เมษายน 2558

 
 
 
1
2
3
4
5
7
8
9
10
12
13
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
27
28
29
30
 
 
All Blog
Italy [Review] Part 2: Rome ตะลุยย่านเมืองเก่าในโรม Colosseum, Roman Forum และ Pantheon

โรม..เมืองหลวงที่ใครก็ต้องตกหลุมรัก



ความเดิม blog ที่แล้ว

Italy [Review] Part 1: Get Ready! จะไปอิตาลี รู้รึยัง?

สวัสดีค่า..เริ่มอิตาลีทริปวันแรกกันที่กรุงโรมโรมเป็นเมืองหลวงของประเทศอิตาลี ตั้งอยู่ส่วนกลางของประเทศในแคว้นลาซีโอ ริมฝั่งแม่น้ำไทเบอร์ ก่อนที่โรมจะมาเป็นเมืองหลวงของอิตาลีนั้น โรมก็ได้รับตำแหน่งเป็นเมืองหลวงของหลายอาณาจักรในอดีต รวมถึง จักรวรรดิโรมัน ซึ่งในระยะเวลาหนึ่งเป็นจักรวรรดิที่มีบทบาทมากที่สุดของในโลกตะวันตก ที่น่าสนใจอีกอย่างคือ กรุงโรมเป็นที่ตั้งของนครรัฐวาติกันซึ่งเป็นประเทศที่เล็กที่สุดในโลก มีประมุขสูงสุดคือ พระสันตะปาปาผู้นำของคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิก

การท่องเที่ยวในโรม แบ่งง่ายๆออกเป็น 2 ฝั่ง คือฝั่งซ้ายของแม่น้ำไทเบอร์ อันเป็นที่ตั้งของนครรัฐวาติกัน และฝั่งขวาของแม่น้ำไทเบอร์ อันเป็นที่ตั้งของ โคลอสเซียม (Colosseum) วิหารแพนธีออน (Pantheon) น้ำพุเทรวี (Trevi fountain) และบันไดสเปน (Spanish steps) ค่ะ อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝั่งนี้ไม่ได้ห่างกันมากและเชื่อมกันด้วยสะพานข้ามแม่น้ำ สามารถเดินถึงแต่อาจจะไกลนิดนึงค่ะ ลองดูแผนที่ด้านล่างนะคะ


Roma Pass

Roma pass เป็นบัตรที่ขาดไม่ได้สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเข้าชมพิพิธภัณฑ์ค่ะ Roma Pass มี 2 ประเภทด้วยกันคือ 3วัน และ 48 ชั่วโมง นับเวลาจากวัน/เวลาแรกที่ใช้บัตร.. Roma pass ประเภท 3 วัน รวมค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์ 2 แห่ง ในขณะที่แบบ 48 ชั่วโมงรวมค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์ 1 แห่ง ทั้งสองประเภทรวมค่าโดยสารฟรีทั้งรถเมล์และรถใต้ดิน ถือเป็นบัตรที่สะดวกมากในการเดินทาง อีกทั้งเวลาเข้าพิพิธภัณฑ์ก็จะไม่ต้องต่อคิวด้วยค่ะ เหมือนเป็น fast pass ยังไงอย่างนั้น คนส่วนมากรวมถึงเราจะใช้ Roma pass ไปกับการเข้าขม Colosseum และ Gallery Borghese ค่ะ เนื่องจาก Vatican Museum ไม่สามารถใช้ Roma pass ได้นะคะ...ประเภท 3 วัน ราคา 36 ยูโร ประเภท 48 ชั่วโมง ราคา 28 ยูโรค่ะ

Q. ซื้อได้ที่ไหน? A.สามารถซื้อได้ที่สถานีรถไฟใต้ดิน แอร์พอร์ต และตาม tourist information ณ จุดต่างๆ แต่สถานที่เหล่านี้เปิดประมาณ 9 โมงค่ะ ดังนั้นถ้าเกิดไฟลท์ลงเช้ามาก แนะนำให้ไปซื้อจากแผงขายหนังสือพิมพ์ค่ะ เราก็ไปซื้อที่สถานีรถไฟ Roma Termini เหมือนกัน เพราะที่อื่นยังไม่เปิด

Q. ซื้อ Roma pass จะคุ้มมั๊ย? A. อันนี้แล้วแต่แพลนท่องเที่ยวของเพื่อนๆค่ะ ลองลิสต์ดูว่าอยากเข้าที่ไหนบ้าง แล้วถ้าเอาค่าเข้าชมกับค่าเดินทางไปที่เหล่านั้นมาบวกกัน ถ้ามันสูงกว่าราคา Roma pass ก็แนะนำให้ซื้อเลยค่ะ (ค่ารถไฟใต้ดินที่โรมเที่ยวละ 1.5 ยูโรถ้าตั๋วรายวันก็ 6 ยูโร)..แต่มี Roma pass มันสะดวกจริงๆทั้งการเข้าชมและการเดินทาง เหมือนเป็นแบบบัตรเบ่งอะคะ 55

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ ที่นี่

การเดินทางในโรม

วิธีที่สะดวกที่สุดคือใช้รถไฟฟ้าใต้ดินและเดินเอาค่ะ รถไฟฟ้าใต้ดินจะอยู่ใกล้สถานที่สำคัญหลายแห่ง ค่าโดยสารรถใต้ดินเป็น flat rate 1.5 ยูโร ตลอดสายค่ะ มีแค่ 2 สายเท่านั้นเหมือนไทยเลยเนอะ ง่ายสุดๆ ไลน์ A กับ ไลน์ B

สถานที่ที่อยู่กลางๆ เช่น Pantheon หรือ Trevi fountain ก็ต้องเดินเอาหน่อยนะคะ ส่วนรถเมล์เค้าก็ว่ากันว่าสะดวกค่ะ แต่เราไม่ได้ลองขึ้นเลย เดินเอาซะมากกว่า



Day 1 : Rome (Colosseum, Roman Forum,Pantheon)

11.00 AM : ColosseumSmiley

หลังจากเข้าที่พักเก็บกระเป๋าเรียบร้อยเราก็นั่งรถไฟใต้ดินมา Colosseum กันค่ะ ที่นี่ถือว่าเป็น landmark ที่เห็นปุ๊ปรู้เลยว่าอยู่อิตาลี Colosseum ในอดีตเป็นสถานที่จัดแสดงการประลอง Gladiator จริงๆต้องใช้คำว่าสู้กัน (ถึงตาย) ระหว่าง gladiator (คน) ด้วยกันเองหรือระหว่างคนกับสัตว์ก็มี สมัยนั้นเค้าถือว่าเป็นการ entertain อย่างหนึ่งค่ะ น่ากลัวเนอะ โดย Colosseum ถือเป็นอัฒจันทร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกและมีการคาดการณ์ว่าสามารถจุผู้ชมได้ถึง 50,000 คนเลยทีเดียว Colosseum สร้างขึ้นจากคอนกรีตและหิน ใช้เวลาสร้างประมาณ 8 ปีตั้งแต่ ค.ศ. 72 ถึง ค.ศ. 80 ที่นั่งในโคลอสเซียมจะแบ่งเป็นโซนและชั้นตามฐานันดรศักดิ์ เช่น ที่นั่งของจักรพรรดิ ที่นั่งของสมาชิกวุฒิสภา ที่นั่งของนักรบ ที่นั่งของนักบวช แม้กระทั่งที่นั่งของประชาชนก็แบ่งเป็นชั้นของคนรวยและชั้นของคนจน ด้านใต้ของพื้นสนามประลอง จะเป็นที่เก็บตัวและฝึกซ้อมของ gladiator และเป็นกรงขังสัตว์ต่างๆ เพื่อเตรียมตัวขึ้นมาประลองด้านบนค่ะ

