ฝันราลีห์
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ชอบอ่านเรื่องผี เขียนเรื่องได้หลายแนว กำลังหัดเขียนเรื่องผีจากคนใกล้ตัว ประสบการณ์ตรงไม่มี อิอิ....

****สงวนลิขสิทธิ์ ห้ามนำไปโพสต์หรือไปลงที่อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ดุนะเนี่ย เด๋วส่งผีตำรวจไปหลอก
แบร่ๆๆๆๆ
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
4 ธันวาคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ฝันราลีห์'s blog to your web]
Links
 

 
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ….ปราชญ์ของแผ่นดิน (เขียนเมื่อ 2548)








เมื่อทางนิตยสารเปรียว ติดต่อให้เขียนถึงพระเจ้าอยู่หัวในมุมมองของตัวเอง เมื่อเปิดจอคอมพิวเตอร์ห้านาทีแรก ก็ต้องอึ้ง เพราะ เป็นคำขอที่ท้าทายเป็นอย่างยิ่ง เพราะส่วนใหญ่เราก็จะเขียนสรรเสริญคุณความดีและพระราชจริยาวัตรอันงดงามตลอดระยะเวลาอันยาวนานตั้งแต่ทรงครองราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์องค์ที่ 9 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ใครๆก็ทราบกันดีอยู่ว่าทรงเป็นอัจฉริยะในทั้งด้านการดนตรี การกีฬา การชลประทาน การศึกษา การเกษตร ฯลฯ ฯลฯ บรรยายอย่างไรก็ไม่หมด แต่ข้าพเจ้าเคยคิดเล่นๆสมัยเป็นเด็กๆว่า ถ้าพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นมิสเตอร์ธรรมดาสักหนึ่งคนในประเทศนี้ หรือประเทศไหนๆ ก็ต้องทรงเป็นบุคคลสำคัญของประเทศไทยหรือประเทศนั้นๆ หรืออาจเป็นของโลกอย่างแน่นอน เนื่องจากทรงมีคุณลักษณะหลายประการที่ทำให้ทรงเป็นพหุปราชญ์อย่างที่กล่าว

สำหรับคุณลักษณะสำคัญของพระองค์ท่าน ก็อย่างที่เคยได้ยินท่าน ดร. สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ซึ่งได้เข้ามารับใช้ใกล้ชิดพระองค์เป็นเวลานาน (ท่านผู้หญิงประสานสุข ผู้เป็นมารดา ก็ได้รับใช้สนองเบื้องพระยุคคลบาทมาเป็นเวลานานมากใน “ห้องเครื่อง” หรือห้องประกอบพระกระยาหาร เรียกง่ายๆก็ครัวในวังนั่นแหละ) ดร.สุเมธกล่าวว่าคนรักพระเจ้าอยู่หัว แต่ไม่ทำตาม ฟังแต่ไม่ได้ยิน มองแต่ไม่เห็น คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีคุณลักษณะหลายประการที่ทำให้ท่านทรงประสบความสำเร็จในด้านโครงการต่างๆ ทรงงานแบบที่ฝรั่งเรียกว่า hands on คือท่านไม่ทรงบัญชาการอยู่ในพระราชวังเท่านั้น แต่เสด็จพระราชตำเนินไปในถิ่นทุรกันดารเพื่อทรงทราบปัญหาจริงๆและทรงหาหนทางแก้ใข โดยทรงปรึกษาชาวบ้านและข้าราชการพื้นที่ เพื่อให้แน่พระทัยว่าทรงมาทางที่ถูกต้องแล้ว จะรับสั่งถามอย่างนิ่มนวลว่าเห็นด้วยหรือไม่ ซึ่งนี่ก็คือการทำประชาพิจารณ์ ตั้งแต่คำนี้ยังไม่มีในพจนานุกรมด้วยซ้ำไป

ทรงทำพระองค์แบบเรียบง่ายเรียกว่าทรงติดดิน เนื่องจากสมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี ได้ทรงเลี้ยงดูพระองค์มาแบบฝรั่ง แบบคนธรรมดา และไม่มีพี่เลี้ยงดูแลทั้งสามพระองค์มากมายแบบเจ้านายไทย แม่ของข้าพเจ้าเล่าไว้ในหนังสือตามเสด็จฯต่างประเทศ ว่า ตอนที่ตามเสด็จประทับที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ทุกคนที่รับใช้ต้องรู้หน้าที่ของตน เช่นรถถ้าไม่ล้าง ท่านจะทรงล้างเองเลย โปรดทรงงานเองทุกอย่าง เวลายกของ จัดของ ไม่โปรดให้ช่วยเพราะเกะกะ ไม่ทรงถือพระองค์เลย ทรงละเอียดรอบคอบในการทำงานทุกชนิด กลับมากรุงเทพฯ แม่เองยังเคยเห็นท่านทรงซ่อมแซมเครื่องใช้บางอย่างเอง โดยไม่ทรงรอช่าง ห้องทรงงานไม่โปรดให้จัดเรียงให้เป็นระเบียบ เพราะท่านจะทรงจัดเอง

คุณลักษณะเด่นอีกประการหนึ่งที่ทรงได้มาจากสมเด็จพระศรีฯ (แบบที่ในวังขานพระนามท่าน หรือสมเด็จย่าที่ชาวบ้านเรียก) ก็คือท่านจะทรงมัธยัสถ์เป็นอย่างยิ่ง ไม่โปรดปล่อยสิ่งของและเวลาให้เสียเปล่า ดังจะได้เห็นจากโปสเตอร์ของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่มีรูปหลอดยาสีพระทนต์ของพระองค์ท่าน ที่ทรงรีดหมดจนหยดสุดท้าย สบู่ก็เช่นเดียวกัน ถ้ามหาดเล็กเปลี่ยนท่านจะทรงถามหาหลอดเก่า หรีอสบู่ก้อนเก่า เรี่องนี้ไม่ใช่ทรงขี้เหนียว แต่เป็นการใช้สิ่งที่ทรงมีอยู่ให้ได้ประโยชน์สูงสุด แนวคิดนี้ก็ได้สะท้อนมาถึงในโครงการส่วนพระองค์ก็เช่นเดียวกัน ท่านจะทดลองผลิตภัณฑ์ด้านการเกษตรต่างๆ โดยใช้ทรัพยากรภายในประเทศ ผลิตโดยฝีมือคนไทย เมื่อได้ผลผลิตก็ทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่นการแปรรูปนมผง เศษที่เหลือก็ผลิตนมอัดเม็ด เป็นต้น ทรงเป็นต้นแบบการอนุรักษ์อย่างแท้จริงและทรงทำมาเป็นหลายสิบปีแล้ว ตั้งแต่เรื่องนี้ยังไม่ฮิต คนไทยก็ไม่รับรู้จนต้องให้ฝรั่งมาเขียนตำราสอน จึงเพิ่งตื่นลุกขึ้นมาเอะอะอนุรักษ์กัน ทรงนำยางนามาปลูกในสวนจิตรตั้งแต่ข้าพเจ้ายังไม่เกิด คุณแก้วขวัญ วัชโรทัย เลขาธิการพระราชวัง และผู้อำนวยการโครงการส่วนพระองค์ เล่าว่า ทรงนำมาปลูกเพื่ออนุรักษ์ไว้ให้เป็นตัวอย่าง เพราะเคยมีคนบอกว่าต้นยางนาอีกหน่อยจะหมดประเทศ



อีกเรื่องหนึ่งที่ควรแก่การเล่าสู่กันฟังก็คือ ทรงสนพระราชหฤทัยในด้านการศึกษามาก เริ่มที่โรงเรียนเก่าของข้าพเจ้าคือโรงเรียนจิตรลดา ท่านอาจารย์ใหญ่คนแรก ท่านผู้หญิง ดร.ทัศนีย์ บุณยคุปต์ เล่าว่า ทรงมีพระราโชบายให้รับนักเรียนทั่วไป โดยไม่จำกัดว่าเป็นเชื้อพระวงศ์ ไม่เลือกชั้นวรรณะ ครูต้องไม่ถวายสิทธิพิเศษแก่พระโอรส พระธิดา ไม่เน้นวิชาการอย่างเดียว ให้เน้นคุณธรรมและความประพฤติด้วย และสมัยก่อน พระเจ้าอยู่หัวจะทอดพระเนตรรายงานผลการเรียนของนักเรียนทุกคนในโรงเรียนและทรงให้คำแนะนำด้วย ข้าพเจ้ายังอยู่ทันเวลาที่งานปีของโรงเรียนที่จะเสด็จพระราชดำเนินมาทุกปี เพื่อพระราชทานประกาศนียบัตรแก่นักเรียนที่เรียนดี และจบการศึกษา แม้กระทั่งปัจจุบันนี้ ประทับที่วังไกลกังวล อำเภอหัวหิน ซึ่งคุณขวัญแก้ว วัชโรทัย รองเลขาธิการพระราชวังฝ่ายกิจกรรมพิเศษและประธานมูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม เล่าว่า ทรงสอนให้นักเรียนโรงเรียนวังไกลกังวล (ซึ่งเป็นสถานีถ่ายทอดการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมไปทั่วประเทศ) ฟังเรื่องการทำฝนหลวง ดังที่เห็นกันในข่าว จะหาพระเจ้าแผ่นดินประเทศไหนสอนหนังสือเด็กแบบนี้ก็คงไม่มี

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีความเป็นศิลปินสูง ทรงดนตรีได้อย่างยอดเยี่ยมและทรงพระราชนิพนธ์เพลงได้ไพเราะดังที่ทราบกันทั่วไป และก็ทรงมีความเป็นครูด้วย คือทรงสอนวงสหายพัฒนาให้เล่นดนตรีกันจนได้ เมื่อได้ทรงดนตรี ท่านจะทรงมีความสุข ยิ่งดึกยิ่งทรงสนุกจนเช้า ต่างจากข้าราชบริพารที่ยิ่งดึกยิ่งง่วง ยิ่งเช้ายิ่งสลบ ทรงวาดภาพสีน้ำมันได้อย่างดีเยี่ยม และโปรดการถ่ายภาพตั้งแต่ยังประทับที่สวิตเซอร์แลนด์ แม่เล่าว่า ทรงโปรดเพราะเป็นการบันทึกชีวประวัติได้ดีกว่าสิ่งอื่น เพราะรูปจะบอกถึงกาลเวลาและสถานที่ได้ดีกว่าคำพูด เมื่อก่อนทรงถ่ายภาพ และทรงอัดภาพเอง ล้างเองบางครั้ง ทรงเก็บพระรูปเข้าอัลบั้มด้วยพระองค์เอง ทรงเขียนเบอร์เรียงตามลำดับวัน เดือน ปี เก็บไว้ตั้งแต่ทรงพระเยาว์ จนปัจจุบัน หลังๆนี้ โปรดถ่ายภาพฝีพระหัตถ์สัตว์ต่างๆในวังไกลกังวล เช่น คุณๆต่างๆในหนังสือพระราชนิพนธ์ และ ลิง หรือคุณสรพงศ์ (ชื่อเก่า) ที่หลงมาจากไหนก็ไม่ทราบ แต่มาอาศัยอยู่ที่พระตำหนักเปี่ยมสุขอยู่พักใหญ่ ข้าพเจ้าก็ลืมไปแล้วว่าทรงตั้งชื่อพระราชทานว่าอะไร จนกระทั่งบรรดากิ้งกือต่างๆ แม่เป็นคนที่เกลียดกิ้งกือที่สุด ใครฝากมาถวายให้ทรงถ่ายภาพ จะปฎิเสธอย่างหนักแน่น เพราะท่านเคยทรงชี้ให้ดู “ศิลปะกิ้งกือ”ครั้งหนึ่ง เกือบตาย

ท่านทรงเป็นนักกีฬา สมัยก่อนโปรดทรงแบดที่ศาลาผกาภิรมย์ ที่วังสวนจิตรฯ ซึ่งปัจจุบันก็คือศาลาห้องประชุมใหญ่ที่โรงเรียนจิตรลดา นั่นเอง และที่ศาลาเริง วังไกลกังวล สมัยก่อนจะเป็นศาลาโล่งๆ ไม่ติดกระจกติดแอร์อย่างทุกวันนี้ มีสมเด็จพระศรีฯ ทรงแบดด้วย บางครั้งก็มีคุณท่าน (ม.ล. บัว กิติยากร) หรือพระมารดาสมเด็จฯ ด้วย เวลาท่านประทับหัวหิน ท่านจะโปรดทรงเรือใบ บางทีทรงจากหน้าวังไปที่ต่างๆบ้าง หรือทรงแข่งกับทีมราชนาวีบ้างเป็นประจำทุกปี สมัยก่อน จะทรงวิ่งหาดทรายใหญ่ทุกวัน พวกเราเด็กๆลูกหลานข้าราชบริพาร ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จฯ ให้ตามเสด็จด้วย ทั้งเยี่ยมราษฎรด้วย และวิ่งด้วยบางวัน ถ้าวันไหนวิ่งหาดทรายใหญ่(ประมาณ 5-6 กิโลขึ้นเขา พอรถขบวนจอด เด็กก็วิ่งกันหน้าเริ่ดอย่างไม่คิดชีวิต แต่พระเจ้าอยู่หัวกับสมเด็จฯ ท่านทรงมีพระพลามัยแข็งแรงสมบูรณ์มาก ทรงวิ่งเร็วมากและแซงพวกเราอย่างรวดเร็ว ไม่ถึงครึ่งทางเลย

พระเจ้าอยู่หัว ท่านโปรดทรงงาน ดร. สุเมธเล่าว่าท่านจะทรงงานอย่างมีความสุขแม้ว่าจะตรากตรำพระวรกาย ท่านรับสั่งว่า “ความร่าเริง และรื่นเริง ความคึกคัก และครึกครื้น เป็นปัจจัยของการทำงานที่มีประสิทธิภาพ” ท่านมีพระอารมณ์ขันสูง แต่พระพักตร์จะเฉยๆซึ่งคนที่ไม่ได้ใกล้ชิดจะกลัวๆท่าน แท้จริงแล้ว ทรงมีพระเมตตามากข้าราชบริพารจะรู้กันดี พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักร์พันธุ์เพ็ญศิริ ทรงเคยเล่าว่า มหาวิทยาลัยต่างๆได้ทูลเกล้าฯถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตด้านต่างๆมากมาย พอทรงได้รับทางด้านแพทยศาสตร์ ท่านก็รับสั่งว่า “ตอนนี้ฉันเป็นหมอยา” ต่อมาท่านก็ได้รับการถวายอีกในด้านนิติศาสตร์ ทรงรับสั่งว่า “ตอนนี้เป็นหมอความ” ถัดมาทรงรับการถวายด้านดนตรี จากคณะของข้าพเจ้าคือคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ ปีเดียวกับที่ข้าพเจ้าเข้ารับพระราชทานปริญญา ก็รับสั่งสรุปว่า “ตอนนี้เป็นหมอลำแล้ว”



อีกเรื่องหนึ่งที่แสดงให้เห็นพระอารมณ์ขันของพระองค์ท่านก็คือ ทรงตั้งชื่อเล่นให้แม่ข้าพเจ้าว่า “จู๋” ตั้งแต่เริ่มเข้าทำงานรับใช้ในพระองค์ สมัยที่ทรงอภิเษกสมรส เนื่องจากทรงเห็นว่าตัวเล็กและรวดเร็วเหมือนลิง เวลาทรงใช้สอย ฟังไม่ทันจบก็วิ่งออกไปแล้ว บางครั้งก็ถูก บางครั้งก็ผิด จนเวลา กว่า 50 ปี ผ่านไป คนเรียกป้าจู๋กันทั้งวัง ทั้งที่บางคนก็แก่กว่าแม่ ไม่มีใครเรียกชื่อเล่นของแม่จริงๆสักคน มีเรื่องเล่ากันมากมายเรื่องราชาศัพท์และคนที่ตกประหม่าต่อหน้าพระเจ้าอยู่หัว ก็ไม่ทรงถือ เคยได้ยินว่า ราชองครักษ์ท่านหนึ่งมาเข้าเวร พอเสด็จลง ก็กล่าวถวายรายงานตัวตามระเบียบว่า “ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาท ข้าพระพุทธเจ้า ๆๆๆ ?!?!? (คือลืมชื่อตัวเอง) ท่านก็เลยทรงอ่านชื่อให้จากป้ายชื่อที่หน้าอก ปัจจุบันเท็จจริงไม่ทราบ แต่มีคนเล่าให้ฟังว่า องครักษ์จะโดนบรีฟห้ามมองพระพักตร์พระเจ้าอยู่หัวเวลาถวายรายงาน ก็อาจมาจากเรื่องนี้ก็เป็นได้ มีเรื่องเฮฮากันเป็นประจำเวลาเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎร ซึ่งจะกราบทูลอย่างซื่อๆ บางครั้งก็ใช้ศัพท์ยี่เกกันไปเลย เช่น ปลาพระองค์นี้ มีพระโอรสพระธิดา หลายพระองค์ ฯลฯ สมัยที่ข้าพเจ้าเด็กๆ ที่หัวหิน เวลาทรงสนับเพลาสั้น ฉลองพระองค์ฮาวายเพื่อทรงเรือใบ ทหารยามไม่ยอมทำวันทยาวุธท่าน กลับไปทำความเคารพองครักษ์ที่เดินตามแทนเพราะใส่เครื่องแบบ แต่ท่านก็ไม่ทรงถือสา พอสอบสวนได้ความว่า ทหารจำท่านไม่ได้ เนื่องจากเห็นแต่พระรูปที่ทรงแต่งพระองค์เต็มยศ จนต้องติดพระรูปของทุกพระองค์ในพระราชอริยาบทต่างๆในป้อมยาม



ข้าพเจ้าเป็นผู้ที่มีโชคดี เพราะมีแม่ที่ทำงานรับใช้ใกล้ชิด จึงมีโอกาสได้เข้าเฝ้าบ่อยๆ เมื่อตอนเด็ก ๆ ช่วงที่ทรงทำพระจิตรลดาเมื่อเกือบ 40 ปีก่อนซึ่งขณะนี้ ซื้อขายกันในตลาดพระ มูลค่ามหาศาล แม่เล่าให้ฟังว่า ข้าพเจ้ายังอายุแค่สัก 2 ขวบเห็นจะได้ อยู่มาวันหนึ่ง พอพระทวารเปิด ข้าพเจ้าก็คลานเข้าไปหมอบกราบก้นโด่ง และกราบทูลว่า “ ขอพระราชทานพระๆๆๆๆ” และพูดซ้ำๆหลายครั้งไม่ยอมเลิก จนท่านรับสั่งว่า ไปตามแม่มา แม่ข้าพเจ้าก็เข้าเฝ้าด้วยใบหน้าซีดเซียว เนื่องจากกลัวท่านจะว่าเอา กราบบังคมทูลว่า “ไม่ได้สอนเพคะ” แต่ท่านก็ทรงมีเมตตา พระราชทานพระจิตรลดาให้ข้าพเจ้าหนึ่งองค์ เป็นองค์ย่อเล็กของเด็กพร้อมกับใบประกาศมีเลขที่กำกับพร้อมชื่อด้วย ซึ่งต่อมาได้ทราบว่า ขณะนี้หายากมาก เพราะคนที่ได้รับพระราชทานเป็นเจ้านาย และลูกข้าฯในพระองค์ทั้งสิ้นมีไม่กี่คน นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อมหาที่สุดมิได้ ซึ่งข้าพเจ้าจะเก็บรักษาไว้ตลอดไป รวมกับเสมาพระปรมาภิไธยย่อ ภปร.ทอง ที่ได้รับพระราชทานมาพร้อมกับชื่อพระราชทาน เมื่อแต่งงาน ก็ได้เข้าเฝ้ารับพระราชทานน้ำสังข์และเงินก้นถุง พร้อมกับพระราชทานโอวาทที่มีข้อใหญ่ใจความว่า “การครองเรือนต้องอดทน” ซึ่งข้าพเจ้าก็รับใส่เกล้าใส่กระหม่อมมาปฎิบัติจนทุกวันนี้



คงจะไม่มีใครปฎิเสธถึงพระจริยาวัตรที่งดงามและผลงานที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานแก่พสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอด ด้วยพระปณิธานอันแน่วแน่ของพระองค์ท่านที่จะทรงพลิกฟื้นความเป็นอยู่ของราษฎรชาวไทยโดยไม่ทรงเลือกเชื้อชาติและศาสนา โดยทรงเป็นปราชญ์ในทุกด้าน เมื่อทรงสนพระทัยในด้านใด ก็จะทรงเรียนรู้สิ่งนั้นๆอย่างลึกซึ้งเป็นทรงเคารพภูมิปัญญาของชาวบ้านในถิ่นนั้นและทรงใช้ในเป็นประโยชน์ ท่านจะทรงศึกษาจนทรงทราบว่าชาวบ้านต้องการอะไร และทรงพัฒนาให้เขาเหล่านั้นยืนได้ด้วยขาของตัวเอง โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระองค์ท่าน จึงเป็นโครงการที่พัฒนาคุณภาพในชีวิตให้ราษฎรครบวงจร และพัฒนาจิตใจควบคู่ไปด้วย เรียกว่าการพัฒนาอย่างสมบูรณ์และยั่งยืน

ข้าพเจ้าอยากขอร้องพสกนิกรทุกท่านที่กล่าวกันว่า “เรารักในหลวง” หรือที่สายริสท์แบนด์สีเหลืองรุ่นใหม่เขียนว่า “เรารักพระเจ้าอยู่หัว” ถ้ารักท่านจริงๆ ขอให้ได้มองพระองค์ท่านให้เห็นถึงพระองค์ท่านจริงๆ ฟังให้ได้ยิน ทำตามแนวทางที่พระองค์ท่านได้ปฎิบัติ อาจไม่หมดเต็มร้อย แต่ทุกคนช่วยกัน ชาติก็จะพัฒนากันไป ตามพระราชปณิธานที่ทรงปฎิบัติตลอดมา.....

เนื่องในวาระวันเฉลิมพระชนมพรรษาเวียนมาบรรจบในปีนี้ ข้าพระพุทธเจ้าขอถวายพระพร ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญ สถิตย์อยู่เป็นมิ่งขวัญของเหล่าพสกนิกรไทยตลอดไป

ด้วยเกล้า ด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

Guiding Light - The Bangkok Festival Choir



Create Date : 04 ธันวาคม 2551
Last Update : 5 ธันวาคม 2551 15:22:58 น. 8 comments
Counter : 3046 Pageviews.

 
Thank you for sharing such a wonderful story. You should put together a book of collections of yours. you have my strongest support and appreciation. May it reach out and touch as many hearts (and bodies) as is possible!


โดย: Sweetwater IP: 66.107.115.22 วันที่: 4 ธันวาคม 2551 เวลา:23:57:44 น.  

 
ดีนะ เขียนได้ประทับใจ เป็นมุมมองและประสบการณ์ของผู้ที่อยู่ใกล้พระองค์ท่านมากกว่าคนทั่วไป


โดย: Paak IP: 58.8.178.90 วันที่: 5 ธันวาคม 2551 เวลา:11:21:21 น.  

 
I love both story and pictures, you are good writer, naja.


โดย: LuckyChamp IP: 124.120.1.204 วันที่: 6 ธันวาคม 2551 เวลา:1:14:57 น.  

 
พี่ฝันจ๋า ปูอ่านคนเดียวรอบนึงแล้วไม่สามารถเก็บความสนุกและประทับใจไว้ได้คนเดียว ต้องไปตามคุณแม่มานั่งฟังอีกรอบ ขอบคุณมากค่ะที่แบ่งปันเรื่องราวที่มีค่ายิ่งสำหรับชาวไทยให้ได้อ่านกัน


โดย: ปู จด.๑๘ IP: 124.121.61.141 วันที่: 6 ธันวาคม 2551 เวลา:22:47:47 น.  

 
เรื่องราวบางอย่างเกี่ยวกับโรงเรียนผมเพิ่งทราบนี่แหละครับ เกี๋ยวกับอาจารย์ใหญ่คนแรกของดรงเรียบน พี่ฝันเขียนเก่งมากๆอ่ะ สั้นแต่ผมเข้าใจ ซักวันผมจะเก่งอย่างพี่ตรับ


โดย: นีติพัทธ์ IP: 24.173.188.3 วันที่: 12 มกราคม 2552 เวลา:6:47:11 น.  

 
ท่านทำอะไรหลายๆอย่างไว้ให้เราทั้งชีวิต.....ทุมเทแรงกายใจเพื่อให้ลูกๆในบ้านมีความสุขและลูกในบ้านก็มีความสุขเพราะพระบารมีของท่าน
เรารักพ่อ.......พ่อของแผนดิน


โดย: รักพ่อเท่าฟ้า IP: 171.4.177.244 วันที่: 28 พฤศจิกายน 2554 เวลา:14:02:33 น.  

 
อยากเห็นพระองค์ท่านไปงานไชนาทาวด์


โดย: jopjop IP: 223.205.52.82 วันที่: 1 ธันวาคม 2554 เวลา:12:53:46 น.  

 
อยากเห็นพระองค์ท่านไปงานไชนาทาวด์


โดย: jopjop IP: 223.205.52.82 วันที่: 1 ธันวาคม 2554 เวลา:12:54:11 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.