พฤษภาคม 2558

 
 
 
 
 
1
2
4
5
6
7
8
9
11
12
13
14
15
16
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
Italy [Review] Part 8: Siena (One day trip) เมืองสวยที่ห้ามพลาด
 Siena l เซียน่า
ชมความสวยงามของบ้านเมืองและศิลปะล้ำค่าในยุคกลาง
1 วันที่คุ้มค่าในการมาเยือน



ความเดิมตอนที่แล้ว

Italy [Review] Part 7: เพราะโลกมันเอียงที่ Pisa และชอปปิ้งที่ The Mall Outlet

Italy [Review] Part 6: Florence 1 วันกับที่สุดของที่สุด Uffizi & Accademia Gallery / Ponte Vecchio

Italy [Review] Part 5: Florence เมืองสวยรวยศิลปะ ปีนบันไดชม Duomo แห่งเมืองฟลอเรนซ์

Italy [Review] Part 4: Rome เก็บตกโรม Trevi Fountain, Spanish steps, และ Gallery Borghese

Italy [Review] Part 3: Rome ตะลุยวาติกัน Vatican Museum, Sistine Chapel และ St'Peter Basilica

Italy [Review] Part 2: Rome ตะลุยย่านเมืองเก่าในโรม Colosseum, Roman Forum และ Pantheon

Italy [Review] Part 1: Get Ready! จะไปอิตาลี รู้รึยัง?


One day trip to Siena – เมืองนี้เป็นเมืองที่เราชอบเป็นอันดับ 2 รองลงมาจากโรมเลยค่ะ เพียงไม่กี่ชั่วโมงที่อยู่ที่นี่ ประทับใจในความสวยงามของเมืองนี้จริงๆ แนะนำจริงๆค่ะ สำหรับใครที่มีเวลา 1 วันว่างๆ ตามมาเที่ยวกันเลย

Siena เป็นเมืองหนึ่งที่อยู่ในแคว้น Tuscany เช่นเดียวกับ Florence และ Pisa ค่ะ ในสมัยก่อน Siena เป็นหนึ่งใน Roman Colony สมัย Emperor Augustus ยุครุ่งเรืองของ Siena อยู่ในช่วงศตวรรษที่ 13 และ 14 จนมาถึงปี 1348 black death คร่าชีวิตชาว Siena ไปกว่า 3 ใน 4 บ้านเมืองก็ซบเซาตั้งแต่นั้นมาค่ะ อย่างไรก็ดีความงดงามทางศิลปะของบ้านเมือง โบสถ์ และสถานที่สำคัญต่างๆใน Siena ควรค่าแก่การมาเยี่ยมชมยิ่งนัก

การเดินทางมา SIENA

นั่งรถบัสมาสะดวกสุดเพราะรสบัสจะส่งเราใกล้ๆใจกลางเมืองเลย ถ้านั่งรถไฟก็ถึงเหมือนกันแต่ต้องนั่งรถต่อเข้าเมืองอีกที นั่งรสบัสก็ไปขึ้นที่ BUSITALIA/SITAdepot ที่อยู่ใกล้ๆกับสถานี Firenze SMN (ที่เดียวกับที่นั่งรสบัสไป The mall outlet นั่นแหละค่ะ) รสบัสมี 2 ประเภทคือ แบบเร็ว (rapida 75 นาที) และแบบช้า 95 นาทีค่ะ สามารถไปซื้อบัตรได้วันนั้นเลย ถ้าวันจันทร์ถึงเสาร์ก็จะมีรถทุกชั่วโมงค่ะ ส่วนวันอาทิตย์ก็รอบน้อยลงหน่อย

ต้องบอกว่าเราพยายามจะหารอบรถในเวบไซต์แต่ก็หาไม่ได้เลยค่ะ มันดูยากมากๆ เราแนะนำว่าถ้าใครกังวลและอยากดูรอบก่อนวันไป ก็ให้แวะไปดูตารางหรือไปถามพนักงานที่ท่ารถก่อนได้ค่ะ แล้ววันจริงค่อยไปตามเวลา แต่ถ้าไม่มีเวลาแวะไปดูก่อนจริงๆ โผล่ไปสถานีวันนั้นเลยก็ได้ ยังไงก็มีรถค่ะ แต่อาจจะต้องรอซักพักกว่าจะถึงรอบถัดไป

