ความทรงจำสีจาง (ฉบับที่ 7: ช่วงเวลาแห่งความสุข)
อีกตอน
ฉบับที่ 7
ช่วงเวลาแห่งความสุข
เมื่อคืนผมไม่ได้ทั้งคืนดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะไม่ได้ฝันถึงอะไรเลย แต่ความทรงจำเกี่ยวกับใครคนหนึ่งก็ทำให้เคลิ้มได้ทั้งวัน ขณะที่กำลังพรวนดินในกระถางให้เจ้าต้นกระบองเพชรหรือที่เรียกกันว่า cactus นั้นก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงเธอคนนั้น
เธอจะชอบดอกไม้ประเภทไหนกันนะ...
ใช่สิ คิดแล้วก็เจ็บใจ ทำไมตูเป็นคนอย่างนี้ก็ไม่รู้ ทั้งๆที่คบกันมาตั้งนานนมแต่ไม่เคยถามเธอเลยสักครั้งว่าเธอชอบต้นไม้หรือดอกไม้อะไร
ฝ่ายเธอนั้นก็ไม่ได้มีวี่แววจะปริปากบอกสักคำ ไม่รู้ว่าจะอมภูมิไปถึงไหน คิดไปแล้วก็อยากรู้จริงๆว่า เวลาที่เราคบกันอยู่นั้นเราได้ทำอะไรกันบ้าง(เรื่องทำอะไรกันบ้างนี่คิดแล้วก็ให้หน้าแดงนะ ถ้าเธอคนนั้นรู้ว่าฉันคิดอกุศลมีหวังโดนฆ่าทิ้งแน่)
เธอก็เป็นเสียแบบนี้ บทจะเล่นหวานก็เล่นเอาตกอกตกใจ บทจะห้าวก็แทบตายเหมือนกัน แต่มันก็ไม่ได้ต่างกันเลยระหว่างเธอกับผม
เพราะผมก็ออกจะเป็นคนเย็นชาเมื่อเวลาอยู่ใกล้ๆเธอ ไม่รู้เพราะอะไร อาจจะเพราะว่าเขินมากเกินไปจนไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไรก็เลยเล่นเย็นชาไปอย่างนั้น เราสองคนนี่ช่างเป็นคู่แท้เสียจริง...
ชล... เสียงของคุ้นหูของธีรชาดังสอดแทรกเข้าไปถึงความทรงจำ
... แต่ผมยังคงไม่รู้เรื่องรู้ราวยังนั่งเหม่อพรวนดินต้นไม้อยู่อย่างนั้น
ไอ่ชล!!! ผมสะดุ้งโหยงและกระชากตัวเองออกมาจากความหลัง
อะไรของแกวะ อยู่ๆก็มาตะโกนกินสวรรค์วิมานอะไรของแกอยู่ได้! ผมตะคอกกลับแต่เพราะความตกใจและอาย นี่แกตั้งใจจะขุดกระถางนี่จนเจอบ่อน้ำมันรึไงวะ นั่งใจลอยหาหอยอะไรอยู่ได้ ไอ้น้องชายว่าพลางชี้ไปที่โคนต้นกระบองเพชรเจ้ากรรมที่ยืนนิ่งไม่ไหวติง
เรื่องของฉัน ผมชักรู้สึกรำคาญไอ้น้องชายของตัวเอง เรื่องของแกกับใคร กับยัย
ไอ้ห่า...! แกจะไปขุดหลุมฝังตัวเองที่ไหนก็ไปเลยไป อย่ามากวนตีนได้ไหม น่ารำคาญ
โหยไปก็ได้วะ แค่นี้ก็ต้องโมโหด้วย ทำไมแทงใจดำๆของแกมากนักหรือไง
