มกราคม 2556

 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
27
28
29
30
31
 
 
ฟังธรรมะของหลวงพ่อปราโมทย์กันคับ
ชุดนี้หลวงพ่อเทศน์ที่ชมรมกัลยาณธรรม

เรื่องจิตตภาวนา  ฟังง่ายคับ






Create Date : 26 มกราคม 2556
Last Update : 26 มกราคม 2556 15:53:29 น.
Counter : 2539 Pageviews.

42 comments
  


ชุดนี้เทศน์ที่เชียงใหม่คับ ตื่นรู้ด้วยสติ


โดย: จะเด็จจอมโจรขี้โม้แต่หล่อคับ วันที่: 26 มกราคม 2556 เวลา:15:56:32 น.
  


ความสุขจากการเจริญสติ


โดย: จะเด็จจอมโจรขี้โม้แต่หล่อคับ วันที่: 26 มกราคม 2556 เวลา:15:58:52 น.
  


ดูจิตด้วยความรู้สึกตัว


โดย: จะเด็จจอมโจรขี้โม้แต่หล่อคับ วันที่: 26 มกราคม 2556 เวลา:16:00:02 น.
  
ปาฏิหารย์แห่งการตื่นรู้

โดย: จะเด็จจอมโจรขี้โม้แต่หล่อคับ วันที่: 26 มกราคม 2556 เวลา:16:09:54 น.
  
อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ พี่จอมโจร

โดย: เกิดมาสวย (morikaza1 ) วันที่: 26 มกราคม 2556 เวลา:16:28:21 น.
  
ขอบคุณคร้าบบบบบบบบบบบบ
ดอกบัวสวยมากๆๆๆๆ^^
โดย: จะเด็จจอมโจรขี้โม้แต่หล่อคับ วันที่: 26 มกราคม 2556 เวลา:17:38:31 น.
  
วิธีพัฒนาปัญญา











โดย: จะเด็จจอมโจรขี้โม้แต่หล่อคับ วันที่: 26 มกราคม 2556 เวลา:17:57:29 น.
  
เทศน์ที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิต

โดย: จะเด็จจอมโจรขี้โม้แต่หล่อคับ วันที่: 26 มกราคม 2556 เวลา:18:15:30 น.
  
ขอบคุณมากค่ะ....
แสงแห่งธรรม แสงแห่งปัญญา..
ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ...สาธุ สาธุ

\\(^_^)/
โดย: Jingelbell IP: 124.122.196.147 วันที่: 27 มกราคม 2556 เวลา:7:03:35 น.
  
ขอบคุณครับ พี่จะเด็จ อนุโมทนาครับ
โดย: เอี่ยมน้อย IP: 125.24.73.246 วันที่: 28 มกราคม 2556 เวลา:1:59:02 น.
  
กราบหลวงพ่อปราโมชย์ค่ะ....

อนุโมทนาบุญด้วยในธรรมทานค่าา โคช...
ขอให้มีความสุข ทั้งทางโลก และทางธรรมนะคะ....
โดย: * Bambi.......... IP: 171.7.205.243 วันที่: 28 มกราคม 2556 เวลา:9:28:37 น.
  
อนุโมทนาค่ะ

มีเรื่องขออนุญาตเล่านิดหน่อย
สมัยเรียน (เมื่อซัก 5 ปีที่แล้ว) ได้หนังสือธรรมะเล่มเล็กๆ จากที่ทำงาน เล่มเล็กมากเหมือนหนังสือฉบับพกพา มีไม่กี่หน้า ตอนที่ได้รับก็นึกว่าอยากเอาไปฝากเพื่อนที่เรียนที่เรานึกถึงอยู่ 2 คน

จนวันนึงเพื่อน 1 ใน 2 คนนั้นก็มาบอกเราว่า ขอบคุณมาก ขอบคุณจริงๆ เพราะเราเป็นคนมอบธรรมมะให้กับเค้าเป็นคนแรก ตอนนี้เพื่อนคนนี้กลายเป็นศิษย์ของหลวงพ่อปราโมทย์ไปแล้ว

และเพื่อนคนนี้ก็ทำให้เรารู้จักหลวงพ่อปราโทย์ ทั้งๆ ที่เรามีหนังสือของท่านอยู่ในมือ แต่ไม่เคยนึกหรือคิดในเรื่องธรรมะเลย

และก็อดมีความสุขทุกครั้งไม่ได้ที่นึกถึง เพราะเราได้มอบธรรมมะให้เพื่อน และเพื่อนก็ได้รับมอบและนำไปปฏิบัติได้อย่างสมบูรณ์

โดย: ink IP: 14.207.118.66 วันที่: 29 มกราคม 2556 เวลา:13:48:57 น.
  