ค่ารถ 7.8 ยูโรต่อเที่ยว ตอนซื้อก็ซื้อแบบ round trip ไปเลยนะคะ ก่อนขึ้นรถอย่าลืมไป validate ตั๋วก่อนหละ ถ้าใกล้ๆถึงเวลาก็ไปรอรถได้เลย เพราะถ้าคนเยอะที่นั่งเกิดเต็มขึ้นมาต้องยืนไปนะจ๊ะขอบอก

หน้าตาตั๋ว Firenze -> Siena


ด้านขวาคือห้องขายบัตรโดยสารค่ะ ในรูปจะเห็นเลขอยู่ เลขนั้นคือท่ารถค่ะ ตอนซื้อตั๋วเค้าจะบอกเราว่าท่าเบอร์อะไร


นั่งไปหลับไประหว่างทางรถก็จะแวะจอดตามเมืองใหญ่ๆค่ะ ไม่ต้องตกใจว่าจะถึงรึยัง เพราะ Siena เป็นจุดสุดท้ายค่ะ คนลงกันหมดคัน

การเที่ยวใน Siena ไม่ต้องใช้รถเลยค่ะ เราสามารถเดินไปที่ต่างๆได้ทั่ว วันนั้นเราไปวันอาทิตย์ ตอนแรกกลัวว่าร้านจะปิดเยอะ แต่เอาจริงๆก็ไม่ปิดเยอะขนาดนั้นนะคะ โชคดีไปไม่ต้องกลัวหลงค่ะ เดินตามป้าย เดินตามคนไปเรื่อยๆ

11.00: Piazza del DuomoSmiley

มาเที่ยว Duomo อีกแล้วจ้า เรียกได้ว่าไปเมืองไหนก็ต้องไปเยี่ยมชม Duomo ของเมืองนั้นๆกันบอกเลยว่าในความเห็นเรา Duomo ที่ Siena สวยมาก เป็นศิลปะแบบ Siena คือเอาศิลปะแบบ Gothic มาดัดแปลงนิดหน่อย สร้างตั้งแต่ปี 1215 ถึงปี 1263

Piazza del Duomo ที่ Siena ก็ประกอบด้วย 3 ส่วนเหมือนเดิม ได้แก่ Duomo, Bell Tower, และ Baptistery บัตรเข้าชมที่นี่เค้าเรียกว่า The Opa SI Pass เป็นตั๋วที่รวมค่าเข้าชม 6 ส่วนด้วยกัน คือ 1.Cathedral (duomo) 2. Libreria Piccolomini 3. Crypt 4. Baptistery 5. Museo dell’Opera del Duomo และ 6. Panorama view ที่ Facciatone ในราคาเหมา 12 ยูโรไหนๆก็มาแล้วดูมันให้หมดเลยค่ะ (พอดูเสร็จแล้วรู้สึกว่าคุ้มจังเลย สวยทุกที่เลย)



Duomo

เริ่มจากด้านนอกเลย Façade ด้านหน้าสวยงามอ่อนช้อย มีการประดับด้วยรูปแกะสลักหิน ส่วนตัวโครงสร้างด้านข้างประดับด้วยหินอ่อนสีขาวและสีเขียวเข้มที่จะเป็นดำอยู่แล้วสลับกันไป แทนสีประจำเมือง Siena คือสีดำขาวค่ะ


Mosaic floor

ด้านในที่เด่นๆเลยคือพื้นค่ะ! พื้นที่นี่เป็นโมเสคที่ทำจากหินอ่อนมาประกอบเข้าด้วยกันเป็นรูปภาพเรียงกันกว่า 56 ภาพ ถ้าเพื่อนๆมาในเดือนสิงหาคมถึงตุลาคม เค้าจะเปิดพื้นทั่วทั้งบริเวณเลยค่ะ แต่ถ้าเป็นเดือนอื่นๆ ก็อาจจะมีบางส่วนที่ปิดอยู่บ้าง.. Panel สวยๆเหล่านี้เป็นผลงานของ top Sienese artist ทั้งนั้นนะ สร้างขึ้นช่วงปี 1372-1547


