เพราะที่นี่ไม่มีเกล็ดเลือดสำรอง หากแม่ของเด็กตกเลือดจะอันตรายมาก ยายสุลังเลเพราะใกล้จะคลอดแล้ว คุณหมอเวรยังบอกอีกว่าหากไปตอนนี้มีโอกาสคลอดในรถตู้ของโรงพยาบาลสูง ยายสุเป็นห่วงชีวิตลูกสาว ส่วนหลานในท้องมั่นใจว่าคลอดที่ไหนก็ปลอดภัยแน่นอน จึงตัดสินใจว่าขอย้ายโรงพยาบาล!!!

โรงพยาบาลของรัฐนี่นา ต้องทำตามขั้นตอน ประมาณ 10 โมงกว่าๆ แม่จิ๊บนอนในห้องคลอด พยาบาลตรวจดูปากมดลูก 9 ซม. แล้วน่ะค่ะคุณหมอ คุณหมอถามยายสุอีกครั้งว่าจะไปมั้ย? ยายสุยังยืนยันคำตอบเดิม แม่จิ๊บจึงได้ย้ายจากห้องคลอดไปที่รถตู้ของโรงพยาบาล ในรถตู้นั้นมีคนขับที่ชำนาญในการขับรถ พยาบาลผู้เชี่ยวชาญ 2 คน ยายสุ และแม่จิ๊บ ความทุกข์ทรมานในการปวดท้อง เจ็บแปล๊บๆ มาเป็นระยะๆ ทุกคนบอกว่าคลอดในรถแน่นอน เพราะหากปากมดลูกเปิด 10 ซม. ก็สามารถเบ่งคลอดได้ ยายสุกำมือแม่จิ๊บแน่นเลย ห่วงทั้งลูกสาว และหลานในท้อง มดลูกบีบตัวแต่ละที ปวดร้าววววววว ไปทั้งตัว ยายสุบอกว่าห้ามเบ่งน่ะ ให้ปล่อยไป หากเด็กจะออกก็ปล่อยไป ไม่ต้องไปกลั้นไว้ แต่ก็ห้ามเบ่ง??????????? แม่จิ๊บไม่เข้าใจเท่าไหร่ แต่แววตาที่ยายสุมองแม่จิ๊บ....... ไม่สามารถอธิบายได้

ระยะทางประมาณ 200 กม. คนขับรถซิ่งมากกกกกกก เพราะหากคลอดตอนนี้กลัวจะเป็นอันตรายต่อคนไข้ แต่ขอบอกว่า คุณพี่ค่ะ คุณพี่ขับรถเร็วขนาดนี้เพราะเป็นห่วงหนู ขอขอบพระคุณมากค่ะ แต่หนูฝกช้ำดำเขียวไปทั้งตัว คุณพี่เล่นเดี๋ยวเบรก เดี๋ยวเบรก แซงซ้าย แซงขวา หนูหัวใจจะวายด้วยค่ะ " แต่ก็ต้องขอบคุณจริงๆ เพราะหนูถึงโรงพยาบาลทันเวลาด้วย

ประมาณเที่ยงกว่าๆ ถึงโรงพยาบาลแล้วดีใจจัง เป็นโรงพยาบาลของรัฐ คนเยอะมากๆ เจ้าหน้าที่เข็นแม่จิ๊บไปที่ห้องคลอด พยาบาลตรวจดูแล้วบอกว่า full ค่ะ พยาบาลเจาะถุงน้ำคร่ำ (ความรู้สึกเหมือนน้ำไหลออกจากตัวเลย) อยากเบ่งก็เบ่งเลยน่ะค่ะ ไม่รู้ว่าคุณแม่อดมาถึงนี่ได้ยังไง แต่เก่งมากๆ เลยค่ะ (ก็คุณแม่จิ๊บมีคุณยายสุอยู่ข้างๆ นี่ค่ะ) คุณแม่ท่านอื่นๆ ที่มาคลอดเยอะค่ะ เข็นเตียงมาเป็นระยะๆ นอนเรียงในห้องคลอดหลายคน พยาบาลจึงเดินไปทำคลอดเตียงนั้น เตียงนี้ พยาบาลบางคนเดินมาบอกวิธีเบ่งคลอด บางคนเดินมาถามรายละเอียดส่วนตัว ให้เราเซ็นชื่อเรา และชื่อพ่อของเด็กด้วย ก็มันปวดท้องนี่นา เพลีย และก็เหนื่อยด้วย ไม่รู้จะทำไง จึงเขียนชื่อ "พ่อ" มันไปเลย เอาว่ะ! อะไรจะเป็นยังไงก็ช่างมันแล้ว

