มกราคม 2555

1
2
4
6
8
9
10
11
12
13
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
3 มกราคม 2555
All Blog
ยาทาเล็บ
เมื่อกลับมาจากทริป เกาหลี-ญี่ปุ่น เดือนครึ่ง และเป็นช่วงวันหยุด
รู้สึกว่างมาก จนทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน คือเข้าร้านทำเล็บ

เป็นเพราะเดิมชอบทำเล็บเองอยู่แล้ว แต่ก็ทาแบบงูๆปลาๆไปเรื่อยๆ เหมือนที่ใครๆก็ทำกัน
ไม่ได้รู้สึกว่า ร้านทำเล็บจะทำอะไรให้เราได้เท่าไหร่
และยังรู้สึกว่า การให้คนอื่นมานวดเท้า้ตัวเองนอกจากจั๊กกะจี้ แล้วยังดูไม่สุภาพอีกด้วย
นอกจากนั้นยังค่อนข้างจะอายเท้าตัวเองที่ดูเหี่ยวๆย่นๆ(กว่าอายุเสียอีก)
และนิ้วชี้เท้าก็ย๊าว ยาว จนดูเหมือนอีที
เขาว่ามีชื่อเรียกให้เพราะๆคือ เท้าแบบกรีก เก๋ป๊ะล่ะ ^^

ครั้งนั้นซื้่อยาทาเล็บมาจากเกาหลีเสียมากมาย เป็นสิบๆขวด
ก็เลย เอาวะ ลองดูสักทีไม่เสียหลาย

ลองไปทำที่ร้าน Viva Nail ที่ชั้นสาม Silom complex
ราคาค่าทำ pedicure อยู่ที่ 400 บาท และ manicure อยู่ที่ 350 บาท
ทำสองอย่างได้ลด 10%

เขาทำให้อย่างดีมาก จนออกมาเหมือนได้เท้าใหม่
เว่อร์ขนาดนั้นจริงๆ
ทั้งๆที่เล็บเท้าเล็บมือสั้นกุด แต่ก็ยังสามารถตัดหนัง ทำทรงเล็บให้ออกมาดูดีได้อย่างไม่น่าเชื่อ
นอกจากนี้ยังนวด และขูดหนังหนาๆที่(น่าอาย)ใต้เท้าให้ซะเรี่ยมเร้

หลังจากนั้น ก็เป็นลูกค้าประจำร้านนี้มาตลอด ไปทำประมาณทุก 3 สัปดาห์
เพราะเล็บเท้าจะเริ่มร่อนๆสีหลุดๆตั้งแต่สัปดา์ั้์ที่สอง แต่ยังพอดูได้ จนมักเยิน และมีเล็บงอกใหม่ออกมายาวชัดที่สัปดาห์ที่สาม
อันที่จริงก็เป็นช่วงเวลาที่พอเหมาะพอดี ไม่บ่อยเกินไปจนตังค์หมด

จนร้านเพิ่งปิดไปพร้อมการปิดปรับปรุงของ Silom complex เมื่อสิ้นปีที่ผ่านมา

ตอนนี้เลยต้องทำเล็บเอง

ซึ่งช่วงนี้ก็บ้าเห่อมากชนิดที่ปัจจุบัน เวลาผ่านมาไม่ถึงครึ่งปี มีสียาทาเล็บประมาณห้าสิบสีได้

มีทั้งที่ราคาถูกและราคาแพง

เยอะชนิดที่ว่า ไม่ต้องซื้อเพิ่มก็ทาได้ทั้งปีเปลี่ียนสัปดาห์ละหนไม่ซ้ำ

ของดีของถูกก็มีจุดที่แตกต่างกันไป

ถ้าของแพงหน่อย มักจะมีดีที่ติดทน เชื่อถือได้ว่าเล็บจะไม่เหลือง ทาง่าย แวววาว และมักมีสีที่เขาว่ากันว่าไม่มี dupes ถึงจะน่าซื้อหน่อย

อย่างของ Chanel ที่เราว่าเป็นยี่ห้อเครื่องสำอางที่แพงเกินเหตุ
ไม่เค๊ย ไม่เคย จะมีอะไรของ chanel เลย นอกจาก Chanel No.5 ที่พ่อเคยซื้อมาให้ใช้สมัยเด็กๆ สมัยที่ EdT ยังขวดทรงเหมือน Lipstick chanel สมัยนี้ และมี refill ซื้อมาใส่ได้

แต่ก็ไม่ได้ติดใจกลิ่นนี้มากมาย

และหลังจากนั้นมา ก็ไม่ได้ใช้อีกเลย

ส่วนเครื่องสำอางอื่นๆ ที่เขาชอบกันนักหนา ก็ไม่มีกะตังค์จะซื้อ เพราะรู้สึกว่าแพงเกินไปและถูกจริตกับเครื่องสำอางญี่ปุ่นเสียมากกว่า

แต่ก็ต้องยอมแพ้ให้ยาทาเล็บ หนึ่งในเครื่องสำอางที่เมื่อก่อนมองว่าไม่น่าลงทุนเอาเสียเลย

แรกเริ่ม เพราะเจ้าสีที่ชื่อว่า Peridot ได้รับการ rave อย่ีางมากมาย บน internet
ทั้งจากคุญ RAEview @ youtube และ Carolina Engman Blogger ที่เราชอบมากคนหนึ่งทั้ง style การแต่งตัว และการแต่งหน้าแบบเนี้ยบๆกริบๆ



