ตุลาคม 2549

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
16
17
20
21
22
23
24
25
26
27
28
30
31
 
 
All Blog
โคะโคะโระ -- Natsume Soseki
สมัยเรียนอยู่ที่โรงเรียนที่บ้านเกิด มีวันรำลึกถึงครูคนหนึ่งที่เป็นแกนนำในการต่อสู้กับญี่ปุ่นสมัยที่มีการรุกรานเข้าในประเทศไทย แล้วครูคนนั้นก็เสียชีวิตลงในวันที่ 8 ธันวา หลังจากนั้นมา ก็มีวันรำลึกถึงความเสียสละของครูทุกปี และมีโคลงกลอนที่สมัยนั้นท่องได้ แต่ตอนนี้จำได้แค่ตอนขึ้นต้น ว่า แปดธันว์แปดสี่นั้น ดัสกร ญี่ปุ่นยกทัพรอน รุกบ้าน ... ตั้งแต่เด็กมา เลยมีความรู้สึกที่ไม่ดีต่อประเทศญี่ปุ่นมาโดยตลอด โดยการปลูกฝังจากเรื่องนี้เป็นต้นเหคุ (หมายเหตุ : แต่ก็ยังดู ดรากอนบอล และการ์ตูนช่องเก้าตอนเช้าอีกมากมาย..) หลังจากขึ้นชั้น ม. ปลาย ก็ยังเป็นพวก อิจฉาความเจริญของยุโรปและอเมริกาอยู่มาก ไม่ค่อยได้สนใจประเทศในเอเชียเท่าไหร่ จนกระทั่ง วันหนึ่ง ได้มีโอกาสอ่านหนังสือชื่อ - โคะโคะโระ - (ภาษาญี่ปุ่นแปลว่า หัวใจ, จิตใจ) ฉบับภาษาไทย แปลโดย ดร. ปรียา อิงคาภิรมย์ โฮะริเอะ (ผู้ที่ต่อมา เป็นหนึ่งในนักแปล/นักเขียนที่เจ้าของบลอกชื่นชมมากคนหนึ่ง)
ฉบับที่อ่านนี้จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ดอกหญ้า
ไม่แน่ใจว่อตอนนี้จะยังหาอ่านกันได้อยู่รึเปล่า เพราะเท่าที่ดู ช่วงหลังมานี้ ไม่เห็นหนังสือเรื่องนี้ในร้านหนังสือนานแล้ว



-- ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย และการแสวงหาของเด็กหนุ่มนักศึกษาผู้เปลี่ยวเหงา หนทางสายนั้นอาจมืดมน แต่การแสวงหาย่อมไม่สิ้นสุด ... ณ เบื้องหน้าอาจมีโคมไฟสว่างวาม ส่องสะท้อนทู่พลังแห่งศรัทธาอันคงมั่น.. แม้ว่าปลายทางสายนั้นคือหลุมฝังศพ หรือการดับสลายของดวงโคมแห่งศรัทธา แต่คุณค่าแห่การแสวงหานั้น ยิ่งใหญ่นัก --

Natsume Soseki คือนักเขียนผู้ทรงอิทธิพลอย่างมากต่อวงการวรรณกรรมญี่ปุ่นรุ่นต่อๆมานับแต่สมัยเมจิ เขาได้ไปศึกษาที่เมืองนอก แล้วจึงกลับมาญีปุ่น เขียนหนังสือ ทีมีทั้งกลิ่นอายของญี่ปุ่นเก่าและใหม่เจือกัน จนเกิดเป็นการเปิดเข้าสู่ยุคใหม่ของวงการวรรณกรรมญีป่น และเขาคือคนที่คุณเห็นภาพอยู่บนธนบัตรของญี่ปุ่นด้วย!

หนังสือที่ทำให้เขามีชื่อเสียงมากเรื่องหนึ่งคือ Kokoro นอกจากนั้นก็มีเรื่อง Botchan (ทำให้เมือง Matsuyama มีจุดท่องเที่ยวไปดู รถไฟ botchan ตามในเรื่องด้วย ที่ยังอนุรักษ์ไว้ แล้วก็วิ่งให้บริการจริงๆอยู่ด้วย), I am a Cat (หนังสือขนาดยาวที่เล่าเรื่องในมุมมองของแมวตัวหนึ่ง), etc.

