ธันวาคม 2550

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
เกิด-แก่-เจ็บ-ตาย
นับได้ว่า ตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยมีคนใกล้ชิดเสียชีวิตเลยแม้แต่คนเดียว
เมื่อเดือนที่ผ่านมา
ตื่นมาตอนเช้า
เห็นแม่สูดน้ำมูก มาปลุก แล้วบอกให้กินข้าวตามปกติ
ไม่ได้เอะใจอะไรมาก ก็ว่าคงเป็นหวัดละมั้ง คิดๆอยู่ว่าจะแซว
อาบน้ำกินข้าวไปเรียบร้อย กำลังจะไปทำงาน
พ่อก็เดินมาบอกว่า ตาเสียแล้ว
.......
น้ำตาไหลออกมาเรื่อยๆแบบไม่ต้องออกแรง

ที่บ้าน ปกติจะสนิทกับญาติฝ่ายพ่อมากกว่า
ส่วนตา เพิ่งย้ายมาอยู่กับที่บ้านได้เมื่อตอนที่เรากำลังจะไปเรียนต่อที่กรุงเทพเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว
เราเองก็ไปๆมาๆ กลับบ้านมั่ง ไม่ได้กลับมั่ง บางทีปีนึงหรือสองปีถึงจะกลับสักที
ก็เลยไม่ได้คุยอะไรกับตาสักเท่าไหร่
บ้านที่ตาอยู่ก็เป็นบ้านอีกหลังย่อยออกไป ด้านหน้าเป็นที่จอดรถ
ยิ่งตอนกลับมาทำงานที่บ้านตั้งแต่ปีที่แล้ว ยิ่งแล้วใหญ่ เพราะว่าทุกคนในบ้านยกเว้นตาย้ายมาอยู่บ้านใหม่ที่เพิ่งสร้างเสร็จ
อันที่จริงบ้านสองหลังห่างกันประมาณแค่ 50 เมตร
หลังเก่าตอนนั้น นอกจากให้ตาอยู่แล้ว ก็เอาไว้จอดรถและปลูกต้นไม้
เพราะว่าที่บ้านหลังใหม่พื้นที่รอบๆยังว่างโล่ง ไม่ได้ทำโรงรถ
เช้าๆ แม่หรือพ่อก็จะเอากับข้าวไปไว้ให้ตา
บางทีก็ใช้เราหรือว่าพี่ชายไปให้บ้าง
ปกติแล้วตาจะเป็นคนที่พูดภาษาใต้ตลอด
ส่วนเราพูดใต้ไม่ได้ตั้งแต่เด็ก
กับตาและยายที่เป็นคนพื้นถิ่นแท้ๆ ก็เลยสื่อสารกันได้ไม่เหมือนคนพูดภาษาเดียวกัน
ตาออกจะผอมแห้ง และยังชอบกินลิโพอีกด้วย
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่โดนแซวอยู่บ่อยๆ
เพราะแม่จะดุตามาก เรื่องลิโพ ว่า ไม่ได้ทำอะไรหนักซะหน่อยทำไมต้องกิลิโพ
ด้วยความคิดที่ว่า เครื่องดื่มบำรุงกำลัง ไม่ดีต่อสุขภาพ (ไม่งั้นมันจะ ห้ามดื่มเกินวันละสองขวดทำไม?)
แต่ตาก็ซื้อจากร้านโชห่วยฝั่งตรงข้าม ของญาติๆกันเอง มากินทุกวัน
การออกแรงของตา คือการถางหญ้า และรถน้ำต้นไม้บริเวณสวนในบ้าน
ที่มีทั้งไม้ดอกไม้ผล มากชนิดที่เรียกว่าเป็นป่าย่อมๆได้เลย
ตาเคยมาบ่นให้พี่ชายฟังในวันฝนตกว่า
“ เสียดายลิโพกินไปแล้วฝนตก ไม่ได้ออกแรงถางหญ้า”
เราเอง ตั้งแต่กลับมาอยู่ที่บ้าน ทำงานก็กลับไม่เป็นเวลา บางทีอยู่เวรกลับบ้านที่ยงคืน บางวันกลับสามสี่ทุ่ม บางวันก็กลับสี่ห้าโมงเย็น
พอเอารถไปจอดที่บ้าน ถ้าเป็นช่วงเย็นหรือดึก ตาก็จะเดินเอาไฟฉายมาให้
เพราะว่า อย่างที่บอกว่า ที่บ้านออกจะเหมือนป่า งูเงี้ยวเขี้ยวขอเยอะ
พอมืดๆก็เลยต้องมีไฟฉายระหว่างเดินจากบ้านหลังนู้นมาหลังที่อยู่ปัจจุบัน
หากวันไหนที่พ่อไม่ได้เอาไฟฉายไปฝากไว้ ตาก็จะต้องเดินเข้าไปเปิดไฟข้างบ้าน ให้แล้วก็ปิดตอนที่เราเดินผ่านส่วนที่มืดๆมาแล้ว
เป็นอย่างนี้มาตลอดหนึ่งปีกว่าๆที่ผ่านมา
บางทีเราก็เอาของหรือกับข้าวไปให้บ้าง แต่ก็ไม่เคยนั่งคุยกันเป็นเรื่องเป็นราวกับตา
มีแซวบ้างเล็กๆน้อยๆ
ส่วนพี่ชายและพี่สาวจะสนิทกับตามากกว่า
ขนาดตอนที่ตาเป็นไส้เลื่อนออกมาคาอยู่ที่ขาหนีบ ดันกลับไม่ได้ ยังไม่ยอมบอกแม่ เพราะกลัวว่าจะกวน แต่กลับไปบอกพี่ชายซึ่งไปส่งข้าวส่งน้ำในตอนเที่ยงแทน ส่วนนึงอาจจะเพราะว่าตาค่อนข้างเกรงแม่ในหลายๆเรื่อง อย่างเรื่องลิโพ (55)