แกจะไปดีๆหรือว่าจะให้ตีนฉันส่งแกไปหา! ไม่พูดเปล่าแต่ลุกพรวดขึ้นมาไล่เตะธีรชาอย่างหมั่นเขี้ยว
ขณะที่กำลังวิ่งไล่เตะก้นธีรชาอย่างเมามัน ทันใดนั้นผมก็ชนเข้ากับร่างร่างหนึ่ง
ว้าย!!! ร่างของเธอปลิวมาอยู่ในอ้อมกอดของผมพอดิบพอดี
ขอโทษครับเป็นไรรึเปล่า ผมช่วยประครองเธอให้ยืนอย่างมั่นคง
ไม่...ไม่เป็นไรค่ะ หญิงสาวร่างเล็กเพรียวผมสั้นปละบ่าส่งแววตาเอียงอายปนตกใจออกมาจากดวงตาเล็กหยีนั้น
โหยน่ารักว่ะ ธีรชาเห็นดังนั้นจึงรี่เข้ามาหาผมและหญิงสาวอย่างรวดเร็ว
คุณเป็นไรรึเปล่าครับ ธีรชาถามเธออย่างเป็นห่วง
... แต่เธอไม่ตอบเพราะกำลังจ้องเอาๆที่ผม
ฉันชื่อกาดแก้วค่ะ เป็นน้องสาวของพี่กระชาย ไม่ทราบว่าคุณ...
อ๋อ เอ่อ ผมธรชลครับแล้วก็นี่ธีรชาน้องชายผม ผมแนะนำตัวเองพร้อมทั้งเจ้าชา เพราะมันถองเข้าที่สีข้างของผมเพื่อให้แนะนำตัวเองให้
ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ เธอยื่นมือออกมาเพื่อจับมือกับผมอย่างอ่อนโยน แต่ไม่ใช่กับธีรชา เพราะเธอชักมือกลับก่อนที่ธีรชาจะได้สัมผัสมือเธอ
อ้าวยัยแก้ว มาพอดีเลย กระชายพี่ชายของกาดแก้วเดินเข้ามาสมทบกับเราที่ยืนอยู่ตรงกลางของชั้นสองที่จัดให้เป็นส่วนของเรือนเพาะชำพืชจำพวกกระบองเพชร
พี่ชาย นี่พนักงานใหม่เหรอคะแก้วไม่เห็นรู้เลยว่าพี่รับพนักงานใหม่มา เธอถามพี่ชายอย่างแง่งอน
ก็เขาเพิ่งเข้ามาทำงานได้สองอาทิตย์น่ะ แล้วอีกอย่างเธอก็ไม่ค่อยเข้ามาเรือนเพาะเลยนี่ พี่กระชายต่อว่าน้องสาวที่กำลังทำหน้ามุ่ย น่ารักว่ะ (ธีรชา)
เอ่อแล้วคนไหนล่ะคะที่จะให้มาทำงานช่วยหนูน่ะ เธอถามขึ้น
เอ่อ เจ้าธีรชานี่ไง รู้จักกันรึยัง พี่กระชายผายมือมาทางธีรชาพร้อมทั้งยิ้มอย่างมีเมตตา
อะไรกันคะ ทำไมให้พวกกุ๊ยอย่างนี้มาทำงานกับแก้วล่ะ ถ้าเป็นพี่ธรชลล่ะก็ว่าไปอย่าง
เธอว่าพลางใช้สายตาดูถูกเหยียดหยามมองไปที่ธีรชาที่ยืนทำหัวยุ่งอย่างสะเหร่อ เสื้อผ้ายังไม่ต้องพูดถึงเพราะเจ้านั่นมันเป็นพวกจิตศิลป์
เฮ้ยว่าใครกุ๊ยวะ ธีรชาชักฉุนเพราะยัยนี่ถึงจะสวยแต่กริยาชวนหาน้ำโหมาตั้งแต่เมื่อสักครู่แล้ว
