Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
11 ตุลาคม 2553
 
All Blogs
 
กว่าจะถึงที่หมาย ... ก้าวแรกที่ลอนดอน

เอนทรี่นี้จะมาเล่าประสบการณ์ระทึก (หรือเปล่า) กับการบินเดี่ยวคนเดียวครั้งแรก!!! ไม่มีคนมารับที่สนามบิน ไม่รู้อะไรเลยสักกะอย่าง

อ่านแล้วอาจจะดูขำด้วยสำนวนการเขียนบ้าๆบอ เพราะเป็นจดหมายแรกที่ส่งให้น้องสาว เพื่อนและแฟน ได้อ่าน

ตอนส่งไปไม่ได้คิดอะไร แต่พอกลับมาอ่านแล้วรู้สึกว่า...แหม พิมพ์ไปได้เนอะคนเรา

อาจจะมีขัดเกลาบ้าง เพื่อให้ให้ดูติ๊งต๊องจนเกินไป อิอิ และจะมีสอดแทรกสิ่งที่จำได้เพิ่มเติมนะคะ ^^





ที่นี่ที่ไหน ???

ที่นี่ที่ไหน ทำไมไม่มีพ่อ แม่ น้อง เพื่อน และคนรัก
ที่ที่ที่ไหน ทำไมเราไม่รู้จักถนนหนทางเลย ใครก็ได้ช่วยที

แต่ที่นี่สินะ ที่จะทำให้เราได้เปิดหู เปิดตา ได้ความรู้ใหม่ๆ
แต่สิ่งที่เราจะได้มากกว่านี้ น่าจะเป็น ... ความเข็มแข็ง อดทน และพยายาม

ครั้งแรกที่บินเดี่ยว อยู่คนเดียว ทำอะไรเดี่ยวๆ ทุกอย่าง มันมีทั้งน้ำตา ความพยายาม และความเข็มแข็ง (รู้สึกว่าน้ำตาจะมากกว่านะ แหะๆ) บอกตัวเองตลอด “เราต้องทำได้” โอกาสแบบนี้หาได้ง่ายๆซะที่ไหนเน๊าะ

ผู้หญิงคนเดียว กับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ 25.X กิโลกรัม เป้อีกใบ 8 โลกว่าๆ กระเป๋าสะพายข้างอีกใบ บ้าหอบฟางได้อีกหน๊อเรา...

เราเดินทางด้วยสายการบิน ETIHAD เดินทางวันศุกร์ตอนค่ำๆ เครื่องออก 20.15 น. แล้วแวะไปเปลี่ยนเครื่องที่ ABU DHABI ถึงที่ ABU DHABI 23.50 น.

อาหารบนเครื่องก็ใช้ได้ เพราะเราลิ้นจระเข้อยู่แล้ว กินอะไรก็อร่อยไปหมด และกินหมดเกลี้ยงซะด้วย 555 อาหารถ้าออกจากไทย แน่นอนว่าต้องมีข้าหอมมะลิกับอะไรสักอย่าง ... ส่วนอาหารอื่นๆก็จะออกแนวแขกๆ มีเครื่องเทศเยอะ (มีเมนูให้ดูด้วย)

ตอนลงเปลี่ยนเครื่องที่ ABU DHABI ก็ไม่มีอะไร เพราะคนส่วนใหญ่ก็เปลี่ยนเครื่องกันทั้งนั้น และด้วยความที่มีสายการบินมาเปลี่ยนเครื่องที่ ABU DHABI เยอะมากๆ ทำให้ไม่มีเก้าอี้ให้นั่งรอเลย

เราเลยไปยืนอยู่แถวๆบอร์ดเพื่อดู Gate ยืนๆอยู่ก็มีเพื่อนคนไทยมาทักทาย เค้าสังเกตเราจากเครื่องที่บินมาจาก กทม. เห็นว่าน่าจะเป็นคนไทยเลยเข้ามาทัก ก็คุยกันตลอดระหว่างรอ แต่น่าเสียดาย...ที่จุดหมายปลายทางของเราสองคนเป็นคนละที่กัน

