.....ขอบคุณ Don't Tell ที่ทำให้วันนี้ของผมไม่เลวร้ายเกินไปนัก......
............ลงทุนหยุดวันที่9 มิ.ย.อีกวัน ทั้งๆที่เพิ่งหยุดงานไปเมื่อวันที่ 6 มิ.ย. ก็เพราะแฟนผมเค้าอยากดูซ้อมแห่เรืออีกวัน หลังจากคราวก่อนไปเกาะขอบแม่น้ำเจ้าพระยาดู แต่ฝนเจ้ากรรมดันตกซะหนักจนฟ้ามืดมัว ไม่ได้เก็บภาพงามๆเท่าที่ควร ทีแรกก็ว่าจะให้เค้าไปคนเดียว แต่รู้สึกว่า ถ้าปล่อยไปก็คงเดินทางลำบากเพราะรู้สึกคุณที่รักเค้าไม่ค่อยรู้เส้นทางสักเท่าไหร่ ก็เลยอาสาจะพาไปส่ง ( อีกวัน ) แต่ใหนๆจะต้องเสียเวลาทั้งวันไปกับการรอดูเรือแล้วไซร้ ก็ขอดูหนังสักเรื่องก่อนละกัน จะได้ไม่ทำให้การหยุดวันนี้ต้องเสียเปล่าจนเกินไปนัก
............ขับรถไปสยาม ทีแรกว่าจะจอดรถแถวๆถนนอังรีดูนังค์ แต่ปรากฏว่า โห เค้าห้ามจอดวุ้ย ไม่รู้อะไร เห็นว่ามีงานฉลอง 60ปีในหลวงมั้ง ก็ยังงงๆว่ามีการจัดงานที่สยามด้วยเหรอไงถึงกะต้องห้ามจอดรถริมถนน เลยขับไปในโรงบาลตำรวจ แต่ดูแล้วไกลไป ก็เลยยอมลงทุนขับออกมาจอดในสยาม ( งานนี้เสียตังไป 30บาท เสียดายชมัด มานึกออกทีหลัง ทำไมไม่ไปจอดในพาราก้อนวะ จอดฟรี โคตรโง่เลยเรา ) มีของกินติดมือเรียบร้อย เดินตีตั๋วหนัง Don't Tell ที่โรงสยาม หนังอิตาลี ที่ได้ชิงออสการ์ หนังภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม 1 ใน 5 เรื่องสุดท้าย ของปีล่าสุด .. เรื่องนี้นับเป็นหนังอิตาลีเรื่องแรกในรอบเกือบสองปีที่ได้ดูในโรงหนัง ก่อนหน้านี้ที่ได้ดูในโรงก็คือ Facing window ดูที่ house ไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่
............Don't Tell ต้องถือเป็นหนังระดับ 3 ดาว โชคดีมากๆที่ได้ดูในโรง แถมเป็นโรงใหญ่อย่างโรงหนังสยาม หนังใช้ดารานำหญิงคนเดียวกับ Facing window น่ะแหละ คือ ดาราสาวหน้าหวาน giorvani mezzogiorno ( นามสกุลแปลก เที่ยงวัน ?? ) ความผิดพลาดประการเดียวของผมในการดูหนังเรื่องนี้ก็คือ ความพยายามที่จะฟังซาวแทรคภาษาอิตาลี ด้วยความอยากลองว่าถ้าไม่อ่านซับจะพอรู้เรื่องใหม๊ ( ผลก็คือไม่รู้เรื่องเลย - แง่ว ) อุตส่าห์ไปลงเรียนคอร์สอิตาลี มาคอร์สนึง ไม่เห็นได้ความเท่าไหร่เลย ปลายเดือนนี้เริ่มเรียนคอร์ส2 ไม่รู้จะดีขึ้นใหม๊?? เห็นนางเอก