การรอคอยการถึงของความเจ็บปวดที่แสนสุข
ความทรงจำสีจาง (ฉบับที่ 7: ช่วงเวลาแห่งความสุข)

อีกตอน





ฉบับที่ 7

ช่วงเวลาแห่งความสุข


เมื่อคืนผมไม่ได้ทั้งคืนดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะไม่ได้ฝันถึงอะไรเลย แต่ความทรงจำเกี่ยวกับใครคนหนึ่งก็ทำให้เคลิ้มได้ทั้งวัน ขณะที่กำลังพรวนดินในกระถางให้เจ้าต้นกระบองเพชรหรือที่เรียกกันว่า cactus นั้นก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงเธอคนนั้น


เธอจะชอบดอกไม้ประเภทไหนกันนะ...


ใช่สิ คิดแล้วก็เจ็บใจ ทำไมตูเป็นคนอย่างนี้ก็ไม่รู้ ทั้งๆที่คบกันมาตั้งนานนมแต่ไม่เคยถามเธอเลยสักครั้งว่าเธอชอบต้นไม้หรือดอกไม้อะไร

ฝ่ายเธอนั้นก็ไม่ได้มีวี่แววจะปริปากบอกสักคำ ไม่รู้ว่าจะอมภูมิไปถึงไหน คิดไปแล้วก็อยากรู้จริงๆว่า เวลาที่เราคบกันอยู่นั้นเราได้ทำอะไรกันบ้าง(เรื่องทำอะไรกันบ้างนี่คิดแล้วก็ให้หน้าแดงนะ ถ้าเธอคนนั้นรู้ว่าฉันคิดอกุศลมีหวังโดนฆ่าทิ้งแน่)


เธอก็เป็นเสียแบบนี้ บทจะเล่นหวานก็เล่นเอาตกอกตกใจ บทจะห้าวก็แทบตายเหมือนกัน แต่มันก็ไม่ได้ต่างกันเลยระหว่างเธอกับผม

เพราะผมก็ออกจะเป็นคนเย็นชาเมื่อเวลาอยู่ใกล้ๆเธอ ไม่รู้เพราะอะไร อาจจะเพราะว่าเขินมากเกินไปจนไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไรก็เลยเล่นเย็นชาไปอย่างนั้น เราสองคนนี่ช่างเป็นคู่แท้เสียจริง...

“ชล...” เสียงของคุ้นหูของธีรชาดังสอดแทรกเข้าไปถึงความทรงจำ

“...” แต่ผมยังคงไม่รู้เรื่องรู้ราวยังนั่งเหม่อพรวนดินต้นไม้อยู่อย่างนั้น

“ไอ่ชล!!!” ผมสะดุ้งโหยงและกระชากตัวเองออกมาจากความหลัง

“อะไรของแกวะ อยู่ๆก็มาตะโกนกินสวรรค์วิมานอะไรของแกอยู่ได้!” ผมตะคอกกลับแต่เพราะความตกใจและอาย

“นี่แกตั้งใจจะขุดกระถางนี่จนเจอบ่อน้ำมันรึไงวะ นั่งใจลอยหาหอยอะไรอยู่ได้” ไอ้น้องชายว่าพลางชี้ไปที่โคนต้นกระบองเพชรเจ้ากรรมที่ยืนนิ่งไม่ไหวติง

“เรื่องของฉัน” ผมชักรู้สึกรำคาญไอ้น้องชายของตัวเอง
“เรื่องของแกกับใคร กับยัย…”

“ไอ้ห่า...! แกจะไปขุดหลุมฝังตัวเองที่ไหนก็ไปเลยไป อย่ามากวนตีนได้ไหม น่ารำคาญ”

“โหยไปก็ได้วะ แค่นี้ก็ต้องโมโหด้วย ทำไมแทงใจดำๆของแกมากนักหรือไง”

“แกจะไปดีๆหรือว่าจะให้ตีนฉันส่งแกไปหา!” ไม่พูดเปล่าแต่ลุกพรวดขึ้นมาไล่เตะธีรชาอย่างหมั่นเขี้ยว