คนต่อเครื่องเยอะมากกก ทั้งที่ไปลอนดอนและไปที่อื่น ทำให้แถวรอสแกนของก็ยาวตาม แต่ละไฟลท์ให้ต่อเป็นแถวเดียว ขนาดเรารีบๆไปเข้าแถวตอนเค้าเปิดแรกๆ ยังรอนานเลย ด้วยความที่ทางแคบและค่อนข้างแออัด ... และสุดท้ายก็ได้ขึ้นเครื่องเสียที บนเครื่องก็ไม่มีอะไร กินๆ นอนๆ เล่นเกมส์ไปบ้าง จริงๆเรานอนไม่ค่อยหลับก็อาศัยดูหนัง-เล่นเกมส์บนเครื่อง ก็เพลินๆดีเหมือนกันนะ





และแล้ว...เครื่องบินก็กำลังจะลงจอดที่สนามบิน กัปตันประกาศว่า ... อากาศประมาณ 6 องศา และตอนบ่ายฝนจะตก ส่วนเรื่องเวลา ไม่แน่ใจว่าเค้าประกาศหรือเปล่า ถ้าประกาศก้อแปลว่าเราฟังไม่ออก -*- บนจอก้อไม่มีบอกอะไรเลย แต่กว่าเครื่องจะจอดได้ เครื่องบินก้อลอยเท้งเต้งบนฟ้าแปบนึง เหมือนว่าการจราจรทางอากาศติดขัด

สรุปเครื่องจอดกี่โมงไม่รู้ ก็เดินออกมาจากเครื่องบิน ... และ ... และ ... และจำไม่ได้ว่ามารับกระเป๋าก่อน หรือว่าผ่าน ตม. ก่อน แต่ตามหลักก็น่าจะผ่าน ตม. ก่อนแหละเนอะ

แถวรอผ่านเข้าเมืองค่อนข้างยาวเพราะคนเข้าลอนดอนเยอะมากๆ ในส่วนของ ตม. ผ่านไปได้ด้วยดี ไม่มีอะไรมาก คำถามหลักๆก็ "มาทำอะไร" ก็ตอบไปว่ามาทำ research ที่ Imperial college แล้วเราก็ยื่นเอกสารของเราให้ดู ก็มีพวก จดหมายเชิญจากอาจารย์, ประวัติของอาจารย์, จดหมายรับรองความเป็นนิสิตที่ไทย และ resume ของเรา แถมยังโดน ตม. มาเหน็บอีกว่าได้เปเปอร์ไม่พอหรอ หึหึ

พอออกจาก ตม. มา เจอหนุ่มหล่อขอค้นกระเป๋า เราว่าแล้วกระเหรี่ยงหลงมาก็งี้ เค้าหัวทอง แดง ตาสีฟ้ากัน นี่ขนาดเราทำหน้ามั่นๆแล้วนะเนี่ยยยย
หนุ่มหล่อถาม ... “แพคกระเป๋าเองหรอ”
เรานึกในใจ ... แน่สิย่ะ ยัดมากะมือ ... ปากตอบ "ใช่ค่า"
หนุ่มหล่อซักต่อ ... “มีเนื้อ หมู ปลา ฯลฯ มารึป่าว”
เรานึกในใจ ... ไม่มีเฟ้ย ปากตอบ "ไม่จร้า"
หนุ่มหล่อ ... เปิดๆ ค้นๆ กระเป๋า
ส่วนเรา ... มองไปก็ใจหาย กลัวกระเป๋าปิดลงไม่ได้เหมือนเดิม เพราะของที่เราแพคมา จัดวางมาอย่างดี เหอๆ
แต่แล้ว ... แล้วก็ผ่านมาได้ ไม่มีอะไรในก่อไผ่





จากนั้นก็ลากกระเป๋าออกมา หาที่นั่งตั้งสติ คิดหาวิธีติดต่อคนที่เราจะไปดูบ้าน ... จริงๆเราติดต่อพี่เค้าทางเมลตั้งแต่ก่อนไป แต่ก่อนเราไป 2-3 วัน เราเมลถึงพี่เค้า ให้ส่งรายละเอียดการเดินทางจากสนามบินไปที่บ้านเค้ามาให้หน่อย แต่พี่เค้าก็ไม่ติดต่อกลับมา
เราก็เลยพรินท์หน้าโฆษณาที่พี่เค้าลงในพันทิพเอาไว้เพื่อติดต่อ นอกจากนี้เราก็พรินท์ของเจ้าอื่นมาด้วย กะว่าถ้าพลาดเจ้านี้ ก็อาจจะติดต่อที่อื่น ในอารมณ์นั้นคือ แพงกว่าเราก็ยอมแล้ว