Panel นี้แสดงถึงสัญลักษณ์ของแต่ละเมืองในอิตาลีค่ะ จะเห็นว่าสัญลักษณ์ของ Siena เป็น The She-Wolf of Siena ผู้เลี้ยงดู Remus และ Romulus ฝาแฝดผู้ก่อตั้งโรมนั่นเอง ตามตำนานเค้าเล่ากันมาว่าเมื่อฝาแฝดสร้างกรุงโรมสำเร็จแล้ว เกิดทะเลาะกันขึ้นมา สุดท้าย Romulus ผู้พี่ฆ่าน้องชาย Remus ตาย แต่ แต่ แต่ Remus มีลูกชาย 2 คนนะจ๊ะ ชื่อว่า Senius และ Aschius ซึ่งหลังจากพ่อตายก็ได้หนีออกจากโรมมาที่เมืองนี้และหอบหิ้วรูปปั้น She wolf มาด้วย ทำให้ She wolf เป็นสัญลักษณ์ของ Siena และชื่อ Siena นี่ก็ตั้งตาม Senius และ Aschius นั่นเอง

จะสังเกตว่าตรงที่เป็น panel หินอ่อนจะกั้นเชือกไว้ไม่ให้เข้าไปเหยียบค่ะ


High altar



ด้านในก็ยังประดับด้วยหินอ่อนสลับสีกันสวยงามค่ะ



เพดานยังสวย


Libreria Piccolomini เป็นห้องสมุดที่อยู่ภายใน Duomo ผนัง fresco นี้วาดในปี 1507 เล่าเรื่องชีวิตของ Pope Pius II แห่งเมือง Siena เป็นผลงานของ Pinturicchio ค่ะ


อันนี้เก๋มาก เป็นโน้ตดนตรีในสมัยก่อน


Museo dell’Opera del Duomo

เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก็บสมบัติล้ำค่าของ Siena ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นรูปปั้น รูปวาด และข้าวของเครื่องใช้ต่างๆของศาสนจักร แต่ละอันนี่สวยงามและอลังการมาก เชื่อเลยว่าศาสนจักรนี่รวยมากจริงๆเสียดายที่ที่นี่ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปค่ะ เลยไม่มีบรรยากาศมาให้เพื่อนๆดู

“Maestà” รูปวาดฝีมือ Duccio di Buoninsegna ในช่วงปี 1308 ถึง 1311 มีคนบอกว่ารูปนี้เป็น The most precious work of art ของ Siena เลยนะคำว่า Maestà เป็นภาษาอิตาเลียนแปลว่า Majesty ค่ะ จะเป็นภาพของ Madonna and the child และประกอบหรือไม่ประกอบด้วยเหล่า angels และ saints มีศิลปินหลายท่านเขียนภาพ Maestà แต่ภาพ Maestà ที่ดังที่สุดเห็นจะเป็นที่ Siena นี่แหละค่ะ

เอารูปมาจาก Wikipedia นะคะ Virgin Mary อุ้ม Jesus อยู่ตรงกลางล้อมรอบด้วย 20 angels และ 19 saints


ก่อนออกจาก Museum อย่าลืมขึ้นไปด้านบนของ Facciatone ซึ่งเป็นขุดชมวิวที่เสียวมากแต่สวยมากค่ะ ขึ้นบันไดไปไม่สูงมากถ้าเทียบกับขึ้น Bell tower ที่ Florence ถือว่าง่ายกว่าเยอะ แต่ด้านบนสุดของที่นี่น่ากลัวมาก คือเป็นทางเดินยาวๆ ที่กั้นก็ไม่สูงค่ะ ด้านบนไม่มีอะไรปิดเลย ถ่ายรูปได้เต็มๆแต่ลมแรงมากๆ ถือกล้องอยู่นี่สั่นกลัวตกเลยค่ะ รีบถ่ายรีบลง และนี่คือภาพที่ได้มาค่ะ





นี่เลย จุดที่เราขึ้นไปยืนถ่ายรูปมา


Baptistery

ด้านในมี baptismal font ซึ่งที่ฐานประดับด้วย panel ทองเหลืองฝีมือศิลปินชาว Siena และ Florence ได้แก่ Jacopo della Quercia, Lorenzo Ghiberti, และ Donatello

Arrest of John the Baptist by Ghiberti, 1427 และด้านขวาที่ยืนอยู่ คือ “Hope” ผลงานของ Donatello


Crypt

ห้องเก็บศพใต้โบสถ์แสดงภาพวาดเรื่องราวของพระเยซูค่ะ ที่นี่ห้ามถ่ายภาพอีกเช่นกัน หลายๆภาพไม่น่าเชื่อว่าสีจะยังสดอยู่แม้ผ่านมาหลายร้อยปี

