มิถุนายน 2554

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
11
12
13
14
15
16
17
18
20
21
22
23
24
25
26
28
29
 
 
All Blog
ครั้งแรกที่เจอผีหลอกจังๆ
เหตุการณ์นั้น ทำให้คนอย่างเรามั่นใจว่า ผีมีจริง ที่มั่นใจมากๆ ก็ตอนเจอหลอกกันทั้งหอ ตอนนั้นไปเรียนพิเศษที่จังหวัดนึงไม่บอกชื่อละกัน แล้วก็ไปกับเพื่อนกันหกคน เช่าหออยู่ ในหอก็มีแต่เด็กที่เรียนพิเศษนี่หละ แล้วของ อย่างเสื้อผ้าที่ตากไว้ จะหายบ่อยมากๆ ทุกคนหายกันหมด ชั้นบนสุดของหอจะเป็นชั้นดาดฟ้า พวกเราก็ไปตากผ้ากัน

ห้องพักจะเป็นห้องแถวยาวๆ เปิดประตูก็จะเจอห้องตรงข้าม แบ่งเป็นสองแถวเหมือนหอพักทั่วไป ด้านนอกหอเป็นตึกใหม่พอสมควร ด้านในเป็นห้องที่กั้นด้วยกระดาน โทรมแตกต่างกับด้านนอกมาก เป็นหอพักที่เจ้าของรรกวดวิชา ติดต่อไว้ให้เด็กๆที่เข้าไปเรียนกัน




ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต ของจริงเก่าและแคบกว่านี้เยอะค่ะ


ห้องเราจะอยู่ลักษณะเป็นแบบ ห้องละสามคน สมมติเลขนะ 211 212 213 ราวๆนี้ เราอยู่ห้อง 212 เพือนอยู่ 211 แล้วทีนี้จากนั้นก็จะเป็นเด็กจากจังหวัดอื่น ไม่เคยรุ้จักไม่เคยเจอไม่เคยคุยกัน อาจจะมีเจอบ้างเวลาอาบน้ำ แต่ก็ไม่เคยได้สนิท เพราะไปกันหกคนก็คุยกันจนเหนื่อยแ้ล้ว

ทีนี้มาต่อ ห้องที่เรานอน ช่วงราวๆสามทุ่มกว่า ก็จะเริ่มนอนอ่านหนังสือ ทบทวนบทเรียนกัน ก็ตั้งใจอ่านกันเงียบๆนี่หละ แต่เจ้าห้อง 213 มันจะคุยกันตลอดเลย แบบคุยกันเสียงดังด้วย เสียงเหมือนอยู่กันเยอะ พวกเราก็จะเคาะผนังห้อง บอกว่า เงียบๆหน่อย จะอ่านหนังสือ หลังจากนั้นเค้าก็จะเงียบไป เป็นแบบนี้ทุกคืนเลยก็ว่าได้

เพื่อนๆเราโดนขโมยเสื้อใน กางเกงใน ตอนแรกคิดว่า จะเป็นพวกผู้ชายโรคจิตซะอีก แต่ก็ยืนยันได้ว่า ไม่น่าจะมี เพราะด้านล่างของหอ เจ้าของหอเฝ้าตลอด และใต้หอน่ะ ก็เป็นร้านเช่าหนังสือ เราได้อ่านนิยายโปรด เรื่องภูติพระจันทร์ครั้งแรกก็ตอนนี้เอง เช่ามาอ่านหลายเล่ม เค้าก็เปิดจนห้าทุ่มมั้ง ดังนั้น เวลาเข้าออก ด้วยความที่เป็นหอหญิง ก็จะต้องไม่มีผู้ชายเข้าไปได้ ต้องรอข้างนอกเท่านั้น

