Group Blog
ธันวาคม 2554

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
30
31
 
All Blog
น่าน ....นานแค่ไหน ก็จะไป


"จั๊ก พ่ออยากเที่ยว เอาแบบนอนเต็นท์นะ ดูทะเลหมอก " วันนี้พ่อมาปลุกแต่เช้า

"ไม่รู้ว่าอารมณ์ไหน อยากนอนเต็นท์" ผมคิด

"เต็นท์ให้วัยรุ่นเค้าไปนอนดีกว่าพ่อ อายุมากแล้วนอนบ้านดีกว่า" ผมนอนหลับตาบอกเหตุผลพ่อ


"อีกสองวันหยุดใกล้วันหยุด ไปที่ไหนก็ได้ อยากไหว้พระ อยากนอนเต็นท์ใกล้ชิดธรรมชาติ เดี๋ยวพ่อไปเก็บของรอนะ"พ่อพูดจบและไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ เพราะผมยังหลับตาอยู่ นั้นซิ ....ผมฝันไปหรือปล่าว

ที่ไหนนะ ได้นอนเต็นท์ มีวัด ใกล้ชิดธรรมชาติ ภูกระดึงก็ดี จะได้แสดงให้เห็นว่าคนแก่ก็ขึ้นได้โดยไม่มีกระเช้า มีลานกางเต็นท์ มีพระให้ไหว้ แต่คิดๆ แล้ว เราจะไหวไหม... ที่ไหนดี?


น่าน...... ผุดขึ้นมา....นานมาแล้วที่ไปมา.......น่านมีวัด อดีตเป็นเมืองเก่าแก่ที่มีเจ้าครองนคร ทั้งตำนานมากมาย แถมใกล้ชิดธรรมชาติ ที่สำคัญ รู้สึกว่า อดีตชาติต้องมีความหลังอะไรที่เมืองน่านแหงมๆ ถึงผุดขึ้นมา


"พ่อตกลงไปน่าน แม่ไปด้วยป่าว" ผมถามพ่อในฐานะลูกที่ดี ไหนๆเที่ยว ก็พาไปพร้อมกันสองคน สรุปกลายเป็นว่า พ่ออยากเที่ยว แม่อยากไปไหนก็ได้ ที่พ่อไม่ไป 555 ตอนนี้คนแก่งอนกันอยู่


พ่อถามว่าเดินทางกี่โมง... "ออกเดินทางเมื่อตื่น.. ตื่นเมื่อไรออกเลย" ดูพ่อจะงง ว่ามันออกกี่โมงแน่ๆ

และแล้ววันเดินทางก็มาถึง ตีสามคือเวลาออกเดินทาง จริงๆแล้วผมไม่ได้ตื่น แต่พ่อผมตื่น ตื่นขึ้นมาจัดกระเป๋าเสื้อผ้า เสียงจัดกระเป๋า "ก๊อบแก๊บ ก๊อบแก๊บ" เริ่มดังตั้งแต่ตีสอง นี่หละน่า ผลกรรมที่บอกเวลาคนแก่ว่าออกเดินทางเมื่อตื่น แกเลยคิดว่าเมื่อแกตื่นแน่ๆๆ ...ดีที่แม่ไม่ไปด้วย เพราะจะไม่มีเสียงก๊อบแก๊บแล้ว ยังมีเสียงคุยตามมาอีกด้วย... ปกติ คนแก่งอนกันตอนเวลากลางวัน ส่วนช่วงตีสี ตีห้าทุกวันเป็นเวลาพักงอน


ตีสามครึ่งผมออกเดินทาง ถนนมีรถไม่ค่อยมาก ขับง่าย เราแวะปั๊มเข้าห้องน้ำทุกๆ ชั่วโมง พ่อจะได้เข้าห้องน้ำ ช่วยแก้อาการง่วงแทบหายไป หกโมงครึ่งถึงนครสวรรค์ ต้องแวะกินขนมจีนหน้าค่ายจิระประวัติ ขายในตลาดนัด เฉพาะช่วงเสาร์-อาทิตย์ เสียดายเรามาเช้า ผักเครื่องปรุง ยังไม่ได้ทำ รสชาติขนมจีนเหมือนขาดอะไรไปที่ไม่เหมือนเดิม

