The Beast and the beauty + Princess Diary 2 ..... ตัวอย่างหนัง Romantic comedy ห่วยๆ
...................................เช่าหนังวีซีดีมาดูสามเรื่องล่าสุด ดีหนึ่ง ห่วยสอง จริงๆมันมีเหตุครับ เรื่องมันมีอยู่ว่า ผมไปถึงร้านเช่าแล้ว อยากดูหนังแต่ไม่รู้จะดูอะไรดี เพราะร้านมันจัดได้มั่วมาก และผมเป็นโรคความจำสั้นครับ พอไปถึงร้านเช่าแล้ว นึกชื่อหนังที่อยากดูไม่ค่อยออกอ่ะ สุดท้ายก็เลยต้องหลับหูหลับตาหยิบหนังมาอย่างที่เห็น เรื่องแรกนั้นเช่ามาเพราะคิดว่า หนังโรแมนติกคอมเมดี้ของเกาหลีอ่ะ ยังไงก็คงไม่ห่วยนักหรอก เพราะว่าส่วนตัวผมถูกจริตกับหนังรอมคอมอยู่แล้ว แถมหนังเกาหลีก็เป็นหนังสัญชาติที่ผมชอบที่สุดโดยส่วนตัว แต่ที่ไม่เลือกมาดูก่อนหน้านี้ก้อเพราะว่า หนังเรื่องนี้พระเอกไม่หล่อ ดูภาพหน้าปกแล้ว ไม่ถูกชะตายังไงชอบกล ก็เลยไม่ได้เช่ามาดูสักที จนวันนี้ไม่รู้จะดูอะไรแล้ว ก็เลย เอาก็เอาวะ
..................................The beast and the beauty หรือชื่อไทย " หล่อน่ากลัวกะยัยตัวน่ารัก " ( 2 ดาว ) เป็นหนังที่มีพระเอกหน้าตาเฉิ่มเชยมาก แต่นางเอกหน้าตาน่ารักอย่างแรง หนังใช้ดาราหน้าไม่คุ้น ชื่อไม่คุ้น เออ แล้วเค้ามารักกันได้ไงครับ เรื่องมันมีอยู่ว่า นางเอกตาบอดครับ ... ( ถือเป็นฉากเปิดที่แรงมาก เพราะนึกไม่ถึง และไม่ค่อยได้เห็นความบกพร่องแนวๆนี้ของนางเอกเท่าไหร่นัก ในหนังรัก ) แล้วมาพบรักกับพระเอกซึ่งคอยดูแลปรนนิบัติเหมือนเป็นดวงตาให้นางเอก แต่นางเอกจินตนาการไปเองว่าพระเอกหล่อครับทั้งๆที่ความจริงหน้าตาเห่ยมาก พอวันหนึ่งนางเอกได้รับการผ่าตัดตาให้หายแล้ว พระเอกก็เลยไม่กล้าสู้หน้า ก็เลยเลี่ยงไปเรื่อย ยืดจนหนังยาวเกือบสองชั่วโมงครับ พูดตรงๆหนังเรื่องนี้สามารถถ่ายทำเป็นหนังสั้นได้เลยครับ เพราะจริงๆเนื้อหามันไม่มีอะไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งแผ่น 2 เนี่ย หนังใช้ลีลาทีเล่นมากเกินเหตุ พยายามยัดเยียดฉากตลกแต่มันไม่ตลก ตัวละครตำรวจรูปหล่อที่โผล่มาเป็นมือที่ 3 ดันให้หนังออกแนวรักสามเส้าก็ไม่เวิร์คเพราะหมอนี่ถึงหล่อแต่นิสัยแย่อ่ะ คือโผล่มาก็ไม่มีลุ้นเลย เราดูฟอร์มปุ๊ปก็รู้เลยว่ายังไงนางเอกก็ต้องเลือกพระเอก รอให้พระเอกมาสารภาพก็จบ ซึ่งถ้าสารภาพตั้งแต่ต้นเรื่อง หนังก็ไปไม่ออกแล้วอ่ะครับ !!
