The Departed + The last king of Scotland ... หนังออสการ์ปีนี้ไม่เท่าไหร่เลยนี่หว่า ??
.................................สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาได้หยุดวันเสาร์ อาทิตย์ ติดกันสองวัน เป็นการหยุดวันเสาร์อาทิตย์ติดกันเป็นครั้งแรกในรอบปีเลยมั้ง ปกติผมมักจะหยุดวันธรรมดามากกว่า พอดีว่าวันเสาร์มีนัดกับเพื่อนๆในเวปหมีแพนด้า ก็ไม่มีอะไรใหญ่โตหรอกครับ แค่ทำกับข้าวทานด้วยกันที่ห้องแค่นั้นแหละ บางคนก็เคยคุยกันมานานแล้วแต่ยังไม่เคยเจอกัน บางคนก็เจอะกันมาแล้ว บางคนก็เพิ่งเคยคุยกันแล้วก็ยังไม่เคยเจอกัน เพื่อเตรียมความพร้อมก็เลยลาวันอาทิตย์ไว้ด้วยซะเลย เผื่อว่ายาว ฮิ สรุปรวมแล้วที่มากันวันนั้นก็มีทั้งหมด 7 - 8 ท่าน รวมเจ้าบ้าน ห้องเลยดูแคบไปถนัดใจ จานข้าวที่ซื้อมาเพิ่มไม่พออีกตะหาก ( น่าอายมาก ฮิ ) เป็นการนัดที่คุ้มค่าครับ เพราะได้มีเรื่องเฮฮาคุยกันเยอะมาก รวมถึงได้สานสัมพันธ์กับมิตรใหม่ๆในเวปเพิ่มขึ้นด้วย ทางไปเวปบ้านหมีแพนด้า //www.pandagroup.pantown.com/
.................................และเพราะเห็นว่าหยุดอยู่บ้านสองวัน กลัวจะไม่มีอะไรทำว่าแล้วก็เลยไปเช่าหนังที่ร้านมาดูดีกว่า สองเรื่องนี้อยากดูมานานแล้ว เพราะได้ยินกิตติศัพท์มาพอสมควร นั่นก็คือ The last king of Scotland ที่ได้ออสการ์ ดารานำชาย ส่วน The departed นั้นคว้า 4 ออสการ์ ทั้งหนัง ผู้กำกับ บท และตัดต่อ ซึ่งหนังสองเรื่องนี้มีองค์ประกอบให้เป็นหนังชั้นดีได้ไม่ยาก แต่ทำไม่ได้ครับ เรื่องแรกนั้นทีแรกผมยังสงสัยว่า ทำไมเข้าชิงแต่สาขาดารานำ พอดูจบก็ไม่ประหลาดใจ บทหนังเรื่องนี้มั่วซั่วถั่วงอกมาก และหาความน่าเชื่อถือเกี่ยวกับอัฟริกา และตัวอีดี้ อามิน แทบไม่ได้เลย ไม่รู้ว่าคนเขียนหนังสือ ( คนเขียนบท ) นี่เคยไปอัฟริกาจริงๆหรือว่าเดาถั่วกันแต่เริ่มหว่า งานโปรดักชั่นน่ะดีอยู่ นอกเหนือจากนั้น หนังใช้พลังดาราแท้ๆเป็นตัวขับเคลื่อน ซึ่งก็ต้องบอกว่า ฟอเรสท์ วิเทเกอร์ ทำได้ดีสมราคาที่ได้รางวัล
..................................หนังเดินเรื่องโดยเล่าผ่านหมอชาวสก๊อตคนหนึ่งที่ได้ไปเป็นหมอประจำตัว นายพล อีดี้ อามิน จอมเผด็จการแห่งอูกันดา แล้วก็ได้เห็นอะไรๆ ในประเทศแห่งนั้น ผมล่ะก้อง๊งงง ทำไมอามินถึงได้ถูกใจ หมอฝรั่งได้เร็วไวขนาดนั้น แล้วการที่ได้เข้าไปวงในขนาดนั้น ตาหมอนี่ไม่ได้ใช้ตามองสิ่งรอบข้างเลยหรือ หรือว่า เมื่อคนเรามีทรัพย์สมบัติ มีความสุขสบาย เงินทองมันบังตาอะไรต่อมิอะไรไปซะหมด ดูหนังเรื่องนี้แล้วผมรู้สึกว่า ฝรั่งก็เขียนบทหนังชุ่ยๆเป็นเหมือนกันวุ้ย ใครบอกว่ามีแต่คนไทยเขียนบทหนังชุ่ยๆ เหตุผล และความน่าเชื่อถือไม่มีเล๊ย จับแพะชนแกะ จับหมูจนไก่กันอุตลุด ไม่มีอะไรมาเป็นแรงขับดันเรื่องราวหรือตัวละครเลยแม้แต่น้อย จนจะจบแล้ว เราก็ยังไม่รู้เลยว่า มันเกิดอะไรขึ้นในประเทศนั้นกันบ้าง นอกจากภาพถ่ายไม่กี่ใบ กับคำพูดของตัวละครตัวเดียว ? ผมว่า Constant Gardener ยังเล่าเรื่องได้เหนือชั้นกว่ากันเยอะ
.................................ส่วน The departed นั้นก็ต้องบอกว่า เป็นหนังออสการ์ที่ผมเห็นว่าแย่ที่สุดในรอบสิบกว่าปี เรื่องหลังสุดที่ผมคิดว่าแย่กว่านี้ก็คือ unforgiven ในปี 92 โน่น ไม่ต้องเอาไปเทียบกับต้นฉบับฮ่องกงเลยครับ เพราะว่าเทียบกันไม่ได้ The departed กลายเป็นแค่งานดาดๆทั้งที่มีดาราอยู่เพียบ รวมถึงทีมงานระดับยอดทั้งนั้น แต่ทำได้แค่รีเมค แบบเกือบจะเป็นการก๊อปทั้งดุ้นขนาดนี้เชียวหรือ ผมแทบมองไม่เห็นตัวตนของสกอร์เซซี่เลย งานเก่าๆของเขามีดีกว่านี้ตั้งเยอะครับ หลายต่อหลายฉากก็เลียนแบบกันมาแบบทั้งดุ้น และไอ้ที่ดัดแปลง ( จนได้บทดัดแปลงยอดเยี่ยม ) ก็ดัดแปลงได้ไม่เข้าท่า อย่างเช่น พระเอกเรียนจนจบตำรวจแล้ว ถึงได้มาเข้าแก๊ง ตอนอายุปูนนั้นอ่ะนะ มาเฟียโง่ๆที่ใหนเขาจะเชื่อครับ ? แมทซ์ เดม่อน ก็แข็งทื่อเหมือนเดิม ความระทึกใจและน่าตื่นเต้นของหนังนั้น ถ้าเทียบกับหนังทั่วไปก็พอใช้ แต่ถ้าเทียบกันต้นฉบับ ต้องบอกว่าไม่ถึงครึ่ง ที่ตลกมากก็คือตอนจบ ต้องบอกว่า อะไรของมันวะ ?? แถมการที่เอาไตรภาคของต้นฉบับมายำรวมกัน ก็เลยทำให้มีการขยายเรื่องราวของตัวละครเข้าไปอีก ยิ่งมั่วไปกันใหญ่ โดยเฉพาะคาแรคเตอร์ของนางเอกจิตแพทย์ ซึ่งไม่สวยซะเลย เสือกยังกินพระเอกทั้งสองคนพร้อมกันอีก ( แหม๋ ทำไปได้ ) สรุปว่าถ้าเป็นหนังเคเบิลดูอยู่บ้านจะไม่ว่าเลย แต่นี่มันหนังโรงนะ แถมกรรมการออสการ์ดันบ้าจี้ให้รางวัลไปได้อีก แถมยังทำเงินได้อีกร้อยกว่าล้าน แปลว่าไรรู้ป่าวครับ มันก็แปลว่า ฝรั่งก็ไม่ได้ฉลาดนักหรอก ที่สำคัญก็คือ ฝรั่งอเมริกานั้น กบอยู่ในกะลาทั้งนั้นแหละ หนังชาติอื่นน่ะไม่ค่อยได้ดูกับเขาหรอก .... ให้สองดาวครึ่งทั้งสองเรื่องครับ ....
Create Date : 05 มิถุนายน 2550 |
|
2 comments |
Last Update : 5 มิถุนายน 2550 20:53:29 น. |
Counter : 1440 Pageviews. |
|
|
|