"ไม่ได้ดั่งใจเลย" ก่อนตำหนิลูกลองเขียนหนังสือด้วยมือซ้ายดูก่อนดีไหม "ไม่ได้ดั่งใจเลย" ก่อนตำหนิลูกลองเขียนหนังสือด้วยมือซ้ายดูก่อนดีไหม มีครั้งนึงมีเด็กนักเรียนคนนึงสมมุติชื่อหนูฝ้ายละกันมาหาเจน หนูฝ้ายบอกว่าเธอได้งานถ่ายแบบนิตยสารวัยรุ่นฉบับหนึ่งหลังจากที่เธอเพียรพยายามส่งไปหลายสิบฉบับ แต่คุณพ่อเธอกลัวว่าถ้าไปถ่ายจะผิดระเบียบของโรงเรียนหรือเปล่าเลยสั่งให้เธอมาถาม เจนเลยบอกว่าถ้าไม่โป๊ ไม่เปลือย ไม่โพสท่าที่ส่อไปในทางอนาจารก็ไม่มีปัญหาอะไร แล้วถ้าจะถ่ายในชุดเครื่องแบบของโรงเรียนก็ขอให้แต่งทั้งชุดและถูกระเบียบด้วย ประเภทเสื้อโรงเรียนกับกางเกงนอนนี่โดนแน่ เธอก็รับปากและจากไปด้วยความพึงพอใจ สองวันถัดมาคุณพ่อเธอก็มาหาเจนและก็ถามด้วยคำถามแบบเดียวกัน เจนก็งงเพราะคิดว่าวันนั้นคุยรู้เรื่องแล้วๆวันนั้นหนูฝ้ายก็จากไปด้วยความพอใจทุกอย่าง คุยกับคุณพ่อหนูฝ้ายไปๆมาๆกลายเป็นว่าคุณพ่อไม่อยากให้เธอทำงานนี้กลัวจะเสียการเรียน กลัวเธอจะหลงแสงสี กลัวจะถูกหลอกแล้วก็พูดประมาณว่าจะให้เจนช่วยห้าม เจนเลยบอกว่าเจนอนุญาตไปแล้วๆเจนก็ไม่เคยมีความคิดจะจำกัดสิทธิของเด็กคนไหนเป็นพิเศษ ถ้าคุณพ่อไม่อยากให้หนูฝ้ายรับงานนี้ คุณพ่อลองคุยกับเธอเองน่าจะดีกว่า เจนบอกท่านว่าแปลกดีเจนเคยเจอแต่พ่อแม่ที่อยากให้ลูกเข้าวงการ บางคนไปแคสเป็นสิบครั้งยังไม่ได้งานก็ยังไม่ยอมเลิก เจนบอกท่านว่าเจนไม่เคยอยากให้ลูกตัวเองหรือนักเรียนคนไหนได้เป็นดาราแต่เจนก็เคารพและไม่เคยคิดจะทำลายความฝันของเด็กคนไหนทั้งนั้น เจนบอกท่านว่าถ้าท่านกลัวว่าหนูฝ้ายจะถูกหลอกทำไมท่านไม่ไปเป็นเพื่อนหนูฝ้ายละ ท่านส่ายหัวแล้วพูดว่า "ถ่ายแบบ บ้าบอ ไร้สาระ" แล้วท่านก็เริ่มพร่ำพรรณาถึงหนูฝ้าย ท่านบอกว่าท่านอยากให้หนูฝ้ายเป็นหมอมาก อยากตั้งแต่รู้ว่าภรรยาท่านท้อง ท่านเล่าว่าตอนเด็กๆท่านซื้อของเล่นที่เป็นชุดหูฟังเอย ชุดกระเป๋าพยาบาลเอย อะไรสารพัด เวลาไปโรงพยาบาลท่านก็จะบอกหนูฝ้ายเสมอว่าเป็นหมอมั่นคงแบบนั้น ได้กุศลแบบนี้ เป็นที่นับหน้าถือตาแล้วก็เหตุผลอีกร้อยแปดประการ เจนนั่งฟังไปก็นั่งนึกภาพตามไป เจนค่อนข้างคุ้นเคยกับหนูฝ้ายเพราะตอนเช้าๆเธอชอบมานั่งที่ระเบียงทางไปห้องเจน