ค่าตั๋วเข้าชม  12 EUR (เป็นตั๋วรวม Colosseum, Roman Forum, และ Palatine hill ค่ะ) ต้องต่อคิวรอยาวมากๆ..แต่ถ้าเรามี Roma pass ก็เดินเข้าไปอีกช่องนึงเลยไม่ต้องรอคิว การเดินชมก็จะเดินไปเป็นวงกลมรอบๆโคลอสเซียมค่ะ ถ้าใครสนใจจะไปชั้นใต้ดินก็สามารถลงไปได้นะคะ ตอนนี้เค้าก็มีการบูรณะโคลอสเซียมอยู่เรื่อยๆ เนื่องจากตัวโคลอสเซียมเองก็เสื่อมสภาพไปตามกาลเวลาค่ะ ก็แหม สร้างตั้งแต่ ค.ศ. 80 หนิเนอะ นี่ก็ 1935 ปีมาแล้ว กรี๊ดด บางส่วนนี่แทบจะดูไม่ออกแล้วว่าผู้ชมนั่งตรงไหนยังไง ยังดีที่เค้ามีการซ่อมแซมบางจุด และมีรูปภาพบรรยาย ทำให้พอจะนึกภาพออกได้บ้าง (เพื่อความสมจริงลองไปดูหนัง Gladiator อีกรอบก่อนไปเที่ยวก็ดีค่ะ)

Colosseum เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 8.30 ถึง ราวๆ1 ชั่วโมงก่อนพระอาทิตย์ตก ซึ่งจะต่างกันไปในแต่ละเดือน ดูด้านล่างได้เลย

08.30 - 16.30 from the last Sunday of October to 15 February: last admission at 15.30, exit at 16.30

08.30 - 17.00 from the 16 of February to 15 of March: last admission at 16.00, exit at 17.00

08.30 - 17.30 from the 16 of March to last Saturday of March: last admission at 16.30, exit at 17.30

08.30 - 19.15 from the last Sunday of March to 31 of August: last admission at 18.150, exit at 19.15

08.30 - 19.00 from 1 of September to 30 of September: last admission at 18.00, exit at 19.00

08.30 - 18.30 from the 1 of October to the last Saturday of October: last admission at 17.30, exit at 18.30

Good Friday 8.30 am - 2 pm, 2 June 1:30 am- 7:15 pm

ถ้าเป็นวันอาทิตย์แรกของเดือน เข้าชมฟรีนะคะ Colosseum เปิดทุกวันยกเว้นวันปีใหม่กับวันคริสต์มาสค่ะ

นั่งรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน Line B ลงที่สถานี Colosseo ขึ้นมาก็เจอเลยค่ะ


มาดูด้านในกันบ้าง จะเปิดส่วนหนึ่งให้เห็นชั้นใต้ดินค่ะ


ถ่ายรูปมาก็ดูโบราณๆดีค่ะ


ทางเดินในโรมันฟอรัม


นักท่องเที่ยวกำลังเดินออกไปชมวิวด้านหน้าค่ะ


มุมนึงของโคลอสเซียม มองไปเห็น Arc of Constantine


13.30 PM : Roman Forum

Roman Forum เป็นจุดศูนย์กลางของกรุงโรมในอดีต เพราะพื้นที่แห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญทางการปกครอง เป็นที่ตั้งของศาล ของสภา เป็นที่ตั้งของ Temple of Gods ที่ชาวโรมันบูชา และยังเป็นที่ตั้งของตลาดซื้อขายของ ปัจจุบันเมื่อเราไป Roman Forum ภาพที่เห็นจะเป็นเศษซาก ก้อนหิน แท่งเสา มีหลายส่วนมากที่เราแทบจะจินตนาการไม่ออกเลยว่าแต่ก่อนสภาพเป็นอย่างไร แต่ที่รู้แน่ๆคือ แม้แต่ซากที่หลงเหลืออยู่ มันช่างใหญ่โตมโหฬารเสียนี่กระไร เนื่องจากความเป็นซากขนาดใหญ่ของมัน ตรงนี้เองที่  app Rick Steve มีความสำคัญมากในการช่วยสร้างจินตนาการค่ะ เพื่อนๆลองโหลดมาดูและเดินไปตามทัวร์ของ app นี้นะคะจะทำให้การเดินใน Roman Forum สนุกยิ่งขึ้นค่ะ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อนะ เรากำลังเดินอยู่บนถนนเส้นเดียวกับที่ จูเลียส ซีซ่าร์ เคยเดินเมื่อพันกว่าปีก่อน..หากเดินด้านล่างจนหมดแล้ว อย่าลืมแวะไปขึ้น Palatine Hill เนินเขาที่อยู่ติดกับ Roman Forum ด้านบนเนินเขานี้เราจะเห็นภาพวิวสูงของ Roman Forum ชัดเจนเลยค่ะ สวยงามมากๆ