ก็เลยจัดไป
ด้วยราคาขวดละ 900 บาท

ซื้อมาแล้วก็อยากจะโทษตัวเองจริงๆที่ใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย

แต่หลังจากได้ลองแล้วก็พบว่า มันแจ๋วจริงๆแฮะ
เพราะว่า ทาง่ายจนน่ากลัว ทายังไงก็เรียบแฮะ แล้วก็แวววาว สีก็สวยแปลก ชนิดที่ไม่น่าจะมี copycat
มองในแต่ละมุม ได้สีที่ต่างกัน
แล้วก็ติดทนมากเ็ป็นสัปดาห์ ทั้งๆที่ขนาด OPI ยังติดจริงจังได้แค่สามสี่วัน



แล้วก็เริ่มอยากได้สีอื่นๆอีก โดยเฉพาะไปดู โฆษณาที่เป็นนิ้วๆเต้นระบำของ chanel แล้วก็ติดใจมากมาย

เริ่มอยากได้สี Paradoxal / Particuliere ที่เขาว่าเป็นสีโคลน (จริงๆค่ะทุกคน เราอยากให้นิ้วเป็นสีโคลน) จนได้พบหนทางที่จะซื้อได้ในราคาที่ถูกลงมาคือ ซื้อที่ dutyfree ค่ะ ราคาขวดละ 660 บาท ถ้ามีบัตร king power ก็ลดไปอีก 10% อย่างน้อยๆ
ถูกกว่าซื้อในเมืองเป็นไหนๆ

จัดไปสองขวด

หลังจากนั้นก็เริ่มหาข้อมูลของพวกยาทาเล็บอย่างจริงจังว่ายี่ห้อไหนที่ตรงตามที่เราต้องการ
ก็ได้รู้จัก ยาทาเล็บกลุ่มที่พวก salon เขาใช้กัน อย่าง OPI, Essie, Zoya ที่หาซื้อตาม internet ได้มากมาย ในราคาขวดละไม่เกิน 330 บาท สำหรับรุ่นสีธรรมดา

สีเขียวแปลกๆอย่าง Who the Shrek are you?



ของที่ดีแต่ไม่มีขายในเมืองไทย ราคาไม่แพง อย่าง ChinaGlaze, Milani

ของที่ดีและแพง อย่างหรูหรา อย่าง Deborah Lippman ที่โด่งดังเรื่อง Glitter สวยงาม โดยเฉพาะ สี Happy Birthday! ที่เขาว่าเป็นต้นแบบของ OPI The Muppets Rainbow Connection ที่เรา post ไปเมื่อเดือนก่อน

หรือของที่ทั้งดี(กลางๆ)และราคาไม่แพง ของคนไทยเอง แบบมี reference หน่อย ไม่ใช่ไก่กาตามแผงลอย คือยี่ห้อ nail cafe เพราะเขามีโรงงานเอง สีมากมายละลานตา สวยงามโดยเฉพาะสีที่เข้มหน่อยแบบมีประกาย สวยแบบทาครั้งเดียวได้ออกมา coverage เพียงพอ และติดทนนาน มีแบบ 3 ขวดร้อยกับ 2 ขวดร้อย ข้อเสียมีเพียงสองอย่างคือ เนื้อมันค่อนข้างจะหนา และแปรงที่คุณภาพไม่ดีนัก แต่เมืื่อเทียบกับราคาแล้วมันก็ต้องแบบนี้ละนะ
เพิ่งซื้อของยี่ห้อนี้มาเพิ่มอีกหกสี คาดว่าจะเป็นแฟนกันไปอีกนาน



แล้วก็เหมือนได้ค้นพบอีกสังคมนึงของคนรักเล็บ

มันดูเป็นเรื่องไร้สาระเนอะ ที่จะมานู่นนี่มากมาย ใช้เงินจำนวนมากไปกับเรื่องเล็บๆ
แต่ที่จริงแล้ว พอเรามีเล็บสวยๆ เราก็จะมั่นใจมากขึ้น เราจะดู professional มากขึ้น ดูเป็นคนที่ดูแลตัวเองได้ แม้กระทั่งปลายเล็บ! มันทำให้เรารู้สึกดีขึ้นจริงๆ ^^

ปัจจุบัน ก็เลยติดการทำเล็บ ที่จริงอยากทำเล็บมือด้วย แต่เนื่องจากงานที่เป็นหมอ จึงทำให้ทำไม่ได้
นี่แหละน้่า ข้อดีของคนที่ไม่ต้องทำงานแบบเรา คือ แต่งตัว แต่งหน้า ได้ตามใจอย่างไม่ค่อยมี limit อะไรนัก น่าอิจฉาจริงๆ

ตอนนี้มี nail swatch wheel เป็นของตัวเอง แบบนี้ เอาไว้ให้เพื่อนๆมาเลือกเวลาอยากจะทาสีเล็บกัน แล้วก็สะดวกสำหรับเวลาไปเลือกซื้อสีใหม่ๆ พกไปก็รู้แล้วว่าเรามีสีอะไรแล้วบ้าง จะได้ซื้อมาไม่ซ้ำกัน



ตอนนี้กลายเป็นหนึ่งในสาวสังคมเล็บไปแล้ว 5555




Create Date : 03 มกราคม 2555
Last Update : 14 สิงหาคม 2556 19:55:52 น.
Counter : 1293 Pageviews.

1 comments
  
สีสันเหลือเกินนะครับ
โดย: คนขับช้า วันที่: 5 มกราคม 2555 เวลา:20:00:40 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

blueschizont
Location :
ประจวบคีรีขันธ์  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



รักญี่ปุ่น