มัสยิดต้นสน
มัสยิดต้นสน เป็นมัสยิดเก่าแก่มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา สร้างในปลายสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เมื่อพ.ศ.๒๒๑๑ โดยเจ้าพระยาราชวังสันเสนีย์ (ม๊ะหมูด) เดิมเรียกกันว่า "กุฏีใหญ่" ซึ่งเรียกย่อมาจาก กุฏีบางกอกใหญ่ อาคารเดิมสร้างเป็นเรือนไม้สักยกพื้น หลังคามุงด้วยกระเบื้องดินเผา รูปทรงคล้ายศาลาการเปรียญที่อยู่ในวัดศาสนาพุทธ ในสมัยรัชกาลที่๒ ชาวมุสลิมในบริเวณคลองบางกอกใหญ่ได้ร่วมมือกันบูรณะใหม่ โดยสร้างเป็นอาคารก่ออิฐถือปูน ต่อมาในปีพ.ศ.๒๔๙๕ ได้มีการสร้างใหม่อีกครั้ง
โดยสร้างเป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กเนื่องจากอาคารหลังเดิมทรุดโทรมเกินกว่าจะบูรณะได้ และได้ปลูกต้นสนคู่ใว้ที่หน้าประตูกำแพงมัสยิด และเปลี่ยนชื่อเป็นทางการว่า "มัสยิดต้นสน" ภายในมัสยิดมีที่แสดงธรรมเรียกว่า มิมบัร ลักษณะสวยงาม และมีแผ่นกระดาษใหญ่ซึ่งมีรอยแกะสลักภาษาอาหรับ และรูปวิหารกะบะ รวมทั้งผังของมัสยิดในนครเมกกะ เป็นหลักฐานที่พบในสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
กรอบประตูตกแต่งบัวปูน และกรอบประตูทางเข้าตกแต่งด้วยบัวหินขัดสีขาวลวดลายงดงาม
ตรงนี้สำหรับชำระร่างกายให้สะอาดบริสุทธิ์ก่อนเข้าทำพิธีละหมาด ตามหลักศาสนาอิสลาม
สมาคมสนธิอิสลามอยู่ด้านในของมัสยิด และยังเคยเป็นอาคารรับเสด็จเมื่อครั้งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่๘ ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมชมมัสยิดต้นสนและชาวชุมชนพร้อมด้วยพระอนุชา (พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช) เมื่อ ๒๖ เมษายน ๒๔๘๙ ครั้งนั้นได้มีการปรับปรุงอาคารไม้สองชั้นหลังคาทรงปั้นหยาประดับลวลลายขนมปังขิง
วันที่จขบ.ไปภายในมัสยิดกำลังมีการละหมาดพอดีค่ะ
มิห์รอบที่ใช้ในปัจจุบันเป็นหินอ่อนกรุกำแพงรอบซุ้ม ถัดมาด้านในลายช่อพรรณพฤษา ไล่ลงมาก็จะเป็นลายคล้ายรูปขั้นบันไดและรูปดาวหกแฉก แล้วก็ช่วงคอช่องโค้งจะเป็นข้อความภาษาอาหรับ
ส่วนด้านล่างลงมาจะเป็นลวดลายเรขาคณิต
อิหม่ามดร.เฟาซัล หลังปูเต๊ะ
ลวดลายด้านบนเป็นไม้ทั้งหมด
มิมบัรหรือแท่นแสดงธรรม เป็นที่ให้อิหม่ามแสดงธรรมหรือปราศัยในโอกาสที่มีการละหมาดแท่นยืนมีที่นั่งพัก แต่เสียดายไม่ได้ถ่ายด้านข้างที่เป็นลวดลายแกะสลักสวยงามมากๆ
ลวดลายด้านบนอีกมุมหนึ่ง
หน้าต่างรอบด้านตัวมัสยิดใช้ไม้ฉลุลวดลายสวยงาม
มิห์รอบและมิมบัรทรงไทย มิห์รอบ (เครื่องกำหนดชุมทิศ) คือองค์ประกอบหนึ่งภายในมัสยิดสำหรับระบุทิศทางไปยังประเทศซาอุดิอาระเบียอันเป็นทิศที่มุสลิมต้องหันไปในยามละหมาดด้วยเป็นศาสนศิลป์ที่มีความสำคัญ และมิมบัร (แท่นแสดงธรรม) แม้จะเป็นมัสยิดอิสลามแต่กลับกลายเป็นศิลปะไทยแบบอยุธยาตอนปลาย โดยมิห์รอบนั้นจำหลักหน้าบันเป็นลายกระจังก้านขด ยกช่อฟ้าใบระกาลงรักปิดทองสวยงามแบบไทยๆ ส่วมมิมบัรนั้นเป็นศิลปะผสมแบบชวาลงรักปิดทองประดับกระจกเช่นกัน แสดงให้เห็นถึงการผสมผสานระหว่างศิลปวัฒนธรรมได้เป็นอย่างดี แต่ปัจจุบันมิห์รอบและมิมบัรทั้งสองถูกเก็บรักษาใว้ไม่ได้นำมาใช้งานแล้ว
และยังมีสิ่งสำคัญอีกอย่างคือ "กุโบร์" หรือสุสานของมัสยิด ซึ่งเป็นสถานที่ฝังศพของชาวมุสลิมมีบทบาทสำคัญต่อประวัติศาสตร์ไทยในสังคมแต่ละยุคสมัย ไม่ว่าจะเป็นเจ้าพระยาจักรีศรีองค์รักษ์ (หมุด) ผู้ร่วมกอบกู้แผ่นดินในสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระยาราชวังสัน (ฉิม) แม่ทัพเรือในรัชกาลที่๓ หลวงโกชาอิสหาก (นาโคดาลี) ผู้ปฏิสังขรณ์มัสยิสต้นสนสมัย พ.ศ.๒๓๗๐ รวมทั้งยังเป็นสุสานที่ฝังศพของจุฬาราชมนตรีทั้ง ๙ท่าน ตลอดสมัยรัตนโกสินทร์จนถึงเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.๒๔๗๕ อีกทั้งเจ้าจอมองค์สำคัญที่เป็นชาวมุสลิม ในสมัยรัตนโกสินทร์ เจ้าจอมหงส์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่๑ เจ้าจอมจีบในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่๒ เจ้าจอมละม้ายในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่๕ ก็ถูกฝัง อยู่ในสุสานแห่งนี้ด้วยเช่นกัน
ขอบคุณภาพกุโบร์จากคุณ Mr.BlueSky
ขอบคุณตุ๊กตาน่ารักๆจากบล็อกป้าเก๋า ชมพรด้วยค่ะ
Create Date : 07 กันยายน 2559 |
|
52 comments |
Last Update : 10 กันยายน 2559 9:49:14 น. |
Counter : 7459 Pageviews. |
|
|
|
อยากไปเดินถ่ายภาพในมัสยิดบ้างครับ
ยังไม่เคยไปเลย
แล้วไม่แน่ใจด้วยว่าเค้าให้เราเค้าไปถ่ายภาพได้หรือเปล่า
ผมชอบศิลปะอาหรับครับ
มีเสน่ห์ ลวดลายละเอียดอ่อน
ชอบครับ