ขณะที่กำลังวิ่งไล่เตะก้นธีรชาอย่างเมามัน ทันใดนั้นผมก็ชนเข้ากับร่างร่างหนึ่ง

“ว้าย!!!” ร่างของเธอปลิวมาอยู่ในอ้อมกอดของผมพอดิบพอดี

“ขอโทษครับเป็นไรรึเปล่า” ผมช่วยประครองเธอให้ยืนอย่างมั่นคง

“ไม่...ไม่เป็นไรค่ะ” หญิงสาวร่างเล็กเพรียวผมสั้นปละบ่าส่งแววตาเอียงอายปนตกใจออกมาจากดวงตาเล็กหยีนั้น

“โหยน่ารักว่ะ” ธีรชาเห็นดังนั้นจึงรี่เข้ามาหาผมและหญิงสาวอย่างรวดเร็ว

“คุณเป็นไรรึเปล่าครับ” ธีรชาถามเธออย่างเป็นห่วง

“...” แต่เธอไม่ตอบเพราะกำลังจ้องเอาๆที่ผม

“ฉันชื่อกาดแก้วค่ะ เป็นน้องสาวของพี่กระชาย ไม่ทราบว่าคุณ...”

“อ๋อ เอ่อ ผมธรชลครับแล้วก็นี่ธีรชาน้องชายผม” ผมแนะนำตัวเองพร้อมทั้งเจ้าชา เพราะมันถองเข้าที่สีข้างของผมเพื่อให้แนะนำตัวเองให้

“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” เธอยื่นมือออกมาเพื่อจับมือกับผมอย่างอ่อนโยน แต่ไม่ใช่กับธีรชา เพราะเธอชักมือกลับก่อนที่ธีรชาจะได้สัมผัสมือเธอ

“อ้าวยัยแก้ว มาพอดีเลย” กระชายพี่ชายของกาดแก้วเดินเข้ามาสมทบกับเราที่ยืนอยู่ตรงกลางของชั้นสองที่จัดให้เป็นส่วนของเรือนเพาะชำพืชจำพวกกระบองเพชร

“พี่ชาย นี่พนักงานใหม่เหรอคะแก้วไม่เห็นรู้เลยว่าพี่รับพนักงานใหม่มา” เธอถามพี่ชายอย่างแง่งอน

“ก็เขาเพิ่งเข้ามาทำงานได้สองอาทิตย์น่ะ แล้วอีกอย่างเธอก็ไม่ค่อยเข้ามาเรือนเพาะเลยนี่” พี่กระชายต่อว่าน้องสาวที่กำลังทำหน้ามุ่ย น่ารักว่ะ (ธีรชา)

“เอ่อแล้วคนไหนล่ะคะที่จะให้มาทำงานช่วยหนูน่ะ” เธอถามขึ้น

“เอ่อ เจ้าธีรชานี่ไง รู้จักกันรึยัง” พี่กระชายผายมือมาทางธีรชาพร้อมทั้งยิ้มอย่างมีเมตตา

“อะไรกันคะ ทำไมให้พวกกุ๊ยอย่างนี้มาทำงานกับแก้วล่ะ ถ้าเป็นพี่ธรชลล่ะก็ว่าไปอย่าง”

เธอว่าพลางใช้สายตาดูถูกเหยียดหยามมองไปที่ธีรชาที่ยืนทำหัวยุ่งอย่างสะเหร่อ เสื้อผ้ายังไม่ต้องพูดถึงเพราะเจ้านั่นมันเป็นพวกจิตศิลป์

“เฮ้ยว่าใครกุ๊ยวะ” ธีรชาชักฉุนเพราะยัยนี่ถึงจะสวยแต่กริยาชวนหาน้ำโหมาตั้งแต่เมื่อสักครู่แล้ว

“อะไรก็ฉันว่านายนั่นแหละ นายกุ๊ย ดูแต่งตัวเข้าสิ เพิ่งออกมาจากคุกรึไงยะ”