พอถึงคราวแม่จิ๊บ พยาบาลมา 3-4 คน บอกว่าประมาณ 2,700 น่ะค่ะ เพราะท้องเล็กมาก อาจจะไม่ถึงด้วยซ้ำไป (จ้า รู้แล้ว ทำใจไว้แล้ว ขอให้สมบูรณ์แข็งแรงก็พอแล้ว น้ำหนักน้อยก็ไม่เป็นไร) แล้วบอกว่าเบ่งได้ค่ะ แม่จิ๊บตั้งขา 2 ข้างขึ้น แล้วก็เบ่งๆๆๆๆๆๆๆๆ แล้วก็รู้สึกว่าหัวเด็กออกมา พักซักครู่.... เอาล่ะค่ะ เบ่งต่อน่ะค่ะ จะได้พักแล้วน่ะค่ะ เบ่งค่ะ (ได้ค่ะ รอเบ่งอยู่แล้ว) อึบๆๆๆๆๆ ความรู้สึกน้ำไหลออกมาอีกแล้ว ออกมาเยอะเลย คุณพยาบาลสะกิดๆ น้องค่ะน้อง ลืมตาดูสิค่ะ พอแม่ลืมตาขึ้นเห็นเต็มๆ เลย ...... จุ๊ดจู๋ บอกสิค่ะว่าได้ลูกชายหรือลูกสาว ปากแห้งๆ เพลีย เหนื่อย แต่ก็ต้องพูดว่าลูกชายค่ะ แล้วซักแป๊บเสียงเด็กก็ร้องดังขึ้น ว้าวววว เสียงแหลมมากๆ พยาบาลถอดเสื้อแม่ออกแล้วให้ลูกชายมานอนบนหน้าอก คงจะให้กระชับความสัมพันธ์แม่ลูกตั้งแต่แรกคลอด ให้เรากอดลูก ลูกชายของเราเอง ตัวยังเปียกอยู่เลย ผมยาวดกดำ อิอิ ลูกเราเอง

แล้วพยาบาลคนเดิมก็บอกให้เราเบ่งอีกครั้งเอารกออกมา เราก็เบ่งครั้งเดียวเท่านั้น หมดแรงเลย พยาบาลเย็บแผลให้เรา โอ้ย! ทำไมเจ็บอย่างนี้น่ะ คลอดลูกยังไม่เจ็บเท่าเย็บแผลเลย เย็บตั้งนานไม่เสร็จซะที ลืมตาขึ้นมองเห็นพยาบาล 2 คนกำลังทำความสะอาดตัวเด็ก แล้วก็ชั่งน้ำหนัก เอ๋! ลูกใครหว่า? ลูกเราอ่ะป่าว???? "เด็กหนัก 3,000 ค่ะ" อืม ไม่ใช่ลูกเราแน่ๆ โอ้ย! ยังเย็บไม่เสร็จอีก กี่โมงแล้วเนี่ย??

เย้! เย็บตั้งนานเสร็จซะที คราวนี้เข็นแม่ออกจากห้องคลอดแล้ว ดีใจๆ นอนเยียดขาตรง เพราะเจ็บแผลมากกกกก คุณผู้ชายทั้งหลายไม่เข้าใจหรอก พักดูอาการหลังคลอดที่หน้าห้องคลอด สักพักเจ้าหน้าที่มาเข็นรถอีกแล้ว อิอิ จะได้พักแล้วดีใจๆ จริงๆ แต่.... เข็นเข้าห้องคลอดอีกครั้ง เจอเจ้าหน้าที่ 2 คน แก่ๆ ไม่ใช่ ต้องบอกอายุเยอะๆ หน่อยเดินมา ด้วยความงง และตกใจก็เลยถามไปว่าจะทำอะไรเหรอค่ะ "ล้างแผลค่ะ จะล้างทำความสะอาดให้ค่ะ" อย่า ได้โปรด หนูล้างเองได้ ได้โปรดอย่างยุ่งกับแผล "ตั้งขาขึ้นค่ะ" แล้วหล่อนก็จัดการกับแผลชั้นจริงๆ ด้วย เสร็จแล้วก็เข็นออกมาที่เดิม หน้าห้องคลอด คุณป้าพยาบาลหน้าตาท่าทางใจดี อุ้มเด็กมา ห่อด้วยผ้าหนาๆ สีชมพู บอกว่าเป็นลูกของเรา เอามาให้ดูดนมแม่ แล้วจัดแจงยัดนมแม่เข้าปากเล็กๆ ของเด็ก (ลูกเราจริงๆอ่ะป่าวเนี่ย?? เอามากินนมเรา) เด็กก็ขยับปากนิดหน่อย เพราะยังดูดไม่เป็น เจ้าหน้าที่โครงการสายใยรักฯ มาแนะนำให้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ (จ้า หนูก็ตั้งใจอย่างนั้น เพราะค่านมกระป๋องแพง )

