กำหนดให้เป็นผักดอก/ดอกไม้ ฉันเลือกปรุงผักดอกสามชนิดตามนี้
1. ดอกขจร หรือ ดอกสลิด (คำสุภาพ)
2. ดอกโสน (บานเช้า)
3. ดอกกระหล่ำ (บานตลอดทั้งปี)
ฉันได้ (ผักดอก) ที่จะรับประทานกับน้ำพริกกะปิมาแล้ว
ขอเชิญเพื่อน ๆ เข้าครัวตำน้ำพริกกะปิ (ระกำ) กินกันเต๊อะ
เพื่อนๆ สนใจอยากได้กะปิคุณภาพดี อร่อยไปทาน มาขอแบ่งปันกันได้
ตอนนี้ตู้เย็นที่บ้านฉันอัดแน่นไปด้วยกะปุกใส่กะปิ เห็นแล้วกลุ้มใจมาก
ผู้คนซื้อมาฝากบ้าง ซื้อเองบ้าง ตอนนี้มีกะปิราวๆ 10 กระปุก เยอะเกิน
ช่วงนี้ฤดูกาลดอกขจร เบ่งบานไปทั่ว ตลาดเช้า กม.๑๑ มีขายทุกวัน
เป็นผักดอกอีกชนิดที่ราคาขยับขึ้นไม่มาก ขีดละ 8-10 บาท ราคายังเอาอยู่
น้ำพริกกะปิระกำ
สูตรโดย คุณบี๊ห์@BeebihSociety
* ลูกระกำ 3-4 ผล (ฝานเอาแต่เนื้อ)
* กะปิอย่างดี 3 ช้อนโต๊ะ
* กุ้งแห้งป่น 1 ช้อนโต๊ะ
* กระเทียมกลีบเล็ก 8 กลีบ (ชอบใส่เพิ่มได้)
* พริกขี้หนูหอม 15-20 เม็ด (ชอบเผ็ดกว่านี้ใส่เพิ่ม)
* น้ำปลาดี 2 ช้อนโต๊ะ
* น้ำตาลปีบ 1-2 ช้อนโต๊ะ หรือ (น้ำตาลทรายก็ได้)
* น้ำต้มสุก 3 ช้อนโต๊ะ (ชอบน้ำพริกเข้มข้นก็ไม่ต้องเติมน้ำ)
เครื่องเคียงน้ำพริก
* ผักสด / ผักลวก / ผักต้มชนิดต่าง ๆ
* ปลาทูทอด / ปลาดุกย่าง / ไข่เจียวแบบต่าง ๆ
หมายเหตุ - น้ำพริกกะปิทานกับไข่พะโล้ก็อร่อยมาก
ระกำให้เนื้อน้อย ดังนั้นต้องใส่หลายลูกจึงจะให้รสเปรี้ยวจัด
นำกะปิมาย่างไฟให้หอมก่อน นำกระเทียมใส่ในครกหิน โขลกให้ละเอียด
ใส่พริกขี้หนูลงไปโขลกรวม ตามด้วยกุ้งแห้ง(เนื้อ) ลงไปโขลกรวมให้เข้ากัน
ปอกเปลือกระกำแล้วล้างผ่านน้ำให้สะอาด ฝานเนื้อลงโขลกรวมกันให้ละเอียด
ปรุงรสด้วยน้ำปลา, น้ำตาลปีบ คนผสมให้เข้ากัน (ระกำมีความเปรี้ยวแล้ว)
อยากได้ความหอมก็ต้องเพิ่มน้ำมะนาว ใส่แล้วคนผสมให้เข้ากัน ชิมรสอีกครั้ง
ชอบรสใดก็ปรุงเพิ่ม น้ำพริกกะปิส่วนใหญ่มีรสเปรี้ยวนำ หวานตาม
เค็มติดปลายลิ้น แต่ไม่ควรให้เค็ม (กินเค็มมากไตอาจวายได้)
ได้รสถูกใจแล้วตักใส่ถ้วย โรยหน้าน้ำพริกด้วยพริกขี้หนูหอมสีเขียวและแดง