เวลาหนูฝ้ายเห็นเจนเธอก็จะยกมือไหว้ ถ้าวันไหนเจนถือของเยอะเธอก็จะมาช่วยถือให้ และทุกครั้งที่เจนเห็นเธอ เจนจะเห็นเธอทำอยู่แค่สามอย่างคือ เล็มผมแตกปลาย ส่องกระจก และอ่านหนังสือแฟชั่น มีครั้งนึงหนูฝ้ายช่วยถือของมาส่งที่ห้องพอเข้ามาเจนก็บอกให้เธอนั่งพักเหนื่อย แต่เธอไม่ยอมนั่งเพราะเห็นน้ำหนึ่งหยดบนเก้าอี้ เจนเลยยื่นทิชชู่ให้ แต่หนูฝ้ายบอกขออีกแผ่นเพราะกลัวน้ำจะซึมโดนมือเธอ เจนนึกภาพไม่ออกว่าถ้าเธอเป็นหมอเจอน้ำเลือด น้ำเหลืองจะเป็นยังไง แล้วอีกอย่างผลการเรียนเธอก็ห่างไกลกับการที่จะได้เป็นหมอมาก ท่านเล่าต่อว่าตอนเด็กๆหนูฝ้ายก็ทำท่าอยากเป็นหมอแต่พอโตขึ้นก็สนใจน้อยลงๆจนวันนึงหนูฝ้ายก็บอกท่านว่า "ฝ้ายไม่อยากเป็นหมอ ถ้าพ่ออยากเป็นพ่อก็ไปเป็นเองสิ" ท่านบอกว่าท่านเสียใจมากที่หนูฝ้ายพูดแบบนี้ แล้วท่านก็พรรณาต่อว่าท่านเลี้ยงหนูฝ้ายมาตั้งแต่แบเบาะ ส่งหนูฝ้ายเรียนโรงเรียนดีๆ ทำทุกอย่างให้หนูฝ้าย ให้ทุกอย่างที่หนูฝ้ายต้องการ ท่านไม่เข้าใจว่าทำไมแค่เป็นหมอเพื่อท่านหนูฝ้ายทำให้ท่านไม่ได้ เจนเลยถามว่าคุณพ่อเคยลองถามเธอไหม ท่านตอบว่าท่านถามแล้ว หนูฝ้ายบอกท่านว่า "ที่พ่อขอนั่นมันชีวิตหนูทั้งชีวิตเลยนะ" เจนก็บอกท่านว่าคุณพ่อมีความฝันของคุณพ่อ หนูฝ้ายเธอก็มีของเธอเหมือนกัน ท่านก็ไม่ยอมฟังยังคงพรรณาต่อ พร้อมกับถามเจนว่า "ผมทำอะไรผิดหรือครู ลูกถึงไม่ได้ดั่งใจผมเลย" เจนเลยบอกท่านว่า "คุณพ่อ ทั้งหมดที่คุณพ่อพูดมา คุณพ่อต้องการบอกครูว่า ถ้าเราเลี้ยงสิ่งใดสิ่งหนึ่งตั้งแต่สิ่งนั้นเกิด ดูแลสิ่งนั้นเป็นอย่างดี และอยู่กับสิ่งนั้นตลอดเวลาสิ่งนั้นจะต้องได้ดั่งใจเรา ครูเข้าใจถูกใช่ไหมค่ะ" ท่านบอกว่า "ใช่เลยครูนั่นละสิ่งที่ผมต้องการสื่อ ครูเรียบเรียงเป็นคำพูดได้ถูกใจจริงๆ" เจนถามท่านต่อ "คุณพ่อเชื่อเช่นนั้น" "แน่นอนที่สุด" ท่านตอบ เจนเลยบอกท่านว่า "คุณพ่อ ครูอาจจะช่วยคุยกับหนูฝ้ายให้ได้ แต่คุณพ่อช่วยอะไรครูอย่างนึงได้ไหม" "คุณพ่อเขียนชื่อ นามสกุล หนูฝ้ายให้ครูหน่อยเขียนให้อยู่ในกรอบด้วยนะ ครูจะเขียนบันทึกอะไรนิดหน่อย" แล้วเจนก็ยื่นใบเอกสารที่มีช่องให้กรอกชื่อ นามสกุล โดยช่องที่ต้องกรอกเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดพอดีซึ่งถ้าเขียนทั่วๆไปก็ไม่ยากเย็นอะไรที่จะให้อยู่ในกรอบ เจนยื่นปากกาให้ท่านๆยื่นมือขวามา (เจนสังเกตตอนคุยกันว่าท่านถนัดขวาเหมือนคนส่วนใหญ่) "รบกวน คุณพ่อช่วยเขียนด้วยมือซ้าย" เจนพูด ท่านทำหน้างง แล้วก็หยิบปากกาด้วยมือซ้าย ตอนแรกท่านใช้สามนิ้วจับแต่ก็เหมือนไม่ถนัดเปลี่ยนเป็นจับแบบกำมือก็ไม่ถนัดอีกสุดท้ายก็จับแบบสี่นิ้ว "รบกวนเขียนคำว่านางสาวนำหน้าด้วย" ท่านพยายามเขียน น หนู แต่พอลากลงมาก็ทะลุกรอบ เจนเลยเอาแผ่นใหม่ให้ท่านๆกำมือแน่นเขียนช้าๆแต่ก็ไม่วายหลุดกรอบ อีกจนได้ เจนเลยเอาแผ่นที่สามให้ท่านๆก็เขียนหลุดกรอบอยู่ดี **คุณพ่อคุณแม่ลองเขียนหนังสือด้วยมือข้างที่ไม่ถนัดดูก็ได้ ถ้าไม่เคยฝึกมาก่อนลองแล้วจะรู้เลยว่าบังคับยากแค่ไหน** เจนเลยบอกท่านว่า "คุณพ่อคะ มือซ้ายของคุณพ่ออยู่กับคุณพ่อมาตั้งแต่คุณพ่อเกิด ไม่ใช่สิ อยู่กับคุณพ่อมาตั้งแต่คุณพ่อยังอยู่ในครรภ์มารดา อยู่กับคุณพ่อตลอดเวลาไม่เคยพรากจากกันแม้แต่เสี้ยววินาที แล้วครูก็เชื่อว่าคุณพ่อต้องดูแลมือของคุณพ่อเป็นอย่างดี" "แต่มือของคุณพ่อก็ยังไม่ได้ดั่งใจเลยคุณพ่อเลย ไม่แม้กระทั่งจะเขียนหนังสือให้อยู่ในกรอบที่ถูกกำหนด (เจนพูดเน้นคำว่ากรอบที่ถูกกำหนด) แล้วคุณพ่อจะคาดหวังอะไรจากคนอื่นเล่า" "ครูไม่ได้บอกให้คุณพ่อมองหนูฝ้ายเป็นคนอื่น แต่คนอื่นในเรื่องนี้ของครูหมายถึงทุกคนที่ไม่ใช่ตัวเราเอง" "ครูขอโทษถ้าสิ่งที่ครูทำๆให้คุณพ่อไม่พอใจ แต่ครูแค่อยากจะบอกคุณพ่อว่าโลกนี้ไม่มีอะไรได้ดั่งใจเราหรอกแม้กระทั่งตัวเราเอง" แล้วเจนก็ยกมือไหว้ขอโทษท่าน ท่านมองเจนแล้วถอนหายใจ เงียบไปพักใหญ่ "ครูไม่เห็นต้องขอโทษผมเลย ครูไม่ได้ทำอะไรผิดนี่" "บางทีครูอาจจะพูดถูกก็ได้ ผมจะลองไปคิดดูแล้วกัน" ก่อนจะออกจากห้องไป ท่านพูดว่า "ที่ครูบอกให้ผมพาหนูฝ้ายไปเองก็ดีนะ จะได้ปลอดภัย เดี๋ยวผมจะพาเธอไปเองก็แล้วกัน" "ขอบคุณครูมากเลยนะ ที่ทำให้ผมคิดอะไรได้" โอว้... ชอบบทความนี้มากๆค่ะ สุดยอดดดด
โดย: powder_MAMA IP: 124.120.250.79 วันที่: 13 กรกฎาคม 2554 เวลา:19:32:46 น.