กราบนมัสการหลวงพ่อปราโมทย์
ไม่เคยเข้าห้องนี้เลย ขอตามฟังทุกกล่อง
ฟังและอ่านอยู่เสมอค่ะ พระน้องชายแนะนำ
ทุกวันนี้วางได้(บ้าง)เพราะท่าน สอนห้ดูจิต ใจจึงสงบ เย็น
และชอบอ่าน(ฟัง)หนังสือ อ.สุรวัฒน์ ศิษย์ท่านหนึ่ง
ทั้งนับหนึ่ง...ดูจิต.. ดีมากมากค่ะ

ขอบคุณจานจะเด็ดค่ะ อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ
เพราะ พระสุปฎิปันโน บางคนก็ไม่รู้จัก
โดย: maebest วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:16:18:23 น.
  
โดย: จะเด็จจอมโจรขี้โม้แต่หล่อคับ วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:19:23:47 น.
  
โดย: จะเด็จจอมโจรขี้โม้แต่หล่อคับ วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:20:51:13 น.
  
๑๐๔ ปี หลวงปู่จาม มหาปุญโญ
ธรรมะคำสอน : เห็นจิตอยู่เสมอนั่นแหละชื่อว่าภาวนา
ว่าด้วย : 'อายตนะกับจิต'

'... ให้รู้ที่จิต ให้ภาวนาที่จิต รักษาจิตด้วยสติ
ในความรู้สึกใดๆนั้น อย่าสำคัญมั่นหมาย ช่างมัน อย่าให้ความรู้สึกมาหลอกเรา ในความสัมผัสสัมพันธ์ของตา หู จมูก ปากลิ้น กาย จิต กับแสงสี เสียง กลิ่น รส ผัสสะ ความรู้สึก รู้สาใดๆนั้น
รู้แล้ววาง ยืนตัวอยู่กับรู้เสมอ รู้อยู่ขณะ วางอยู่ขณะ รู้แล้ววาง รู้แล้ววาง มันก็ไม่ต่อให้มีอาการ

เอาจิตดูจิต ดูอาการของมัน ดูเฉยๆ อย่าเข้าไปยึด
สุขก็ไม่ให้ยึด ทุกข์ก็ไม่ให้ยึด
สุขทุกข์ มิใช่เรา มิเป็นเรา มิใช่ของเรา
สุขทุกข์ ก็สักแต่ว่า
ระหว่าสัมผัสของจิต กับ อายตนะ ก็สักแต่ว่า อย่ามากเรื่อง
ติดสุข นั่นแหละทุกข์หล่ะ
ชอบใจยินดี นั่นแหละทุกข์ถนัด
ให้พิจารณาว่า อนิจจัง
ของปลอมมันไม่มีแน่ ความแน่ในของปลอมนั้นไม่มี

แส่หาทุกข์ แส่หาสุขมันมาแต่จิต
เราดูจิต จะเห็นกิเลส
การเห็นจิตอยู่เสมอนั้นหล่ะ ชื่อว่า ภาวนา ... '
โดย: จะเด็จจอมโจรขี้โม้แต่หล่อคับ วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:16:34:58 น.
  
๑๐๔ ปี หลวงปู่จาม มหาปุญโญ
ธรรมะคำสอน : สุขทุกข์มีแต่อยู่ในโลกนี้เท่านั้นหล่ะ
ว่าด้วย : 'กระบวนการเกิด-ดับ'

‘… สุขก็ติดอยู่ในโลกนี้ ทุกข์ก็ติดอยู่ในโลกนี้

รู้ไม่ทันทุกข์สุข จึงปรุงแต่ง พอปรุงแต่งก็เป็นสังขาร

มาติดก็ติดอยู่กับสังขารนี้หล่ะ

ติดแล้วมันวางไม่ได้หรอก มันวางไม่ลงหรอก

ไม่มีอะไรจะมาต้านทานได้หรอก นี้หละอำนาจของตัณหา อำนาจของกิเลส อำนาจของ ทุกขัง อนิจจัง

คือมันเป็นอำนาจของวัฏฏะ เป็นการเกิด-การดับ

แปลว่าเป็นโลกออกจากใจ จะตัดกระแสโลก ต้องรู้ขณะจิต

อ๋อ.. จิตเป็นอย่างนี้

อารมณ์เป็นอย่างนี้

จิตประสานอารมณ์เป็นอย่างนี้

การปฏิบัติจึงให้รู้ตัวทั้งในขณะเดิน ยืน นั่ง นอน เคลื่อนไหวไปมา ไม่ให้ลืมตัว ลืมไม่ได้ ดูมันทุกกิริยาอาการ ดูจนรู้เกิด-รู้ดับ ระหว่างเกิดดับ-ดับเกิด จนเหลือแต่ดับ จึงสักแต่ว่ารู้ได้

สุขทุกข์ จึงมีอยู่แต่ในโลกนี้

คือเป็นขะยะวะยัง ธัมมัง อยู่

ไม่หลง ไม่หวั่นไหวใดๆอีก …’
โดย: จะเด็จจอมโจรขี้โม้แต่หล่อคับ วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:16:35:44 น.
  