ระหว่างนั้นก็นั่งคิดๆ จะโทรหาคนที่จะติดต่อดูบ้านยังไงดีหว่า ... ก็นั่งไปนั่งมา หันไปถามเวลาคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เราก็นะดวงดีจริงๆ ไปถามเจอคนเมกานู้นนน ไอก็ไม่รู้ ไอเพิ่งมาจากนิวยอร์ค แป่ว... ตู้โทรศัพทย์รับเหรียญกะบัตรเครดิต เราก้อมีแต่แบงค์ ทำไงดีหนอ ... จริงๆเราเปิดโรมมิ่งโทรศัพท์มาจากไทยด้วย แต่ให้เอามาโทรรึ...คงแพงน่าดูเล้ย

นั่งๆไปก็คิด เอ๊ะ หรือจะไปโรงแรมก่อนดี แต่ไปโรงแรม มาบ้านพี่เค้า ถ้าถูกใจ ต้องขนของมาอีก ไม่เอาดีกว่า ท่าทางจะเหนื่อยยย เดินๆวนอยู่ 1 รอบ กรี๊ดดดด เจอตู้ขายซิมโทรศัพท์มือถือแล้วววว (เว่อร์จริงๆ)

ตะ แต่ .... ในตู้ มีซิมโคตระเยอะเลยอ่ะ ก็เกิดอาการ ... เลือกไม่ถูกฟ้อยยย แต่ก็นะ เอาว่ะ เอาความรู้สึกแรกมาตัดสิน เห็น T-mobile ราคา £10 แพงหรือเปล่าไม่รู้ รู้แต่จะซื้อแล้วววว

พอซื้อเสร็จก็ถามคุณลุงแถวๆนั้นว่ากี่โมงแล้วได้ความมาว่า 8.00 เช้าแล้ว เราคิดว่าพี่คนนั้นคงตื่นแล้วม้างงง เลยโทรไปหา แต่พบว่าให้ฝากข้อความเอาไว้ ไม่เป็นไรๆ ฝากก้อฝาก แต่แปบบเดียวเท่านั้น พี่เค้าก้อโทรมาและบอกทางเรียบร้อย ว่าบ้านพี่เค้าเลขที่และถนนเท่าไหร่ เราก็จดๆ และพี่เค้าก็แนะนำการเดินทางมาให้

ทางแรก ... แท็กซี่คันดำแบบเหมาพี่เค้าบอกประมาณ £20 ในใจคิดเอาก้อเอา ส่วนอีกทางก้อไปทิวบ์ (รถไฟใต้ดิน) แล้วต่อรถบัส ... อืม แต่ท่าจะไม่ไหว ทำไมไม่ไหวก้อดูสัมภาระซะก่อนเนอะ ที่เราคิดกลัวว่าไม่ไหว เพราะเราเอาไปเทียบกับการคมนาคมบ้านเรา ถ้าสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินไม่มีลิฟต์??? เราจะแบกกระเป๋ายังไง??? แล้วต่อบัส เราจะยกกระเป๋าขึ้นรถไฟไหวหรอ??? แค่คิดก็กระอักเลือดแล้วสินะ





พอตัดสินใจแน่วแน่ว่าไปแท็กซี่นี่แหละ เราก็จัดการเอาอุปกรณ์กันหนาวและเสื้อกันหนาวออกมาใส่ แล้วก็มุ่งหน้า เดินออกไปนอกสนามบินเพื่อหาที่ขึ้นรถแท็กซี่ ก็เดินไปตามทางออก ตามป้ายไปเรื่อยๆ จนออกนอกสนามบิน รู้สึกได้ถึงความหนาวจริงๆนะเนี่ยยย บรื๊ออออ

