The Number 23 ..... หนังสือพลิกชีวิตของคุณคือเล่มใหนครับ ?
...............................โลกใบนี้มีหนังสือสักกี่เล่มที่จะมีอิทธิพลต่อชีวิตของคุณ ? อืมย์ หลายคนอาจจะตอบว่าไม่มีสักเล่ม และอีกหลายต่อหลายคนเช่นกัน คงจะตอบว่า มีหนังสือจำนวนนับไม่ถ้วนที่มีอิทธิพลต่อชีวิตเขา ... และถ้าจะมีหนังสือสักเล่มนึงที่มีอิทธิพลถึงขนาดครอบงำตัวตนของคุณได้ หนังสือเล่มนั้นจะเป็นหนังสือแบบใหนกันล่ะ ? หนังสือรัก แบบของคุณผมฯ หรือเปล่า ? หรือว่าจะเป็นหนังสือติดเรทอย่าง " Behind love scenes " ของคุณ NUTS ?? ผมว่าคนเขียนบทหนัง หรือนักเขียนนี่ช่างเป็นอาชีพที่น่าหลงไหลนะครับ เพราะสามารถมีโอกาสที่จะครอบงำรวมถึงปั่นหัวหลายๆคน หรือแม้แต่จะมีโอกาสที่มีอิทธิพลที่จะครอบงำความคิดของคนจำนวนหลักหมื่นหลักแสน หรือแม้แต่เป็นล้านๆ ... อย่าว่าแต่หนังสือเล่มๆเลยครับ เอากับแค่ตัวอักษรที่เราพิมพ์ลงมาในเวปแบบนี้ หรือแม้แต่ตามบล้อค ตามกระทู้ในเวปบอร์ดก็มีอิทธิพลปั่นป่วนกับชีวิตกับจำนวนมหาศาลพอดูแล้ว ... หลายคนมักเชื่อว่าข้อความที่ตัวเองอ่านเป็นเรื่องจริง หรือละม้ายคล้ายเรื่องจริง พาลเชื่ออะไรเป็นตุเป็นตะไปหมด .. หรือคุณว่าไม่จริง ? คุณเองเคยหลงเชื่อตัวอักษรที่คุณอ่านเจอในเน็ทหรือเปล่าล่ะครับ ?
...............................อย่าว่าแต่คนอื่นเลยครับ แม้แต่ตัวผมเองตอนอ่านหนังสือคุณ NUTS แล้วมีตัวละครที่ชื่อ NUTS เนี่ย ผมยังอดคิดไม่ได้เลยว่า เฮ้ย มันเอาเรื่องชีวิตของตัวเองมาเขียนเลยเหรอวะเนี่ย ? ซึ่งผมเชื่อมากๆซะด้วยว่า ถึงไม่ใช่เรื่องจริงหมด มันก็ต้องอิงเรื่องจริงมาบ้าง ไม่มากก็น้อยละว๊า .... เพราะบุคลิกคาแรคเตอร์ มันช่างละม้ายคล้ายตัวเขาซะนี่กระไร !! มันคงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ถ้าตา สแปร์โรว์ ( จิม แครี่ย์ ) จะอดคิดไม่ได้ว่า ตัวละครอย่าง นักสืบฟิกเกอร์ริง ในนิยายสืบสวนเขย่าขวัญ เรื่อง Number 23 จะเป็นคนเดียวกับตัวเอง ถึงขนาดจินตนาการตัวเองเป็นตัวละครแล้วค่อยๆผจญภัยไปตามเรื่องราวทีละบท ทีละบท แม้ว่ารายละเอียดปลีกย่อยบางอย่างของตัวเอง จะไม่เหมือนนักสืบในนิยายเลยแม้แต่น้อยก็ตาม !! คนเราเวลาลุ่มหลงอะไรสักอย่างมันน่ากลัวนะครับ คุณว่าใหม๊ ? แม้แต่ตัวเลข บวกลบคูณหาร ออกมาได้เท่ากันเนี่ย ก็ยังพาลเอาไปคิดว่ามันเป็นทฤษฎีสมคบคิด หรือเป็น รหัสลับผีบอก ว่ากันไปโน่น ? อย่างว่าแหละครับ คนเราพอมันจะปักใจเชื่ออะไรสักอย่างแล้ว เขาก็มักจะหาเหตุผลมาเข้าข้างตัวเองไปเรื่อยได้ทั้งนั้นล่ะ .... ทฤษฏีนี้ใช้ได้แม้กระทั่งเรื่อง มนุษย์ กับความรักนะครับ อิอิ ....