พระอาจารย์ปราโมทย์ ปาโมชฺโช


ธรรมะเป็นของที่พวกเราต้องฟังด้วยความเคารพ ด้วยความอ่อนน้อม ด้วยความเอาใจใส่
ถ้าเราได้เข้าใกล้สัตตบุรุษ ได้ฟังธรรม ได้ตั้งอกตั้งใจฟัง
ได้พิจารณาใคร่ครวญในเนื้อหาของธรรมด้วยจิตที่มีสมาธิพอ เราก็จะรู้วิธีปฏิบัติที่ถูกต้อง
เมื่อเรารู้วิธีปฏิบัติที่ถูกต้องแล้วก็ถึงขั้นที่เราจะต้องลงมือปฏิบัติให้สมควรแก่ธรรมะ
ธรรมะเป็นของดีเป็นของสูง เราจะมาทำเล่นๆไม่ได้ ต้องทำด้วยความเคารพ

ปฏิบัติธรรมเนี่ย ไม่ใช่เพื่อจะเอาธรรมะนะ
ปฏิบัติธรรมเนี่ย ถือว่าเราปฏิบัติเพื่อเป็นพุทธบูชาได้ยิ่งดีที่สุดเลย
ถ้าเราปฏิบัติธรรมโดยหวังว่าเราจะได้สิ่งนั้น จะได้สิ่งนี้ เราจะไม่ได้อะไรเลยเพราะเราโลภอยู่
งั้นเราต้องปฏิบัติด้วยความอ่อนน้อม ด้วยความสำรวมนะ
พระพุทธเจ้าสอนให้เราปฏิบัติ เราก็จะปฏิบัติ
ปฏิบัติเพื่ออะไร? เพื่อบูชาคุณของท่าน
ถ้าเราตั้งใจได้อย่างนี้การปฏิบัติจะไม่ยากอะไรหรอก

ในความเป็นจริงการปฏิบัติธรรมไม่ใช่เรื่องยากอะไร
แต่คนทั้งหลายนั้นไม่เคยได้ยินธรรมะก็เลยปฏิบัติไม่เป็น
การปฏิบัติธรรมที่แท้จริงก็คือการเรียนรู้ความจริงของชีวิต
การเรียนรู้ความจริงของกายของใจตัวเอง เท่านี้เอง

ถ้าเราได้เห็นความจริงของกายของใจมากเข้าๆนะ
จิตใจเราจะยอมรับความจริงทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตเราได้
อย่างเราคอยรู้สึกอยู่ในร่างกาย เราก็เห็นร่างกายนี้แสดงความไม่เที่ยง
แสดงความเป็นทุกข์ แสดงความบังคับไม่ได้อยู่ตลอดวัน

ร่างกายเราหายใจเข้าก็เพื่อแก้ทุกข์ของการหายใจออก
หายใจออกก็เพื่อแก้ทุกข์ของการหายใจเข้า
ร่างกายของเราต้องเปลี่ยนอิริยาบทก็เพื่อแก้ทุกข์ในอิริยาบทเดิม
ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบทใด จะนั่งให้สบายแค่ไหน จะนอนให้สบายแค่ไหน
ในเวลาเพียงไม่นานความทุกข์ก็จะตามเข้ามาถึง เราก็ต้องขยับตัวหนีความทุกข์ไปอีก
มันคล้ายๆเราวิ่งหนีหมาล่าเนื้อ หมาล่าเนื้อไล่กัดเราอยู่ เราก็วิ่งๆๆไป
พอห่างมาหน่อยเราก็รู้สึกสบาย แป๊บเดียวหมาก็ตามมากัดอีกแล้ว
ความทุกข์นั้นได้ตามบีบคั้นทำร้ายในร่างกายนี้อยู่ตลอดเวลา
ถ้าเราเฝ้ารู้เฝ้าดูอยู่เรื่อยๆนะ ต่อไปใจมันค่อยคลายความยึดถือในร่างกายลง

ร่างกายนี้ไม่ใช่ของดี ร่างกายนี้ไม่ใช่ของวิเศษหรอก
ร่างกายนี้ถูกความทุกข์บีบคั้นอยู่ตลอดเวลา
เนี่ยถ้าเราคอยรู้สึกอย่างนี้นะ ความผูกพันรักใคร่หวงแหนในร่างกายก็จะลดลง
ต่อไปร่างกายจะแก่ มันก็เรื่องของร่างกายที่เป็นตัวทุกข์มันแก่ ไม่ใช่เราแก่
ร่างกายจะเจ็บ ก็ตัวทุกข์มันเจ็บ ไม่ใช่เราเจ็บ
ร่างกายจะตาย ตัวทุกข์มันจะตาย สมน้ำหน้ามันนะ ไม่ใช่เราตาย
เนี่ยมาหัดรู้หัดดูความจริง จนกระทั่งใจมันยอมรับความจริง
มันเข้าใจความจริง ว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ของดีของวิเศษอะไรหรอก

