Group Blog
มีนาคม 2556

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
27
28
29
31
 
 
30 มีนาคม 2556
All Blog
Count Lao Trip .....

ปกติแล้วในทุกปี ยิ่งใกล้ๆวันหยุดยาว เพื่อนๆ จะโทรชวนไปเที่ยว แต่ต่อมาเริ่มห่างหาย ไป จนล่าสุดมีโทรศัพท์โทรมาชวน ไม่ได้ไปเที่ยวนะ แต่โทรไปกินหารเฉลี่ย หน่ำซ้ำยังไม่พอ ยังเอารูปที่พึ่งกลับมาจากเที่ยว มาโชว์ให้เราดูเจ็บช้ำระกำใจเล่นๆๆ.....

ไม่ง้อแล้ว คนเราขอให้มีสามอย่าง มีแรง มีเงิน มีเวลา



"ปีใหม่"ทั้งที่จะอยู่บ้านก็เสียกระไร ถาม พ่อกับแม่ ว่าปีใหม่ "ไปเที่ยวต่างประเทศกันไหม" เดียวออกค่าทัวร์ให้ เพียงแค่นี้ แม่ดูตื่นเต้นที่สุด แอบไปหยิบใบโบชัวส์ทัวร์ยุโรปมาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ ส่วนพ่อลงทุนไปเดินงานตามบูธท่องเที่ยว  แต่ผมหาใน Google แทน  ทริปง่ายๆ คนแก่ไปสบาย "ลาวใต้" คือคำตอบ เดินทางไม่ลำบาก แถมอุดมด้วยธรรมชาติ ได้ทัวร์ไม่แพง 4,400 บาท ต่อคน โปรแกรมพักที่ลาว 2 คืน พักบนรถ 2 คืน แต่สุดท้ายพ่อไปไม่ได้ ห่วงบ้าน ไม่มีคนเฝ้าบ้าน ให้ไปกับแม่สองคน ชวนลูกสาวก็ไม่ไป ชวนใครก็ไม่มีใครไป สรุปไปกันสองคนแม่ลูกเนาะ รุ่งขึ้นโทรจองทัวร์ทันที่  ทัวร์นี้ดีนะ มัดจำแค่ 1,000 บาทต่อคน วันจริงค่อยจ่ายส่วนที่เหลือ 3,400 บาท



แต่ปัญหาก็เกิดใกล้วันเดินทางทำไม มันเงียบอย่างนี้ ไม่มีบริษัททัวร์ติดต่อมาเลย โทรไปเจอคำถามชวนโมโห ขอชื่อเจ้าหน้าที่คนไหนเป็นคนรับเรื่องจอง...อารมณ์ปี๊ดเข้ามาแทนที่....แต่ก็ไม่อยากโทษใคร เป็นเพราะความประมาทเราเองที่ลืมถาม 




ตอนโอนเงินไปแล้ว เริ่มมีปัญหาที่สอง คือ คนรับโทรศัพท์ที่บริษัท ถามว่า เราจองกับพนักงานชื่ออะไร อ้าว พลาดซะแล้ว ลืมถามชื่อ ก็เลยบอกเขา พร้อมกับขอให้พนักงานคนดังกล่าว ช่วยไปตรวจสอบที่เครื่อง FAX ว่า Slip ใบ Pay-in ได้หรือยัง เจ้าหน้าที่บอกว่า เครื่อง FAX  อยู่ไกล้จากโทรศัพท์มาก ขอวางโทรศัพท์ก่อนแล้วจะโทรกลับ....ผ่านไปหนึ่งวัน ....ข่าวคราวเงียบหาย .....เริ่มระทึกใจอีกแล้วตรู.... ทริปง่ายๆๆนะเนี่ย



สุดท้าย ผมก็ดันทุรังไปจนได้ แต่วันก่อนเดินทางก็มีปัญหาอีก พึ่งรู้ว่า วันสุดท้ายของวันหยุดยาว แท็กซี่มักจะรวยดีแทบทุกคัน ชอบเปิดไฟว่า ว่าง ผู้โดยสารเรียกก็ไม่ยอมไป ...สุดท้าย ต้องพาแม่ขึ้น มอเตอร์ไซด์รับจ้างในราคาแท็กซี่ เราไปถึงที่นัดหมายก่อนเวลาครึ่งชั่วโมง พาหนะที่พาเราไปเที่ยวคือ รถบัสสองชั้น  สักประมาณตี 3 เห็นจะได้ ผมรู้สึกตัวว่าทำไม รถไม่ยอมวิ่ง แต่จอดริมข้างทาง สักพักพนักงานรถบอกว่า ให้ทยอยกันออกประตูฉุกเฉินทางซ้ายมือ ... ผมปลุกแม่ ตื่นๆๆ ว่าแล้วก็สะพานเก้ากล้องด้านซ้าย กระเป๋าแม่ทางขวา อีกมือจูงแม่เดินปีนออกทางประตูฉุกเฉินของรถ 








ออกมายืนดูข้างนอกถึงรู้ว่า รถคันนี้ คงวิ่งบนไหล่ทางเลย เกือบจะตกคู่น้ำข้างถนน เมื่อคนลงมาหมดแล้ว ผมก็เตรียมอุปกรณ์กล้องทันที่ ....เตรียมถ่ายรูป Shot เด็ด ..... แต่แล้ว คนขับฝีมือดีมาก รอด....






เราถึงช่องเม็กแต่เช้า ก็ทานอาหารเช้าเสร็จก็เดินผ่านด่านลอดอุโมงค์ใต้ดิน เมื่อก่อนยังไม่มีเลย 



เราต้องเปลี่ยนรถบัส เป็นรถหกล้อ แต่เดิมการไปปราสาทวัดพู ต้องมาทางเรือ ปัจจุบันมีการทำเส้นทางเดินรถมาแทนค่อนข้่างสะดวกครับ รถวิ่งผ่านสะพานเหล็กผ่านหมู่บ้าน ดูๆ แล้วก็ไม่ต่างจากบ้านเราแถวภาคอิสานเท่าไรครับ 



ลงจากรถ 6 ล้อ ก็มาต่อรถ golf คนต่างก็รีบขึ้นไป ส่วนผมยืนรอแม่ออกจากห้องน้ำ เลยไปคันสุดท้าย



ถึงแล้วทางเข้าวัดพู ต้องเดินอีก โชคดีที่เรามาสุดท้าย ทำให้คนไม่ค่อยมี ปราสาทวัดพู ไกด์ชาวลาวบอกว่า เก่าแก่กว่านครวัด หรือเขาพระวิหารเสียอีก ช่วงที่ผมไป เขากำลังเรียงอิฐเป็นท่อนๆ เพ่ือมาเรียงใหม่ 



ทางเริ่มไม่เรียบแล้ว แม่เริ่มเดินช้าลง ผมก็เลยถือโอกาสหยุดยืนถ่ายรูปซะเลย แม่เริ่มถอดใจ ทางขึ้นชันเหลือเกิน นี้เป็นขั้นที่หนึ่ง หันดูไป มีอีกสามขึ้น สุดท้ายแม่ก็รออยู่แถวๆๆนี้แล้วกัน ส่วนผมลุยต่อ อยากรู้ว่าข้างบนมีอะไรนะ



ตัวปราสาท ได้อิทธิพลมาจากขอม สมัยเรืองอำนาจ 



แต่ไฮไลท์ทริปวัดพู  น้ำศักดิ์สิทธิ์ อย่าลืมเอาขวดน้ำติดมือขึ้นมาด้วยนะ โชคดีผมมีขวดน้ำติดมา มีน้ำเหลือครึ่งขวดเลยเทน้ำทิ้ง แล้วก็ยืนรองน้ำที่ไหลเป็นทางจากชะงอนหินลงมา รอเพียงอึดใจก็ได้เต็มขวด เอามาฝากแม่ เขาบอกว่า ให้อธิฐานก่อนอาบ ก็บอกแม่ว่า ให้อาบแค่ครึ่งขวดนะ อีกครึ่งเอามาฝากพ่อ ปรากฏว่าแม่ เหมาอาบหมดคนเดียว 5555 (เรื่องนี้ห้ามกลับมาเล่าให้พ่อฟังนะ...แม่กำชับ)



ผมลงมาที่จุดรอขึ้นรถเป็นชุดเกือบสุดท้าย แต่มีท้ายกว่านั้นคือ รอไกด์ที่กำลังเดินทางมา ภาพฝุ่นฟุ้งบนถนน ตัดแสงอาทิตย์ยามเย็น ช่างเป็นภาพที่ได้โดยบังเอิญจริงๆ แต่แม่ซิ บ่นเสียสองกระบุง เพราะมานั่งรอตั้งแต่ลูกทริปคันแรก คนไปเกือบหมดแล้ว ทำไมยังไม่ลงมา รู้สึกผิดเหมือนกันเนี่ย บอกแม่ เดียวคืนนี้ จะนวดให้นะ แม่ยิ้ม ....รอดตัวไป อิอิ...


ภูเขาที่เป็นที่ตั้งปราสาทวัดพู คือ ยอดเขา ลิงคบรรบต ชาวลาวเรียกว่า ภูเก้า ปราสาทแห่งนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของอาณาจักรขอมโบราณ เป็นปราสาทขอมแห่งแรก



รุ่งขึ้นอีกวันเราไปนั่งล่องลำน้ำโขง  มหานทีสีทันดร เป็นมหานครของพญานาค ทิวทัศน์สวยงามจับใจ



ชายหาดอีกฝั่งเหมือนชายหาดชายทะเล เราขึ้นบัส 6 ล้อ ไปเที่ยวน้ำตกหลี่ผี






น้ำตกหลีผี สายน้ำหลายพันสายพุ่งกระโจนลงตามซอกหิน กินบริเวณกว้างกว่า 3 กิโลเมตร ช่วงเดินจากปากทางเข้าไปน้ำตก เราเดินสวนกับผู้มาทริปทัวร์กับเราเดินออก แหม ก็พาคนแก่เดินก็ต้องตาม step ซิ เดินแบบจังหวะ ชะชะช่า ไปหน้าสาม ถอยหนึ่ง ทำให้ผมมีเวลาบันทึกภาพและหามุมน้อยมาก ดูเหมือนมีเวลาแค่ 15 นาทีเอง ต้องถ่ายรูปแม่เป็นหลักฐานก่อน แล้วบอกให้แม่เดินกลับไปที่รถ ก่อนสำหรับผมขอเก็บภาพวิวสักระยะ



สะพานสวยรูปแปลกตา อยู่ติดกับร้านอาหารทานมื้อกลางวัน






น้ำตกคอนพระเพ็ง น้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียอาคเนย์ เขาว่า ไนแองการ่าแห่งเอเชีย



ทัวร์ให้เวลาจำกัดมาก ผมต้องใช้วิธีขอเดินไปถ่ายรูปก่อน แล้วให้แม่เดินตาม โดยผมจะยืนรอที่จุดนั้นๆ มีเด็กชาวลาว มารับอาสาจะพาไปชมต้นไม้มณีโคตร ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นต้นเดียวในโลกตั้งเด่นตระหง่านบนหน้าผากลางน้ำตกเชียว  แต่ผมดูเวลาคงไม่ได้ไปแน่ๆๆ ก็เลยต้องปฏิเสธไปอย่างน่าเสียดาย ช่วงกลับผมมองหาคณะชุดเดียวกับผมไม่เจอ เลยกึ่งลากกึ่งเดินไปกับแม่ รีบไปรถให้เร็วที่สุด เรามาถึงเวลาอย่างทัน...แต่ก็คนสุดท้ายอีกแล้วครับท่าน ในระหว่างที่เราเดินทางกลับ ไกด์ชาวลาวได้นำ VDO ภาพการกู้ต้นไม้มณีโคตร ซึ่งได้ล้มลงในน้ำให้ขึ้นมาอยู่บนฝั่งเหมือนเดิม การกู้ต้องใช้ฮอริคอปเตอร์ โรยตัวเจ้าหน้าที่ลงไป แล้วใช้ลวดสลิงดึงต้นไม้ขึ้นจากน้ำ ประชาชนมาเป็นแสนมานั่งดูการกู้ต้นไม้เหมือนมีเทศกาลประจำปีเลยเชียว