อะไรก็ฉันว่านายนั่นแหละ นายกุ๊ย ดูแต่งตัวเข้าสิ เพิ่งออกมาจากคุกรึไงยะ
ยัยนี่ นึกว่าตัวเองแต่งตัวดีนักรึไง แต่งตัวยังกะจะไปอ่อยพวกกุ๊ยที่ไหนอย่างงั้นแหละ
ว่าไงนะนายกล้าว่าฉันเหรอ เดี๋ยวฉันก็ให้พี่ชายฉันไล่ออกซะหรอก
โหยอย่าเอาพี่ชายมาขู่กันดีกว่า แน่จริงก็มาต่อยกันเลยดีกว่า
รู้สึกว่าธีรชาจะลืมตัวไปชั่วขณะว่าตัวเองเป็นผู้ชายและควรจะสุภาพกับผู้หญิง แต่เขาก็แก้ตัวในใจว่า สำหรับผู้หญิงอย่างนี้ไม่สมควรได้รับกิริยาสุภาพจากเขาแม้แต่น้อย
ไอ้ชา แกจะบ้ารึไงไปท้าผู้หญิงอย่างนั้นได้ไงวะไอ่นี่! ผมปรามน้อง
ก็ยัยนี่มันมาหาเรื่องฉันก่อนทำไมล่ะ ธีรชาไม่ยอมเลิกรา
เธอก็เหมือนกันยัยแก้ว ทำไมไปเสียมารยาทกับพี่เขาทำไม
พี่เพ่ออะไร ไม่รู้ว่าเรียนจบอะไรมา เอ๊ะหรือว่าเรียนไม่จบ
ยัยนี่นี่วอนซะแล้ว ไม่พูดเปล่าแต่ตัวก็ถลาเข้าไปจะเอาเรื่องกับกาดแก้ว
เข้ามาเลยฉันไม่กลัวนายหรอกไอ่หัวยุ่งกล้าทำร้ายผู้หญิงเหรอ ฝ่ายนี้ก็ไม่ใช่ย่อยเหมือนกัน ขิงก็ราข่าก็แรง ทั้งพี่กระชายและผมจึงจำต้องแยกมวยสองคนนี้อย่างรวดเร็วเพราะไม่อย่างนั้นไม่เขาก็เธอได้เลือดแน่
หยุดได้แล้วทั้งสองคน แล้วก็ไปทำงานได้แล้ว ยัยแก้วลิสต์รายชื่อลูกค้าที่ต้องส่งของวันนี้บานไปทำได้แล้ว พี่กระชายสั่งอย่างหัวเสีย
นายก็เหมือนกันนะ ไปด้วยกันนั่นแหละแล้วก็ห้ามทะเลาะกันเข้าใจไหม
ชิ กาดแก้วไม่กล้าเถียงพี่ชายเพราะรู้ว่าถ้าเกิดวันไหนเขาขึ้นเสียงหมายถึงว่าใครก็ตามห้ามเถียงเขาเด็ดขาดถ้ายังไม่อยากตาย เธอจึงเดินสะบัดตูดจากไป
แกก็อย่าไปทำให้คุณแก้วเขาโกรธล่ะไอ่ชา ผมกำชับธีรชาอีกครั้ง
อะไรวะ เห็นๆกันอยู่ว่ายัยแสบกระโปรงสั้นนี่หาเรื่องฉันก่อน ธีรชาตวาดพี่ที่ดันไปเข้าข้างกาดแก้ว
เอาเถอะชา ถือว่าช่วยหน่อยก็แล้วกันนะ เพราะฉันไม่มีใครแล้วจริงๆ ทนๆเอาหน่อยเหอะ เสียงพี่กระชายคล้ายๆจะปลงกับท่าทางของทั้งสองคนนี้แล้ว
ก็ได้วะ ธีรชาว่าอย่างหัวเสียก่อนจะเดินตามกาดแก้วไปอย่างหงุดหงิด
จะรอดหรือครับเนี่ย ผมอดห่วงไม่ได้
เอาเหอะชล ฉันอยากดัดสันดานยัยแก้วมันอยู่พอดี มันถูกแม่ตามใจจนเสียคน พี่กระชายถอนหายใจอย่างหนักหน่วง