มาเฝ้ารู้อยู่ในจิตในใจเรานะ
ในจิตในใจเราเนี่ยเราวิ่งหาความสุขตลอดเวลา วิ่งหาความสุขตลอดชีวิต
ทำอะไรก็อยากมีความสุขทั้งนั้นแหละ กระทั่งจะดูหนังฟังเพลงก็ทำไปเพื่อมีความสุข
ไปกินเหล้าเมายาก็หวังว่าจะมีความสุข ทำทุกสิ่งทุกอย่างก็เพื่อจะได้รับความสุขมา
แต่ถ้าเรามีสติมีปัญญา รู้เท่าทันจิตใจของเราสม่ำเสมอ
เราก็จะเห็นว่าความสุขมันสั้นนิดเดียว ความสุขเหมือนภาพลวงตา
ความสุขเหมือนความฝัน ความสุขเหมือนพยับแดดนะ
อย่างเราเห็นตามถนนไกลๆ เหมือนมีน้ำยิบยับๆอยู่
พอเข้าใกล้ๆก็ไม่มีจริง เป็นภาพลวงตา เหมือนพยับแดด
เหมือนเปลวควัน เหมือนหมอก อะไรอย่างนี้ ไม่นานก็สลายตัวไป
เหมือนเมฆนะ ไม่นานก็แตกตัวไป

เนี่ยความสุขในชีวิตเรา ในจิตในใจเรานะ
เฝ้าสังเกตรู้ลงไป ความสุขเป็นของไม่ยั่งยืน
เหมือนความฝัน เหมือนภาพลวงตา เหมือนพยับแดด
ถ้าเราเฝ้ารู้ความจริงอย่างนี้มากเข้าๆ ความหลงใหลในความสุขมันจะลดลง
ถ้าความหลงใหลในความสุขลดลง ความดิ้นรนเพื่อจะแสวงหาความสุขก็ลดลง
ที่เราดิ้นรนส่งจิตออกไปทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ก็วิ่งออกไปหาความสุขนั่นเอง
แต่ถ้ามารู้ความจริงแล้วว่าความสุขมันเหมือนภาพลวงตา หลอกๆเท่านั้นเอง
การที่จะดิ้นรนแสวงหา ส่งจิตออกนอกไปทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ก็ไม่มี
มันจะต้องส่งไปหาความสุขที่ไหน ในเมื่อความสุขมันเป็นภาพลวงตา
พอใจเราหมดความดิ้นรนหมดความปรุงแต่งแล้ว
เรากลับไปสัมผัสความสุขอีกชนิดหนึ่งนะซึ่งเป็นความสุขที่เป็นอมตะ คือความสุขของพระนิพพาน
พระนิพพานนั้นเป็นความสุขสุดยอดเลย ถ้าเราหลุดพ้นจากความปรุงแต่งได้เราก็จะสัมผัสพระนิพพานได้

พวกเราก็มีหน้าที่เท่านี้แหละนะ
หน้าที่คอยรู้สึกอยู่ในกาย รู้สึกอยู่ในใจ คอยดูความจริงของกายของใจเรื่อยๆไป
อย่างในร่างกายก็เต็มไปด้วยความทุกข์ ในจิตใจก็เต็มไปด้วยของไม่เที่ยง
ความสุขก็ไม่เที่ยง ความทุกข์ก็ไม่เที่ยง
อย่างเวลามีความทุกข์เกิดขึ้น พวกเราก็ดิ้นรนจะหนีมัน อยากให้ความทุกข์พ้นไป
หรือเวลามีปัญหาชีวิตเกิดขึ้น เราอยากให้ปัญหามันจบๆไปซะที
เราลืมไปอย่างหนึ่งว่าปัญหาหนึ่งจบ ปัญหาใหม่ก็มา
เพราะชีวิตกับปัญหาเป็นของคู่กัน ไม่เคยมีหรอกที่ชีวิตปราศจากปัญหา
บางทีไม่มีปัญหาอะไรเลย อยู่ๆก็ป่วยไข้ไม่สบายไปก็มี
อยู่ๆคนที่เรารักก็ตายก็มี อยู่ๆทรัพย์สินเงินทองเก็บไว้ตั้งเยอะนะ
เศรษฐกิจปั่นป่วนแป๊บเดียวเงินทองไม่มีคุณค่าอะไร เนี่ยอะไรๆก็เกิดขึ้นได้เสมอ

แต่ถ้าจิตใจของเรานะ คอยรู้ลงมาที่กาย รู้ลงมาที่ใจเรื่อยๆเลย
กระทั่งร่างกายของเราก็ไม่ใช่ของดีของวิเศษ กระทั่งจิตใจก็เป็นของแปรปรวน
ในโลกนี้จะมีอะไรเหลือให้ไปชื่นชมยินดี

เราไปชื่นชมยินดีของสิ่งต่างๆในโลก
ก็เพราะว่าเพื่อบำรุงบำเรอให้กายให้ใจเป็นสุข ให้กายให้ใจพ้นทุกข์
ก็ถ้าเมื่อเห็นแจ่มแจ้งแล้วว่ากายกับใจเรานี้มันเป็นทุกข์แท้ๆเลย มันจะเป็นสุขไปไม่ได้
การที่จะไปดิ้นรนแสวงหาอะไรมาบำรุงบำเรอมันนะ
ให้เกินความเป็นจริง ความสมควร ความจำเป็น ก็ไม่เกิดขึ้น เราก็ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยมาก

ความทุกข์ทั้งหลายที่เกิดขึ้นในชีวิตเราเกิดจากเรายอมรับความจริงไม่ได้
เรายอมรับความจริงที่กำลังปรากฏในปัจจุบันไม่ได้
เราอยากให้บางอย่างหายไป เราอยากให้บางอย่างคงอยู่
เราอยากให้บางอย่างเกิดขึ้นมา ของยังไม่มีเราก็อยากให้มันมีขึ้นมา
ของมันมีแล้วเราก็อยากให้มันอยู่นานๆบ้าง อยากให้มันหายไปบ้าง
เนี่ยความอยากของเรามันก็เลยเกิดขึ้นตลอดเวลานะ
ถ้าเรามีความเป็นกลางอยู่กับปัจจุบันได้ ความทุกข์ทางใจมันจะไม่เกิดหรอกเพราะความอยากมันไม่เกิด

นี่ความเป็นกลางทางใจจะเกิดได้ ต่อเมื่อจิตมีปัญญา
เห็นความจริงแล้วว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นเท่าเทียมกัน
ความสุขกับความทุกข์ก็เท่าเทียมกันนะด้วยความไม่เที่ยง
ด้วยความทนอยู่ไม่ได้ ด้วยการบังคับไม่ได้ ยึดถือเอาไว้ตลอดไปไม่ได้
กุศลอกุศลก็เท่าเทียมกัน ด้วยความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตาเหมือนกัน
ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตเราเนี่ยเท่าเทียมกันไปหมดเลย

เนี่ยถ้าเราปฏิบัติมากๆนะใจมันจะเข้าไปสู่ความเป็นกลาง
เมื่อใจเราเป็นกลางนะ ถึงแม้เราจะไม่ได้มรรคได้ผลอะไร
เราก็ได้คุณประโยชน์มากมายแล้ว คือความทุกข์จะตกหายไปเยอะเลย
ใจมันจะเป็นกลางกับทุกสิ่งทุกอย่างได้นะ
ถ้าใจเราไม่เป็นกลาง ใจเราจะมีความทุกข์ มันจะยินดีกับสิ่งนี้ ยินร้ายกับสิ่งนี้
ยินดีในสิ่งใดก็อยากให้สิ่งนั้นเกิด เมื่อสิ่งนั้นเกิดแล้วก็อยากให้สิ่งนั้นอยู่นานๆ
ยินร้ายในสิ่งใดก็ไม่อยากให้สิ่งนั้นเกิด เมื่อสิ่งนั้นเกิดแล้วก็อยากให้หายเร็วๆ ความอยากมันก็ตามหลังมาเนี่ย

เพราะฉะนั้นเรามาเฝ้ารู้นะ
กระทั่งกายกับใจของเราเองก็ยังเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
สิ่งภายนอกยิ่งหาคุณค่าที่แท้จริงยากเข้าไปอีก ใจเราจะค่อยเป็นกลางมากขึ้นๆนะ
มาเรียนรู้ที่ตัวเองแล้วจะเข้าใจโลกทั้งโลกเลย
ถ้าเข้าใจลงมาที่กายที่ใจของเรานี้เราก็จะเข้าใจโลกทั้งโลก
เมื่อไม่ยึดถือในกายในใจนี้แล้วก็จะไม่ยึดถือสิ่งใดในโลกอีก

โดยเฉพาะตัวจิตตัวใจนะตัวสำคัญมากเลย เรายึดถือจิตใจเหนียวแน่นกว่าเรายึดถือร่างกาย
เวลาเราภาวนาเนี่ยจะปล่อยวางความยึดถือในร่างกายได้ก่อนการปล่อยวางความยึดถือในจิตใจ
ปล่อยวางความยึดถือในร่างกายได้ ภูมิธรรมของพระอนาคานาเนี่ยปล่อยแล้ว
แต่ปล่อยความยึดถือในจิตใจต้องพระอรหันต์ถึงจะปล่อยได้
พวกเรายังไม่ปล่อยแต่ว่าก็เดินในร่องรอยที่พระอริยเจ้าทั้งหลายท่านเดินกัน
ค่อยๆฝึกค่อยๆดำเนินไปนะวันละเล็กวันละน้อย
ไม่ต้องรีบร้อนหรอกที่จะบรรลุเร็วๆ แต่ว่าปฏิบัติสม่ำเสมอ
อย่ารีบร้อนที่จะให้ได้ผล อย่าลุกลี้ลุกลน
ปฏิบัติลุกลี้ลุกลนไม่ได้กินหรอก แต่ว่าปฏิบัติแบบย่อหย่อนก็ไม่ได้กินเหมือนกัน

งั้นเราขยันดูนะ ดูบ่อยๆดูเนืองๆ แต่ไม่ได้ดูด้วยหวังผลว่าจะได้อะไร
ดูไปจนวันหนึ่งมันเข้าใจความเป็นจริงของกายของใจได้มันจะเข้าใจความเป็นจริงของโลกด้วย
ทั้งกายกับใจนี้ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ในโลกนี้จะมีอะไรที่น่ายึดถือ


ศาลากาญจนาภิเษก
วันอาทิตย์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2556
โดย: จะเด็จจอมโจรขี้โม้แต่หล่อคับ วันที่: 5 มีนาคม 2556 เวลา:0:22:21 น.
  