The omen ( จูเลีย สไตล์ ) เรียนคอร์สอิตาลีมาเล่มเดียวในหนัง พูดออกจะปร๋อ <== อย่างว่าแหละ หนังฮอลีวู๊ดนี่นะ !! หนังเรื่องนี้เป็นหนังดราม่าจิตวิทยาครับ เล่าถึงชีวิตของสาวคนนึงซึ่งอดีตเคยมีเรื่องร้ายๆกับตัวซึ่งต้องเก็บงำมาตลอดจนกลายเป็นฝันร้ายที่หลอกหลอนเธอ แล้วเธอก็พยายามแก้ปมด้วยการไปหาพี่ชายที่อยู่อเมริกา แล้วก็ได้ไขปริศนาเรื่องราวในอดีตของตน หนังเล่าเรื่องได้ดีมากๆๆ ไม่ค่อยได้เห็นหนังยุโรปที่เล่าเรื่องสนุกๆแบบนี้เท่าไหร่ แล้วก็ไม่ได้เฉลยปมเรื่องราวดาดๆแบบหนังฮอลลีวู๊ดด้วย ผมชอบที่เค้าแจกแจงรายละเอียดตัวละครรายรอบของหนัง รวมถึง ใช้ภาษาหนังได้เรียบง่าย ดูแล้วเคลียร์ นอกจากนั้นยังได้รับการส่งเสริมที่ดีด้วยการแสดงระดับเยี่ยมยอดจากดาราทุกคน .. ตัวที่เล่นเป็นผู้กำกับหนังในเรื่อง ผมว่าดูคล้าย ปีเตอร์ แจ๊กสัน มาก ไม่รู้ว่าเค้าจงใจหรือเปล่า ...เป็นหนังที่อยากขอแนะนำให้ทุกๆคนได้ไปดูครับ สมราคาจริงๆ ผมว่าดีกว่า paradise now ที่ชิงออสการ์สาขาเดียวกันซะอีก เผลอๆจะดีกว่า tsosi ที่ได้ออสการ์หนังต่างประเทศปีล่าสุดนี้ด้วยซ้ำ
............ช่วงบ่ายออกเดินทางไปเพื่อดูงานซ้อมแห่เรืออีกรอบ ... รถติดโคตรๆ ทีแรกว่าจะไปจอดรถที่ธรรมศาสตร์ แต่เค้าก็ปิดประตู ราชนาวีก็ปิด วัดมหาธาตุก็เต็ม เสียเวลากับการฝ่าฟันจราจรย่านนั้นออกมา เสียอารมณ์และเหนื่อยสุดๆ ข้ามฟากมาทางฝั่งธน นึกว่าจะคนน้อยที่ใหนได้ คนก็เยอะพอกัน จะไปวัดระฆังก็เข้าไม่ได้ วัดอรุณก็คนเยอะ เลยไปจอดรถที่วัดกัลยาณมิตร ซึ่งเป็นวัดๆที่เกือบจะสุดทางของแห่เรือ จอดรถเสร็จก็เดินหาทำเลดูเรือเพราะคิดว่าวัดกัลยาณคงไม่เหมาะ กะจะไปวัดอรุณ โห วัดก็สวยอยู่แต่คนยังกะปลวก หาที่แทรกไม่ได้เลย ผมเหนื่อยแทบเป็นลม ว่าแล้วก็นั่งตุ๊กๆกลับมาวัดกัลยาณเหมือนเดิม ปล่อยเจนนี่เค้าไปหาที่ดูเรือ ผมก็ไปหาของกิน เดินมาปากซอย สั่งหอยทอดกินกะเบียร์ช้าง กินไปหน่อยเดียว แทบเป็นลม มึนมาก สงสัยท้องว่างแล้วกินเบียร์ หรือไม่ก็เหนื่อยจัดเลยมีอาการ นั่งพักสักแป๊ป เดินไปเดินมา สูดอากาศด้านนอก ค่อยยังชั่วหน่อย เอาหนังสือ วิวาทะmatrix มาอ่านไปด้วย แต่อ่านไม่รู้เรื่องเท่าไหร่ เพราะกินเบียร์อยู่ แถมหนังสือเนื้อหาปรัชญาหนักมาก มีลูกหมาอยู่แถวนั้น2-3ตัว เลยเดินไปซื้อไก่ทอดมาให้มันกินเล่น จากที่อารมณ์เสียสุดๆ ( แฟนเก่าโทรมามีปัญหาเรื่องที่ไอ้จิ๊บ น้องสาวยืมเครื่องตัดหญ้าแล้วเอาไปทำพังมาให้ปวดหัวอีก + หงุดหงิดกับอากาศร้อนแล้วก็เรื่องภายนอกด้วย ) ก็เลยค่อยดีขึ้นหน่อย ต้องขอบคุณน้องหมาตัวน้อยๆ ที่ทำให้ผมรู้สึกดึขึ้น เล่นกับหมานี่ดีกว่าเล่นกับคนเยอะเลย 6 โมงเย็น แวะกลับมารอที่รัก นึกว่าเรือจะวิ่งผ่านไปแล้ว ที่ใหนได้ก็ยังไม่จบ เลยต้องนั่งรอข้างรถอีกครึ่งชั่วโมง กว่าจะออกมาได้ ก็ทุ่มนึง เพราะไอ้พวกที่จอดรถทีหลังทำน่าเกลียด จอดขวางเป็นไอ้เห้ขวางคลอ เต็มไปหมด มีที่ใหนไม่มีที่จอด ก็จอดมันตรงกลางเลย คนที่อยู่ข้างในก็ไม่ต้องออกกัน สันดานคนไทยนี่แม่งเหี้ยจริงๆ ความเกรงใจไม่เคยมีหรอก ก็รอกันไปสิ
...........ขากลับรถก็เยอะแถมยังติดอีก ไม่แปลกใจหรอกที่คนกรุงเทพจะมีปัญหาทางจิตเพิ่มขึ้นทุกวัน ผมก็ทำท่าจะเป็นไปด้วยอีกคนนึงแล้ว กว่าจะฝ่าออกมาได้ ทีแรกนึกว่าจะไปดูพลุที่ศูนย์สิริกิตต์ ทัน แต่ก็ไม่ แวะกินข้าวข้างทางแถววงเวียน22นาฬิกา จิบเบียร์อีกป๋อง ขับรถถึงบ้านแบบเมาๆ เกือบๆสามทุ่มโดยประมาณ ... เออ ตอนกินเบียร์อยู่ที่ร้าน มีมอร์ไซค์รับจ้างงี่เง่ามาชวนคุย พูดชื่นชมจอมพลส. โง้นงี้ เคอร์ฟิวต้องเข้าบ้านก่อนสามทุ่มงี้ โห ฟังดูดีซะ ตามประสาคนไม่มีการศึกษานั่นแหละครับ เผด็จการทหารนี่มันดีตรงใหนวะ ไดโนเสาร์โลกล้านปีแบบนั้น แถมยังจำกัดความคิด จำกัดสิทธิเสรีภาพผู้คนอีกต่างหาก กอบโกยผลประโยชน์เข้าตัวเองอย่างเดียว ป่านนี้คงใช้กรรมอยู่ในนรกแล้วมั้ง ..นี่แหละน้า คนไทย จบไดอารี่วันนี้ดีกว่า
ป.ล. เคยได้ยินว่ามีมาเฟียในเวปบล็อค จริงหรือเปล่านะ เขียนไม่ถูกหูนี่ถึงกะโดนแบนกันได้ด้วยเหรอ ผมเคยได้ยินมา ตลกดีครับ จริงๆเวปใหญ่ๆแบบที่เราเล่นๆกันอยู่นี่ ไม่น่าจะมีมาเฟียได้เลยนะ ได้ยินแล้วอนาถจริงๆ ผมไม่ใช่คนเชื่อคนง่ายนะ แต่ถ้าหลักฐานยืนยันชัดๆ มันก็น่าคิดเหมือนกันว่าความจริง ความถูกต้องอยู่ที่ใหนกันแน่
Create Date : 09 มิถุนายน 2549 |
|
6 comments |
Last Update : 9 มิถุนายน 2549 22:30:44 น. |
Counter : 1231 Pageviews. |
|
|
|