แล้วคิดว่าไอ่ชามันจะช่วยอะไรได้หรือครับ ผมชักสงสัย
อย่างน้อยนายชามันก็เป็นคนไม่ยอมคน มันอาจจะช่วยฉันสั่งสอนยัยน้องสาวจอมแก่นของฉันได้บ้างล่ะ
เอางั้นเหรอครับ ผมมองพี่กระชายอย่างไม่แน่ใจ
เอ่อ...เออ... เขาก็ตอบอย่างไม่ค่อยแน่ใจเช่นกัน
โต๊ะอาหารที่จัดขึ้นเพื่อใช้ชั่วคราวนั้นวางกลางสวนหลังบ้านของพี่กระชาย พื้นที่ส่วนนี้เขามักจะจัดเลี้ยงเพื่อนฝูงที่มาเยี่ยมเยือนที่บ้านบ้างที่เรือนเพาะบ้าง แต่คราวนี้สถานที่แห่งนี้ถูกใช้เพื่อต้อนรับผมและธีรชา
การทำงานอย่างขยันขันแข็งของเราทั้งสองพี่น้องตลอดระยะเวลาสองอาทิตย์แม้ว่ามันจะเป็นช่วงเวลาเพียงไม่นานเท่านั้น หากพี่กระชายก็ให้ความไว้เนื้อเชื่อใจ จนเราเองก็ยังรู้สึกเกรงใจ
ดังนั้นเมื่องานเลิกเขาจึงชวนเราสองคนมารับประทานอาหารเย็นที่บ้านของเขา ถึงแม้จะไม่ได้รับความเต็มใจจากกาดแก้วที่จะให้ธีรชาตามมาด้วยเพราะทั้งสองทะเลาะกันทั้งวัน แต่เพราะเป็นความต้องการของพี่กระชายน้องสาวอย่างกาดแก้วจึงไม่สามารถขัดได้
อย่างไรก็ตามตลอดการเดินทางมาบ้านของพี่กระชายทั้งสองก็ทะเลาะกันไม่หยุด จนพี่กระชายต้องขู่ว่าจะปล่อยเธอลงกลางถนนถ้าไม่หยุด เธอจึงหยุดแต่ยังไม่วายส่งสายตาทะเลาะกันกับธีรชามาจนถึงจุดหมาย
เมื่อมาถึงผู้หญิงคนหนึ่งและเด็กอีกสองคนออกมายืนรออยู่ที่หน้าบ้าน ผู้หญิงที่ว่านั่นร่างบางผิวคล้ำและดูแข็งแรง หน้าตาสะสวย พี่ขิงเป็นภรรยาของพี่กระชาย
อืม...ชื่อพืชกันทั้งผัวทั้งเมียแบบนี้ลองคิดดูว่าลูกจะงอกออกมาเป็นอะไร ธีรชากระซิบกับผมซึ่งไม่วายถูกกระทืบอย่างหนักหน่วงที่เท้าข้างขวา
และเป็นอย่างที่ธีรชาคาดไว้ เด็กผู้ชายอายุสัก7 ขวบ หน้าตาคล้ายไปทางขิงมากกว่ากระชายนั้นคือ ใบหม่อน ส่วนเด็กผู้หญิงผมเปียอายุราว 5 ขวบปีนั้นคือซ่อนกลิ่น
เอาเข้าไปเป็นสัตว์กินพืชกันทั้งบ้าน...แล้วยังมาทำธุรกิจเกี่ยวกับพืชอีก เจริญจริงๆ ธีรชาคิดแล้วยิ้มเล็กยิ้มน้อยอยู่คนเดียวที่โต๊ะอาหาร
ขณะที่พวกผู้หญิงเข้าไปขนอาหารออกมาโดยการช่วยเหลือของกระชายและผม ธีรชาก็กลายเป็นขวัญใจเด็กทั้งสองคนไปแล้ว เพราะตอนที่กาดแก้วยกข้าวมานั้นเขากำลังทำตัวเป็นม้าให้เด็กขี่กันอย่างสนุกสนาน