“ยัยนี่ นึกว่าตัวเองแต่งตัวดีนักรึไง แต่งตัวยังกะจะไปอ่อยพวกกุ๊ยที่ไหนอย่างงั้นแหละ”

“ว่าไงนะนายกล้าว่าฉันเหรอ เดี๋ยวฉันก็ให้พี่ชายฉันไล่ออกซะหรอก”

“โหยอย่าเอาพี่ชายมาขู่กันดีกว่า แน่จริงก็มาต่อยกันเลยดีกว่า”

รู้สึกว่าธีรชาจะลืมตัวไปชั่วขณะว่าตัวเองเป็นผู้ชายและควรจะสุภาพกับผู้หญิง แต่เขาก็แก้ตัวในใจว่า สำหรับผู้หญิงอย่างนี้ไม่สมควรได้รับกิริยาสุภาพจากเขาแม้แต่น้อย

“ไอ้ชา แกจะบ้ารึไงไปท้าผู้หญิงอย่างนั้นได้ไงวะไอ่นี่!” ผมปรามน้อง

“ก็ยัยนี่มันมาหาเรื่องฉันก่อนทำไมล่ะ” ธีรชาไม่ยอมเลิกรา

“เธอก็เหมือนกันยัยแก้ว ทำไมไปเสียมารยาทกับพี่เขาทำไม”

“พี่เพ่ออะไร ไม่รู้ว่าเรียนจบอะไรมา เอ๊ะหรือว่าเรียนไม่จบ”

“ยัยนี่นี่วอนซะแล้ว” ไม่พูดเปล่าแต่ตัวก็ถลาเข้าไปจะเอาเรื่องกับกาดแก้ว

“เข้ามาเลยฉันไม่กลัวนายหรอกไอ่หัวยุ่งกล้าทำร้ายผู้หญิงเหรอ” ฝ่ายนี้ก็ไม่ใช่ย่อยเหมือนกัน ขิงก็ราข่าก็แรง
ทั้งพี่กระชายและผมจึงจำต้องแยกมวยสองคนนี้อย่างรวดเร็วเพราะไม่อย่างนั้นไม่เขาก็เธอได้เลือดแน่

“หยุดได้แล้วทั้งสองคน แล้วก็ไปทำงานได้แล้ว ยัยแก้วลิสต์รายชื่อลูกค้าที่ต้องส่งของวันนี้บานไปทำได้แล้ว” พี่กระชายสั่งอย่างหัวเสีย

“นายก็เหมือนกันนะ ไปด้วยกันนั่นแหละแล้วก็ห้ามทะเลาะกันเข้าใจไหม”

“ชิ” กาดแก้วไม่กล้าเถียงพี่ชายเพราะรู้ว่าถ้าเกิดวันไหนเขาขึ้นเสียงหมายถึงว่าใครก็ตามห้ามเถียงเขาเด็ดขาดถ้ายังไม่อยากตาย เธอจึงเดินสะบัดตูดจากไป

“แกก็อย่าไปทำให้คุณแก้วเขาโกรธล่ะไอ่ชา” ผมกำชับธีรชาอีกครั้ง

“อะไรวะ เห็นๆกันอยู่ว่ายัยแสบกระโปรงสั้นนี่หาเรื่องฉันก่อน” ธีรชาตวาดพี่ที่ดันไปเข้าข้างกาดแก้ว

“เอาเถอะชา ถือว่าช่วยหน่อยก็แล้วกันนะ เพราะฉันไม่มีใครแล้วจริงๆ ทนๆเอาหน่อยเหอะ” เสียงพี่กระชายคล้ายๆจะปลงกับท่าทางของทั้งสองคนนี้แล้ว