อันนี้ภาพจาก Wikipedia ค่ะ


เป็นไงบ้างค่ะ บัตร 12 ยูโรนี้ดูมีอะไรให้ดูเยอะเลยใช่มั๊ยหละ หลังจากเที่ยว Piazza del Duomo จนเพลินแล้ว ก็เดินเล่นรอบๆเมืองค่ะ

ตึกที่นี่สร้างด้วยหินและอิฐค่ะ ตึกสูงมากๆ ถนนก็ชันนิดหน่อย



ร้านขายถ้วยชามสวยๆ


Berry Berry


เดินผ่านมุมนี้ดูเป็น Tuscany สุดๆเลยค่ะ


แวะทาน fruitcake เป็นอาหารว่าง fruitcake สไตล์ Siena ค่ะ อร่อยดีหนึบๆ


15.00: Piazza del CampoSmiley

เดินมาจนถึง landmark สำคัญอีกแห่งหนึ่งของเมือง Siena มีคนเคยอ้างว่า Piazza นี้เป็น Piazza ที่สวยที่สุดในอิตาลีด้วยนะ อันนี้ jellyjourney ก็ไม่แน่ใจนัก เพียงแต่รู้สึกว่าเป็น Piazzaที่แปลกดีค่ะ เพราะรูปร่างหน้าตาเป็นลักษณะเปลือกหอยคือโค้งๆมนๆ เป็น slope สูงขึ้นไป จาก Palazzo Pubblico ลากเส้นยาวขึ้นไปเป็นแฉกๆโดยแบ่งพื้นที่ออกเป็นทั้งหมด 9 ส่วนด้วยกัน แทน Council of Nine ที่เป็นฝ่ายปกครองและบริหาร Siena ในสมัยยุคกลาง



Fonte Gaia หรือ Fountain of Joy สร้างขึ้นในปี 1419 บริเวณนี้เป็นจุดสิ้นสุดของระบบท่อประปาที่นำน้ำสะอาดเข้าสู่ใจกลางเมืองเพื่อให้ประชาชนได้ใช้ค่ะ น้ำพุนี้รูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมทำจากหินอ่อน ประดับด้วยหินแกะสลักเป็นรูปต่างๆรวมถึงน้องหมาตัวนี้ด้วย รู้สึกว่าน้ำพุนี้จะเป็นที่ชื่นชอบของนกนะคะ มีนกมายืนก้มทานน้ำอยู่หลายตัวเลย


Palazzo Pubblico

Palazzo Pubblico เป็นปราสาทที่สร้างขึ้นในปี1297 เคยใช้เป็นที่ทำงานของรัฐบาลในสมัยยุคกลางหรือก็คือ Council of Nine นั่นเอง ด้านนอกของปราสาทแสดงถึงสถาปัตยกรรมในยุคกลางได้ดี โดยได้รับอิทธิพลศิลปะสไตล์ Gothic ด้านล่างสร้างด้วยหิน สูงขึ้นไปใช้อิฐ ซุ้มประตูโค้งๆที่เห็นจะโค้งเข้ากว่าปรกติเล็กน้อยเพื่อให้รับกับการโค้งออกของ Palazzo del Campo

ส่วนสูงๆนั้นคือหอระฆัง หรือ Torredel Mangia สร้างขึ้นระหว่างปี 1325 ถึงปี 1344 ตอนนั้นที่สร้างตั้งใจจะสร้างให้สูงกว่าทุก tower ในเมืองข้างเคียงซึ่งก็ตั้งใจจะสร้างให้สูงกว่า tower ใน Florence นั่นเองค่ะ


จากที่บอกไปแล้วว่าเมื่อถึงปี 1348 Black Death ได้คร่าชีวิตผู้คนใน Siena ไปมากมายและเศรษฐกิจของ Siena หยุดฉงัก แม้พอเวลาผ่านไปเมืองอื่นๆต่างเริ่มกลับมาฟื้นฟูอีกครั้งในสมัย Renaissance แต่สำหรับ Siena ก็ไม่เคยรุ่งเรืองได้ดังเดิมอีกเลยค่ะ แต่อย่างน้อยสิ่งที่ยังหลงเหลืออยู่ในยุคกลางก็เป็นสิ่งที่มีค่าและควรค่าแก่การศึกษาและอนุรักษ์ต่อไปค่ะ