วิธีการเข้าชม หากใครไม่ได้ใช้ Roma Pass ต้องเสียค่าเข้าชม ซึ่งรวมอยู่กับค่าตั๋วเข้า Colosseum แล้วนะคะ แต่ถ้าใครมี Roma Pass สามารถยื่นให้เจ้าหน้าที่ดูได้เลยค่ะ เค้าจะเปิดประตูให้เราเข้าไปเลย โดยถือว่าเป็นครั้งเดียวกับการเข้า Colosseum ค่ะ ไม่ต้องกลัวว่ามันจะนับเป็น 2 ครั้งนะคะ เวลาเปิดก็ 8.30 และปิดก่อนพระอาทิตย์ตก 1 ชั่วโมงเหมือน Colosseum  ถ้าเป็นวันอาทิตย์แรกของเดือนเข้าชมฟรีนะคะ และที่นี่เปิดทุกวันยกเว้นวันปีใหม่กับวันคริสต์มาสค่ะ

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ ที่นี่

15.10: เดินออกจาก Roman Forum เพื่อแวะไปดู Vittoriano Emanuele Monument เป็นอนุสาวรีย์ที่หน้าตาเป็นตึกใหญ่ๆมากกว่าจะเป็นรูปปั้นเหมือนบ้านเรา อนุสาวรีย์นี้สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงกษัตริย์องค์แรกของอิตาลีที่รวมประเทศเข้าด้วยกัน ด้วยความที่ตัวอนุสาวรีย์ทำจากหินอ่อนสีขาว ซึ่งตัดกับตึกอื่นๆและซากปรักหักพังสีน้ำตาลทองๆ ดูแล้วเลยไม่ค่อยจะเข้ากับส่วนอื่นของโรมซักเท่าไหร่ จึงมีคนอิตาลีเอาไปพูดเล่นกันเยอะว่าหน้าตาเหมือนเค้กแต่งงานบ้าง เครื่องพิมพ์ดีดบ้าง แต่เราดูว่ามันก็สวยดีนะคะเพื่อนๆคิดว่ายังไงเอ่ย?


นี่อีกตึกนึงอยู่ข้างๆกันสวยดีค่ะ


ระหว่างทางก็ซื้อพิซซ่ารองท้องค่ะ พิซซ่าที่โรมนี่ขอบอกว่าอร่อยที่สุด อร่อยกว่าเมืองอื่นๆเยอะเลย แป้งที่โรมจะบางงงง กรอบนิดๆ ใช่เลยค่ะ ถ้าเป็นเมืองอื่นจะไม่บางเท่านี้แล้ว