ใช่เลยคะ เพราะเรามักจะคาดหวังสิ่งๆต่างๆเหล่านี้กันทั้งนั้นเลย
อย่างเรา ลูกชายคนโตเรา ตั้งแต่ ม.1 -ม.6 ไม่เคยเกิน 2 เลยค่ะ ตอนที่เขาอยู่ ม.1 เราเห็นเกรดแล้ว เราเซ็งและโมโหมาก จนบอกเขาว่าให้ตั้งใจเรียน สุดท้ายก็ยัง 1กว่าอยู่ดี หลังจากนั้นเราไม่เคยคาดหวังเรื่องเกรดเขาอีกเลยคะ เราขอให้เขาอยากไปโรงเรียนเรียนหนังสือก็พอคะ ส่วนตอนนี้เขาอยู่มหาลัยแล้วคะ เราดีใจมากวันที่ลูกได้ผล เขารีบ โทรบอกเลยค่ะว่า " หม่าม๊า ผลสอบได้ 2.58 นะ" (เพื่อนสนิทได้ 3.8 เพื่อนงงมาก ทำไมขนาดนั้นเลยหรอเธอ) เพื่อนคงไม่รู้ เกรด 2.58 ทำให้แม่ของลูกดีใจแค่ไหน ? ส่วนเรารีบบอกกับลูกเลยคะ "หนูๆ ทำให้หม่าม๊าดีใจมาก หนูน่ารักมากๆนะ" แล้วเราก็ซึ้งและเป็นเรื่องตลกที่เราเอามาเล่าให้หลานๆฟังกันนะคะ โดย: แม่ตา (แม่ตา ) วันที่: 24 กรกฎาคม 2554 เวลา:6:46:35 น.
จริงอย่างที่ครูเจนว่าไว้ค่ะ แต่ถ้าเราจะใช้มือซ้ายของเราให้เขียนอยู่ในกรอบ เราก็ต้องค่อยๆฝึกเขียนบ่อยๆค่ะ ค่อยๆฝึกวันละนิด ละหน่อย
สักวันก็คงเขียนสวยไม่แพ้มือขวาค่ะ แต่เราก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมากค่ะ เช่นเดียวกับที่เราจะค่อยๆสอน ค่อยๆบอกลูกเรา ไปทีละนิด ดีกว่าที่จะไปฟันธงค่ะ ตามใจเราค่ะ ขอบคุณครูเจนค่ะ โดย: pinmai IP: 58.9.79.145 วันที่: 1 สิงหาคม 2554 เวลา:12:58:19 น.
สุดยอดเลยค่ะคุณเจน ชอบสำนวน วิธีคิดของคุณเจนมากๆค่ะ
โดย: แนน (NAN-PANTIP ) วันที่: 26 สิงหาคม 2554 เวลา:14:10:15 น.
เขียนได้ดีมากเลยครับ
ได้แง่คิดที่ดีอีกด้วย ชอบมากเลยครับ โดย: กะว่าก๋า วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:7:44:33 น.
|
JanE & IK
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 44 คน [?]
All Blog
Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |