สิงหาคม 2553

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
เรื่องของพ่อ กับ ลูก ในวันของแม่
เนื่องในโอกาส วันแม่ ... ใครๆก้อรู้ว่าแม่ มีบุญคุณ และ รักเราแค่ไหน .. คงมีคนพูดถึงเยอะมากๆแล้ว

เนื่องจากที่ผมเป็นพ่อ .. ขอพูดถึงพ่อแทนละกันนะครับ

ครั้งหนึ่งในชีวิต "พ่อของลูก-ลูกของพ่อ"

บ่อยครั้งที่ลูกไม่เข้าใจพ่อและในขณะเดียวกันพ่อเองก็ไม่เข้าใจลูก ผมจึงขอนำเรื่องเกี่ยวกับพ่อมาเล่าสู่กันฟัง เป็นเรื่องของคุณพ่อที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นลูก และเมื่อทุกวันนี้เขาเป็นพ่อ บทเรียนชีวิตที่เขาได้พบในต่างกรรมต่างวาระเป็นเรื่องที่จะสอนใจผู้ที่เป็นลูกให้ได้เข้าใจพ่อของตนมากขึ้น และพ่อก็จะได้เข้าใจความสำคัญของการจัดแบ่งเวลาให้กับครอบครัวให้มากขึ้นเช่นกัน

เมื่อครั้งเป็นลูก

พ่อผมเป็นคนที่ทำงานหนัก หนักมาก ทุกวันนี้ท่านแทบไม่ได้ทำงานแล้ว แต่สภาพร่างกาย มันก้อเป็นผลมาจากการทำงานหนักนั่นแหละ ..
ชีวิตผมก้อเหมือนกับรู้สึกว่า แม่เป็นธุระในทุกๆเรื่องให้จริงๆ ท่านทำทุกอย่างแต่งตัว ทำอาหาร ซื้อของไม่เคยตี ใจดีสุดๆ เรียกว่าแทบจะทำธุระทุกอย่างของชีวิตให้ ส่วนพ่อก้อเหมือนจะทำเมื่อตอนแม่สั่งให้ทำ

แต่จริงๆแล้วพ่อท่านขยันทำงานมาก ทำงานทั้งวัน เพราะเราก้อเป็นร้านที่ต้องผลิตงานส่ง บางทีเลิกงานกัน เที่ยงคืน ตี 1 บ่อยๆ บางทีพ่อมีปัญหาก้อมานั่งบ่นหลังจากทานเหล้ามาหลังจากเลิกงาน แม้ผมจะยังนอนไม่หลับมาโวยวายแม่ บ้างจนทำให้ผมต้องแกล้งหลับ และสงสารแม่เหลือเกิน แต่ก้อเป็นผลดีให้ผม เพราะทุกวันนี้ผมไม่กินเหล้า และ สูบบุหรี่ เพราะผมไม่ชอบนั่นเอง

จนปัจจุบันนี้ท่านแก่และแม่ผมดันมีลู่ทางหาเงินได้เยอะจากการมีร้านให้เช่าหลายร้านจนสามารถทำให้พ่อเลิกทำงานได้เลย ทุนก้อมาจากเงินที่พ่อหามานั่นแหละ และลูกทุกคนก้อจบมาทำงานกันหมดแล้ว ทุกวันบางทีผมก้อยังรู้สึกรักแม่มากกว่าพ่อ ยิ่งหลังจากที่พ่อ แทบจะอยู่บ้านเฉยๆแล้ว เพราะจะยังงัยผมก้อแทบไม่ค่อยได้คุยกะพ่อ และท่านหูตึงมากแล้วพูดธรรมดาไม่ค่อยได้ยิน จนกระทั่งวันนี้ วันที่ผมเข้าใจหมดทุกอย่าง วันที่แม้จะเป้น พ่อ แม่ คนแล้วผมก้อยังรู้สึกว่าขาดแม่ไม่ได้ แต่กับพ่อ เจอท่านไปหาท่านอยากคุยกับท่าน แต่ก้อแทบไม่ได้คุย บางทีก้อแค่เดินไปจับ ไปกอดนิดๆ แต่ก้อไม่ได้แสดงออกอะไรเกินหน้าเกินตาที่ทำกะแม่เลย ที่เข้าไปกอดไปหอมได้เหมือนยังเด็ก แม้ทุกวันนี้เป็นพ่อคนแล้ว และคิดว่าอยากให้ลูกรักเรามากๆสนิทกะพ่อมากๆ ไปตลอดจนโต แต่ก้อไม่ยักแสดงออกกับพ่อตัวเองอย่างที่ อยากให้ลูกทำกะเราเสมอ ...

เมื่อครั้งเป็นพ่อ (ท่อนนี้ไม่ใช่เรื่องของคนเขียนนะครับ แต่ไปอ่านมาเนื้อหาน่าจะดีกว่าประสบการณืของตัวเอง)

วันนี้วันแม่ แต่จะพูดถึงพ่อ และคราวนี้ผมเป็นผู้ที่ถูกเรียกว่า “พ่อ” ที่มีลูกซึ่งไม่ค่อยได้มีโอกาสได้พูดคุยกัน และไม่ได้สนิทสนมกันเหมือนที่แม่เขาสนิทกะลูกสาว ผมในฐานะพ่อ เริ่มเข้าใจว่าทำไมคุณพ่อทั้งหลายต้องทำงานหนัก ผมพึ่งได้มีโอกาสเข้าใจพ่อของผม ที่ครั้งหนึ่งท่านคงเคยรู้สึกเหมือนผมในเวลานี้ว่าทั้ง ๆ ที่อุตส่าห์ทำงานเพื่อหาเลี้ยงครอบครัวให้อยู่สุขสบายยอมสละความสุข ส่วนตัว เอาแต่ทำงานชนิดหามรุ่งหามค่ำ แต่ทำไมบางครั้งลูก ๆ และแม้แต่แม่ของลูก จึงดูว่าไม่ยอมเข้าใจเอาเสียเลย โดยเฉพาะลูก ๆ กลับไปรักแม่ สนิทสนมกับแม่มากกว่าพ่อ แม้ส่วนให่ญลูกจะบอกว่าเท่ากัน แต่บางทีก้อกระซิบว่า รักแม่มากกว่านิดนึง มีอะไรก็คอยแต่จะปรึกษากับแม่เล่าให้แม่ฟังตลอด แม้จะเข้ามากอดมาหอมพ่อหรือคลุกคลีกับพ่อให้ชื่นใจเสมอๆ แต่ช่วงหลังๆที่ผมกลับดึกเพราะงานเยอะมาก และแม่กลับมาอยู่กลับลูกได้เร็วกว่ามากๆ ทำให้ผมหวนระลึกถึงครั้งเมื่อผมเป็นลูก และเริ่มเข้าใจพ่อของผมมากยิ่งขึ้นว่า

เหตุผลที่ทำให้ลูก ๆ เป็นเช่นนี้ ก็คงเนื่องมาจากสาเหตุสำคัญคือ คุณพ่อมีเวลาให้ลูก ๆ น้อยลง และน้อยเกินไปนั่นเอง

เป็นธรรมดาที่ลูกย่อมจะรักใคร่สนิทสนมกับฝ่ายที่มีเวลาให้เขา และเห็นความสำคัญของเขามากกว่า เมื่อวันทั้งวันลูกอยู่แต่กับแม่ เช้าขึ้น แม่ก็หาข้าวให้ทาน พาไปส่งที่โรงเรียน บ่ายก็รับกลับบ้าน สอนการบ้านให้ เป็นเพื่อนดูโทรทัศน์ด้วยกัน ฯลฯ ในขณะที่พ่อ เช้าขึ้นก็รีบไปทำงาน ก่อนลูกจะตื่น กว่าจะกลับบ้านก็ค่ำมืด ลูกหลับไปแล้ว จะเป็นเพราะอยู่ทำงานล่วงเวลา หรือไปสังสรรค์เฮฮากับเพื่อนฝูง ก็ตามแต่

กรณีอย่างนี้ ลูกย่อมจะรักแม้ไว้วางใจแม่ และสนิทสนมกับแม่มากกว่าพ่อ อย่างแน่นอน

ผมเริ่มเข้าใจว่าทำไมบางวันที่พ่อเกิดกลับบ้านเร็วกว่าปกติ แม่กับลูกจะมีท่าทีประหลาดใจถึงขนาดทำอะไรไม่ถูกเอาเลย หรือ บางทีกลับมาเขาก้อทำการบ้านกันอยู่ ลูกก็เล่นกับพ่อน้อยลง เพราะเขามีอะไรทำจนชินแล้ว มีรายการดูประจำ มีกิจกรรมทำประจำแล้ว ตัวพ่อเองก็ไม่รู้จะทักทาย พูดจา หรือหาเรื่องอะไรมาคุยกับลูก จึงจะเข้ากับลูกได้ เพราะพ่อแทบจะไม่รู้เรื่องส่วนตัวของลูกเลย ไม่รู้แม้กระทั่งว่า เพื่อนลูกมีใครบ้าง บางคนลูกเรียนหนังสือชั้นไหน เรียนเกี่ยวกับอะไรบ้างก็ยังไม่รู้เลย พ่อกับลูกจึงแทบจะกลายเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน

ผมเริ่มเข้าใจว่า คุณพ่อผมก็คงอยากจะบอกลูกว่า ที่ทำงานหนักอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อให้แม่และลูกได้อยู่กันอย่างสุขสบาย พ่อเองก็รักลูกเท่า ๆ กับที่แม่รัก เหมือนกัน แต่ถึงจะบอกอย่างไร ลูกก็คงไม่เข้าใจ เพราะการกระทำของพ่อที่มุมานะกับงานนอกบ้านมากเกินไป จนเกิดความห่างเหินกับลูก ย่อม แสดงให้ลูกเห็นว่าพ่อสนใจงานมากกว่าลูกอยู่นั่นเอง

มาถึงวันนี้ที่ผมเป็นพ่อ ผมยังได้เข้าใจเพิ่มขึ้นอีกว่า ในกรณีที่คุณพ่อกับคุณแม่มีปัญหาขัดใจกัน และยังไม่สามารถปรับความเข้าใจกันได้ มีการทะเลาะวิวาทปะทะคารมกัน ทำให้แม่มีความ ทุกข์ใจ ไม่สบายใจ ก็จะหาระบายปรับทุกข์กับลูก เพราะเป็นผู้ที่อยู่ใกล้ชิด และเพื่อหาพวกให้กับตัวเอง แม่อาจจะกล่าวหาพ่อให้ลูกฟัง พูดถึงแต่ ความไม่ดีต่าง ๆ นานาของพ่อ เมื่อลูกได้รับฟังบ่อย ๆ ก็จะฝังใจว่าพ่อเป็นคนไม่ดี ลูกจึงเลิกเคารพเชื่อฟังพ่อ ร้ายกว่านั้น คือเลิกศรัทธาพ่อไปเลยก็มี เมื่อพ่อลูกเผชิญหน้ากัน จึงเหมือนคนไม่รู้จักกัน หรือลูกเป็นฝ่ายหลบหน้าพ่อ พ่อเองก็ไม่รู้ตัวว่า ถูกกล่าวหาไว้อย่างไรบ้าง จริงหรือไม่จริง แค่ไหนไม่มีโอกาสแก้ตัวหรือชี้แจงข้อเท็จจริงกับลูกให้เข้าใจกันได้เลย