แล้วด้วยความที่เรากลัวสะเหร่อมากๆ กลัวว่าจะไปโบกแท็กซี่ผิดที่ผิดทาง ก็เลยคิดว่า ถามเอาน่าจะดีกว่าว่าไปขึ้นแท็กซี่นี่ต้องไปรอตรงไหน เหมือนฟ้ามาโปรดมีเจ้าหน้าที่ของสนามบินเดินออกมาสูบบุรี่อยู่ข้างนอก ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง ผู้หญิงดูท่าทางเหมือนคนเอเชีย

เราเลยรีบไปถามว่าจะขึ้นแท็กซี่ได้ทางไหน พี่เค้าก็ชี้มา แล้วก็ถามขึ้นมาว่า "น้องเป็นคนไทยหรือเปล่า" โอ๊ววว รู้สึกดีใจมากๆ พี่เค้าถามว่าเราจะไปที่ไหน??? แล้วพี่เค้าก็แนะนำว่าไปทิวบ์เถอะ ถูกกว่า เราก็เลยถามไปว่า ไปไม่ลำบากหรอค่ะ??? แล้วก็มองสัมภาระตัวเอง พี่เค้าบอกว่าของขนาดนี้ไม่ลำบากหรอก ใครๆก้อไปกัน

เราก็เลย...เดินหันหลังกลับ เข้าไปยังสนามบินเพื่อเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดิน จำได้ว่าทางเดินยาวมากกก แต่ก็เป็นทางเรียบๆลากกระเป๋าได้สบาย ตอนที่เจอพี่คนไทยรู้สึกชื่นใจยังไงบอกไม่ถูก ลากกระเป๋าไปก็อิ่มใจไป 555

พอถึงสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน ก็ไปซื้อ oyster card ที่เคาท์เตอร์ บอกเค้าไปว่าจะไปลงที่ไหน โดยเลือกซื้อแบบรายสัปดาห์ แต่เค้าถามมาเพิ่มว่าเราจะซื้อแบบครอบคลุมโซนไหน ที่แรกก็ งงๆ เพราะฟังไม่ทัน ก็บอกไปว่าซื้อแบบ zone 1-3 (มหาลัยโซน 1 บ้านโซน 3) ตอนนั้นจะราคาประมาณ £24.80 แต่ต้องเสียเพิ่มอีกประมาณเกือบๆ £2 เพราะว่าสนามบิน Heathrow อยู่โซน 6 และต้อง

และแล้วเราก็ไปถึง...สถานีรถไฟใต้ดินแล้ววว ตื่นเต้นๆ แต่ไม่มีอารมณ์ถ่ายรูปเลย เพราะมันหนาว เหงา และก็เริ่มกลัวขึ้นมาอีกแล้ววววว

.
.
.
ประสบการณ์การเดินทางไปยังบ้านพักยังไม่จบนะคะ ... แต่กลัวว่าจะยาวจนเกินไป เอาไว้ไปต่อเอนทรี่แล้วกันนะคะ


Create Date : 11 ตุลาคม 2553
Last Update : 18 ตุลาคม 2553 0:42:48 น. 1 comments
Counter : 1088 Pageviews.

 
อัพตอนต่อไปแล้วจร้า

ไปต่อกันได้เลย คลิ๊กๆ

กว่าจะถึงที่หมาย ... ก้าวแรกที่ลอนดอน part 2





โดย: jejeejajar วันที่: 21 ตุลาคม 2553 เวลา:0:48:33 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jejeejajar
Location :
ปทุมธานี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




สวัสดีค่า...ชื่อจ้านะคะ

จุดประสงค์แรกของการสร้างบล็อคก็ไม่มีอะไรมาก...นอกจากอยากมีบล็อคกับเค้าบ้างอะไรบ้าง...

ไปๆมาๆทุกวันนี้คิดอะไรออกก็อยากเอามาลงบล็อคให้หมด (สังเกตจาก group blog ที่เริ่มเยอะ หุหุ) ตอนนี้เลยตั้งใจว่าจะใช้พื้นที่ในส่วนนี้เขียนเรื่องราวต่างๆเก็บเอาไว้อ่านเป็นไดอารี่ดีกว่า ^.^
Friends' blogs
[Add jejeejajar's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.