Group Blog
พฤศจิกายน 2553

 
1
2
3
4
5
6
8
9
13
14
19
20
21
27
28
 
 
All Blog
NewZealand วันละเรื่อง Lesson 7 ตอนที่ 1

เที่ยวไป บ่นไป New Zealand Charter VII: หลงเสนห์ Mount Cook

อยู่ๆ คุณนู๋ญิงก็กลายเป็นคนที่เราไม่รู้จักขึ้นมา ใครกันที่มาอยู่ในร่างคุณนู๋ญิง ชายน้อยเกิดความไม่แน่ใจขึ้นมาว่า เป็นคุณนู๋ญิง ตัวจริงหรือไม่ .....คนที่อยู่ในร่างคุณนู๋ญิงเป็นวิญญาณชายคนหนึ่ง ที่ดูเหมือนมีจิตใจเอนเอียงคล้ายผู้หญิงเข้ามาแทนที่ แล้ววิญญาณจริงของคุณนู๋ญิงไปอยู่ที่ไหน ชายน้อยมาปรึกษาผมว่าจะทำอย่างไรดี จะคบกันต่อไปต่อ หรือว่า เลิกกัน แม้ภายนอกจะใช่คุณนู๋ญิง แต่ภายในร่างกายไม่ใช่

ผมก็ อึ้ง... ไม่ได้กังวลเรื่องความรักของชายน้อยกับคุณนู๋ญิงหรอก แต่กังวลว่าดันเกิดเรื่องทั้งที่ยังไม่ได้กลับเมืองไทยเลย

“Ring Ring Donggg” เสียงเพลงดังขึ้น

เพลงปลุกตอนเช้าโทรศัพท์มือถือดังขึ้น......ผมตกใจตื่น อ้อ เราฝันไปเหรอนี้ โล่งใจ ผมตื่นขึ้นมาทำธุระส่วนตัว ก่อนเก็บสัมภาระลงกระเป๋าเดินทาง

8 โมงเช้าตามเวลานัดหมาย....ฝันที่เกือบเป็นจริง

ผมเก็บกระเป๋าเข้ารถ เดินผ่านไปมาหน้าห้องคุณนู๋ญิงอยู่หลายรอบ จนสงสัยว่า ทำไมห้องคุณนู๋ญิงถึงเงียบจัง เลยไปโทรศัพท์จากห้องพักไปห้องคุณนู๋ญิง เรียกสายอยู่นาน จนกระทั้งสายตัดไป…

“หรือว่า ความฝันผมเป็นจริง” ผมเริ่มกังวล “ถ้าเป็นจริง แล้วจะทำอย่างไรกันดี ยังเหลืออีกเวลาอีก 2 วันกลับเมืองไทย”

“สงสัยแกคงทำธุระส่วนตัวมั๊ง” ผมคิดในแง่ดี “แต่เค้าอยู่กันสามคน น่าจะมีคนรับโทรศัพท์สักคนซิ“

ซักพักมีโทรศัพท์โทรกลับมา

”ตอนนี้กำลังอาบน้ำอยู่นะค๊ะ รอสักครูจะตามออกไป” เสียงคุณนู๋ญิงโทรกลับมา ผมโล่งใจที่ความฝันผมไม่เป็นจริง คุณนู๋ญิง ยังเหมือนเดิมคือ ตื่นสายช่างคงเส้น คงวาจริงๆ

“ตื่นสายอีกแล้วคุณนู๋” ผมนึกในใจ “ตื่นสายแล้วแทนที่จะรีบแต่งตัวออกมา แต่กลับอาบน้ำด้วยความสบายใจซะอีก” ผมนึกนินทาคุณนู๋ญิงในใจ สักพักมีเสียงเคาะประตูห้อง ชายน้อยนั้นเอง หอบเสื้อผ้ามาที่ห้องผม

“ผมขอเข้าห้องน้ำแล้วเก็บของก่อนนะครับ เดียว Checkout ให้” ชายน้อยตอบโดยไม่สนใจคำตอบ วิ่งข้าห้องน้ำไป

คนที่อาบน้ำนานที่สุดกลับไม่ใช่คุณนู๋ญิง แต่กลับเป็นชายน้อย อาบน้ำนานมาก นานแค่ไหน วัดจาก คุณนู๋ญิงและคุณนู๋เล็กอาบน้ำเสร็จแล้ว ต้มน้ำร้อนใส่มาม่าจนสุข ก็ยังไม่มีวี่แววชายน้อยเลย จนกระทั้งคุณนู๋ญิงจัดการมาม่าเรียบร้อยแล้ว ชายเล็กก็ทำธุระส่วนเสร็จเดินออกมาทันที่ นับว่า เป็นเนื้อคู่กันจริงๆ สองคนนี้

ชายน้อยเป็นมือขับมือแรกในช่วงเช้า ดูอารมณ์วันนี้ คึกเต็มที่ ตามเคย เมื่อทุกครั้งที่ได้ขับรถ ครั้งนี้ผมให้ทั้งคู่ได้อยู่เคียงข้างกัน คุณนู๋ญิงเป็นเนวิเกเตอร์ ชายน้อยเป็นคนขับรถ ช่างเป็นภาพที่มีความสุขเหลือเกิน คุณนู๋ญิงป้อนมาม่าให้ชายน้อยได้ทานช่วงขับรถไป ช่างมีความสุขเหลือเกิน…วินาทีนั้น เหมือนผมกลายเป็นอากาศธาตุไปแล้ว

“ออกไปทางช่องไหนดี” ชายน้อยถามคุณนู๋ญิง เมื่อต้องผ่านวงเวียน เส้นบะหมี่ยังคาอยู่ที่ปาก ห้อยยืดลงมา ชายน้อย หัดซ้ายขวา ชะเง้อมองช่องทางออกเกาะกลางถนน วันนี้เริ่มต้นด้วยความระทึกแต่ไม่ตื่นเต้น อาจเป็นเพราะเราเริ่มชินกันแล้ว แต่คนที่นิวซีแลนด์ไม่ชินจึงได้รางวัลสัญลักษณ์นิ้วกลางไปแทนหลายนิ้ว ทำให้ขอบคุณแทบไม่ทัน

การผมนั่งข้างหลังทำให้ผมสามารถเพิ่มโอกาสในการถ่ายรูป เพราะที่นั่งแถวสองมีหลังคารถ Sun loop สามารถเปิดกระจกขึ้นไปถ่ายรูปบนหลังคาได้ น่าเสียดายที่มารู้ประโยชน์ใกล้วันกลับ รู้อย่างนี้ให้ชายน้อยขับคนเดียวตลอดก็ดี รถตัดออกแยกไปทางเมือง Cromwell ตามถนนหมายเลข 6 เราเจอสัญญาลักษณ์รูปผลไม้ขนาดใหญ่

“เราจะแวะซื้อผลไม้กันไหม ที่นี้มีชื่อเรื่องผลไม้ แถมราคาไม่แพงเกินไป” ผมถามความเห็น

คุณนู๋ญิงดูนาฬิกาแล้วพูด “เราต้องรีบไป Mount Cook แล้วต้องกลับไปที่ Christchurch “

“นึกในใจต้องมีอะไรแน่ๆ ทำไมเขาไม่แวะนะ” ผมคิดในใจ ต้องพับแผนซื้อผลไม้ไป ผมมองสัญญาลักษณ์รูปผลไม้จนตาไปด้วยความเสียดาย ตัดจาก Cromwell ใช้ถนนหมายเลข 5 ไม่นานถึง Lindis Pass ทุกท่านเตรียมกล้องถ่ายรูปในมือให้ดี ถือว่าเป็นเส้นทางที่งดงาม เขาบอกว่ามีหลายฉากในหนัง Lord of the rings แต่ผมคิดว่าดูที่ไหนก็เหมือนไปแทบทุกที่ เนื่องจากเป็นทางที่สวยงาม จึงไม่น่าแปลกที่นักท่องเที่ยวจะนิยมใช้เป็นเส้นทางจาก Christchurch ไป Queenstown เส้นทางที่เชื่อมระหว่าง Mackenzie Country กับบริเวณตอนกลางของเกาะใต้