ผมใช้เส้นทางสายพิษณุโลก อุตรดิตถ์ แพร่ มาเที่ยวกับพ่อก็ดีนะ เหมือนมาเที่ยวคนเดียว ขึ้นรถปั๊บ พ่อหลับปุ๊บ พ่อตื่นมาทุกหนึ่งชั่วโมงเพื่อคุยกับผมแค่คำเดียวว่า "อยากกินกาแฟไป" พ่อฉลาดพ่อที่จะเลี่ยงคำว่าเข้าห้องน้ำ แต่การที่เราแวะบ่อยทำให้ผมสะสมแต้ม 4 square ได้เพียบเลย Check in มันทุกปั๊ม ทุกสีแยกที่ติดไฟแดง

เที่ยงวันเลยมานิดๆ สองหนุ่มสองวัยเดินทางถึงตัวเมืองน่าน น่านเมื่อสิบปีที่ผ่านมากับน่านปีนี้ ดูไม่ต่างกันเลย ผมแวะทานอาหารเมืองเหนือ ที่ร้าน ครัวเฮือนฮอม เจอป้ายคำว่า "เต็ม" ตั้งแต่ก่อนเข้าร้าน ช่วงเวลานี้ทัวร์พาลูกทัวร์มาทานอาหารหลายทัวร์ ทางร้านใจดีมาก บอกว่าให้ไปเที่ยวที่อื่นก่อน ว่างเมื่อไรจะโทรตาม ผมเลยเปลี่ยนแผนไปหาที่พักก่อน เราได้โรงแรมที่อยู่ห่างจากร้านอาหารถัดไปสามสี่แยกไฟแดง ทำเลเหมาะ ไม่ไกลจากถนนคนเดินมากนัก ที่สำคัญราคาไม่แพง

"ไหนบอกว่านอนเต็นท์หละ ทำไม นอนโรงแรม" พ่อผมเริ่มทวงสัญญา

"วันนี้ขับรถมาไกล เที่ยวไหว้พระในเมืองก่อน พรุ่งนี้รับรองได้นอนเต็นท์ สมใจแน่ๆ" ผมบอก

ว่าจะเอนนอนสักหน่อย ทางร้านอาหารโทรมาตาม ไม่น่าเชื่อว่าไวกว่าที่คิด มื้อกลางวันเราสองพ่อลูกได้ทานอาหารเมืองเหนือสมใจ กินมากรู้สึกจะง่วง เราออกจากร้านไปจอดรถพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน เดิมที่ประทับและที่ว่าราชการของพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ เจ้าผู้ครองนครน่าน ดีใจมากที่ได้ถ่ายรูปกับงาช้างดำ ซึ่งอดีตที่ผ่านมาไม่ยอมให้ถ่ายรูป


หลังจากนั้นก็แวะไปวัดภุมมินท์ เป็นวัดที่สร้างทรงจตุรมุขหนึ่งเดียวในประเทศไทย คล้ายตั้งอยู่บนหลังพญานาค 2 ตัว อาคารนี้เป็นทั้งพระอุโบสถ พระวิหาร และพระเจดีย์ประธาน ใครที่เคยใช้ธนบัตรใบละ รัฐบาลไทยเคยพิมพ์รูปวัดภูมินทร์ในธนบัตรใบละ 1 บาทเสียดายที่อยู่ในระหว่างปรับปรุง องค์ บาทพระยังสีดำ แต่เราก็พยายามเดินหาภาพเสียงกระซิบเมืองน่าน ผมให้พ่อทำท่ากระซิบใส่หูสาว .... แต่พ่อดูจะเขิน ไม่กล้าทำ เสียดายเลยไม่มีรูปพ่อกระซิบเลย