ต๊าย คุณหลานๆคะ ขี่ควายอยู่ก็อย่าติดเชื้อโง่จากควายเสียล่ะ เธอทำเสียงเยาะ
นี่ถ้าฉันควายเธอก็ฬ่อล่ะว้า ธีรชาตอกกลับบ้าง
นายหมายความว่าไงยะ เจ้าตัวพยายามทำตาให้โตสุดขีดเพราะตาเธอหยี
ว่าแล้วไงเป็นฬ่อเจงๆด้วย ธีรชาทำหน้าตากวนเท้าน้อยๆของเธอเล่น
อ้าวคนไทยเขาว่าควายน่ะโคตรโง่ ส่วนฝรั่งเขาว่าลาโง่ แต่เธอไม่ได้เป็นทั้งควายและลาแต่กลับเป็นฬ่อ ซึ่งเกิดจากการผสมกันระหว่างลากับม้าแล้วเขาบอกว่ามันเป็นคนละสายพันธุ์กันมันก็เลยไม่สมประกอบหรือจะเรียกอีกอย่างก็คือ ปัญญาอ่อนนั่นเอง
เขาพูดจบก็หัวเราะส่วนพวกเด็กซึ่งเห็นจะเป็นสมุนของเจ้าธีรชาอย่างเต็มตัวแล้ว เพราะขณะที่เจ้าคุณเธอร้องวี้ดว้ายอยู่นั้น เด็กสองคนก็ร้องพร้อมกันอย่างมีความสุขว่า ปัญญาอ่อน ปัญญาอ่อน
กาดแก้วเจ็บใจที่คนอย่างเธอมาโดนใครที่ไหนก็ไม่รู้ว่าเป็นปัญญาอ่อน จึงรี่เข้าไปทุบที่ตัวของธีรชาอย่างชุลมุน
โอ๊ย!! เจ็บนะโว้ยอะไรวะ ยัยผู้หญิงซาดิส เถียงไม่สู้ก็อย่ามาทำร้ายร่างกายคนอื่นเค้าสิ โอ๊ย!!
แล้วสงครามระหว่างทั้งสองก็สงบลงเมื่อกระชายเดินเข้ามาสมทบ ธีรชาเกรงใจกระชายมากจึงยอมหยุด ส่วนกาดแก้วก็ไม่อยากแสดงกริยาไม่ดีต่อหน้าธรชลจึงยอมหยุดเช่นกัน
เมื่อทุกคนมาพร้อมหน้ากันก็เริ่มลงมือทานกันอย่างเอร็ดอร่อย ผมนั่งข้างพี่กระชายซึ่งมีกาดแก้วนั่งอยู่ทางด้านขวา ส่วนธีรชานั้นนั่งอยู่ตรงข้ามกับกาดแก้วและมีเจ้าตัวเล็กทั้งสองตัวนั่งขนาบข้างอย่างกับกำลังเป็นบอดี้การ์ดให้กับเจ้านายธีรชาอย่างนั้น และพี่ขิงนั่งอยู่ทางขวามือของพี่กระชายอีกที
ทั้งหมดนี่ขิงเขาทำเองเลยนะ ฉันว่าฉันไปไหนไม่รอดก็เพราะไอ่นี่แหละ พี่กระชายพูดไปยิ้มไปและซดน้ำแกงส้มเข้าปากไปอย่างมีความสุข
แหมคุณล่ะก็ชมกันอย่างนี้ฉันก็อายแย่สิคะ พี่ขิงอายหน้าแดงเสียยิ่งกว่าน้ำแกงเผ็ดปลาดุกเสียอีก
พี่ขิงใส่อะไรบ้างฮะเนี่ยอร่อยโคตรๆเกิดมาไม่เคยกินของอร่อยแบบนี้มาก่อนเลยอ่ะ เจ้าธีรชายอภรรยาเจ้านายอย่างออกนอกหน้า