โดยรวมแล้ว โคะโคะโระ เป็นหนังสือที่มีความหม่นเศร้ามาก แต่เป็นความเศร้าที่สงบ ..จนถึงชั้น อาดูร เรียกได้ว่านี่เป็นหนังสือที่ทำให้เราเริ่มหันมาสนใจญี่ปุ่นทีเดียว บรรยากาศที่ได้จากการอ่านหนังสือเล่มนี้ และผลต่อเนื่องเรื่องความคิดที่ได้มามีผลต่อมุมมองต่างๆในชีวิตมาจนกระทั่งปัจจุบัน

-- ฉันตั้งใจจะอุทิศอดีตทั้งหมดของฉัน ทั้งส่วนที่ดีและไม่ดี ให้เป็นข้อคิดสำหรับคนอ่นๆ แต่ของให้เธอรับรู้ว่า ภรรยาฉันคนเดียวเท่านั้น ที่ฉันของให้เป็นข้อยกเว้น... ตราบใดที่ภรรยาของฉันยังมีชีวิตอยู่ ขอให้เธอเก็บความลับทั้งหมดของฉัน ที่ฉันสารภาพแก่เธอนี้เอาไว้ในใจ แม้ว่าฉันจะตายไปแล้วก็ตาม ... --

ว่ากันว่า หนังสือเล่มนี้เมื่ออ่านในแต่ละช่วงเวลาของชีวิต ก็จะได้แง่คิดที่แตกต่างกัน

แต่ฉันยังไม่เคยได้หยิบมาอ่านเป็นครั้งที่สอง

ด้วยความกลัว.



Create Date : 19 ตุลาคม 2549
Last Update : 21 ตุลาคม 2549 0:26:03 น.
Counter : 4384 Pageviews.

4 comments
  
เคยถามเรื่องย่อจากเพื่อนค่ะ ตอนนั้นไม่กล้าอ่านแนวแปลญี่ปุ่น เพราะมักเจอเรื่องแบบเหวอ ๆ อึ้ง ๆ ทำใจไม่ทัน

พอรู้พล็อต (ซึ่งตอนนี้ลืมไปแล้ว) ก็คิดว่าคงไม่อ่าน

แต่สุดท้าย ก็หาซื้อมาจนได้ ...ไว้รอทำใจก่อน แล้วค่อยอ่าน

ยังหาซื้อได้ในร้านดอกหญ้าค่ะ ลด 50% ด้วย
โดย: ยาคูลท์ วันที่: 21 ตุลาคม 2549 เวลา:8:03:35 น.
  
ใช่ค่ะ

เห็นด้วยว่าหนังสือญี่ปุ่นส่วนใหญ่พล๊อตค่อนข้างจะทำให้อึ้งๆอยู่ แต่ก็เป็นจุดเด่นของวรรณกรรมญี่ปุ่นก็ว่าได้นะคะ

ตอนเราซื้อมาก็วางทิ้งไว้เฉยๆนานมากเลยค่ะ (เหมือนอีกเรื่องที่กว่าจะทำใจอ่านได้ก็นานมาก คือ สมัญญาแห่งดอกกุหลาบ ของ อุมแบร์โต เอโค แต่อ่านจบก็กลายเป็นหนังสือที่ชอบที่สุดไปเลยค่ะ)

อยากให้ลองอ่านดูค่ะ
โดย: blueschizont วันที่: 21 ตุลาคม 2549 เวลา:13:51:43 น.
  
แหะๆ เรื่องนี้ซื้อมาดองไว้จะครบสิบปีแล้วล่ะค่ะ ยังไม่ได้ฤกษ์อ่านซักที ^^"
โดย: Clear Ice วันที่: 23 ตุลาคม 2549 เวลา:3:16:38 น.
  
ชอบเล่มนี้มากเลยค่ะ ยังคิดถึงเคอยุ่ในบางครั้งเลย
โดย: พัท (Il Maze ) วันที่: 1 พฤศจิกายน 2549 เวลา:17:53:21 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

blueschizont
Location :
ประจวบคีรีขันธ์  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



รักญี่ปุ่น