ส่วนเจ้าของหอ ก็เป็นคนจีนครอบครัวใหญ่ ที่พวกเราเห็นมีผู้ชายแก่อยู่สองคนมั้ง แต่ไม่รู้ว่าเรียกว่าอะไรบ้าง ซึ่งก็ไม่น่าจะมีแรงไปขโมยจนถึงชั้นดาดฟ้า ก็คือชั้นห้า คือชั้นล่างเป็นบ้านกับร้านหนังสือ ชั้น 2-3-4 กั้นเป็นหอพักทั้งหมด ชั้นห้าก็ดาดฟ้า ทั้งหมดไม่มีลิฟท์ ไปกันด้วยบันได

ซึ่งถึงของจะหายเยอะแค่ไหน เราก็ไม่เคยโดนขโมยเลย เสื้อผ้าเราเน่ามากแหงๆ

แล้วหลังจากนั้น ก็เริ่มมีเสื้อผ้าหาย กางเกงทั่วไปหาย มันไม่ขโมยแต่ชุดชั้นในแล้ว เริ่มลามไปขโมนเสื้อผ้าที่ดูดีทุกอย่าง คราวนี้ก็จะไม่มีใครไปตากเสื้อไว้ข้างนอกเท่าไหร่แล้ว แต่พวกเราก็ยังไปตากชั้นดาดฟ้ากันอยู่ พอให้มันไม่เปียกโชก เราก็จะไปเก็บมารีดกัน

เล่าเรื่องราวตากผ้า มันจะเป็นลักษณะประมาณ สูงเท่าๆกับบ่า ขึงด้วยเส้นลวดธรรมดา ติดๆกันนั่นหละ วันนึงใกล้จะหมดคอร์สแล้ว พวกเราก็ไปซักผ้าเตรียมไว้เพือ่ที่จะเก็บวันต่อไปเพื่อกลับบ้าน

แล้วทีนี้ ไปเรียนพิเศษ กลับมา เสื้อผ้าหายเกือบทั้งหมด พวกเราก็เลยไปไหว้ศาลพระภูมิที่อยู่บนดาดฟ้า ส่วนตัวไม่ได้ขออะไร ไหว้ตามเพื่อนเฉยๆ เพื่อนบอกว่า ขอให้จับคนขโมยเสื้อผ้าได้ด้วยนะคะ

แล้วก็พากันลงมาตามปกติ แล้วก็เข้าไปในห้อง อ่านหนังสือ ช่วงนั้น ราวๆสี่ทุ่มมั้ง

และทันใดนั้น หลังจากพวกเราเข้าห้องไปได้ราวๆสิบนาที ก็มีเสียงกรี๊ด แบบว่าดังมาก แล้วก็มีเสียงตะโกนนอกห้อง ว่า จับคนขโมยเสื้อผ้าได้แล้ว ก็เลยเปิดห้องออกไป ตอนนั้น มันเป็นลักษณะที่ว่า ประตูทุกห้องเปิดกันหมด แล้วก็วิ่งกรูกันไปห้องของขโมยคนนั้น

โอ้โห นังคนนี้มันนอนอยู่บนกองเสื้อผ้า เกือบครึ่งห้อง มีบางส่วนมันเก็บใส่ถุงที่เหมือนถุงปุ๋ยที่แม่ค้าเค้าชอบเอามาใส่เสื้อโหลนะ บางส่วนยังวางผึ่งๆไว้ด้วย เพราะมันยังไม่แห้ง เสื้อผ้าของพวกเราก็มี


คนขโมยร้องให้กรี๊ดไม่หยุดเลยนะ แบบร้องให้เหมือนเสียสติ กรี๊ดๆๆ ทุกคนก็ไปรุมกันหมดที่ห้องมัน ตอนนั้นแออัดยัดเยียดมาก แล้วทีนี้ก็มีคนให้ลากเสื้อผ้าในห้องมันออกมาแล้วเอามาวางไว้กลางลานชั้นสอง มันจะมีที่ว่างนิดนึง แล้วจะปิดมันเอาไว้ในห้องคนเดียว กลัวมันจะหนีไง