เฮ้ยไอ่ชานี่มันเมียฉันนะโว้ยอย่าลามปาม พี่กระชายทำเสียงเข้มพลางโอบพี่ขิงผู้เป็นภรรยาเข้ามาใกล้อีก เรียกเสียงหัวเราะให้ทั้งโต๊ะ
พี่ชลขาลองชิมนี่ดูนะคะ อันนี้แก้วทำเองค่ะ กาดแก้วตักผัดผักรวมมิตรให้ผมอย่างร่าเริง
ขอบคุณครับ ผมกล่าวไปแค่นั้น
เฮ้ยไอ่ชลอย่าเสือกกินเข้าไปเชียวนะเว้ย เดี๋ยวโดนยาเสน่ห์เข้าล่ะยุ่งตาย เสียเชิงชายทั้งชาติเลยนะเว้ย
ธีรชาหมั่นไส้ท่าทางระริกระรี้ของกาดแก้วจึงขัดจังหวะขึ้นมา
นี่นายไม่กินก็กลับไปเลย ฉันไม่ได้ทำให้นายกินหรอกนะยะ ห้ามกินเลย เอามานี่ กาดแก้วยกจานที่ใส่ผัดผักรวมมิตรของตนข้ามมาทางฝั่งของผม
โหยอยากกินตายล่ะ นี่ฉันยังไม่อยากโดนเธอเล่นของใส่หรอก ยี๋ สิ้นเสียงของธีรชากาดแก้วก็ขว้างส้อมใส่เขาทันที
อะไรวะยัยโหด เจ็บนะเว้ย!
ก็นายมาหาเรื่องฉันก่อนทำไมล่ะกลับไปเลยนะ
เอาล่ะเลิกทะเลาะกันได้แล้ว แล้วก็กินข้าว จริงๆเลยน้าสองคนนี่ พี่กระชายห้ามปรามทั้งสองอีกครั้งและเราทั้งหกก็ลงมือทานกันต่อ ท่ามกลางสงครามเย็นของธีรชาและกาดแก้ว แต่ก็ยังดีกว่าสงครามโลกครั้งที่ 1และ 2 ล่ะ
กาดแก้วคอยตักโน่นขนนี่มาให้ผมโดยที่มีการแขวะของธีรชาและลูกสมุนทั้งสองคนเกิดขึ้นทุกครั้ง มือก็ทำปากก็คุย เธอคุยสนุกดีและช่างสรรหาเรื่องมาพูดคุยต่างกันกับเธอคนนั้นทุกประการ
อ่ะมะเขือเทศเพื่อสุขภาพ บทสนทนาของอดีตผุดขึ้นมากลางอากาศที่ล่องลอยอยู่บนหัวของผม มันเป็นบทสนทนาของตอนที่ผมและเธอได้ไปเดทกันเป็นครั้งที่สองของรอบปีที่คบหากัน
ไม่เอาไม่ชอบ เธอตักมะเขือเทศคืนจานของผมก่อนจะตักแตงโมชิ้นเขื่องจากจานสลัดผลไม้เข้าปากอย่างเงียบๆ
กินเหอะน่า อย่าดื้อ วันนั้นเราคุยกันแบบนั้นแหละ แทบจะนับคำได้ แต่ผมรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องปกติของเรา ผมไม่ใช่คนคุยเก่ง ส่วนเธอจะพูดสิ่งที่จำเป็น
เธอก็กินเองสิ เธอวางหนังสือลงแล้วมองผมอย่างหัวเสีย ดวงตากลมโตนั้นมีแววรำคาญนิดๆ
ไม่เอาไม่ชอบ ไม่อร่อย ผมตอบบุ้ยปากบ้าง
แล้วจะเอามาให้ฉันกินทำไม เธอสะบัดน้ำเสียงเล็กน้อยตรงปลายประโยค
ก็ได้ยินมาว่ามันดี ผมตอบ
ใครว่า เธอซัก
ก็แค่ได้ยินมา เสียงของผมเบาลง