ระกำให้รสชาดเปรี้ยวจี๊ด ถ้าไม่ชอบเปรี้ยวให้ลดน้ำมะนาวลง
แต่อยากให้ใส่น้ำมะนาวเข้าไปด้วย ช่วยให้น้ำพริกมีกลิ่นหอม
หมายเหตุ - หาซื้อระกำไม่ได้ใส่เนื้อสละแทน และเพิ่มน้ำมะนาว
เพราะเนื้อสละส่วนใหญ่มีรสหวาน ส่วนระกำรสออกเปรี้ยวจี๊ดจ๊าด
อยากได้น้ำพริกกะปิหน้าตาดีนั้นไม่ยาก นำพริก/กระเทียม/กุ้งแห้งใส่ในเครื่องปั่น
จากนั้นลงมือโขลกน้ำพริกกะปิ โดยปรุงรสในครกก่อนให้เสร็จ ชิมรสถูกใจแล้ว
ค่อยเอาพริกและกระเทียมที่ปั่นไว้ลงผสม วิธีนี้จะได้น้ำพริกชนิดหยาบและสีสวย
ตอนรับประทานคุณก็จะได้รสสัมผัสของพริกและกระเทียม ได้อรรถรสมาก
ถ้วยนี้เป็นน้ำพริกกะปิแบบข้น (แบบโบราณ) ใส่พริกชี้ฟ้าสามสีเข้าไปด้วย
พริกชี้ฟ้าให้รสเผ็ดคลาสสิค ผสมกับพริกขี้หนูเม็ดเล็ก รสชาดออกมาดีมาก
เครื่องเคียงน้ำพริก นอกจากผักสด ผักลวก ผักดองชนิดต่าง ๆ แล้ว
อีกอย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในสำรับน้ำพริก ปลาทูทอดกรอบ นั่นเอง
ทุกครั้งที่ฉันลงภาพเมนูปลาทอดในบล๊อก มักมีคำถามจากเพื่อนๆ ถามว่า
"คุณบี๊ห์ทอดปลาสวยจัง ทอดอย่างไร ทำไมออกมาเหลืองสวยและดูกรอบ"
ฉันอดไม่ได้ที่จะต้องอธิบายทุกครั้ง ขอบอกวิธีการทอดปลาไว้ในโพสนี้ด้วย
เคล็ดไม่ลับในการทอดปลา
ฉันขอแนะนำวิธีทอดปลาทุกชนิดให้เหลืองและกรอบ (เนื้อไม่แข็งกระด้าง)
นำกระทะตั้งเตาใส่น้ำมันพอให้ท่วมปลา (ของทอดทุกชนิด น้ำมันที่เหมาะควรเป็น
น้ำมันรำข้าวหรือน้ำมันปาล์ม) ปริมาณของน้ำมันขึ้นอยู่กับขนาดและปริมาณของปลา
รอให้น้ำมันร้อนจัดนำปลาที่พักในกระชอนสะเด็ดน้ำ หรือใช้กระดาษซับน้ำให้แห้งก่อน
ค่อยๆ หย่อนปลาลงไป (การทอดปลาไม่ต้องกลัวปลาไหม้ ไม่ควรทอดด้วยไฟอ่อน)
คือเข้าใจผิดกันมาตลอดว่าการทอดปลาต้องทอดด้วยไฟอ่อนๆ การทอดด้วยไฟอ่อน
ทำให้เนื้อปลากระด้าง แข็งและกระด้าง แม้จะกรอบก็ตาม แต่กรอบแบบแข็ง ๆ
ให้
สังเกตหนังปลาด้านที่จุ่มน้ำมันเริ่มมีสีเหลืองอ่อน ๆ ถึงตรงนี้ให้หรี่ไฟเตาลงปานกลาง ไฟปานกลางค่อนไปทางแรง อย่าให้อ่อนมาก แล้วช้อนตัวปลาพลิกกลับอีกด้านขึ้นมา
