BlogGang.com : : JC2002 : เนื้อตุ๋นน้ำผึ้งไวน์แดง

เนื้อตุ๋นน้ำผึ้งไวน์แดง

วันที่ : 02 กุมภาพันธ์ 2551

"......: เนื้อตุ๋นน้ำผึ้งไวน์แดง :......"

ส่วนผสม
- เนื้อวัว (เนื้อที่เราใช้ทำครั้งนี้ เป็นเนื้อที่เราแช่แข็งไว้ สีเลยไม่ค่อยสด)
- แครอท
- มันฝรั่ง
- เซลอะรี่ หรือจะใช้คื่นฉ่ายแทนก็ได้
- หอมใหญ่
- น้ำมันพืช
- น้ำผึ้ง
- ซอสปรุงรส
- น้ำซุป
- ไวน์แดง
- ใบเบย์ (ถ้าไม่มีไม่ใส่ก็ได้ค่ะ)

วิธีทำ (ตามรูป)

1. ทำการฝานเปลือกแครอท มันฝรั่ง และเปลือกหอมใหญ่ และก็เตรียมต้นเซลอะรี่ นำทั้งหมดมาล้างให้สะอาด

2. นำเนื้อมาล้างให้สะอาด แล้วทำการหั่นเป็นชิ้นลูกเต๋าขนาด 1 1/2" x 1 1/2" หมักกับไวน์แดง น้ำผึ้ง และซอสปรุงรส แล้วทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที

3. ทำการหั่นแครอท มันฝรั่ง เซลอะรี่ และก็หัวหอมเป็นชิ้นยาวประมาณ 1" หรือขนาดตามที่ต้องการ (เราไม่หั่นเล็กเกินไปเพราะกลัวว่าเวลาตุ๋นแล้วผักจะเละเกินไป)

4. นำหม้อตั้งไฟ โดยเปิดไฟแรง แล้วใส่น้ำมันประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ จากนั้นนำเนื้อที่หมักไว้ลงไปทอดจนให้สุกโดยให้ด้านนอกออกเกรียมนิดหน่อย

5. ลดไฟลงไปที่ระดับอ่อน จากนั้นนำซอสที่หมักเนื้อมาเทลงไปผสมกับเนื้อที่ทอดแล้วในหม้อ แล้วใส่ผักที่เตรียมไว้บางส่วน แล้วทำการคนให้เข้ากัน

6. จากนั้นก็นำผักส่วนที่เหลือมาโปะหน้าตามต้องการ ใส่ใบเบย์แห้งลงไป แล้วเติมน้ำซุปลงไปกะประมาณให้พอดี ไม่มากเกินไป แล้วเปิดไฟไปที่ระดับแรง ปิดฝาหม้อต้มทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที จากนั้นให้ลดไฟลงไปที่ระดับกลางถึงอ่อน และทำการต้มไปเรื่อย ๆ เพื่อให้เนื้ออบและผักค่อย ๆ สุก วันนั้นเราค่อย ๆ ตุ๋นไปเรื่อย ๆ ใช้เวลาประมาณเกือบ 4 ชม. คือทำตอนเที่ยง ก็มากินกันตอน 5 โมงเย็น

และนี่ก็คือหน้าตาเจ้าเนื้อตุ๋นน้ำผึ้งไวน์แดง รสชาติถือว่าใช้ได้ และเนื้อนี่นุ่มมาก ยิ่งกินกับข้าวสวยร้อน ๆ ราดด้วยพริกน้ำปลากระเทียมซอยนี่อร่อยเหาะจริง ๆ หรือจะกินเปล่า ๆ ก็ได้ เพราะมีมันฝรั่งที่เป็นตัวให้คาร์โบไฮเดรตที่กินแทนข้าวได้อยู่ในสูตรเรียบร้อยแล้ว แต่วันนั้นแฟนเรากินกับขนมปังปิ้ง ก็ดูน่าอร่อยดี

*** ทริค :

- เหตุผลที่เรานำเนื้อมาทอดให้สุกออกเกรียมหน่อย ๆ ก่อนนั้น เพราะว่าตอนตุ๋นนั้นเนื้อจะได้ไม่แตกเละ เพราะถึงเนื้อตุ๋นจะสุกและนุ่ม แต่มองดูข้างนอกนั้นเนื้อก็ยังดูเป็นก้อนเหมือนตอนที่เราหั่น เนื้อไม่เละเลย แต่เวลากินนี่เนื้อนุ่มมากเลย

- ตอนหมักเนื้อนั้นไม่ต้องใส่น้ำผึ้งเยอะไป เพราะเวลาตุ๋นกับผักแล้วน้ำตาลจากผักจะออกรสชาติมารวมกันเอง ทำให้มีรสหวานหน่อย ๆ ในตัวอยู่แล้ว ถ้าใส่น้ำผึ้งเยอะไปเราคิดว่ารสชาติจะหวานเกินไป แต่ก็คงขึ้นอยู่กับว่าใครชอบรสหวานหรือไม่ แต่เราไม่ค่อยชอบอาหารรสหวานเลยต้องจำกัดปริมาณน้ำผึ้งหน่อย

Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2551

Last Update : 14 ธันวาคม 2555 4:33:16 น.

0 comments

Counter : 1984 Pageviews.