มันก็ร้องให้ ไม่ให้ล็อค กรี๊ดแล้วก็เกาะขาเพื่อน รร มันเอาไ้ว้ บอกว่า ไม่ๆๆๆๆ คือมันอยู่คนเดียว เพื่อนๆที่มาเรียนและจองห้องเดียวกัน กลับบ้านไปกันหมดแล้ว เหลือมันใช้ห้องเป็นที่สุมสมบัติคนเดียว

มันก็ไม่ยอมอยู่ในห้องคนเดียว ขอเกาะมากะเพื่อนรร มันนั่นหละ (เรียกว่ามันคงไม่ว่าอะไรนะ เพราะก็เป็นขโมย จะให้เรียกคุณขโมยก็ใช่เรื่อง)
ก็เอาเสื้อผ้ามาผึ่งๆทั้งหมด แล้วก็มาดูกัน ทุกห้องมากันหมดเลย แล้วก็เริ่มคุยกันเสียงดัง

ทีนี้เจ้าของหอก็ขึ้นมา เจ้าของหอก็ถามว่า จับได้แล้วเหรอ ทำไมจับได้ นังขโมยมันร้องให้ไม่หยุดเลย ใช้เวลานานมากกว่าเจ้าของหอจะปลอบ จนกว่าจะคุยกันรู้เรื่อง

ได้ความว่า ก่อนที่มันจะกลับมาร้องกรี๊ดเนี่ย ม้นขึ้นไปจะขโมยเสื้อผ้าบนดาดฟ้าอีกนี่หละ มันก็ดึงเสื้อจากราวเป็นว่าเล่นเลย แล้วก็ดึงไม่ได้แบบมันก็เลยเงื้อมือขึ้นไปคิดว่ามันติดไม้หนีบ

พอมันเงยหน้ามองขึ้นไป เป็นคนใส่ชุดไทย กับเด็กมั้ง นอนอยู่บนราวตากผ้า คงจะจ้องหน้ามันเขม็งเลยหละ เออ ราวตากผ้ามันสูงนะ ราวๆบ่า แล้วก็เชือกก็ขึงด้วยเส้นลวดด้วย

มันก็คงเข่าอ่อนเลยละมั้ง วิ่งลงจากชั้นดาดฟ้า ลงมาชั้นสอง ล้มลุกคลุกคลานมา เข่าถลอกปอกเปิกหมด ดูที่เข่ามันเป็นแผลทั้งสองข้างเลย

แล้วก็เข้าไปในห้อง แล้วก็วิ่งออกมาเคาะห้องเพื่อน บอกว่า เสื้อผ้าๆ เพื่อนมันเลยเข้าไปห้องมัน ปกติมันไม่เคยให้เพื่อนเข้าห้องเท่าไหร่ เพราะว่ามันจะไม่ใช่กลุ่มเพื่อนที่สนิทกัน เพื่อนสนิทๆหนีกลับบ้านหมดแ้ล้ว พอเข้าไปก็เลยเจอ ก็เลยบอกว่า เจอเสื้อผ้าแล้วๆนั่นหละ

แล้วทีนี้ก็แบบมันรีบๆกันใช่มั้ย ประตูห้องแทบทุกห้องมันก็เปิดคาเอาไว้ ไม่ค่อยมีใครปิดกันหรอก ตอนค้นๆเืสื้อผ้ากันว่าของใครๆ เราก็บอกว่า เออ ห้อง 213 มันไม่หนวกหู ไม่ตกใจกันเลยเหรอวะ เสียงดังขนาดนี้ แล้วเสื้อผ้ามันไม่โดนขโมยมั่งเหรอ แล้วเพื่อนเราก็เสริมมาว่า เออ ปกติมันก็นอนดึกจะตาย เวลาเราอ่านหนังสือดึกๆ ถ้าไม่เคาะก็ไม่หยุดคุยกัน

แล้วก็มีคนนึง มองหน้าพวกเราแบบ พวกเธอว่า ห้อง 213 มีคนคุยกันดึกๆทุกวันเหรอ

ห้อง 213 เป็นห้องที่เพื่อนเราเคยอยู่นะ มันอยู่กันสองคน อยู่ได้สามวันมั้ง หนีกลับบ้านไปแล้ว คือเวลามันกลับจากเรียน เปิดประตูห้องเข้าไป แล้วมองกระจกตู้ คือเอากระจกตู้วางไว้ตรงข้ามประตูแทบทุกห้องเลย ตู้เก่าๆน่ะ