ในรถตอนนี้มีสองคนที่ไม่หลับ คือผมที่เพลิดเพลินกับการถ่ายรูป และชายน้อย ที่ทำหน้าที่เป็นคนขับรถ ส่วนคุณนู๋ญิงหลังจากทำหน้าที่ให้อาหารเช้าชายน้อยไปแล้ว ก็นั่งหลับพับไปเลย หลายครั้งที่ผมบอกชายน้อยให้จอดรถเพื่อถ่ายรูปข้างทาง แต่ดูเหมือนว่ากว่าจะรู้ตัว ก็ขับรถเลยที่จอดมาสัก 1 กิโลเมตรถึงรู้ตัว จนคิดว่าไม่กวนชายน้อยแล้ว เปิด Sun Loop ขึ้นไปถ่ายรูปบนหลังคารถเลย

รถใกล้ถึงฟาร์มปลาแซลมอนด้านขวามือ ชื่อ High Country Salmon

“ผลไม้ก็ผ่านไปแล้ว แซลมอนคงไม่ผ่านนะ” ผมพูดขึ้นเสียงแกมบังคับ งวดนี้ผมได้เสียงสนับสนุน จากชายน้อย ซึ่งคุยว่าเป็นนักกินปลาดิบตัวยง ว่าแล้วก็เลี้ยวรถเข้าจอดด้านขวามือทันที่ โดยไม่ได้มองรถที่ตามหลังมา เที่ยวนี้นอกจากนิ้วกลางแล้ว ยังได้เสียงแตรรถยนต์ยืนยันอีก

ผมซื้อเนื้อปลาแซลมอนมาหนึ่ง แพ็ค การแพ็คโดยน้ำเนื้อปลาใส่จานโฟม แล้วหุ้มด้วยพลาสติกปิด แล้วหุ้มด้วยน้ำแข็งก่อนจะถูกห่อด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ทับอีกชั้นใส่ถุงพลาสติก ราคาประมาณ 12 NZ ส่วนชายน้อยเหมาคนเดียว 3 แพ็ค แล้วก็รีบเดินตัวปลิวไป ปล่อยให้คุณนู๋ญิงทำหน้าที่เป็นผู้จ่ายเงิน

เราเจอป้าย Aoraki/Mount Cook National Park ชายน้อยต้องจอดรถ เพื่อจะปลุกคุณนู๋ญิงขึ้นมาถามว่าใช่ทางไป Mount Cook หรือไม่แล้ว Aoraki มันคืออะไร แต่ผมเชื่อมั่นใน GPS ว่าเรามาถูกทางแล้ว ขับต่อไปเถอะ อย่ากวนคุณนู๋ญิงเลย ตามจริงหากสังเกตดูจากแผนที่เขาเขียนติดกันคือ Aoraki Mount Cook National Park เป็นอุทยานแห่งชาติ มีพื้นที่ครอบคลุม 700 ตารางเมตร เป็นธารน้ำแข็ง 40% ยอดสูงกว่า 3,000 เมตร มีภูเขาทั้งสิ้น 19 ลูก มานั่งคิด ว่าแถวประจวบมีตั้ง 300 ยอด จะมีภูเขากี่ลูกนะ

Aoraki เป็นชื่อเด็กหนุ่มในตำนาน พายเรือแคนูมากับพี่ชายไม่รู้ชื่ออะไร รู้แต่ชื่อเรือ Te Waka (อย่างนี้ก็มี) สงสัยคงรีบพายเรือโดยไม่สังเกต หรือว่ามั่วแต่นั่งคุยโม้กัน ทำให้เรือไปชนโขดหิน เอียงไปด้านข้าง Aorakiได้พยายามถ่วงสมดุลน้ำหนักเพื่อไม่ให้เรือจบ แต่กระแสลมทะเลใต้อันหนาวเย็น พัดให้พวกเขาจนแข็งกลายเป็นหิน กลายเป็นเทือกเขา Southern Alps

เริ่มเข้าเขตอุทยาน Aoraki/Mount Cook National Park แล้ว วิวสองข้างทางสวยมาก แวดล้อมด้วยหุบเขายอดปกคลุมด้วยหิมะรอบด้าน เห็นยอด Mount Cook อยู่ไกลลิบวันนี้ฟ้าเปิดสวยมาก เมฆริ้วรูปร่างแปลกๆเยอะ ทางขึ้นลงเขาเล็กน้อยพอสมควร ทางสวยงามมาก ผมเปิด sun loop กระจกไฟฟ้าขึ้นไปถ่ายรูปบนหลังคา เพียงแค่ขึ้นสัมผัสอากาศด้านบน น้ำตาแห่งความปิติไหลพราก ไม่ใช่เพราะความดีใจ แต่เป็นเพราะต้องปะทะกับสายลมทะเลใต้อันหนาวเย็นแม้ใส่แว่นตาป้องกันแล้วก็ไม่อาจทานทนได้

“อยู่นานไม่ได้เดียวโดนกระแสลม พัดเป็นหินติดหลังคารถได้ กลายเป็นของแปลกไป” ผมคิดพร้อมลดตัวลงมานั่งด้านในรถ

รถถึงแล้ว i-site ซึ่งอยู่ก่อนถึง Aoraki/Mount Cook National Park

“ขอไปติดต่อ Helicopter จะขึ้นไปเที่ยวยอด Mt Cook”คุณนู๋ญิงบอกผมก่อนที่จะลงไปติดต่อเจ้าหน้าที่

เหตุนี้เองที่คุณนู๋ญิงไม่ยอมแวะซื้อผลไม้ที่ Cromwell ที่แท้กลัวตกเครื่องบิน ผมรู้สึกเห็นใจเหมือนกัน ที่พลาดบินเที่ยวมาแล้ว 2 ครั้ง ผมภาวนาเอาใจช่วยให้คุณนู๋ญิงได้สมหวัง

ผมเดินดูร้านของที่ระลึกใน i-site สักพัก คุณนู๋ญิง ยิ้มแก้มปริเดินเข้ามา ถามผมว่าสนใจบินเที่ยวรอบใหญ่ไหม ตกคนละ 390 NZ ใช้เวลา 45 นาที ว่าแล้วก็ยืนใบโบว์ชัวส์มาให้ผมดู รอบการบินมีทั้งหมด 3 แบบ คือ Mountains High, Alpine Explorer ใช้เวลาบิน 30 นาทีค่าใช้จ่าย 295 NZ ต่อคน และAlpine Vista ใช้เวลาบิน 20 นาที ค่าใช่จ่าย 210 NZ ต่อคน ขนาดถูกที่สุด ผมคิดว่ายังแพงไปสำหรับผม

คุณนู๋ญิงมีคูปองส่วนลดที่ได้จากบริษัทรถเช่า Judy ทำให้เสียค่าเครื่องบินเพียง 350 NZ ต่อคน ยังไง สำหรับผมก็แพงอยู่ดี สรุปบินกันเพียง 3 คน อ้าว ก็เหลือผมเที่ยวคนเดียวแล้วซิ ตอนนี้เวลา 11 โมงตรง ผมเริ่มเป็นเนื้องอกอีกครั้ง เรานัดหมายมารับที่ i-site เวลา บ่ายโมงตรง วันนี้กลุ่มคุณนู๋ญิงดูรื่นเริงที่จะได้ขึ้นเครื่องบิน เดินไปที่ลานจอด Helicopter

ผมออกจาก i-site เพื่อขับรถต่อไป Mount Cook ผมจอดรถถ่ายรูปข้างทาง ภาพฉากหลังเป็นเทือกเขาสูงใหญ่ มีหิมะปกคลุม ถนนเรียบทะเลสาบ ที่ราบตอนล่าง เคยเป็นฉากให้หนัง Cow boy ตะวันตก มาแล้วในบริเวณนี้ ขับรถได้สักพักเห็นรถนักท่องเที่ยว 2-3 คันจอดติดอยู่ข้างหน้า

เป็นฝูงแกะนั้นเอง ที่ถูกตอนออกมาเดินเต็มถนน ท่าทางจะเดินแบบใจเย็นซะด้วย เดินไปเล็มกินหญ้าไป ตามหลังด้วยเด็กเลี้ยงแกะพร้อมลูกสมุนเป็นฝูงสุนัขเลี้ยงแกะ 4-5 ตัว

รถคันหน้าผมขับแบบไปซ้ายที่ขวาที่ พลาดนึกไปว่าชายน้อยไปขับ ที่แท้ รถคันหน้าขับโดยมือซ้ายจับพวงมาลัย อีกมือถือกล้องถ่ายรูป อย่างนั้น ก็ต้องเรียนแบบบ้างซิ ผมก็ถ่ายรูปไปหลายรูป รู้สึกเบื่อที่ฝูงแกะไม่ลงไปจากถนนเสียถือ จึงเปิดกระจกเพื่อจะบอกเด็กเลี้ยงแกะ ให้ต้อนแกะลงไปริมถนน แต่ต้องรีบปิดกระจกเพราะลืมไปว่า เด็กเลี้ยงแกะมันพูดภาษาไทยไม่ได้ ถึงว่านะ เรียนมาน้อยก็อย่างนี้หละต้องมานั่งเลี้ยงแกะ

ถึงแล้วที่จอดรถ ผมพยายามหาที่จอดรถที่ใกล้ทางเดินให้มากที่สุด เจอป้ายแนะนำเส้นทางเดินเท้า Hooker Valley Track แบ่งเส้นทางตามระยะเวลา 3 ช่วงคือ Alpine Memorial ใช้เวลาเดินเท้า 5 นาที Mueller Lake lake ใช้เวลาเดินเท้า 15 นาที Stocking Steam ใช้เวลาเดินเท้า 1 ชั่วโมง และอีกเส้น Hooker lake ใช้เวลาเดินเท้าถึง 1 ชม 35 นาที ตอนนี้เวลา เที่ยงนิดๆ ตามจริงอยากเดินไปถึง Hooker lake แต่ไม่รู้ว่าจะได้แค่ไหน เอาเป็นว่าไม่ตั้งเป้าแล้วกัน หมดเวลาตรงไหนก็แค่นั้นแล้วกัน




Create Date : 24 พฤศจิกายน 2553
Last Update : 24 พฤศจิกายน 2553 9:15:53 น.
Counter : 912 Pageviews.

3 comments
  
ตามมาดูภาพสวยๆ ด้วยคนนะคะ
ฉากหลังเทือกเขา มีหิมะ ดูสวยมากๆ
แม้ต้องเดินเท้านานหน่อย แต่ได้เที่ยวคุ้มเลยค่ะ
โดย: diamondsky วันที่: 24 พฤศจิกายน 2553 เวลา:17:03:24 น.
  
ขอบคุณ คุณ diamondsky ที่เข้ามาชมนะคับ
โดย: จั๊กเด๋ วันที่: 25 พฤศจิกายน 2553 เวลา:15:42:41 น.
  
ได้เห็นภาพสวย ๆ แล้วได้เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่เป็นความรู้ นับว่าเป็นบุญตาของตัวเองมากค่ะ
คุณเขียนเรื่องได้น่าอ่านจริง ๆ ยังกะนักเขียนมืออาชีพ เอ...หรือว่าเป็นอยู่แล้วคะ
โดย: Ably วันที่: 25 พฤศจิกายน 2553 เวลา:18:15:58 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

จั๊กเด๋
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]