วันสุดท้ายของการเที่ยวทริปต่างประเทศ(เขียนให้ดูหรู อิอิ) รุ่งเช้ามืดเที่ยววันสุดท้าย เราไปกินข้าวต้มเช้าที่ น้ำตกผาส้วม เติมไม่อั้น ไฮไลท์ ที่นี้ ต้องเดินข้ามสะพานหวาย ไม่ได้เดินข้ามถือว่ามาไม่ถึง



น้ำตกผาส้วม แท่งหินธรรมชาติวางตั้งเป็นแนวฝาผนังคล้ายฝีมือมนุษย์ หลังจากนั้นก็เที่ยวหมู่บ้านเผ่าจำลอง ผมจำได้ว่าเมื่อ 8-9 ปีที่แล้ว เคยมานอนพักที่นี้ ปัจจุบันพักไม่ได้แล้ว ว่าจะเดินไปดูน้ำตกบักแงว ไม่ทันแล้ว หมดเวลาเที่ยวต้องเดินทางอีกแล้ว




เราออกเดินทางไปเมืองปากซอง ผ่านไร่ชา กาแฟ ทั้งสองข้างทาง ก่อนที่จะชมน้ำตกตาดเยือง น้ำตกที่นี้ แม่ไม่ต้องไป เพราะทางลงน้ำตกค่อนข้างโหด แต่ที่สำคัญทัวร์ให้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมง พอรถบัสจอดเปิดประตู ผมก็รีบทะยานไปก่อนคนแรกเลย 



น้ำตกสายนี้ ผมมาซ่อมโดยเฉพาะ เพราะเคยมาเมื่อ 8 ปีมาแล้ว เอาเลนส์ มุมแคบมา แถมไม่ได้เอาขาตั้งกล้องมา เป็นน้ำตกที่ผมชอบมากในความสวยงาม แต่ก็ถ่ายลำบากมาก เพราะละอองไอน้ำแรงมากๆ หลายรูปที่ถ่ายเสียไปหลายรูปเลย ผมลงไปข้างล่าง จนขึ้นมาข้างบน ไม่เจอลูกทัวร์ทริปเดียวกันเลย สงสัยทริปนี้ มีผมลงมาคนเดียวเหรอนี้... แต่ไม่ต้องหวงทันเวลา



หลังจากนั้นเราก็เดินทางมาเที่ยวน้ำตกสุดท้าย ที่เที่ยวสุดท้ายทางธรรมชาติของทริป คือ น้ำตกตาดฟาน อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ ดงหัวสาว น้ำตกไหลลงสู่เหวลึกกว่า 120 เมตร  ไม่ต้องคิดมากหาอยากถ่ายภาพต้องหาที่สูงๆ เพื่อเก็บภาพมุมสูง





และแล้วก็ถึงช่วงละลายทรัพย์ ตลาดดาวเรือง ตลาดที่ใหญ่ที่สุดของลาวใต้ มีกระเป๋าแบนด์ดังๆ ขายเพียบ แต่ราคาประหยัด ทางทัวร์ให้เวลาช๊อปปิ้ง 40 นาที เสร็จแล้วจะได้ไปละลายทรัพย์ต่อที่ช่องเม็ก เลือกสินค้าปลอดภาษี แต่เวรกรรม ลูกทริปเราดันทำเวลาช้าไปจากกำหนดการเดิมไป 1 ชั่วโมง เพราะเข้าใจเวลาผิด ทำให้ต้องรีบไปด่านทันที่ เพราะกลัวจะออกไม่ทันเวลาด่านปิด แต่ปัญหาที่ตามมาคือ ขาช๊อปอารมณ์ค้าง ที่ดูของไม่เต็มที่



เราเดินทางถึงกรุงเทพประมาณ ตีสาม เป็นอันเสร็จสิ้นทริป........ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมนะครับ




 

 



 


 



 



 





Create Date : 30 มีนาคม 2556
Last Update : 30 มีนาคม 2556 20:24:25 น.
Counter : 1707 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

จั๊กเด๋
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]