เวลาเปิดประตูห้องเข้าไป มองเห็นกระจก จะมีคนจ้องเขม็งในกระจก มองตรงมาที่มันหละ มันก็เลยมานอนห้องเรา(คนที่เล่าเรื่องให้เราฟัง)

วันที่สองของการนอนที่หอ มันเข้าไปเอาเสื้อผ้า อาบน้ำ ก็นะ ตอนเข้าไปสองคนไม่เจอ พอคนเดียวก็ อืม

วันที่สาม เก็บเสื้อผ้ากลับบ้านเลย พวกเค้ามากันห้าคน เหลือแค่สามคนคือคนที่เล่าเรื่องให้เราฟัง กับรูมเมทอีกสอง เพราะว่ายังเสียดายค่าเรียนอยู่

เท่านั้นหละ คำตอบคือ ไม่มีคนอยู่ในห้อง 213 มานานแล้ว แล้วที่ทุกคืนที่ได้ยินเสียงคนคุยกัน แล้วพวกเราต้องเคาะห้องเค้า แล้วหลังจากเคาะห้องเค้าแล้วก็จะเงียบ มันคืออะไร

คิดดูแล้วกันว่า สภาพหน้าพวกเราตอนนั้นมันเป็นยังไง พวกเราเลยเดินไปหาเจ้าของหอ ถามว่า ที่นี่มีผีเหรอคะ

เจ้าของหอบอกว่า ที่นี่ไม่มีผี แต่ยอมรับว่าที่นี่มีเจ้าที่ เจ้าที่ท่านจะให้คุณเท่านั้น เจ้าที่ไม่หลอกหรือทำร้ายใคร เหมือนอย่างที่มีคนขโมยของ ท่านก็จับได้นั่นไง ไม่มีอะไรต้องกลัว

แต่ตอนนั้น กูกลัว และเพื่อนๆกู รวมถึงคนที่เล่าเรื่องห้อง 213 ให้ฟัง ก็กลัวมาก โทรหาพ่อกับแม่ บอกว่ามารับกลับบ้านเลย พรุ่งนี้ ไม่อยู่แล้ว

เหลือเวลาเรียนอีกสามวันมั้ง จำไม่ค่อยได้ จะปิดคอร์ส

พอเพื่อนโทรหาพ่อแม่ เล่าเรือ่งให้ฟัง พ่อแม่เพื่อนก็ตกลงว่า จะมารับพรุ่งนี้เลย ส่วนเรา โทรหาพ่อแม่ พ่อแม่บอกว่าไร้สาระ ผีไม่มีจริง จะให้กลับตอนเรียนเสร็จแ้ล้วเท่านั้น เราเลยบอกว่า จะกลับกับเพื่อน พ่อแม่ก็บอกว่า ก็ลองดูก็แล้วกัน กลับแล้วก็ไปอยู่กับเพื่อน ไม่ต้องกลับบ้าน

คืนนั้นโมโหมาก ทั้งโมโห ทั้งน้อยใจ ร้องให้ แล้วก็แน่นอนว่า อพยพไปนอนห้อง 211 กันหมด นอนเรียงกันเลย เต็มห้อง คืืนนั้น กว่าจะเช้า มันยาวนานมาก ส่วนเรื่องขโมย เราไม่รู้ว่าเค้าจัดการกันยังไง เพราะพอรู้เรื่องข้างห้องตัวเอง และคำตอบที่ได้จากเจ้าของหอแล้ว ก็เลิกสนใจขโมยแล้ว

ตอนเ้ช้า เรายังต้องไปเรียน เพราะว่าพ่อโทรมาเช็คว่า ไปเรียนหรือยัง ส่วนพ่อแม่เพื่อน ก็มาถึงตั้งแต่หกโมงเลยหละ รีบขับรถมากันสองคัน เหลือเราที่ไปเรียนคนเดียว