ใกล้กันมีวัดพระธาตุช้างค้ำลักษณะสถาปัตยกรรมของวัดพระธาตุช้างค้ำนี้สะท้อนให้เห็นอิทธิพลของศิลปะสุโขทัย อาทิ เจดีย์ทรงลังกา (ทรงระฆัง) รอบฐานองค์พระเจดีย์ก่ออิฐถือปูนและปั้นเป็นรูปช้างครึ่งตัว ด้านละ 5 เชือก และที่มุมทั้งสี่อีก 4 เชือก ดูคล้ายจะเอาหลังหนุน หรือ "ค้ำ" องค์เจดีย์ไว้ ลักษณะคล้ายวัดช้างล้อม จังหวัดสุโขทัย และภายในวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปสำริดยืนปางประทานอภัย วัดหัวข่วงที่นี้แปลกมาก ชาวบ้านเล่าว่า วัดนี้กับวัดภูมมินทร์ไม่ถูกกัน เพราะพระหันหน้าเจอกัน จนต้องมีการย้ายพระประทานไม่ให้หันหน้าเจอกัน ถึงว่าซิ คนไทยมองหน้ากันเลยมีเรื่อง

วัดมิ่งเมือง อันเป็นที่ตั้งศาลหลักเมือง สถาปัตย์กรรมปูนปั้นคล้ายกับวัดร่องขุนที่เชียงราย เวลาล่วงเลยมา 4 โมงเย็น พาพ่อไปกินขนมหวาน ร้านไอศกรีมป้านิ่มสักหน่อย เสียดายขนมรสเด็ดหมด เราเลยกินสลิ่มแทน ผมตั้งพิกัดวัดพระธาตุเขาน้อย GPS พาผมเข้าป่าเข้าดงไปสำนักสงฆ์แทน เล่นเอา งง ทำให้ต้องขับรถย้อนมาอีกทาง ถามทางชาวบ้านซึ่งดีกว่า แป๊บเดียวเราก็ถึงวัดพระธาตุเขาน้อย ทางขับรถขึ้นเขาค่อนข้างชัน ดีใจที่เอารถ 4x4 มาขับ แม้จะซดน้ำมันอย่างเมามันส์ โชคดีงวดนี้ได้สปอนเซอร์บัตรเติมน้ำมันจากบริษัทน้ำมันเจ้าหนึ่ง ให้ใช้ฟรีตลอดเส้นทาง

วัดพระธาตุเขาน้อย ประดิษฐานพระพุทธรูปปางลีลา ตั้งอยู่บนยอดเขาซึ่งทำให้เราสามารถมองเห็นเมืองน่านได้ถนัดตา ณ บริเวณนี้เป็นจุดชมพระอาทิตย์ที่ดีแห่งหนึ่ง ที่ทำให้เราเห็นตัวเมืองน่าน แต่เรามาตอนเย็น ตั้งใจว่าจะมาพรุ่งนี้เช้า แต่ก็มาไม่ได้เพราะรถจอดขวางทำให้เราเอารถออกไม่ได้ ตั้งใจถ่ายกับพระจันทร์ โชคร้าย ยุงเยอะมาก อีกทั้ง คืนนี้ฟ้าปิด ไม่มีดาวและเดือน ... ยกทัพกลับที่พัก

มื้อเย็นเราทานอาหารที่ถนนคนเดิน กาดบ้านเก่าหัวเวียงใต้ ผู้จัดได้เตรียมเสื่อพร้อมขันโตก มาปู ให้ผู้ที่ซื้ออาหารนำอาหารมานั่งทานบริเวณดังกล่าว ผมกินอะไรไม่ค่อยได้ รู้สึกว่าเลี่ยนอาหารเหนือมาก สั่งส้มตำปูปลาร้ามาล้างคอ มีสองรสคือ เผ็ดกับหวาน สรุปกินอะไรไมได้เลย โชคดีตอนเดินกลับที่พัก ได้น้ำเต้าหู้มาช่วย ถั่วเหลืองน้อยมาก หนักน้ำตาลอีกแล้ว ..... อย่างนี้ ถ้ามีแฟนเป็นคนเมืองน่านน่าจะหวานนะ ผมกลับที่พักนอนหลับด้วยความเพลีย

ไม่รู้ว่าพ่อหรือผมใครหลับก่อนกัน รู้แต่ว่าพ่อผมตืนก่อน ตีสีเหมือนเดิมที่นัดไว้

"ก๊อบ แก๊บ ก๊อบ แก๊บ" พ่อตื่นมาจัดกระเป๋าแล้ว ผมนอนไปเรื่อยไม่สนใจ แกอาจจะมีความสุขที่ได้จัดกระเป๋าไปเที่ยวก็ได้ ผมนอนฟังไอพอดตลอดทั้งคืน ต้องเตรียมพร้อมครับ รู้มุขพ่อ จนกระทั้ง 7 โมงเช้า ตกใจตื่นขึ้นมา....ด้วยความหิว

"พ่อหาย" ผมตกใจ ออกจากห้องไปถามเคาวเตอร์โรงแรม ทราบว่าพ่อพึ่งเดินออกไปชั่วครู

"น่าไปตลาด" โชคดีพ่อเอาโทรศัพท์มือถือติดไปด้วย จึงรู้ว่าพ่อรออยู่ที่ร้านโจ๊กหมูเมืองสอง จะเอารถออกจากโรงแรมก็ไม่ได้ เราจอดรถซะใน มีรถมาจอดขวางถึง 3-4 คัน ผมกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปตลาด ใจคอก็เป็นห่วงพ่อ กลัวเดินหลง แต่คนที่หลงหาร้านไม่เจอคือตัวผมเอง เดินอ้อมตลาดแทบตาย

ผมกลับมา check-out แล้วออกเดินทางไปวัดพระธาตุแช่แห้ง อันเป็นวัดประจำคนราศีเกิดปีเถาะ เสียดายไม่ได้เข้าชมโบสถ์ ซึ่งกำลังปรับปรุง อยากแนะนำทางวัดว่าควรทำป้ายแจ้งที่จอดรถ มิฉะนั้น นักท่องเที่ยวจะจอดรถบริเวณบันได เต็มไปหมด อีกทั้งเส้นทางเป็นเส้นอันตรายด้วย

"คืนนี้พ่อเตรียมตัวนอนเต็นท์ให้สมใจนะ" ผมพูดก่อนออกรถ

เสาดินนาน้อย ผาชู้ ดอยเสมอดาว ผม set พิกัดที่เที่ยว GPS พาผมลัดเลาะทุ่งนา ตัดออกถนนใหญ่ แบบไม่อ้อม จนชาวบ้านคงสงสัยว่าใครหลงทางมาแถวนี้ แต่แล้วผมก็มาถึงเสาดินนาน้อย แบบ งง งง เพราะเส้นทางที่ผมใช้ มันเป็นเส้นทางทางการเกษตร รถแทบไม่มี มีแต่รถอีแตน รถมอเตอร์ไซด์ที่วิ่งผ่าน แต่ทางเป็นอย่างไรไม่กลัว กลัวอย่างเดียวทางตัน ขี้เกียจหาทางวิ่งใหม่ และแล้วผมก็มาโผล่ที่ไหนก็รู้ ดีใจที่มีป้ายชี้ไปเสาดินที่มีลักษณะแปลกตาคล้าย “แพะเมืองผี” ที่จังหวัดแพร่ บริเวณนี้อาจเคยเป็นแหล่งอาศัยของมนุษย์ยุคหินเก่ามาก่อน ไฮไลท์ที่นี้ไม่ใช่แค่ลักษณะเสาดินแปลกตา แต่มีต้นดิ๊กเดี้ยม ต้องยืนรอให้ไม่มีลมแล้วเอามือไปลูบ ต้นนี้จะสั่นไหวเชียวหละ