และแล้ว ก็ถึงเวลาพักจริงๆ ซะที แม่ถูกเข็นออกไปข้างนอก ผู้คนที่มาลุ้นคุณแม่คนอื่นๆ หน้าห้องคลอดเยอะแยะ เหมือนในละครเลย เรามองเห็นยายสุ แม่ของเราหอบของพะรุงพะรัง สะพายกระเป๋าหนักๆ 2-3 ใบ ยืนยิ้มอยู่หน้าประตู เชื่อมั้ยว่าเรารู้สึกดีใจมาก มากที่สุดในโลกเลย คลอดลูกน้ำตาไม่ไหลเลย แต่เห็นหน้าแม่ที่ยิ้มแย้มแบบนั้น สุดจะบรรยายเลย แม่ที่ต่อสู้อยู่ข้างเราเสมอ รักแม่จัง....

รถเข็นถูกเข็นเข้าห้องพักฟื้น เป็นห้องรวม ดูเก่าๆ แต่สะอาด เพราะมีแต่แม่เด็กและเด็กทารก ได้เตียง 16 พยาบาลอุ้มลูกมานอนข้างๆ เรา ยายสุรีบวางข้าวของ แล้วยิ้มน้อย มองหน้าหลานชายตัวน้อย ตัวสีม่วงๆ ช้ำๆ ออกแดงหน่อยๆ แล้วพูดว่า " เก่งจัง 3,000 เลยเหรอ " แม่จิ๊บก็งงๆ อะไรคือ 3,000 "เด็กหนัก 3,000 กรัม " โอ้วววว เป็นไปได้ไงเนี่ย ว้าววว ลูกจ๋า ทำแม่งงสุดๆ แต่ก็น่ะ แม่ทั้งกินข้าว กินยาบำรุง กินนมทุกวัน ไม่เคยขาด แม่น้ำหนักเพิ่มจากเดิม 45 กก. จนวันคลอดหนัก 52.5 กก. ได้แค่นี้จริงๆ ท้องเล็กมาก แต่ลูกตัวโตจัง เวลาคลอดก็ 13.22 น. ยายสุบังคับให้แม่ยัดนมใส่ปากลูก ให้ลูกดูดนม แต่น้ำนมไม่มีก็ต้องให้ลูกดูดๆๆๆๆ เด็กเพิ่งเกิดก็มีแต่นอนกับนอนแล้วก็นอน จะให้ดูดนมตลอดเวลาก็ไม่ได้ ยายเอาน้ำร้อนมาให้กิน กิน กิน แล้วก็กินเข้าไป ให้มีน้ำนมเยอะๆ เฮ้อ!

ประมาณ 1 ทุ่ม แม่ก็บอกให้ยายสุไปกินข้าวซะ ตั้งแต่เช้าอยู่กับแม่ตลอดเลย พอยายสุไปสักแป๊บ พยาบาลก็มาตรวจดูน้ำนม เราก็บอกว่ายังไม่มาเลยค่ะ แต่เด็กก็ดูดนมกระตุ้นอยู่ตลอด พยาบาลบีบหัวนมปุ๊บ น้ำนมสีใสๆ ก็ซึมออก "นี่ไงค่ะ ออกมาแล้วน่ะ " แป่ว... แสดงว่าที่ทารกตัวน้อยไม่ร้องแง๊ๆ เหมือนเตียงอื่นๆ เพราะได้หม่ำๆ นมแม่แล้ว โฮ๊ะๆๆๆ น้ำนมออกแล้วก็ไม่บอก