16.00 PM: Pantheon Smiley

อีกชื่อหนึ่งของมันคือ Temple to All Gods ว้าวว ดูมีความสำคัญมากเลยเนอะ ที่นี่สร้างขึ้นเมื่อ 27 ปี ก่อนคริสตศักราชค่ะ ด้านนอกของ Pantheon เราว่าค่อนข้างน่าสนใจเลย เนื่องจากด้านหน้าเป็นเสาหลายๆแท่งแต่ด้านหลังเป็นทรงกระบอก สวยดีค่ะ ด้านหน้าของ Pantheon เป็นลานกว้างที่มีคนพลุกพล่านตลอดเวลาทั้งกลางวันและกลางคืน..เมื่อเดินเข้าไปด้านในจะพบว่าด้านบนสุดตรงกลางมีรูกว้างขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 5.5 เมตรเป็นช่องแสงที่ให้แสงสว่างกับวิหารแห่งนี้ค่ะ ในสมัยก่อนช่องนี้เป็นแหล่งกำเนิดแสงแหล่งเดียวของสถานที่นี้เลยนะ แต่ปัจจุบันก็ได้มีการติดไฟรอบๆแล้ว นอกจากแสงที่สามารถส่องลงมาได้ น้ำฝนก็ตกลงมาได้เหมือนกันค่ะ วันนั้นที่เราไป ฝนไม่ตกหนะสิ เลยไม่ได้เห็นภาพน้ำตกกลาง Pantheon...รู้มั๊ยคะว่า Raphael ศิลปินระดับโลก ถูกฝังอยู่ ณที่แห่งนี้ เราสามารถไปชมโลงของ Raphael ได้ด้วยนะ

นี่ด้านในค่ะ


ส่วนนี่ด้านนอก ตอนกลางคืนดูสวยกว่าตอนกลางวันอีกนะเนี่ย


ที่นี่เข้าฟรีค่ะ เปิดจันทร์ ถึง เสาร์ตั้งแต่ 8.30-19.30 และวันอาทิตย์ตั้งแต่ 9.00-18.00 ที่นี่ไม่มีรถใต้ดินสายไหนที่มาถึงแบบใกล้ๆค่ะ ต้องอาศัยการเดินจาก Roman Forum ไม่ก็เดินมาจาก Trevi Fountain

วันนี้เล็งว่าจะมาทานร้าน Armando Al Pantheon ซึ่งอยู่ใกล้ๆ Pantheon เลยค่ะเดินไปถึง เอ๊ะ ร้านเปิด 19.00 อีกตั้งนานแหละ เดินเล่นรอละกัน เลยเดินไป Piazza อีกแห่งที่อยู่ใกล้ๆกัน นั่นคือ Piazza Navona ค่ะ

17.30 PM : Piazza Navona

ไม่น่าเชื่อว่าจาก Piazza ที่แวะมาเพราะรอร้านอาหารเปิด จะกลายเป็น Piazza ที่เราชอบที่สุดในโรมไปได้ เหตุผลก็เพราะที่นี่เป็นจตุรัสที่เต็มไปด้วยงานศิลปะค่ะเราจะเห็นเหล่าศิลปินนำรูปวาดของตัวเองมาวางขาย นอกจากนี้ยังมีศิลปินที่รับวาดภาพเหมือน ซึ่งแต่ละคนก็มีสไตล์เป็นของตัวเอง จะแนวตลกล้อเลียนหรือแนวสวยเวอร์ฟรุ้งฟริ้งสวยกว่าตัวจริงก็มีนะคะ Smiley ราคาคนละ 10 ยูโรใช้เวลาวาดแป๊ปเดียวเสร็จค่ะ นอกจากผู้คนที่เป็นที่น่าสนใจแล้วกลางจตุรัสยังมีน้ำพุขนาดใหญ่ผลงานของ Bernini ชื่อว่า Fountain of the Four Rivers ซึ่งแม่น้ำ 4 สายนี้ ก็คือ Ganges, Danube, River Plate และ Niles ค่ะ น้ำพุประดับด้วยรูปปั้นเทพเจ้าที่เป็นตัวแทนของแม่น้ำแต่ละสายและยังมีเสา Obelisk จากอียิปต์อยู่ตรงกลางด้วย

ภาพมุมกว้างค่ะ เป็นจตุรัสที่ค่อนข้างใหญ่


บรรดาศิลปินที่เอารูปมาขาย


บางคนก็ไปวาดภาพเหมือน นั่งไปลุ้นไปว่าภาพจะออกมาเป็นยังไงน้าา


Fountain of the Four Rivers ยามค่ำคืน


ร้านค้าแถวๆ Piazza นี้ก็เดินสนุกดีนะคะ ขายของหลากหลายดี เราแอบแวะไปทานเจลาโต้ร้าน Grom ที่อยู่แถวนั้นดูอร่อยเหมือนกันนะเนี่ย ทานรส Pistachio กับ double chocolate ค่ะ..


ได้เวลาละ กลับไปที่ร้านตรง Pantheon คราวนี้ร้านเปิดแล้วค่ะ แต่ๆๆๆ เต็ม! สรุปคือร้านนี้ต้องจองล่วงหน้าอย่างน้อย2 วัน กรี๊ด มีนักท่องเที่ยวหลายคนเป็นเหมือนเรา โดนปฎิเสธไปทั่วหน้าค่ะ เสียใจแต่ไม่ยอมแพ้ เลยจองคิวมื้อกลางวันของมะรืนไว้เลย (ตอนแรกเฉยๆแต่พอมาเต็มแบบนี้รู้สึกอย่างกินมากยิ่งขึ้นไปอีกค่ะเนี่ย!) รอติมตามในบลอควันที่ 3 นะคะ แล้วจะมาบอกว่ารสชาติอร่อยและคุ่มสมกับที่รอรึปล่าว

20.00 PM : เลยเดินมาทานอีกร้านแถวๆ Trevi Fountain ค่ะ ชื่อร้านว่า Ristrorante Fontana di Venere เป็นร้านที่อยู่ในตรอกที่เปลี่ยวสุดๆ รีบจ้ำใหญ่เลยกลัวมีคนเดินตามเจอร้านปุ๊ปดีใจมากเลยค่ะ รีบวิ่งเข้าไป มื้อนี้สั่งไปทั้งหมด 4 อย่าง ได้แก่ Parmaham with Melon, Meat Lasagna, Spaghetti และก็ Salad ค่ะ รสชาติพอใช้ได้ สปาเกตตี้ที่อิตาลีนี่ลวกเส้นมาได้ perfect สุดๆเลย ส่วนลาซานญ่า เราว่าหนาไปค่ะ คืออร่อยนะ แต่ทาน 3 คำก็จอดเลยมันแน่นมาก ส่วนสลัดของอิตาลีก็จะเน้นผักค่ะ ผักสดๆใส่น้ำส้มสายชูกับน้ำส้มบัลซามิก ออกรสเปรี้ยวๆ ปะแล่มๆ ทานสลัดที่นี่ไม่ได้เห็นน้ำสลัดครีมหรอกนะคะ แต่ก็สดชื่นดีนะตัดกับความเลี่ยนของชีสทั้งหลาย


21.30 PM : หมดแรงแล้ว..เดินมาขึ้นรถไฟใต้ดินที่สถานี Barberini กลับที่พักเตรียมแรงไปเที่ยววาติกันพรุ่งนี้ค่ะ


ฝากติดตามตอนต่อไปด้วยนะค่าา ตามด้านล่างเลย บลอคหน้าไปเที่ยววาติกันกัน อิอิ Smiley

Day 2 : Rome (Vatican Museum and Saint Peter Basilica) here

Day 3 : Rome (Gallery Borghese, Trevi Fountain, and Spanish steps) here

Day 4 : Florence (Piazza del Duomo, Dante church, Palazzo Vecchio) here

Day 5 : Florence (Uffizi Gallery, Accadamia Gallery, Ponte Vecchio) here

Day 6 : Pisa and “The Mall” Outlet here

Day 7 : Siena (Duomo and Piazza del Campo) here

Day 8: Venice (Saint Mark Basilica, Doge’s palace, Bride of sighs) here

Day 9 : Murano and Burano island here

Day 10 : Milan (Duomo and Santa Maria Church for “The Last Supper”) here




Create Date : 06 เมษายน 2558
Last Update : 25 มิถุนายน 2558 21:42:19 น.
Counter : 52328 Pageviews.

15 comments
  
รูปสวยมากเลยค่า อ่านเพลินเลย อยากไปด้วยจุง ^^
โดย: YingYang IP: 119.46.218.1 วันที่: 8 เมษายน 2558 เวลา:9:42:17 น.
  