วันนั้นตอนเที่ยง หยุดพักเที่ยงตอนเรียนพิเศษ ก็เลยพาเพื่อนที่เป็นเด็กอีกจังหวัดนึง ที่นั่งเรียนข้างๆกัน มาเก็บเสื้อผ้า เล่าเรือ่งให้มันฟัง มันก็บอกว่า จะบอกตั้งแต่แรกแล้ว ที่เคยมาที่หอ ว่าหอเราน่ะ มันเหมือนโรงแรมผีร้างๆยังไงก็ไม่รู้ มากันสามคน เข้าไปในหอ เจ้าของหอก็กำลังเชิญพระมาสวดมนต์ ทำบุญหอพอดี

เราก็เก็บเสื้อผ้าบางส่วนไปใช้ให้พออยู่ให้ได้สามวัน ไม่เก็บของอะไรทั้งนั้น ตอนนั้นโมโหมาก ไม่ยอมมารับ เดี๋ยวช่วยเราเก็บก็แล้วกัน

จนเรียนเสร็จ วันสุดท้าย แล้วเช้ารุ่งขึ้นวันต่อมา พ่อแม่ก็มารับ ช่วยกันเก็บของกลับบ้าน

จนกระทั่งวันเิปิดเทอม เจอเพื่อนๆ ม 6 แล้วตอนนั้น เราคุยกันเรื่องหอก็ยังสยองพอกัน พ่อแม่เพื่อนถูกหวยด้วย สองตัวรึว่าสามตัวไม่รู้ ลืมไปแล้ว

นี่เป็นเรื่องผี ที่เราแน่ใจว่า ผีมีจริง เพราะว่าไม่ได้โดนคนเดียว เสียงคนคุยข้างห้อง พวกเราที่นอนด้วยกันสามคนได้ยิน และค่อนข้างมั่นใจว่า มันมาจากห้องข้างๆแน่ๆ ไม่ใช่ห้องถัดไป เพราะว่าเราชอบเคาะห้องเพื่อน เวลาจะเรียกกันด้วย ลักษณะการคุย การได้ยิน เสียงงึมๆงำๆ แต่ฟังไม่ออกว่า เขาพูดอะไีรกัน จับใจความไม่ได้


เราไม่ต้องการให้ใครเชื่อ ทั้งหมดมันเิริ่มต้นจากการอยากรู้คำตอบ เลยถาม ส่วนเรื่องผี เราคิดว่ามีจริง แต่ถ้าเรามีจิตใจเ้ข้มแข็ง อย่างเช่น ช่วงมีความรักเยอะๆ ผีไม่น่ากลัว

แต่ถ้าช่วงจิตตกแบบเนี้ย ผีน่ากลัวมากๆเลยหละ



Create Date : 30 มิถุนายน 2554
Last Update : 30 มิถุนายน 2554 2:27:13 น.
Counter : 1962 Pageviews.

3 comments
  
งืมมม น่ากลัวจริงๆคร่ะ
โดย: aom_charming วันที่: 30 มิถุนายน 2554 เวลา:4:06:28 น.
  
เลยไม่รู้ว่าจัดการกับคนขโมยอย่างไร แล้วคนเล่าถูกหวยรึเปล่า
โดย: TarmjaiMoo วันที่: 30 มิถุนายน 2554 เวลา:6:41:34 น.
  
คนเล่าไม่ถูกหวยเลยค่ะ

ส่วนคนขโมยนี่ เจ้าของหอเค้าพาไปโรงพยาบาลคืนนั้นเลยค่ะ เพราะของก็ได้คืนหมดทุกคน แต่สติคนขโมยไม่รู้ว่าจะได้คืนหรือเปล่านะคะ
โดย: jommassalyn วันที่: 8 กรกฎาคม 2554 เวลา:4:06:56 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

jommassalyn
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



ดีจ้า
google-site-verification: google895789bf776a19de.html