ก่อนออกจากโรงพยาบาลไปชั่งน้ำหนักดู 47 กก. อิอิ ไม่ต้องลดน้ำหนักเหมือนคนอื่นๆ สมน้ำหน้าบอกว่าลูกเราจะตัวเท่าแขน 555555 เป็นไงล่ะ เชอะ

พยาบาลให้ไปแจ้งเกิดเลย เพราะให้นำใบเกิดเด็กมาทำบัตรประกันสุขภาพหรือบัตรทองนั่นเอง จะได้ไม่ต้องจ่ายค่ะฉีดยาให้เด็ก 600 บาท แต่ยายกับแม่ลังเล เพราะพ่อเด็กมันจะรับเป็นลูกอ่ะป่าวก็ไม่รู้?? ก็เลยยังไม่ตัดสินใจ เอาไว้ค่อยมาแจ้งเกิดทีหลัง มีเวลาตั้ง 15 วันแน่ะ จะได้เจรจากันอีกครั้งให้เรียบร้อย สรุปว่าออกจากโรงพยาบาลวันที่ 12 มิถุนายน 2553 โดยยังไม่แจ้งเกิด

พอถึงบ้านก็เจรจากับพ่อเด็ก ............. ตอนนี้นมคัดล่ะ เอานมไปยัดปากเจ้าตัวเล็กก่อนน่ะค่ะ เดี๋ยวคราวหน้ามาต่อจ้า ยังมีอีกเยอะเลย



อัพเดตนิดหน่อย ตอนนี้น้องแน๊กใกล้จะ 5 เดือนแล้ว คว่ำเก่งมาก และสามารถดึงแขนออกมาได้เองแล้ว แต่ยังหงายไม่ได้เลย .. รักลูกจ้า..






Create Date : 05 พฤศจิกายน 2553
Last Update : 13 มกราคม 2554 10:07:39 น. 5 comments
Counter : 890 Pageviews.

 
สวัสดีค่ะ

ยินดีด้วยนะคะ น้องแน๊กน่ารักมากค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้คุณแม่เข้มแข็ง และสู้เพื่อลูกค่ะ


โดย: กิ่งลีลาวดี วันที่: 5 พฤศจิกายน 2553 เวลา:18:55:00 น.  

 
ทำไมฉบับนี้ไม่มีรูปน้องแน๊กรูปหล่อหละครับ


โดย: พระเอก IP: 61.19.117.210 วันที่: 8 พฤศจิกายน 2553 เวลา:15:10:43 น.  

 
อ่านประสบการณ์คลอดแล้ว คุณแม่น้ำหนักขึ้นนิดเดียวแต่ลูกตัวโตมากๆเลย ยินดีด้วยจ้า


โดย: pithi วันที่: 8 พฤศจิกายน 2553 เวลา:17:37:28 น.  

 
เกิดหลังอีตั้นวันเดียวเองค่ะ อีตั้นเป้นพี่วัน อิอิ
เรื่องน้ำหนักอิจฉาจังเลยค่ะ ที่น้ำหนักขึ้นน้อยแต่ไปลงที่ลูกหมด โชคดีมากๆ แม่อีต้นขึ้น16kgs แล้วไปที่ลูกเกือบ4kgs ต้องมานั่งรีดทีหลัง แต่ตอนนี้ลูกกินนมแม่เลยยังไม่รีด อิอิ หายไปประมาน 3 กก ค่ะ

ปล ไปเขียนแก้ข่าวแล้วนะคะ กลัวโดนร้องเรียนที่มูลนิธิปวีณา 5555 ล้อเล่นค่ะ


โดย: EJ Murphy วันที่: 9 พฤศจิกายน 2553 เวลา:18:01:16 น.  

 
เอ้ย พิมผิดค่ะ ไม่ใช่หายไปค่ะ เหลือ 3 กกจะเท่าน้ำหักก่อนท้อง


โดย: EJ Murphy วันที่: 9 พฤศจิกายน 2553 เวลา:18:03:05 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Jub_ka_Jib
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




** Single Mom **

ทุกวันนี้มีความสุขดี อยู่กับลูกชายที่น่ารัก ถึงแม้เค้าจะมีแค่แม่กับยาย แต่เค้าก็จะสามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมนี้ได้อย่างมีความสุขแน่นอนและเค้าก็จะเป็นคนดีของแม่.. ตลอดไป

^^ หัวใจของแม่^^
Friends' blogs
[Add Jub_ka_Jib's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.