|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | |
|
|
|
|
|
|
|
พลเมืองไทยในอนาคต [5 ก.ย. 50 - 20:41]
พลเมืองไทยในอนาคต [5 ก.ย. 50 - 20:41] ผมได้รับเอกสารผลสรุปเบื้องต้นการสำรวจการเปลี่ยนแปลงของประชากร พ.ศ. 2548-2549 ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ที่เพื่อนๆในแวดวงวิชาการ ส่งมาให้เมื่อ 2 วันก่อน
ผมอ่านแล้วเห็นว่าเป็นประโยชน์...ขออนุญาตหยิบยกมาเผยแพร่ต่อเสียเลยนะครับ
การสำรวจการเปลี่ยนแปลงประชากร จะดำเนินการโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติทุกระยะ 10 ปี โดยกำหนดให้มีการสำรวจในช่วงกึ่งกลางระหว่างปีที่มีการจัดทำสำมะโนประชากรและเคหะ ซึ่งจะทำทุก 10 ปีเช่นกัน
ข้อดีของการสำรวจ ก็คือไม่ต้องลงมือสัมภาษณ์ หรือสมัยก่อนเขาเรียกว่า แจงนับ อย่างโกลาหลให้ครบทุกครัวเรือนแบบการทำสำมะโนฯ แต่ข้อเสียก็คือ อาจได้คำตอบไม่ครบถ้วนร้อยเปอร์เซ็นต์นัก เพราะจะต้องใช้เทคนิคต่างๆเข้าช่วยพอสมควร ในการขยายความหรือตีความ
สำนักงานสถิติแห่งชาติเขาจึงมักจะทำทั้ง 2 อย่างในเรื่องสำคัญๆ อย่างเช่นเรื่องประชากร ซึ่งถือว่าสำคัญมาก จึงมีทั้งการทำสำมะโนทุก 10 ปี และสำรวจทุก 10 ปีเช่นกัน
แต่เมื่อจัดเวลาให้เหลื่อมกันแบบกึ่งชนกึ่ง ก็จะกลายเป็นว่าทุกๆ 5 ปี เราจะมีการค้นหาข้อมูลตัวเลขที่เกี่ยวกับประชากรอย่างน้อย 1 ครั้ง
ตัวเลขที่เพื่อนส่งมาที่สำคัญที่สุดก็คือ เมื่อปี 2548-2549 เรามีประชากรทั้งสิ้น 64 ล้าน 7 แสน 6 หมื่นกว่าคนทั่วประเทศ
เป็นชาย 31 ล้าน 8 แสนคน เป็นหญิง 32 ล้าน 9 แสน แสดงว่า ผู้หญิงยังคงมากกว่าผู้ชาย
ที่สำคัญมาก อีกตัวเลขหนึ่งก็คือ โครงสร้างทางอายุของประชากรไทย... ซึ่งจะเห็นได้ชัดเจนเลยว่า ประเทศไทยของเรากำลังเปลี่ยนแปลงไปสู่โครงสร้างประชากรแบบมีผู้สูงอายุมากขึ้น
ปี 2543 ประชากรวัยเด็กอายุ 0-14 ปี ประมาณร้อยละ 24.4 ลดลงเหลือร้อยละ 23 ถ้วนๆ ในปี 2548 ในขณะที่สัดส่วนประชากรสูงอายุคือ 60 ปีขึ้นไป เพิ่มจากร้อยละ 9.5 ในปี 2543 เป็นร้อยละ 10.3 ในปี 2548
ประเด็นนี้เรารู้กันมานาน และคาดเอาไว้หลายปีแล้วว่าในที่สุด เราจะหนีโครงสร้างนี้ไม่พ้นเหมือนกับประเทศพัฒนาแล้วทั่วโลก
เพราะทุกวันนี้หยูกยาดีขึ้น การดูแลตัวเองของประชาชนก็ดีขึ้น ทำให้อายุขัย โดยเฉลี่ยของคนไทยเพิ่มสูงขึ้น จึงย่อมจะมีผู้สูงอายุเพิ่มสูงขึ้นเป็นธรรมดา