ระหว่างทอดก็ตักน้ำมันในกระทะราดไปบนตัวปลาด้วย เพื่อเร่งให้สุกเร็วขึ้นนั่นเอง
ถ้าเป็นปลาขนาดใหญ่ ควรทาแป้งสาลีหรือแป้งมันบนหนังปลาบาง ๆ ให้ทั่วก่อน
กันหนังปลาติดกระทะ แต่ถ้าเป็นน้ำมันเก่าที่ใช้งานก่อนแล้วไม่จำเป็นต้องทาแป้ง
อันที่จริงแม่ครัวกินดอกขจร(ดอกสลิด) ไม่เป็น สิ่งใดที่คุณนายแม่ไม่เคยทำให้กิน
ผลที่ตามมาก็คือ พวกเราจะกินสิ่งเหล่านั้นไม่เป็น มีหลายสิ่งอย่างที่ฉันกินไม่เป็น
ปลาร้า ปลาจ่อม พืช/ผักชนิดต่าง ๆ ขมิ้นขาว ดอกขจร(ดอกสลิด) ล้วนกินไม่เป็น
ปกติฉันไม่ชอบกินดอกกระหล่ำ แต่ถ้าจะกินต้องใส่ในแกงส้ม
มักมีคำถามถึงฉัน คุณบี๊ห์ทำอาหารเก่ง แต่ทำไมไม่กินหลายอย่าง
ฉันเป็นแม่ครัวแต่ไม่ชอบกินหลายอย่าง จะเยอะไปไหน เรื่องเยอะ
ก็ถ้าไม่ชอบ ไม่ถูกจริต ฉันจะไม่กิน แล้วก็ไม่ลองกินด้วยน๊ะ
โดยมากผักสด/ผักลวกในสำรับน้ำพริกบ้านฉัน มักเป็นผักสด แตงกวา มะเขือเปาะ ถั่วพลู
อีกชนิดที่ถูกใจฉันมาก ผักกาดเรดโอ๊ค (Red Oak) ทานกับน้ำพริกกะปิเข้ากันดีทีเดียว
ไม่เชื่อก็ต้องลอง ต้องเป็นผักกาดเรดโอ๊ค ถ้าเป็นกรีนโอ๊ค (Green Oak) ไม่อร่อยเท่าน๊ะ
สำรับส่งการบ้านมีผักแค่สามชนิด เพื่อให้ตรงกับโจทย์ คือ เมนูผักดอก
ดังนั้นจึงต้องจัดเฉพาะผักดอก ไม่มีผักชนิดอื่น ๆ มาร่วมด้วยช่วยอร่อย
ตอนต้มดอกขจรฉันได้กลิ่นเหม็นเขียว แอบคิดในใจ ต้มเพื่อส่งการบ้าน แต่ฉันคงไม่กิน
เพราะทนกลิ่นเหม็นเขียวไม่ได้ แต่เมื่อเก็บภาพเสร็จ ได้เวลาอาหารเย็นพอดี ต้องลองชิม
ดอกขจรอร่อยมาก ไม่มีกลิ่นเหม็นเขียว มัวโง่งมเนิ่นนาน กินดอกขจร(ดอกสลิด) ไม่เป็น
ต่อแต่นี้ไปเมื่อฉันตำน้ำพริกกะปิ ฉันคงต้องซื้อดอกขจรมาร่วมในสำรับน้ำพริกกะปิแน่นอน
เมนูดอกไม้จบแล้วจ้า พบกันใหม่กับภารกิจปฏิบัติการกระทะร้อนในเดือนต่อไป
ขอบพระคุณทุกท่านที่แวะมาเยี่ยมชม แวะมาทักทาย ขอบคุณทุกความคิดเห็น
มีข้อสงสัยสูตรอาหาร/สูตรขนมติดต่อสอบถามกันมาได้ที่บล๊อกแห่งนี้
หรือที่ เฟสบุ๊ค/แฟนเพจ โดยคลิกลิงค์ด้านล่างตามไปทักทายกันได้นะคะ
เจิมและโหวตโลดจ้าาาา