เธอเอื้อมมือมาที่จานของผมแล้วใช้ส้อมจิ้มมะเขือเทศแว่นนั้นขึ้นจากจานของผมก่อนจะย้ายมันไปหย่อนลงไปรวมกับก้อนหินสีสวยที่ก้นโถที่มีไว้สำหรับใส่ไม้ประดับเล็กๆ
จากนั้นเธอก็สั่งสลัดรวมมาอีกหนึ่งจานโดยที่ปราศจากเงาของมะเขือเทศสีแดงสดน่าทานแต่ไม่อร่อยเหล่านั้น วางไว้ตรงกลาง หลังจากนั้นเธอก็เทสลัดผลไม้จากจานของเธอและเอื้อมมาหยิบจานสลัดผักรวมของผมเทลงไปรวมกันในจานใหม่
ทีนี้ก็กินได้
เท่านั้นเอง วิธีการของเธอ ความละมุนที่แปลกประหลาด บางครั้งก็ไม่มีเลย แต่ผมก็ไม่เคยไม่ชอบวิธีของเธอ ผมอดยิ้มให้กับภาพอดีตของตัวเองอย่างเสียไม่ได้ ช่างเป็นช่วงเวลาที่งดงาม...
พี่ชลยิ้มอะไรเหรอคะดูเหมือนว่าทุกกริยาท่าทางของผมจะไม่รอดพ้นสายตาของกาดแก้วไปได้
เปล่าครับ ผมปฏิเสธพร้อมทั้งรอยยิ้มอีกแฉ่งซึ่งกว้างกว่าก่อนด้วยทนความอายที่ถูกจับได้ไม่ได้
เขาไม่ได้ยิ้มให้เธอหรอกยัยฬ่อ ทุกครั้งที่มีโอกาสธีรชาจะรีบกัดกาดแก้วทันที
ไอ่...! กาดแก้วได้แต่ส่งสายตาเขียวปั๊ดไปให้เพราะไม่อยากทะเลาะด้วยกลัวพี่ชายจะดุเอา
คืนนั้นผมรู้สึกอิ่มทั้งกายอุ่นทั้งใจ ไม่คิดว่าชีวิตของตัวเองจะมีช่วงเวลาที่มีความสุขกับเขาบ้าง บางทีการที่คนเรายังเป็นทุกข์กันอยู่คงเพราะมัวแต่ตั้งความหวัง
กำหนดเอาว่า ความสุขของตัวเองต้องเป็นอย่างโน้นอย่างนี้ ต้องเพียบพร้อมทุกอย่าง ทำให้มองข้ามช่วงเวลารอบข้างที่ความสุขมันแฝงเร้นอยู่ใกล้ๆรอบๆตัว
คงเหมือนกับเราไขว่คว้าหาสิ่งอื่นที่คิดว่าสำคัญโดยมองข้ามไปว่าสิ่งที่สำคัญก็คืออากาศที่เรายังสามารถหายใจเขามันเข้าไปได้อยู่ทุกวัน ทั้งนี้คงเพราะอากาศล่องหนนั่นเอง จึงถูกลืมเลือนไป...
และแล้วระหว่างทางเดินขึ้นห้องพักผมก็นึกขึ้นได้ว่าวันที่ผมกับเธอคนนั้นนั่งทานสลัดจากจานเดียวกันนั้น ผมมีความสุขมาก....
------------------------------------------------------------
Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2550 |
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2550 10:21:20 น. |
|
0 comments
|
Counter : 243 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|