แต่ผู้สูงอายุขั้นต้นๆ หรือขั้นกลางๆ ก็ใช่ว่าจะเป็นปัญหา หรือเป็นภาระแก่สังคมเสมอไป--แท้ที่จริงแล้ว จะมีประโยชน์ด้วยซ้ำ เนื่องจากมีประสบการณ์สูง มีความรู้ความชำนาญสะสมสูง ตลอดจนมีความสุขุม รอบคอบ ในการตัดสินใจมากกว่าคนหนุ่มๆ
ทำให้มีการต่ออายุราชการ ต่ออายุการใช้งาน หรือการทำงานของผู้อาวุโสบ้านเรา ในรูปแบบต่างๆ ทั้งภาคราชการ และภาคเอกชน
อย่างไรก็ตาม เมื่อผ่านช่วงระยะเวลาหนึ่งไปแล้ว ผู้สูงอายุก็สมควรจะต้องพักผ่อน และไม่สามารถจะทำงานหนักๆต่อไปได้
ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องวางแผนดูแลล่วงหน้าเอาไว้...และเท่าที่ผ่านมา เราก็มีการเตรียมการกันอยู่พอสมควร
ผลการสำรวจอีกข้อหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ สำนักงานสถิติพบว่า สตรีวัยเจริญพันธุ์อายุ 15-49 ปี หนึ่งคนมีบุตรเกิดรอดโดยเฉลี่ย 1.81 คน และมีบุตรที่มีชีวิตอยู่โดยเฉลี่ย เพียง 1.76 เท่านั้น
เป็นอัตราที่ลดลงจากปี 2543 อย่างมีนัยสำคัญแสดงว่า ภาวะเจริญพันธุ์ของประเทศไทยลดต่ำกว่าระดับทดแทน (หมายถึง มีบุตร 2 คน ทดแทนพ่อกับแม่) มาโดยตลอด และจะลดต่อไปอีก
รายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติระบุว่า สภาพการณ์เช่นนี้ อาจนำไปสู่วิกฤติทางประชากร ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจสังคมของประเทศไทยได้ในอนาคต
เหตุที่ทำให้ภาวะเจริญพันธุ์ลดลง เนื่องจากประชากรมีการชะลอการสมรส ครองโสดมากขึ้น หย่าร้างสูงขึ้น รวมไปถึงการคุมกำเนิด ก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
นี่ก็แสดงถึงความไม่แน่นอนของเรื่องประชากร เพราะเมื่อ 30-40 ปีก่อน เราตกใจกันมากเรื่องประชากรจะล้นโลก จึงมีนโยบายประชากรออกมา และเน้นการวางแผนครอบครัว หรือการคุมกำเนิดให้มีลูกไม่เกิน 2
ทำไปทำมา กลับต้องมานั่งเป็นห่วงว่าเรามีคนเกิดน้อยไป อันจะเป็นเหตุให้เกิดวิกฤติเรื่องประชากรขึ้นได้หรือเปล่า?
สรุปว่าเมืองไทยกำลังเข้าสู่ยุค คนเกิดน้อย คนแก่มาก ในอนาคตมีปัญหาแน่ๆ...ทำอย่างไรจะให้ทุกอย่างพอดี...เช่น เกิดพอสมควร แก่พอสมควร...น่าจะต้องช่วยกันคิดตั้งแต่บัดนี้
ไม่งั้นเมืองไทยจะมีแต่ ขิงแก่ เพราะ ขิงอ่อน โตไม่ทัน เอาไปต้ม เอาไปผัดอะไรจะกินไม่อร่อยเอานาครับ.
"ซูม" //www.thairath.com/news.php?section=society02&content=59894
Create Date : 06 กันยายน 2550 |
Last Update : 6 กันยายน 2550 17:08:48 น. |
|
0 comments
|
Counter : 220 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|