ออกจากเสาดินนาน้อยก็เที่ยงแล้ว ผมถามคนแถวนั้นว่าทางไปอุทยานศรีน่าน มีร้านอาหารไหม มีข่าวดีแจ้งว่า ไม่มีสักร้าน แต่ทราบว่า อาหารต้องซื้อที่ผาชู้ ที่ดอยเสมอดาวไม่มีนะ ว่าแล้วผมก็ขับรถไปอุทยานศรีน่าน ผมสั่งอาหารง่ายๆ และอาหารใส่กล่องเตรียมไปกินตอนเย็น ที่ผาชู้มีลานกางเต็นท์ที่สามารถนอนดูทะเลหมอกจากเต็นท์ได้เลย แต่ที่กางเต็นท์ค่อยข้างจำกัด เรามาช่วงกลางวัน ลานยังดูว่าง ทางเจ้าหน้าที่บอกว่าถ้าเริ่มเย็นๆ นักท่องเที่ยวจะมาเรื่อยๆ

ดอยเสมอดาว อยู่ถึงก่อน อุทายานศรีน่าน รถวิ่งตามถนนดินแดง เจอด่านเจ้าหน้าที่เก็บค่าบริการ ทางขึ้นไปดอยเสมอดาวค่อนข้างชัน แต่รถเก๋งวิ่งได้ รถผมก็วิ่งสบายๆๆ ใช้ Low 4 ถึงที่จอดรถด้านบน ผมบอกพ่อให้นั่งรออยู่กับเจ้าหน้าที่อุทยาน ซึ่งทำหน้าที่เหมือนมัคทายก พูดออกไมค์ กล่าวแนะนำนักท่องเที่ยวถึงระเบียบการใช้พื่นที่อุทยาน ซึ่งผมว่าที่นี้ระเบียบเข็มดี สามทุ่มห้ามส่งเสียงดัง ห้ามเล่นดนตรี ห้ามดื่มของมึนเมา สุดยอดดีมาก

โชคดีที่เรามาถึงแต่วัน ที่กางเต็นท์มีเป็นลานกว้าง จนผมไม่รู้ว่าจะกางตรงไหนดี ตรงนั้นก็ดี ตรั้งนี้ก็ดี สรุปเอาที่ใกล้ห้องน้ำมากที่สุด พ่อจะได้เข้าห้องน้ำง่ายๆ ว่าแล้วผมก็เริ่มบรรจงกางเต็นท์ ซึ่งอุปสรรค์เยอะมาก นอกจากสนิมเต็มสมอบกและตัวโครงเต็นท์แล้ว ยังกางผิดๆๆถูกๆ เพราะไม่ได้กางเต็นท์มานาน รู้อย่างนี้เช่าเต็นท์ของอุทยานก็ดีนะ ง่ายกว่า แต่ต้องเสียสองร้อยกว่าบาท เอาการนะ พอๆๆกับค่าที่พักในเมืองน่านเลย กว่าจะกางเต็นท์เสร็จ ขนสัมภาระ ไม่ว่าผ้านวม หมอน ฝูก มาใส่เต็นท์หมด เล่นเอาลิ้นห้อยเลย ยังคิดว่าตอนขนกลับจะทำอย่างไรนะ

ผมเดินขึ้นไปบริเวณลานด้านบน ซึ่งทำเป็นที่นั่ง เขาบอกว่าเป็นลานชมดาว ผมมองเห็นดอยหัวสิงห์อยู่ข้างๆ มีป้ายบอกทางด้วย น่ามีจุดชมวิวด้านบน ผมให้พ่อนั่งรออยู่บนลาน ผมขอขึ้นไปด้านบนดอยก่อน ว่าแล้ว ผมก็เดินตามทางที่บอกไว้ มีสัญญาลักษณะเป็นลูกศรสีเหลืองบอกทาง เริ่มขึ้นชันไม่เท่าไร แต่เริ่มปีนนะซิ หินค่อนข้างแหลม ลื่น มีทั้งลอด ข้าม โอยวิบากกรรมสารพัด บ้างช่วงเป็นร่องหน้าผาลึก น่าจะชื่อ ร่องรักเขาข้างเดียว เพราะมองลงไปเห็นแต่รองเท้าข้างเดียวตกลงไปข้างล่าง ลึกพอสมควร