..................................ดูหนังเรื่องแรกจบ สองยาม หรือเที่ยงคืน เอ เอาไงดีหว่า ห้องแชทก็เงียบๆ ว่าแล้วก็เลยเปิดหนังต่ออีกเรื่องซะเลย The princess diary 2 - Royal engagement ( บันทึกเจ้าหญิงวุ่นลุ้นวิวาห์ ) สองดาว - หนังของแกร์รี่ มาร์แชล อดีตผู้กำกับฟอร์มดีจาก Pretty Woman ที่นับวันจะร่วงโรยลงไปทุกที ภาคแรกของเรื่องนี้ดูสนุกพอประมาณครับ คิดไว้แล้วว่าถ้ามีภาคต่อก็คงแย่กว่าเก่า ซึ่งก็เป็นความจริงครับ ไม่แปลกที่คำวิจารณ์จะเลวร้าย เพราะหนังมันก็แย่จริงๆ ภาคนี้เจ้าหญิงมีเงื่อนไขว่าต้องหาผัวให้ได้ภายใน 30 วัน เพื่อจะได้เป็นราชินีอย่างถูกกฏหมายของประเทศเจโนเวีย ( กฏปัญญาอ่อนอะไรแบบนี้หว่า ) งานนี้พระเอกก็เลยต้องเสี่ยงดวงหาผัวไปเรื่อย คนดูก็ต้องลุ้นกันไปว่า คนเราจะพบรักแท้ใน 30วันได้ป่าวหว๊า ? อ้อ เหตุผลที่ผมเช่าหนังเรื่องนี้รู้ป่าวว่าเพราะอะไรครับ ไม่ใช่เพราะผมอยากดูหนังหรอกครับ แต่เพราะผมชอบเพลงประกอบจากหนังเรื่องนี้ครับ A Love that will last ซึ่งเป็นเพลงที่หวานหยดมาก ฟังครั้งแรกตอนงานคอนเสริทเพลงซาวน์แทรคของ Love FM ( นึกชื่อคนที่เอามาร้องไม่ออก จำได้แต่ว่าเป็นน้องผู้หญิงน่ารักๆของค่ายอาร์เอส )
...................................หนังเรื่องนี้ลิเกฝรั่งมากครับ พยายามจะเป็นเทพนิยายพาฝันสำหรับเด็ก โดยมุ่งเน้นคนดูกลุ่มเป้าหมายเป็นเด็กผู้หญิงวัยไม่น่าจะเกิน 10 ขวบ เพราะถ้าเกินนั้นคงต้องรู้สึกฝืดเฝือกับหนังเรื่องนี้แน่ๆ หนังไม่มีเหตุผลโดยสิ้นเชิง แถมให้ภาพของประเทศที่ปกครองด้วยระบอบกษัตริย์อย่างไม่น่าเชื่อถือโดยสิ้นเชิง คือจริงๆผมดูแล้วสับสนว่าตกลงประเทศปกครองโดยระบอบกษัตริย์ หรือปกครองโดยนายก ( ระบอบรัฐสภา โดยมีราชวงศ์เป็นประมุขกันแน่ ) เอาเป็นว่าผมดูแล้วผมไม่มีวันเชื่อทุกอย่างในหนังเรื่องนี้นำเสนออ่ะครับ และผมไม่เชื่อว่าจะมีประเทศโง่ๆหรือดูเฟคๆอย่างเจโนเวีย ในโลกแห่งความเป็นจริงเด็ดๆ .. เอาแค่การเซ็ทฉากและดีไซน์โลเกชั่นต่างๆก็ออกมาดูปลอมๆ ประดิดไปซะหมด ฉากภายในวังของนางเอกนี่ ภายนอกกะภายในผมว่าต้องถ่ายกันคนละที่แน่ๆ เพราะดูไม่มีความคล้ายคลึงกันเลย ข้างในดูโทรมยังกะบ้าน ไม่มีความคล้ายคลึงกับพระราชวังใหนๆในโลกใบนี้ ไม่รู้ว่าฝ่ายพร๊อพไปหาวัสดุอะไรมาแต่งฉาก งบสร้างหนังก็เยอะอยู่ทำไมทำได้ชุ่ยขนาดนี้ เครื่องแต่งกายของพวกองค์รักษ์ก็ดูเยินซะยิ่งกว่าพนักงานโรงแรมซะอีก ... ไม่ต้องพูดถึงฉากภายนอกที่ทำได้แย่ยิ่งกว่านั้นอีก ฉากพาเหรดของเจ้าหญิงผมนึกว่างานแฟนซีของสวนสนุก ...ฉากให้กองทหารทำพิธีสวนสนามอะไรก็ดูกิ๊กก๊อกมาก
.................................อ้อ แล้วชุดนางเอกแต่ละชุดนี้ ผมไม่รู้ว่าหาผ้าขี้ริ้วที่ใหนมาใส่ ไม่สมกับระดับเจ้าหญิงเลย สิ่งเดียวในหนังที่พอจะถือว่าดีหน่อยก็คือเพลงประกอบครับ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเพลงที่เพราะ บางทีใส่ลงมาในหนังกลับกลายเป็นโดดไปอีก เพราะมันดูเด่นกว่าตัวหนัง อ้อ ที่ดีใจอีกอย่างก็คือได้เห็น จูลี่ แอนดรูว์ ( นางเอก The sound of music ) รับบทพระราชินี เธอดูงามสง่าดีครับ แม้อายุจะมากแล้วยังดูดีอยู่ แต่ถ้าเทียบกับ จูดี้ เดนซ์ เจ้าแม่แห่งบทราชินีแล้ว ป้าจูลี่ก็ยังเป็นรองอีกหลายขุมอ่ะ กว่าจะดูจบเกือบตีสองครับ เล่นเอาเกือบหลับครับหนังเรื่องนี้ เหมาะกับการเอาเปิดกล่อมนอนสำหรับคนนอนไม่หลับ แต่ปัญหาก็คือดูจบแล้วแทนที่จะง่วงกลับไม่ง่วง คือตามันสว่างด้วยความหงุดหงิดอยากด่าหนังเรื่องนี้ครับ แต่ก็ขี้เกียจต่อเน็ทกลับมาเขียนบล็อค ณ ตอนนั้นเลย สุดท้ายก็เลยต้องเปิดแผ่น DVD คอนเสริท เคนนี่จี ในซานติเอโก้ ( มั้ง ) ดูให้ง่วงแทนก่อนจะหลับตาลงได้ในเวลาประมาณ ตี3 ......
ป.ล. จะว่าไปแล้ว หนังสองเรื่องนี้ไม่น่าจะเข้ามาอยู่ในหมวด My favourite movie เลยเนอะ เพราะมันไม่ค่อย favourite เท่าไหร่
Create Date : 01 กันยายน 2550 |
|
20 comments |
Last Update : 1 กันยายน 2550 19:14:56 น. |
Counter : 1379 Pageviews. |
|
|
|
ทำธุระก่อน