“ก็ได้วะ” ธีรชาว่าอย่างหัวเสียก่อนจะเดินตามกาดแก้วไปอย่างหงุดหงิด

“จะรอดหรือครับเนี่ย” ผมอดห่วงไม่ได้

“เอาเหอะชล ฉันอยากดัดสันดานยัยแก้วมันอยู่พอดี มันถูกแม่ตามใจจนเสียคน” พี่กระชายถอนหายใจอย่างหนักหน่วง

“แล้วคิดว่าไอ่ชามันจะช่วยอะไรได้หรือครับ” ผมชักสงสัย

“อย่างน้อยนายชามันก็เป็นคนไม่ยอมคน มันอาจจะช่วยฉันสั่งสอนยัยน้องสาวจอมแก่นของฉันได้บ้างล่ะ”

“เอางั้นเหรอครับ” ผมมองพี่กระชายอย่างไม่แน่ใจ

“เอ่อ...เออ...” เขาก็ตอบอย่างไม่ค่อยแน่ใจเช่นกัน




โต๊ะอาหารที่จัดขึ้นเพื่อใช้ชั่วคราวนั้นวางกลางสวนหลังบ้านของพี่กระชาย พื้นที่ส่วนนี้เขามักจะจัดเลี้ยงเพื่อนฝูงที่มาเยี่ยมเยือนที่บ้านบ้างที่เรือนเพาะบ้าง แต่คราวนี้สถานที่แห่งนี้ถูกใช้เพื่อต้อนรับผมและธีรชา


การทำงานอย่างขยันขันแข็งของเราทั้งสองพี่น้องตลอดระยะเวลาสองอาทิตย์แม้ว่ามันจะเป็นช่วงเวลาเพียงไม่นานเท่านั้น หากพี่กระชายก็ให้ความไว้เนื้อเชื่อใจ จนเราเองก็ยังรู้สึกเกรงใจ


ดังนั้นเมื่องานเลิกเขาจึงชวนเราสองคนมารับประทานอาหารเย็นที่บ้านของเขา ถึงแม้จะไม่ได้รับความเต็มใจจากกาดแก้วที่จะให้ธีรชาตามมาด้วยเพราะทั้งสองทะเลาะกันทั้งวัน แต่เพราะเป็นความต้องการของพี่กระชายน้องสาวอย่างกาดแก้วจึงไม่สามารถขัดได้


อย่างไรก็ตามตลอดการเดินทางมาบ้านของพี่กระชายทั้งสองก็ทะเลาะกันไม่หยุด จนพี่กระชายต้องขู่ว่าจะปล่อยเธอลงกลางถนนถ้าไม่หยุด เธอจึงหยุดแต่ยังไม่วายส่งสายตาทะเลาะกันกับธีรชามาจนถึงจุดหมาย


เมื่อมาถึงผู้หญิงคนหนึ่งและเด็กอีกสองคนออกมายืนรออยู่ที่หน้าบ้าน ผู้หญิงที่ว่านั่นร่างบางผิวคล้ำและดูแข็งแรง หน้าตาสะสวย พี่ขิงเป็นภรรยาของพี่กระชาย

อืม...ชื่อพืชกันทั้งผัวทั้งเมียแบบนี้ลองคิดดูว่าลูกจะงอกออกมาเป็นอะไร ธีรชากระซิบกับผมซึ่งไม่วายถูกกระทืบอย่างหนักหน่วงที่เท้าข้างขวา


และเป็นอย่างที่ธีรชาคาดไว้ เด็กผู้ชายอายุสัก7 ขวบ หน้าตาคล้ายไปทางขิงมากกว่ากระชายนั้นคือ ใบหม่อน ส่วนเด็กผู้หญิงผมเปียอายุราว 5 ขวบปีนั้นคือซ่อนกลิ่น

เอาเข้าไปเป็นสัตว์กินพืชกันทั้งบ้าน...แล้วยังมาทำธุรกิจเกี่ยวกับพืชอีก เจริญจริงๆ ธีรชาคิดแล้วยิ้มเล็กยิ้มน้อยอยู่คนเดียวที่โต๊ะอาหาร