โดย: จะเด็จจอมโจรขี้โม้แต่หล่อคับ วันที่: 6 มีนาคม 2556 เวลา:21:43:46 น.
  
"......ทั้งกายกับใจนี้ไม่เที่ยง.....
.....เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา......
.....ในโลกนี้จะมีอะไรที่น่ายึดถือ ....."

สาธุค่ะ...กับธรรมะดีๆค่าา....โคช...
โดย: * Bambi.......... IP: 14.207.14.178 วันที่: 9 มีนาคม 2556 เวลา:20:17:31 น.
  
โดย: จะเด็จจอมโจรขี้โม้แต่หล่อคับ วันที่: 21 มีนาคม 2556 เวลา:21:09:43 น.
  
โดย: จะเด็จจอมโจรขี้โม้แต่หล่อคับ วันที่: 21 มีนาคม 2556 เวลา:21:12:47 น.
  
โดย: จะเด็จจอมโจรขี้โม้แต่หล่อคับ วันที่: 19 เมษายน 2556 เวลา:17:04:39 น.
  
อนุโทนาสาธุค่ะ
โดย: ... IP: 118.173.19.158 วันที่: 28 เมษายน 2556 เวลา:12:10:20 น.
  
(^ /\\ ^ ) อนุโมทนาบุญด้วยคร่าาา


บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
จะเด็จจอมโจรขี้โม้แต่หล่อคับ Education Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 3 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
โดย: ป้าโกว วันที่: 30 เมษายน 2556 เวลา:1:49:21 น.
  
โดย: จะเด็จจอมโจรขี้โม้แต่หล่อคับ วันที่: 4 พฤษภาคม 2556 เวลา:15:28:20 น.
  
กายเปนของไม่เที่ยง ขออนุโมทนาด้วยค่ะ
โดย: meangmao IP: 110.77.189.126 วันที่: 22 พฤษภาคม 2556 เวลา:14:18:35 น.
  
โดย: จะเด็จจอมโจรขี้โม้แต่หล่อคับ วันที่: 2 มิถุนายน 2556 เวลา:23:33:10 น.
  








โดย: จะเด็จจอมโจรขี้โม้แต่หล่อคับ วันที่: 2 มิถุนายน 2556 เวลา:23:36:18 น.
  












โดย: จะเด็จจอมโจรขี้โม้แต่หล่อคับ วันที่: 2 มิถุนายน 2556 เวลา:23:39:56 น.
  
โดย: เกิดมาเป็นโจร วันที่: 8 มิถุนายน 2556 เวลา:20:24:02 น.
  