ส่วนโรคประจำตัว ก็มีอยู่อย่างเดียว คือโรคถุงลมโป่งพอง
เมื่อสักสองสามเดือนที่แล้ว
ตาหอบ
จนไปเจอถึงได้รู้ว่าเป็นมากแล้ว
กว่าจะได้พาไปหาหมอ
หลังจากนั้น แม่เองก็คิดว่า ตาอยู่บ้านนู้นคนเดียวคงจะไม่ปลอดภัย เกิดเป็นอะไรไปไม่มีใครเห็นจะแย่
ส่วนตาเองก็ไม่อยากย้ายมาอยู่บ้านหลังใหม่
อาจจะเพราะชินกับที่เก่า
และก็ยัง อยู่ตรงข้ามบ้านญาติที่ขายของโชห่วย วัยใกล้ๆกัน ว่างๆก็เดินไปสังสรรค์ตามประสาได้สะดวก
ด้วยเหตุนี้ แม่ก็เลยตัดสินใจว่าให้ตาไปอยู่กับคนที่ดูแลใกล้ชิดได้ดีกว่า
ตาก็เลยได้ร่อนไปอยู่เกาะสมุยที่บ้านน้าชายอีกครั้ง
แม่บอกหลายทีว่า
เดี๋ยวแม่เกษียณ แล้วจะไปรับตากลับมาอยู่บ้านอีก เพราะดูแล้วรู้สึกตาจะชอบอยู่ที่นี่มากกว่า
จะได้ดูแลให้ใกล้ชิดด้วย
เพราะตอนนี้ แม่แค่ทำงาน ดูแลบ้าน พ่อ เรา และพี่ชาย ก็แทบจะไม่ได้พักผ่อนแล้ว

จนหลังจากย้ายไปอยู่ได้ไม่ถึงสองเดือนดี
ก็มีข่าวร้าย

ครั้งแรกน้าชายโทรมาบอกตอนตีสี่ว่าตาเข้าโรงพยาบาล แม่รับ บอกพ่อ
พ่อรับรู้แล้วก็นอนต่อ จะไปช่วยก็คงไม่ได้เพราะว่าอยู่คนละที่กัน
ส่วนครั้งที่สอง พ่อไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ แต่เห็นแม่หายไปนานผิดสังเกต เดินมาชั้นล่างที่ห้องครัวก็เห็นแม่นั่งร้องไห้ แล้วบอกว่า “พ่อเสียแล้ว”