.................................จิม แครี่ย์ กลับมาในบทบาทดราม่าจริงจังอีกครั้ง แถมออกแนวจิตๆด้วย ในปีที่หนังฉายเห็นเค้าว่า มีคนบอกว่า เฮียจิมแกได้ลุ้นชิงออสการ์ด้วยแต่พลาดไป ส่วนตัวแล้วผมก็คิดว่าแกเล่นได้ดีพอสมควรเลย แต่ผมชอบเห็นแกเล่นบทฮาๆมากกว่านะ และคนส่วนใหญ่ที่อเมริกาก็คงคิดเช่นนี้เหมือนกัน ระยะหลังหนังแนวจริงจังของ เฮียจิม ก็เลยไม่ค่อยทำเงินสักเท่าไหร่นัก .... บทหนังเรื่องนี้เปิดโอกาส ให้จิม แครี่ย์ โชว์ความสามารถในการแสดงค่อนข้างสูง เพราะเป็นตัวละครที่หลายบุคลิก มีความลึก ซับซ้อน และสับสนในตัวเอง .... หนังเล่นสนุกกับความจริง ความทรงจำ จินตนาการ ภาพฝัน จิตใต้สำนึก และ ทฤษฏีสมคบคิดอย่างเมามันส์ ปมเฉลยของหนังก็ถือว่าแก้ออกมาได้ดีใช้ได้ทีเดียว ไม่มีจุดให้น่ากังขา แต่กว่าจะถึงบทเฉลยของหนังก็เล่นเอาง่วงเหงาหาวนอนไปพอสมควรทีเดียว เกือบจะหลับไม่หลับแหล่ ( เพราะดูตอนดึกด้วย ) ดูหนังเรื่องนี้แล้วก็พาลให้คิดว่า คนเรานี่อ่ะน๊า ถ้าหมกมุ่นกับใคร หรือกับเรื่องราวอะไรมากเกินไป มันก็ไม่ใช่เรื่องดีกับตัวเองเลย แต่นิสัยคนเรานะ ยิ่งปิดยิ่งอยากรู้ พอรู้เพิ่มขึ้นมานิดนึงแล้วก็อยากรู้ให้มันมาก และมากขึ้นเรื่อยๆ .. แม้แต่เรื่องราวชีวิตของคนอื่นก็เหมือนกัน บางทีการติดตามชีวิตคนอื่นแบบเกาะติดมากไป มันก็กลายเป็นความลุ่มหลงไปโดยไม่รู้ตัวได้เหมือนกัน ...พระพุทธเจ้าท่านจึงสอนไว้ว่า ให้คนเรารู้จักปล่อยวาง พูดง่ายแต่ทำกันยากเนาะว่าใหม๊ ? แต่ผมว่า ถ้าจะติดตามกันเฉยๆ ไม่มาก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวระหว่างกัน ก็คงไม่ใช่เรื่องเสียหายหรอกครับ แต่ถ้าติดตาม แล้วคอยจะแช่งชักให้ชีวิตคนอื่นเค้าบัดซบ ลงเหว คอยลุ้นว่าเมื่อไหร่เค้าจะย่อยยับพินาศ ไม่ว่าเค้าจะเป็นหรือไม่เป็นตามที่แช่ง แต่ผมว่าที่แย่ไปก่อนแล้วก็คือสภาพจิตใจของคนๆนั้นอ่ะครับ .. ทั้งความสุขและความทุกข์ของคนเรามันมาจากข้างในล้วนๆ มาจากจิตใจของเรา ...หรือคุณว่าไม่จริง ? ( สองดาวครึ่งครับ สำหรับ The Number 23 )
Create Date : 17 สิงหาคม 2550 |
|
9 comments |
Last Update : 18 สิงหาคม 2550 11:32:40 น. |
Counter : 1330 Pageviews. |
|
|
|
และไม่อยากจะเช่ามาดูก่อนอะ อยาก
จะซื้อเเผ่นเก็บด้วย