ได้เวลากลับ Florence แล้วค่า เราก็เดินมารอรถที่เดิมเช่นเคย ดูเวลาที่บอร์ดหน่อยว่ารอบต่อไปกี่โมง พอถึงเวลาจริงๆคนเยอะมากๆเลยค่ะต้องแย่งที่นั่งกันนิดหน่อย มีคนต้องยืนด้วยนะ โหดมากเลย ยืนไปเป็นชั่วโมงกว่าจะถึง Florence แหนะ


เย่ ผ่านไปกว่า 2 ชั่วโมงเพราะรถติดค่ะ ถึง Florence ซักที กลับมาแวะหาอะไรเบาๆทานค่ะ

ชมพระอาทิตย์ตก


ทานสลัดทูน่าเป็นอาหารเย็น


tiramisu


ขออนุญาตไปนอนก่อนนะคะ พรุ่งนี้ต้องนั่งรถไฟไปเวนิสแล้วจ้า..ฝากติดตามตอนต่อไปด้วยนะคะจะพาไปเที่ยวเกาะเวนิสและเกาะอื่นๆใกล้เคียง Smiley


ฝากติดตามตอนต่อไปด้วยค่ะ

Day 8: Venice (Saint Mark Basilica, Doge’s palace, Bride of sighs) here

Day 9 : Murano and Burano island here

 Day 10 : Milan (Duomo and Santa Maria Church for “The Last Supper”) here

ความเดิมตอนที่แล้ว

Italy [Review] Part 7: เพราะโลกมันเอียงที่ Pisa และชอปปิ้งที่ The Mall Outlet

Italy [Review] Part 6: Florence 1 วันกับที่สุดของที่สุด Uffizi & Accademia Gallery / Ponte Vecchio

Italy [Review] Part 5: Florence เมืองสวยรวยศิลปะ ปีนบันไดชม Duomo แห่งเมืองฟลอเรนซ์

Italy [Review] Part 4: Rome เก็บตกโรม Trevi Fountain, Spanish steps, และ Gallery Borghese

Italy [Review] Part 3: Rome ตะลุยวาติกัน Vatican Museum, Sistine Chapel และ St'Peter Basilica

Italy [Review] Part 2: Rome ตะลุยย่านเมืองเก่าในโรม Colosseum, Roman Forum และ Pantheon

Italy [Review] Part 1: Get Ready! จะไปอิตาลี รู้รึยัง?




Create Date : 17 พฤษภาคม 2558
Last Update : 25 มิถุนายน 2558 21:49:05 น.
Counter : 20112 Pageviews.

4 comments
  
สวยจังค่ะ อยากไป
โดย: mariabamboo วันที่: 17 พฤษภาคม 2558 เวลา:15:42:58 น.
  
thx u crab
โดย: Kavanich96 วันที่: 20 พฤษภาคม 2558 เวลา:4:11:38 น.
  

มาเยี่ยมชม มาทักทาย

เห็นแล้วก็อยากไปเที่ยวบ้างจังเลยครับ เมืองเซรีน่า ในอิตาลี ผมรู้จักก็เพราะมีทีมฟุตบอลครับ แต่ไม่เคยทราบเรื่องราวของเมืองนี้มาด่อนเลย จนได้มาชมในบล็ฮกน้ครับ ที่อิตาลีถือว่าเป็นของงานศิลปะระดับโลกเลย เห็นงานสถาปัตยกรรมแล้วดูสวยงามเป็นศิลปะมากเลยครับ

อิอิ

โดย: อาคุงกล่อง วันที่: 22 พฤษภาคม 2558 เวลา:14:14:09 น.
  
ตามมาอ่านค่า ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ
โดย: กุ้งจัง IP: 58.8.149.187 วันที่: 14 กันยายน 2558 เวลา:3:22:30 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jellyjourney
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 58 คน [?]



สวัสดีค่ะ ชื่อ เยลลี่ นะคะ blog นี้สร้างขึ้นเพื่อเอาไว้แบ่งปันข้อมูลและประสบการณ์ในการไปเที่ยวของเรากับเพื่อนๆทุกคน เข้ามาเยี่ยมชม มาคุยกัน หรือมีอะไรติชมแนะนำกันได้นะคะ

Facebook page: Jellyjourney

follow my Instragram @JELLYJOURNEY for extraordinary pics in my ordinary life
+++ Please stay tuned for "Norway" trip +++