ปีนไปปีนมา เริ่มเร้าใจเรื่อยๆ เพราะไม่มีคนเลย ถ้าตกไปตาย พ่อตรูจะรู้ไหมเนี่ยว่าไม่ปีนเขาอยู่ สุดท้ายเจอยอดแล้ว มีก้อนหินใหญ่ มันลื่น อยู่ก้อนหนึ่ง ผมปีนขึ้นแบบค่อมนั่ง เพราะไม่มีที่เหยียบ แล้วก็ค้างตรงนั้น เพราะขาไม่มีแรงส่งแล้ว ค่อมอยู่นานเกือบสองนาที ค่อยๆ ตะเกียด ตะกาย ขึ้นไปจนถึงยอดด้านบน เสียดาย ไม่มีใครไปช่วยถ่ายรูปให้ ไม่อย่างนั้น จะถือแผ่นป้าย ผู้พิชิตดอยหัวสิงห์

ห้าโมงเย็นเศษๆๆ แล้ว อาการข้างบนเริ่มเย็น ผมมองภาพลักษณะ 180 องศา ที่ตรงนี้เราเห็นดอยเสมอดาวเต็มตา เห็นผาชู้อยู่ใกล้ๆ รีบลงดีกว่าเดียวมืดจะมองทางไม่เห็น ว่าแล้ว ผมก็เริ่มลง เป็นทางเดียวกับทางขึ้น สูตรเดิมครับ ลงเร็วกว่าขึ้น มาถึงลานดูดาว หาพ่อไม่เจอซะแล้ว โธ่ อุตสาห์ให้นั่งรอเพื่อหาลูกชายไม่กลับลงมาจะได้ไปแจ้งเจ้าหน้าที่อุทยานให้ตามไปเก็บซาก ผมเดินหาพ่ออยู่ตั้งนาน ที่แท้ พ่ออาบน้ำเสร็จแล้ว ไปนอนรอที่เต็นท์

" กลัวคนมาใช้ห้องน้ำเยอะ เลยไปอาบน้ำก่อน" พ่อบอกดูมีเหตุผล " เค้ามีประกาศทะเบียนรถเราให้เอารถไปจอดด้านล่างนะ" ผมนึกชมเชยพ่อที่ความจำเป็นเลิศ ขนาดผม ยังจำทะเบียนรถตัวเองไม่ได้

แต่เห็นรถยังจอดเยอะอยู่เลย ทำไมเขาแจ้งเฉพาะทะเบียนรถของเรา ว่าแล้วขอไปอาบน้ำก่อนนะ ผมอาบน้ำเสร็จ เจ้าหน้าที่ก็ประกาศเสียงตามลำโพงออกมาอีกว่าให้รถทุกคันที่จอดบนนี้ไปจอดด้านล่าง ผมเห็นรถแต่ละคันเริ่มเอารถลงไปจอดด้านล่าง ดูจากสายตาก็ห่างออกไปอีกประมาณ 2-3 กิโล ในเมื่อเรามาพักในสถานที่เขาควรเคราพในกติกา ผมก็ย้ายของในรถมาเก็บที่เต็นท์ก่อนนำรถไปจอดด้านล่าง โชคดีทีเราลงไปไม่เย็นมาก ทำให้สามารถโบกรถนักท่องเที่ยวที่มาใหม่ขึ้นมาด้านบนได้

ตกเย็นผมกลับมาที่เต็นท์ เพื่อเอาข้าวที่เตรียมมาให้พ่อกิน เริ่มแปลกใจมีเต็นท์มา กางข้างๆเรา สังเกตุดู ว่าเป็นวัยรุ่นหนุ่มสาวทั้งนั้นเลย

"คืนนี้จะนอนหลับไหมเนาะ" ผมคิด สงสัยน้ำค้างจะตกทั้งคืนแน่ๆ

เรานั่งกินข้าวหน้าเต็นท์ ผมเอา ukulele ตัวน้อยที่ติดมากออกมาครวญเพลงแข่งกะกลุ่มสาววัยรุ่นที่ตั้ง วงร้องเพลงเล่นกีตาร์อยู่ข้างๆ แต่อย่างว่า น้ำน้อยต้องแพ้ไฟ คุณเธอร้องเพลงกันพร้อมกันทั้งก๊วนเสียงดัง ผมเริ่มเห็นด้วยที่ทางเจ้าหน้าที่ออกกติกาห้ามใช้เสียงดังหลังสามทุ่ม