ขณะที่พวกผู้หญิงเข้าไปขนอาหารออกมาโดยการช่วยเหลือของกระชายและผม ธีรชาก็กลายเป็นขวัญใจเด็กทั้งสองคนไปแล้ว เพราะตอนที่กาดแก้วยกข้าวมานั้นเขากำลังทำตัวเป็นม้าให้เด็กขี่กันอย่างสนุกสนาน


“ต๊าย คุณหลานๆคะ ขี่ควายอยู่ก็อย่าติดเชื้อโง่จากควายเสียล่ะ” เธอทำเสียงเยาะ

“นี่ถ้าฉันควายเธอก็ฬ่อล่ะว้า” ธีรชาตอกกลับบ้าง

“นายหมายความว่าไงยะ” เจ้าตัวพยายามทำตาให้โตสุดขีดเพราะตาเธอหยี

“ว่าแล้วไงเป็นฬ่อเจงๆด้วย” ธีรชาทำหน้าตากวนเท้าน้อยๆของเธอเล่น

“อ้าวคนไทยเขาว่าควายน่ะโคตรโง่ ส่วนฝรั่งเขาว่าลาโง่ แต่เธอไม่ได้เป็นทั้งควายและลาแต่กลับเป็นฬ่อ ซึ่งเกิดจากการผสมกันระหว่างลากับม้าแล้วเขาบอกว่ามันเป็นคนละสายพันธุ์กันมันก็เลยไม่สมประกอบหรือจะเรียกอีกอย่างก็คือ ปัญญาอ่อนนั่นเอง”

เขาพูดจบก็หัวเราะส่วนพวกเด็กซึ่งเห็นจะเป็นสมุนของเจ้าธีรชาอย่างเต็มตัวแล้ว เพราะขณะที่เจ้าคุณเธอร้องวี้ดว้ายอยู่นั้น เด็กสองคนก็ร้องพร้อมกันอย่างมีความสุขว่า ปัญญาอ่อน ปัญญาอ่อน


กาดแก้วเจ็บใจที่คนอย่างเธอมาโดนใครที่ไหนก็ไม่รู้ว่าเป็นปัญญาอ่อน จึงรี่เข้าไปทุบที่ตัวของธีรชาอย่างชุลมุน


“โอ๊ย!! เจ็บนะโว้ยอะไรวะ ยัยผู้หญิงซาดิส เถียงไม่สู้ก็อย่ามาทำร้ายร่างกายคนอื่นเค้าสิ โอ๊ย!!”

แล้วสงครามระหว่างทั้งสองก็สงบลงเมื่อกระชายเดินเข้ามาสมทบ ธีรชาเกรงใจกระชายมากจึงยอมหยุด ส่วนกาดแก้วก็ไม่อยากแสดงกริยาไม่ดีต่อหน้าธรชลจึงยอมหยุดเช่นกัน


เมื่อทุกคนมาพร้อมหน้ากันก็เริ่มลงมือทานกันอย่างเอร็ดอร่อย ผมนั่งข้างพี่กระชายซึ่งมีกาดแก้วนั่งอยู่ทางด้านขวา ส่วนธีรชานั้นนั่งอยู่ตรงข้ามกับกาดแก้วและมีเจ้าตัวเล็กทั้งสองตัวนั่งขนาบข้างอย่างกับกำลังเป็นบอดี้การ์ดให้กับเจ้านายธีรชาอย่างนั้น และพี่ขิงนั่งอยู่ทางขวามือของพี่กระชายอีกที


“ทั้งหมดนี่ขิงเขาทำเองเลยนะ ฉันว่าฉันไปไหนไม่รอดก็เพราะไอ่นี่แหละ” พี่กระชายพูดไปยิ้มไปและซดน้ำแกงส้มเข้าปากไปอย่างมีความสุข

“แหมคุณล่ะก็ชมกันอย่างนี้ฉันก็อายแย่สิคะ” พี่ขิงอายหน้าแดงเสียยิ่งกว่าน้ำแกงเผ็ดปลาดุกเสียอีก

“พี่ขิงใส่อะไรบ้างฮะเนี่ยอร่อยโคตรๆเกิดมาไม่เคยกินของอร่อยแบบนี้มาก่อนเลยอ่ะ” เจ้าธีรชายอภรรยาเจ้านายอย่างออกนอกหน้า

“เฮ้ยไอ่ชานี่มันเมียฉันนะโว้ยอย่าลามปาม” พี่กระชายทำเสียงเข้มพลางโอบพี่ขิงผู้เป็นภรรยาเข้ามาใกล้อีก เรียกเสียงหัวเราะให้ทั้งโต๊ะ

“พี่ชลขาลองชิมนี่ดูนะคะ อันนี้แก้วทำเองค่ะ” กาดแก้วตักผัดผักรวมมิตรให้ผมอย่างร่าเริง

“ขอบคุณครับ” ผมกล่าวไปแค่นั้น

“เฮ้ยไอ่ชลอย่าเสือกกินเข้าไปเชียวนะเว้ย เดี๋ยวโดนยาเสน่ห์เข้าล่ะยุ่งตาย เสียเชิงชายทั้งชาติเลยนะเว้ย”

ธีรชาหมั่นไส้ท่าทางระริกระรี้ของกาดแก้วจึงขัดจังหวะขึ้นมา

“นี่นายไม่กินก็กลับไปเลย ฉันไม่ได้ทำให้นายกินหรอกนะยะ ห้ามกินเลย เอามานี่” กาดแก้วยกจานที่ใส่ผัดผักรวมมิตรของตนข้ามมาทางฝั่งของผม

“โหยอยากกินตายล่ะ นี่ฉันยังไม่อยากโดนเธอเล่นของใส่หรอก ยี๋” สิ้นเสียงของธีรชากาดแก้วก็ขว้างส้อมใส่เขาทันที

“อะไรวะยัยโหด เจ็บนะเว้ย!”

“ก็นายมาหาเรื่องฉันก่อนทำไมล่ะกลับไปเลยนะ”

“เอาล่ะเลิกทะเลาะกันได้แล้ว แล้วก็กินข้าว จริงๆเลยน้าสองคนนี่” พี่กระชายห้ามปรามทั้งสองอีกครั้งและเราทั้งหกก็ลงมือทานกันต่อ ท่ามกลางสงครามเย็นของธีรชาและกาดแก้ว แต่ก็ยังดีกว่าสงครามโลกครั้งที่ 1และ 2 ล่ะ

กาดแก้วคอยตักโน่นขนนี่มาให้ผมโดยที่มีการแขวะของธีรชาและลูกสมุนทั้งสองคนเกิดขึ้นทุกครั้ง มือก็ทำปากก็คุย เธอคุยสนุกดีและช่างสรรหาเรื่องมาพูดคุยต่างกันกับเธอคนนั้นทุกประการ



“อ่ะมะเขือเทศเพื่อสุขภาพ” บทสนทนาของอดีตผุดขึ้นมากลางอากาศที่ล่องลอยอยู่บนหัวของผม มันเป็นบทสนทนาของตอนที่ผมและเธอได้ไปเดทกันเป็นครั้งที่สองของรอบปีที่คบหากัน

“ไม่เอาไม่ชอบ” เธอตักมะเขือเทศคืนจานของผมก่อนจะตักแตงโมชิ้นเขื่องจากจานสลัดผลไม้เข้าปากอย่างเงียบๆ

“กินเหอะน่า อย่าดื้อ” วันนั้นเราคุยกันแบบนั้นแหละ แทบจะนับคำได้ แต่ผมรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องปกติของเรา ผมไม่ใช่คนคุยเก่ง ส่วนเธอจะพูดสิ่งที่จำเป็น

“เธอก็กินเองสิ” เธอวางหนังสือลงแล้วมองผมอย่างหัวเสีย ดวงตากลมโตนั้นมีแววรำคาญนิดๆ