ในชีวิตนี้เคยเห็นแม่ร้องไห้แค่สองครั้ง
ครั้งแรกเป็นสมัยเด็กๆที่เราดื้อมากๆ ไม่ยอมช่วยแม่ซักรองเท้าผ้าใบป๋าให้ทั้งๆที่ว่างอยู่ ส่วนแม่กำลังซักผ้า และทำกับข้าววุ่นวาย แม่คงเหนื่อยมาก และก็รู้สึกเสียใจที่มีลูกดื้อแบบนี้
มาเห็นตอนแม่ร้องไปแล้ว ก็เลยสำนึกผิด
ส่วนครั้งที่สองก็ครั้งนี้
เช้าวันนั้น ที่บ้าน พ่อ แม่และพี่ชาย ไปเกาะสมุยเพื่อไปงานตากันหมด ส่วนเรา พ่อบอกว่า ค่อยตามไปทีหลังก็ได้ ให้ไปทำงานก่อน พ่อคงเห็นว่า เราบ่นตลอดว่างานยุ่ง ลาลำบาก
แต่เช้าวันนั้น ก็ขับรถไปทำงานทั้งน้ำตา
ขับไปชั่วโมงก็ร้องทั้งชั่วโมง
นี่ขนาด เมื่อก่อนคิดว่า เออ เราก็ ไม่ได้สนิทกับตาสักหน่อย
แต่เอาเข้าจริงๆ น้ำตามาจากไหนไม่รู้
แล้วก็มีภาพต่างๆ ภาพตาตอนที่หัวเราะ ตอนที่ตกใจเวลาเราเดินไปเรียก ภาพนู้นภาพนี้ปนกันไปหมด
แล้วน้ำตาก้ไหนแบบไม่รู้ตัว
ตรวจคนไข้ไปสักพัก ก็แอบมาโทรศัพท์หาพี่แล้วก็ร้องอีก
ส่วนพี่สาว นิ่งไปในตอนแรก
มารู้ทีหลังว่าอาการก็เหมือนกัน

ก่อนตาจะไปเกาะสมุยได้ไม่นาน น้าสาวมาจากปทุมธานี ก่อนไปเกาะสมุยก็แวะเยี่ยมตาที่อำเภอเมืองและค้างหนึ่งคืน
จำได้ว่าวันนั้นตอนที่เราเจอ ก็ชวนมานอนที่บ้านใหม่ แต่น้าบอกว่า ไม่เป็นไร กะว่าคืนนี้จะนอนกับตา
น้ามาเล่าให้ฟังทีหลังว่า วันนั้น ตอนที่อยู่คุยกับตา ดึกแล้วก็ถามว่าทำไมยังไม่นอน
ตาบอกว่า “ ต้องรอจั่นกลับมาก่อน จะได้เอาไฟฉายให้”

แสดงว่า ที่เรากลับดึกดื่นแล้วตายังตื่นอยู่ ไม่ใช่ว่าตาเองนอนไม่หลับหรอกนะ แต่เป็นเพราะว่าแกตั้งใจรอนี่เอง
.....
ถ้ารู้ซะอย่างนี้ก็คงไม่ไปเที่ยวเตร่
เพราะเมื่อก่อนบางวันไม่ได้อยู่เวรแต่ก็จะไปกินข้าวกับเพื่อนบ่อยๆ กลับสามสี่ทุ่มนี่เป็นเรื่องปกติ
ถ้ารู้ว่าจะเป็นภาระก็คงไม่ทำแบบนั้น
แต่ว่าก็สายไปแล้ว

บางอย่างเรามารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มันสายไปแล้ว

แม่บอกว่า มีอีกหลายเรื่องที่แม่อยากทำให้ตา แต่ก็ยังไม่ได้ทำ
เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้แม่เสียใจมาก
มาก จน ..... บอกไม่ถูกเหมือนกัน
แต่เห็นแล้วก็รู้สึกอยากอยู่กับครอบครัวตัวเองให้มากกว่านี้
อยากทำอะไรให้พ่อแม่บ้าง
จากเดิมที่เคยคิดว่าจะรีบไปเรียนต่อ
หรือจะไปทำงานที่อื่น
ตอนนี้ก็กลับรู้สึกอยากอยู่กับที่บ้านมากกว่า
เริ่มบอกปฏิเสธเพื่อนฝูงเป็น เวลาที่เพื่อนชวนไปกินข้าวหรือไปเที่ยว
เริ่มช่วยแม่ทำนู่นนี่ไนบ้านบ้าง
บางที ... ก็เหมือนกันที่บางคนว่า เราทำความสุขหายไปที่ไหน? ก็มักจะหาเจอในบ้านตัวเองนี่แหละ


ปล. เขียนทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อสามเดือนก่อน
ตอนนี้มีงานครบรอบร้อยวันไปแล้วค่ะ



Create Date : 14 ธันวาคม 2550
Last Update : 14 สิงหาคม 2556 19:42:14 น.
Counter : 459 Pageviews.

1 comments
  
เห็นแย้วววววมาน

น่ากินจังเยย
โดย: ริ้วคลื่น วันที่: 11 พฤศจิกายน 2551 เวลา:10:12:39 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

blueschizont
Location :
ประจวบคีรีขันธ์  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



รักญี่ปุ่น