Juno .... หนังเรื่องนี้ได้รับการเชิดชูยกย่องเกินจริงมากไปหรือเปล่า ?
..............เพิ่งหยิบจากร้านเช่ามาดูเมื่อวานนี้ ทั้งๆที่หนังออกมาได้พักใหญ่แล้ว เคยอยากไปดูโรงตอนที่หนังเข้าฉายใหม่ๆเพียงเพราะมันชิงออสการ์หลายรางวัล พอหนังออกแผ่นแล้วผมก็กลับรู้สึกว่ามัน " ไม่น่าจะสนุก " !! สุดท้ายไม่รู้จะดูอะไรก็หยิบมาดู กว่าจะได้ดูก็ห้าทุ่มโน่น กำลังง่วงสุดขีด คิดในใจว่าถ้าไม่ไหวก็หลับไปเลยถ้าไหวก็ดูให้จบ ปรากฏว่าดูจนจบพร้อมแฟนทั้งคู่ ถามว่าหนังสนุกใหมหรือว่าหนังดีใหม ? ผมว่ามันก็พอใช้ได้นะครับ ทั้งในแง่ความบันเทิงและคุณค่าของตัวงาน อย่างน้อยมันก็ไม่น่าเบื่อจนทำให้หลับไปซะก่อน แต่มันก็ไม่ได้ทรงคุณค่าหรือยอดเยี่ยมถึงขนาดที่ควรจะได้ชิงออสการ์หลายรางวัล ไม่ได้เลิศเลอถึงขนาดสมควรได้ออสการ์ บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ??
..............จูโน่ แม๊คกัฟ เป็นเด็กสาวอายุ 16 ที่บังเอิญไปมีอะไรกับเพื่อนชายครั้งแรกแล้วดันท้อง แต่ที่แปลกกว่าชาวบ้านก็คือเธอกลับตัดสินใจเก็บเด็กเอาไว้แล้วหาคนมาอุปการะลูกของเธอหลังจากเธอคลอด เรื่องมีอยู่แค่นี้เองแหละครับ แล้วก็จบ !! ลองมาวิเคราะห์กันดูหน่อยสิครับ เพราะอะไรหนังธรรมด๊า ธรรมดาเรื่องนี้ถึงอยู่ในใจของใครหลายๆคน รวมถึงคณะกรรมการออสการ์ด้วย ?? ส่วนตัวแล้วคิดว่าหนังเรื่องนี้มองโลกในแง่ดีเกินเหตุไปหน่อยและก็คงแทบไม่มีวันเกิดขึ้นได้ในโลกของความเป็นจริง หรือมีโอกาสก็น้อยมั่กๆๆ ผมมองว่าชีวิตมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ที่สำคัญผมยืนอยู่ฝั่ง Pro - Choice มาตั้งนานแล้วครับ ! น่าตกใจว่าแม้แต่สังคมฝรั่งที่มีการให้ความรู้เรื่องเพศศึกษามาตั้งแต่เด็ก ก็ยังมีจำนวนเด็กที่พลาดอีกมากมาย ! สังคมไทยเรานั้นผมสังเกตุว่าดีแต่บอกเด็กว่าอย่าทำแท้ง ไม่ควรทำแท้ง แต่ถามว่าแล้วคนที่แนะนำหรือวิจารณ์แบบนี้ เคยมีบ้างใหม ที่มีส่วนร่วมที่จะเปลี่ยนแปลงและหาทางออกให้เด็กที่มีปัญหา ? เคยมีใครออกไปรวมตัวกันเรียกร้องสิทธิเพื่อเด็กใหม ?
..............ผมไม่รู้ว่าเด็กฝรั่งท้องแล้วยังไปโรงเรียน หรือไปมหาวิทยาลัยได้เหมือนในหนังจริงหรือเปล่า ? แต่เดาว่าน่าจะจริง ไม่งั้นคงมีคนด่ากันเช็ดแล้วว่าหนังบิดเบือน ในขณะที่เมืองไทยถ้าเด็กเกิดท้องขึ้นมาก็หมดอนาคต หมดโอกาสเรียน หมดโอกาสอะไรอีกหลายๆอย่าง มันไม่มีทางเลือก ไม่มีช่องทางที่จะทำให้เด็กหาทางเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ได้เลย จะหาคนดีๆมาอุปการะ ผมก็ไม่คิดว่าเมืองไทยจะมีคนมาประกาศรับแบบของต่างประเทศ !! สุดท้ายคนที่มาแบกรับภาระก็เป็นพ่อแม่ของเด็กอยู่ดี แน่นอนล่ะว่า บรรดาคนที่แนะนำ คนที่หวังดีทั้งหลาย เขาไม่ได้มาเหนื่อยด้วย และถ้าเหตุการณ์เหล่านี้เกิดกับตัวเองหรือลูกหลาน เผลอๆก็คงพาไปทำแท้งเองซะด้วยซ้ำ แต่พอเกิดกับคนอื่นล่ะก็รีบบอกว่า อย่าทำ อย่าทำ ให้เก็บเด็กไว้ ?? แบบนี้หรือเปล่าที่ว่ามือถือสาก ปากถือศีล ?? คำถามที่ตามมาหลังจากนั้นก็คือ ถึงเวลาหรือยังที่เมืองไทยควรจะให้มีคลีนิคช่วยเพื่อนหญิงแบบถูกกฏหมายอย่างที่ประเทศอเมริกาและหลายๆประเทศมี เพื่อช่วยป้องกันความสูญเสียหรืออันตรายที่จะเกิดกับคนที่ตั้งครรภ์แบบไม่พึงประสงค์ ?? ชักจะคุยหลายประเด็นเกินไปล่ะ กลับมาที่ประเด็นหลักดีกว่า คุณๆว่าหนังเรื่องนี้ได้รับการยกย่องเกินจริงมากไปหรือเปล่าครับ ? ... สองดาวครึ่งครับ ...
//www.pandagroup.pantown.com/
Create Date : 30 กันยายน 2551 |
|
9 comments |
Last Update : 30 กันยายน 2551 13:00:42 น. |
Counter : 4420 Pageviews. |
|
|
|
ถึงขั้นยกย่องให้เป็นหนังในดวงใจ
เลยต้องขอมาชูมือออกความเห็นว่า "ไม่เกินจริง" ค่ะ
หนังเรื่องนี้สะท้อนปัญหาที่หยั่งรากลึกในอเมริกาได้อย่างมีศิลปะตรงที่ไม่ต้องทำเป็นหนังเครียด ก็พูดเรื่องเครียด ๆ ได้ น่าจะทำให้วัยรุ่นอเมริกามองหาทางออกกับชีวิตได้อย่างมีความหวังและเข้มแข็งเหมือนจูโน่ ในแง่ของหนัง ดูแล้วเพลิน น่ารัก เพลงประกอบก็เพราะ ไม่รู้สิคะ โดยส่วนตัวแล้วชอบค่ะ
ปล. ที่อเมริกาเขามีโรงเรียนมัธยมที่อนุญาตให้เด็กสาวที่มีลูกอ่อนมาเรียนได้ตามปรกติค่ะ ในเมื่อห้ามไม่ได้ ก็ต้องช่วยกันแก้ปัญหา อย่างพ่อกับแม่จูโน่เนี่ยล่ะค่ะ เด็กวัยรุ่นจะได้ก้าวผ่านวัยหลงผิดไปได้