เพราะฉะนั้น ถ้าคุณพ่อทั้งหลายไม่อยากจะประสบกับเหตุการณ์แบบที่ทำให้คุณพ่อต้องรู้สึกเสียใจ หรือน้อยใจว่าลูกไม่รักแล้วละก็ ขอให้คุณพ่อพยายามหาเวลาให้ครอบครัวจะมากหรือน้อยนั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่ขึ้นอยู่กับคุณภาพของความใกล้ชิดที่ให้ อยากให้พ่อแสดงความรักต่อลูก อย่าเขินอายที่จะกอดลูกเพียงวันละครั้ง บอกรักลูก บอกรักภรรยา และอย่ามีความคิดว่าลูกต้องพูดกับพ่อก่อน พ่อถึงพูดด้วย ซึ่งเป็นการสร้างช่องว่างให้ห่างกันออกไปมากขึ้น คงไม่ใช่เรื่องแปลกที่พ่อจะเป็นฝ่ายถามลูก และคุยกับลูกก่อน การแบ่งเวลาให้กับครอบครัวและหมั่นเอาใจใส่ใกล้ชิดกับลูก แสดงให้ลูกรู้ว่าพ่อก็รักเขาไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าที่แม่รักเขา ลูกก็ย่อมจะรับรู้ได้แล้วเขาก็คงจะรักพ่อเท่ากับแม่แน่ ๆ ที่ลืมไม่ได้คือจงรักแม่ของลูก ๆ ให้มาก มีปัญหาอะไรก็จงมีสติและใช้การพูดคุยปรึกษาหารือกัน ประนีประนอมเข้าหากัน คงไม่มีความรักและความเข้าใจใดดำเนินไปได้หากปราศการเสียงพูดคุย เสียงหัวเราะ และแม้แต่เสียงพูดปลอบโยนเมื่อยามเศร้าเสียใจ แล้วชีวิตในครอบครัวก็จะเป็นชีวิตที่มีความสุขครับ จงอย่าเสียเวลากับความเงียบไปโดยไร้ประโยชน์เลยเพราะเวลาไม่อาจหวนกลับมาได้อีก



ส่วน ตัวของผม
ตอนนี้ลูกผมยังเล็ก 7 ขวบยังสนิทสนมกับพ่อมากๆเหมือนเดิม เพียงแต่ก้อรู้สึกเหมือนกันละว่าทุกวันนี้เขาสนิทกะแม่มากกว่า .. แต่มันก้อเป้นเรื่องธรรมดา เพราะธุระเรื่องลูกส่วนให่ญเธอเป็นคนทำ แต่ไม่ต้องห่วงไว้ผมจะหาเวลาทำคะแนนตีกลับเรื่องความสนินสนมบ้าง

แต่ความรู้สึกของลูกสาวที่มีต่อพ่อ รับรองว่าไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันแน่ ..

**** ดังนั้นแม้พรุ่งนี้จะวันแม่ แต่ถ้าพรุ่งนี้คุณเจอพ่อ หวังว่าคุณจะไม่ให้ท่านน้อยใจนะครับ ... แม้ตอนนี้ อิจฉาแม่ของลูกนิดๆเหมือนกันนะนั่น ... ลูกสาวเอาใจสุดๆ อ่ะ ทั้งการ์ด ดอกไม้ ขนม แหมกราบเท้ากันด้วย ฮึๆ

รักพ่อ รักแม่ ก้อบอกกันซะนะครับ ซ้อมบอกในนี้ก้อได้นะ เผื่อจะมีใครเก็บไปใช้บ้าง

ขอบคุณครับ



Create Date : 12 สิงหาคม 2553
Last Update : 23 สิงหาคม 2553 23:38:15 น.
Counter : 772 Pageviews.

2 comments
  
ขอบคุณมากครับที่เอามุมมองดี ๆ 2 มุมมาฝาก..

ขอให้มีความสุขกับวันดี ๆ วันนี้ครับ..

ขออนุญาติแวะมาอ่านบ่อย ๆ นะครับ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ไว้ครับ..เผื่อมีโอกาสได้เป็นพ่อบ้าง..
โดย: CEO นิ้วก้อย วันที่: 12 สิงหาคม 2553 เวลา:7:19:12 น.
  
ขอบคุณแม่....ที่ดูแลลูกมา...หน้าที่เราคือ..ความกตัญญู
โดย: โคราชดง วันที่: 12 สิงหาคม 2553 เวลา:23:17:52 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

loveengland
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]