ผมนั่งเล่นเพลงไปสักพัก ต้องรีบว่าง ukulele เพราะพระจันทร์ดวงโตเริ่มโผล่ขึ้นจากเนิน ณ วินาที เหมือนละครเวทีเริ่มแสดง มีเงาคนปรากฏบนพระจันทร์ในหลากหลายอริยาบท ผมเพลิดเพลินกับการเก็บภาพอย่างสนุก จนกระทั้งพระจันทร์ขึ้นสูงขึ้น พระจันทร์คืนนี้สว่างมาก ทำให้คืนนี้เราคงมองไม่เห็นดาว

เสียงเตือนของเจ้าหน้าที่ให้นักท่องเที่ยวงดการส่งเสียงดัง ความเงียบเริ่มเข้ามา เช่นเดียวกับผมและพ่อ เราเริ่มนอนและกรนสลับกัน จนลืมเรื่องวัยรุ่นมากางเต็นท์ข้างๆ นานแค่ไหนไม่รู้ ผมได้ยินเสียง ก๊อบ แก๊บ ก๊อบ แก๊บ พึบ พึบ

"พ่อจะเก็บของอะไรอีก" ผมนึกในใจแต่ขี้เกียจลืมตาขึ้นมาดู ผมนอนต่อจนกระทั้งได้เวลาหกโมง ไปดูพระอาทิตย์ขึ้น ผมหันไปดูพ่อ นอนหลับใส่หมวกไหมพรม ถุงมือพร้อม นอนหลับตาพริ้มในผ้านวม เออแล้วมันเสียงอะไรนะ ผมปลุกพ่อให้ตื่นไปดูพระอาทิตย์กัน พ่อบอกว่า ถ้าพระอาทิตย์มันคนละดวงกับที่กรุงเทพ จะตื่นไปดู ว่าแล้วก็นอนต่อ

พระอาทิตย์วันนี้มาตามนัด ทะเลหมอกมานอนรออยู่ก่อนหน้า ทะเลหมอกและทิวทัศน์ที่นี้ ไม่ต่างจากดอยหลวงเชียงดาว ที่เราปีนขึ้นไปอย่างลำบาก ห้วยน้ำดัง ที่ต้องเดินทางไปไกลแสนไกล ที่นี้น่าเหมาะที่สุดหละผมว่า ความสว่างเริ่มมาเยือนเรื่อยๆ ผมลงมาที่เต็นท์ พ่อนั่งกินโอวันตินที่เราเตรียมมา พ่อบอกว่าไปซื้อน้าร้อนที่มีคนนำมาขาย


ผมเริ่มสังเกตุความผิดปกติว่าทำไม เต็นท์รอบๆเราหายไปไหน จำได้ว่ากางติดๆๆกัน เต็นท์เรากลายเป็นไข่แดง ที่ล้อมล้อมด้วยเต็นท์บริวาร ที่เว้นระยะออกไป จึงหายสงสัยสรุปว่า ที่มาของเสียงเมื่อคืนมาจากนี้เอง.....


ผมขอถือโอกาสถือโอกาสนี้ สวัสดีปีใหม่แด่ ทุกท่านผ่าน Bloggang ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านนับถือ ดลบันดาลให้ท่านและครอบครัว สุขสมหวังดังตั้งใจ ตลอดปีใหม่และปีต่อๆ ไป....




Create Date : 29 ธันวาคม 2554
Last Update : 29 ธันวาคม 2554 15:20:00 น.
Counter : 1358 Pageviews.

2 comments
  
สวัสดีปีใหม่ค่ะ
และขอบคุณสำหรับภาพสวยๆ ค่ะ

โดย: addsiripun วันที่: 29 ธันวาคม 2554 เวลา:21:45:26 น.
  
โดย: Kavanich96 วันที่: 30 ธันวาคม 2554 เวลา:10:38:04 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

จั๊กเด๋
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]