ตามมาเที่ยวด้วยคนค่ะ
โดย: kae+aoe วันที่: 9 เมษายน 2558 เวลา:14:11:35 น.
  
แวะมาแล้ววว แค่รูปก็เพลินแล้ว
โดย: Natsu_Oton IP: 171.96.183.43 วันที่: 13 เมษายน 2558 เวลา:17:58:43 น.
  
รายละเอียดดีมากเลยจ้า
โดย: พจน์ IP: 1.47.3.210 วันที่: 4 ธันวาคม 2558 เวลา:7:21:27 น.
  
ระเอียดดีขอบคุณค่ะ
โดย: ตา IP: 192.99.14.36 วันที่: 30 ธันวาคม 2558 เวลา:10:17:11 น.
  
ขอบคุณมากๆค่ะทุกคน ฝากติดตามต่อไปเรื่อยๆนะคะ
โดย: jellyjourney วันที่: 6 มกราคม 2559 เวลา:7:22:39 น.
  
รีวิวดีมากๆ เลยค่ะ มีนานี้จะไปอิตาลี่ครั้งแรก ช่วยแนะนำเรื่องการแต่งตัวได้มั๊ยคะ ^^
โดย: deerry IP: 171.98.41.168 วันที่: 14 มกราคม 2559 เวลา:22:02:56 น.
  
คุณ deerry เข้าไปดูตามนี้ หัวข้อที่ 7 เลยค่า

https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=jellyjourney&month=31-03-2015&group=2&gblog=27
โดย: jellyjourney วันที่: 24 มกราคม 2559 เวลา:21:02:39 น.
  
ใช้กล้องอะไรคะ
ถ่ายออกมาแล้ว สถานที่สวยมากเลยค่ะ
โดย: Marn IP: 171.7.109.181 วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:15:14:48 น.
  
Cannon G7X ค่ะ คุณ Marn แล้ว process ต่อด้วยโปรแกรม
Lightroom
โดย: jellyjourney วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:16:56:05 น.
  
กำลังหาข้อมูลจะไป ขอบคุณมากค่ะ รีวิวละเอียด รูปสวย
โดย: Toey IP: 101.108.113.203 วันที่: 26 มีนาคม 2559 เวลา:15:48:51 น.
  
พี่ โคตรเจ่งงงง ผมกำลังจะไปแบบแบคแพคคนเดียว หาข้อมุลมาทุกเวบ เจอของพี่ ดีสุด ง่ายสุด ตรงประเด็นสุด เลิฟฟฟๆๆๆ
โดย: BGz (ตือ) IP: 115.87.253.53 วันที่: 3 กันยายน 2559 เวลา:3:29:51 น.
  
ที่พัก แนะนำเป็นไงบ้างคะ
โดย: Orathai IP: 192.99.15.166 วันที่: 16 มกราคม 2560 เวลา:11:11:57 น.
  
คุณ Orathai เข้าไปดูบลอคแรกของอิตาลีได้เลยนะคะ มีแนะนำที่พักอยู่ค่ะ

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=jellyjourney&month=03-2015&group=2&date=31&gblog=27
โดย: jellyjourney วันที่: 16 มกราคม 2560 เวลา:12:45:13 น.
  
ทำรีวิวได้ละเอียดมากกกกกก ขอบคุณมากๆเลย ช่วยได้เยอะ
โดย: june IP: 110.170.192.162 วันที่: 20 กันยายน 2560 เวลา:13:04:19 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jellyjourney
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 58 คน [?]



สวัสดีค่ะ ชื่อ เยลลี่ นะคะ blog นี้สร้างขึ้นเพื่อเอาไว้แบ่งปันข้อมูลและประสบการณ์ในการไปเที่ยวของเรากับเพื่อนๆทุกคน เข้ามาเยี่ยมชม มาคุยกัน หรือมีอะไรติชมแนะนำกันได้นะคะ

Facebook page: Jellyjourney

follow my Instragram @JELLYJOURNEY for extraordinary pics in my ordinary life
+++ Please stay tuned for "Norway" trip +++