การปฏิบัติไม่ใช่ฝึกเพื่อหนีการกระทบนะ กระทบแล้วจิตจะกระเทือนก็ไม่เป็นไร ให้รู้ไป กระเทือนก็คือความยินดี ยินร้ายที่เกิดขึ้น จะเกิดก็ไม่ห้ามมัน กระทบแล้วกระเทือนก็ไม่ห้ามมัน ไม่ห้าม…เราฝึกไปไม่ได้ฝึกให้จิตใจเราดีหรอกนะ แต่เราฝึกเพื่อให้จิตใจเราเกิดความฉลาดขึ้นมา เรารู้ว่าเมื่ออารมณ์ดีมากระทบจิต ก็เกิดความสุข อารมณ์ร้ายมากระทบจิตก็เกิดความทุกข์ จิตใจไม่ผันแปรไปตามเหตุปัจจัยที่มากระทบกระเทือน พอรู้เท่าทันก็ปล่อยวาง เราไม่ได้ฝึกเพื่อเอาดีนะ เราฝึกเพื่อเห็นความจริงตามธรรมชาติ แล้วปล่อยวาง วางคืออะไร วางคือรู้ว่ามันก็เป็นอย่างนั้นเอง
ครูบาอาจารย์สอนว่า จิตก็คล้าย ๆ กับกุฏิ ถูกแดดมันก็ร้อน ถูกฝนมันก็เย็น เราฟังแล้วไม่เข้าใจ เราเข้าใจว่าเราต้องฝึกจิตจนไม่มีอะไรมากระทบได้ พอฝึกไปฝึกไปก็เข้าใจว่าไม่ใช่ … เราฝึกแล้ว มาเข้าใจว่าเราฝึกแล้วเราเข้าใจธรรมชาติ เข้าใจตามความเป็นจริงต่างหาก ว่าสิ่งต่าง ๆ ทั้งหลายเป็นไปตามเหตุปัจจัยต่าง ๆ ที่มากระทบ เป็นไปตามเหตุผลของมัน เมื่อไร เราปฏิเสธธรรมชาติ เราก็ทุกข์ เมื่อใดเราไม่ปฏิเสธธรรมชาติ เราไม่ยึดถือ เราก็ไม่ทุกข์ ไม่ทุกข์ไม่ใช่ไม่กระทบนะ แต่กระทบแล้วไม่กระเทือน เหมือนต้นไม้ เมื่อถูกลมพัด ลมพัดเบาก็ไหวเบา ๆ ลมพัดแรงก็ไหวแรง ๆ เราไม่ได้ฝึกฝนให้เหมือนกับต้นไม้ที่ถูกลมพัดแล้วไม่ไหวเลย ไม่ใช่ … เราไม่ได้ ฝึกให้จิตใจเป็นแบบนั้น ไม่ได้ฝึกให้จิตใจกระด้างอย่างนั้น …..
การปฏิบัติไม่ใช่ฝึกเพื่อหนีการกระทบนะ กระทบแล้วจิตจะกระเทือนก็ไม่เป็นไร ให้รู้ไป กระเทือนก็คือความยินดี ยินร้ายที่เกิดขึ้น จะเกิดก็ไม่ห้ามมัน กระทบแล้วกระเทือนก็ไม่ห้ามมัน ไม่ห้ามการกระทบคือตากระทบรูป หูกระทบเสียง ฯลฯ ก็ไม่ห้ามมันแล้วก็ไม่ห้ามการกระเทือน คือกระทบแล้วจิตใจหวั่นไหว เกิดความยินดียินร้าย ก็ไม่ห้ามมัน เรามีหน้าที่รู้ไปเรื่อย ๆ รู้วันใด ใจยอมรับความจริง “.. ธรรมชาติมันเป็นอย่างนี้แหละ ..” มันก็ไม่ทุกข์แล้ว แต่โดยทั่วไปเราไม่ยอมรับความจริงตามธรรมชาติ เราเอาความอยากมานำหน้า คำว่าอยากหรือไม่อยาก มันเป็นความไร้เดียงสาของเรา เป็นส่วนเกิน เพราะถ้าเราเข้าใจว่าสิ่งทั้งหลายทั้งปวงเป็นไปตามเหตุตามผลของมัน…ใจก็สบาย ไม่ถูกความอยากครอบงำ แต่เมื่อความอยากเกิดขึ้นก็รู้ไป อย่าไปห้ามมัน อย่าไปอยากหายอยาก …
(ครูบาอาจารย์ท่านหนึ่งสอนไว้เมื่อ พ.ศ. 2545)
โดย: เกิดมาเป็นโจร วันที่: 8 มิถุนายน 2556 เวลา:20:29:02 น.
  
หลวงปู่ไดโนเสาร์


วิธีการบรรลุธรรมได้เร็วที่สุด



โยม ; หลวงปู่ครับผมทำอย่างไรจะบรรลุธรรมได้เร็วที่สุด



หลวงปู่ ; ก็ละความอยากบรรลุธรรมของคุณสิ ได้เร็วที่สุด คุณละได้เร็วเท่าไหร่คุณก็จะบรรลุธรรมได้เร็วเท่านั้น



โยม ; ไม่ใช่ครับผมหลวงปู่ ผมหมายถึงว่า ในการปฏิบัติธรรม วิธีการปฏิบัติของสายใดเป็นวิธีลัดให้เราบรรลุธรรมได้ง่ายๆและเร็วที่สุด



หลวงปู่ ; เออ ก็อย่างนั้น แล้วคุณจะรีบไปไหนหล่ะ หรือทุกวันนี้คุณรีบไม่พอ เดินทางก็รีบ ทำมาหากินก็รีบ รีบไปหมด การปฏิบัติธรรมก็รีบ คุณดูนี่ (แล้วท่านก็ยกมือข้างซ้ายท่านขึ้นมา กางนิ้วมือทั้ง ห้าน้ิวออก แล้วก็เริ่มโบกเร็วๆ) คุณว่าตอนนี้มีกี่นิ้ว