“ไม่เอาไม่ชอบ ไม่อร่อย” ผมตอบบุ้ยปากบ้าง

“แล้วจะเอามาให้ฉันกินทำไม” เธอสะบัดน้ำเสียงเล็กน้อยตรงปลายประโยค

“ก็ได้ยินมาว่ามันดี” ผมตอบ

“ใครว่า” เธอซัก

“ก็แค่ได้ยินมา” เสียงของผมเบาลง


เธอเอื้อมมือมาที่จานของผมแล้วใช้ส้อมจิ้มมะเขือเทศแว่นนั้นขึ้นจากจานของผมก่อนจะย้ายมันไปหย่อนลงไปรวมกับก้อนหินสีสวยที่ก้นโถที่มีไว้สำหรับใส่ไม้ประดับเล็กๆ

จากนั้นเธอก็สั่งสลัดรวมมาอีกหนึ่งจานโดยที่ปราศจากเงาของมะเขือเทศสีแดงสดน่าทานแต่ไม่อร่อยเหล่านั้น วางไว้ตรงกลาง หลังจากนั้นเธอก็เทสลัดผลไม้จากจานของเธอและเอื้อมมาหยิบจานสลัดผักรวมของผมเทลงไปรวมกันในจานใหม่


“ทีนี้ก็กินได้”


เท่านั้นเอง วิธีการของเธอ ความละมุนที่แปลกประหลาด บางครั้งก็ไม่มีเลย แต่ผมก็ไม่เคยไม่ชอบวิธีของเธอ
ผมอดยิ้มให้กับภาพอดีตของตัวเองอย่างเสียไม่ได้ ช่างเป็นช่วงเวลาที่งดงาม...


“พี่ชลยิ้มอะไรเหรอคะ”ดูเหมือนว่าทุกกริยาท่าทางของผมจะไม่รอดพ้นสายตาของกาดแก้วไปได้

“เปล่าครับ” ผมปฏิเสธพร้อมทั้งรอยยิ้มอีกแฉ่งซึ่งกว้างกว่าก่อนด้วยทนความอายที่ถูกจับได้ไม่ได้

“เขาไม่ได้ยิ้มให้เธอหรอกยัยฬ่อ” ทุกครั้งที่มีโอกาสธีรชาจะรีบกัดกาดแก้วทันที

“ไอ่...!” กาดแก้วได้แต่ส่งสายตาเขียวปั๊ดไปให้เพราะไม่อยากทะเลาะด้วยกลัวพี่ชายจะดุเอา


คืนนั้นผมรู้สึกอิ่มทั้งกายอุ่นทั้งใจ ไม่คิดว่าชีวิตของตัวเองจะมีช่วงเวลาที่มีความสุขกับเขาบ้าง บางทีการที่คนเรายังเป็นทุกข์กันอยู่คงเพราะมัวแต่ตั้งความหวัง

กำหนดเอาว่า ความสุขของตัวเองต้องเป็นอย่างโน้นอย่างนี้ ต้องเพียบพร้อมทุกอย่าง ทำให้มองข้ามช่วงเวลารอบข้างที่ความสุขมันแฝงเร้นอยู่ใกล้ๆรอบๆตัว

คงเหมือนกับเราไขว่คว้าหาสิ่งอื่นที่คิดว่าสำคัญโดยมองข้ามไปว่าสิ่งที่สำคัญก็คืออากาศที่เรายังสามารถหายใจเขามันเข้าไปได้อยู่ทุกวัน ทั้งนี้คงเพราะอากาศล่องหนนั่นเอง จึงถูกลืมเลือนไป...

และแล้วระหว่างทางเดินขึ้นห้องพักผมก็นึกขึ้นได้ว่าวันที่ผมกับเธอคนนั้นนั่งทานสลัดจากจานเดียวกันนั้น ผมมีความสุขมาก....


------------------------------------------------------------



Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2550
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2550 10:21:20 น. 0 comments
Counter : 243 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jengkiss4
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2550
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728 
 
13 กุมภาพันธ์ 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add jengkiss4's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.