โยม ; เห็นไม่ชัดครับผม หลวงปู่ต้องโบกข้าๆครับผม ผมถึงจะเห็น



หลวงปู่ ; นั้นๆ นี่ไงหล่ะ ขนาดคุณยังอยากให้หลวงปู่โบกมือช้าๆเลย โบกมือเร็วๆไม่เห็นนิ้วมือใช่ไหม โบกช้าๆมันจึงจะเห็นชัด การปฏิบัติธรรมหน่ะคุณเอ้ย มันไม่มีอะไรเร็วได้ดอก รีบทำ รีบทำ มันไม่เห็นปัญญานะ ถึงเห็นมันก็ไม่แจ้ง ต้องค่อยๆทำ ค่อยๆเป็นค่อยๆไป แต่อย่าหยุด เดินทุกวัน ทำทุกวัน ภาวนาทุกวัน ขี้เกียจขี้คร้านก็ทำ ขยันหมั่นเพียรก็ต้องทำ อย่าหยุด ค่อยเป็นค่อยไป พวกคุณใช้ชีวิตแบบเร่งๆรีบๆจนเคยตัว เลยคิดว่าการพ้นทุกข์นั้นก็รีบได้ ยิ่งพวกคุณอยาก พวกคุณรีบ ยิ่งพวกคุณปฏิบัติสุกเอาเผากิน ธรรมมะก็ยิ่งจะหนีห่างพวกคุณออกไปไกลเรื่อยๆ ค่อยๆคิด ค่อยๆทำ สังเกตุไปทุกระยะ ตั้งสติอย่าขาด อย่าวาดอนาคต อย่าผูกอดีต อย่าอยาก การปฏิบัติธรรมให้เหมือนการเอามือกำนกตัวน้อยๆ กำแรงนกก็ตาย กำเบานกก็บินหนี กำให้มันพอดี อย่าเบาอย่าแรง อย่าเร่งอย่ารีบ อย่าอยากมุงหลังคาทั้งๆที่ยังไม่ตั้งเสายังไม่เทพื้นเทคาน ทานเป็นเหตุชำระกิเลสอย่างหยาบมีศีลเป็นผล ศีลเป็นเหตุชำระกิเลสอย่างกลางมีสมาธิเป็นผล สมาธิเป็นเหตุชำระกิเลสอย่างละเอียดมีปัญญาเป็นผล ปัญญาเป็นเหตุรู้รอบในกองสังขารทั้งปวงมีวิมุติความหลุดพ้นเป็นผล ทำไปตามขั้นตามตอน อย่าอยากอย่าเร่งอย่ารีบ ถ้ามันบ่มให้สุกได้อย่างกล้วย อย่างมะม่วง มันก็ดีหน่ะสิแต่ในความเป็นจริงมันทำไม่ได้ ไม่มีใครลัดได้ดอก ดูความยาก ดูความลำบากของการปฏิบัตินะ มันจะได้ละอยาก ละความห่วงในโลก อันนั้นหล่ะคุณจะได้ไวไว เข้าใจนะ
โดย: จะเด็จจอมโจรขี้โม้แต่หล่อคับ วันที่: 29 กรกฎาคม 2556 เวลา:22:57:21 น.
  
โดย: จะเด็จจอมโจรขี้โม้แต่หล่อคับ วันที่: 6 สิงหาคม 2556 เวลา:21:43:18 น.
  
โดย: จะเด็จจอมโจรขี้โม้แต่หล่อคับ วันที่: 31 สิงหาคม 2556 เวลา:20:51:37 น.
  


กลยุทธแยกกายใจ


โดย: จะเด็จจอมโจรขี้โม้แต่หล่อคับ วันที่: 31 สิงหาคม 2556 เวลา:20:53:27 น.
  
โดย: จะเด็จจอมโจรขี้โม้แต่หล่อคับ วันที่: 31 สิงหาคม 2556 เวลา:21:14:09 น.
  
โดย: จะเด็จจอมโจรขี้โม้แต่หล่อคับ วันที่: 31 สิงหาคม 2556 เวลา:21:15:55 น.
  
โดย: จะเด็จจอมโจรขี้โม้แต่หล่อคับ วันที่: 6 กันยายน 2556 เวลา:0:16:33 น.
  








โดย: จะเด็จจอมโจรขี้โม้แต่หล่อคับ วันที่: 7 กันยายน 2556 เวลา:14:54:48 น.
  
โดย: จะเด็จจอมโจรขี้โม้แต่หล่อคับ วันที่: 19 กันยายน 2556 เวลา:11:40:07 น.
  
โดย: จะเด็จจอมโจรขี้โม้แต่หล่อคับ วันที่: 28 กันยายน 2556 เวลา:15:56:53 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

จะเด็จจอมโจรขี้โม้แต่หล่อคับ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 57 คน [?]



พ้มคือนายจะเด็จ จอมโจรคับความจริงเป็นทายาทเศรษฐีร้อยล้านพันล้าน แต่มีความจำเป็นต้องปิดบังอำพรางตัวเพื่อป้องกันการถูกลักพาตัวเรียกค่าไถ่ จึงต้องกลายมาเป็นโจร เล่นหุ้นมาหลายปีแล้วคับตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ เทคนิคเล่นหุ้นสไตล์เถิดเทิง มีทริดสะดือเป็นของตัวเอง แกะรอยเจ้ามือเป็นทริดสะดือหลัก ถูกเจ้ามือกินรวบเป็นทริดสะดือรอง เป้าหมายสูงสุดคือเป็นเจ้ามือกินรวบฟิวเจอร์ทุกชนิดคับ 555555


เชื่อในสิ่งที่เห็น เห็นในสิ่งที่เชื่อ
ฝันให้ไกล ไปให้ถึง


อัพเดททั้งหมดในบล็อคนี้เป็นเพียงความเห็นส่วนตัว
ไม่ได้โอ้โลม ปฏิโลม เล้าโลมให้เชื่อคับ
การลงทุนมีความเสี่ยง
โปรดเขย่าหัวก่อนตัดสินใจลงทุน อิอิ