สิ่งที่เราควบคุมไม่ได้
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเรามีปากเสียงกับท่านผอ. เรื่องห้องทำงานอีกตามเคย เรากำลังอารมณ์ดี ทำงาน HA ส่งช่วยกันทำกับน้องที่ทำงานด้วยกัน

อยู่ดี ๆ หัวหน้าโดยตรงของเราโทรมาบอกว่า เค้าจะไปซื้อของใส่ห้องใหม่นะ ให้รีบไปดูว่าจะเอาอะไรบ้างเราก็งงว่าห้องอะไร
ไหนบอกไม่ให้เราย้ายแล้วไง แถม ผอ. ยังไปพูดกับที่ห้องบริหารอีกว่าเรามั่วหรือเปล่า ห้องอะไรผมงงไปหมดแล้ว แล้วมี่พี่ที่ห้องบริหารเค้าเรียกเราไปคุย

ตอนนั้นเราบอกว่า ก็เค้าจะให้เราย้ายห้องมาอยู่ข้างหน้า เราบอกว่าห้องนั้นมันแคบงานตั้ง 3 งานมันอยู่ไม่ได้หรอก ให้เค้าขยายเค้าก็ไม่ยอม จะทำเป็นห้องประชุมอะไรนี่แหละ พี่เค้าก็บอกเราว่าเค้าคงไม่เอาแล้วล่ะ
แต่ตอนนั้นเราทำใจแล้วนะว่า นี้มันคือที่ทำงาน ไม่ใช่ของเรา ให้ย้ายก็ย้าย แต่นี้อะไรกลายเป็นว่าเรามั่ว ไม่เป็นไร เค้าก็เป็นอย่างนี้ ไม่มีงานทำมั้ง ตั้งแต่นั้นมาเราทำงานด้วยความสงบสุข

มาถึงศุกร์ ที่รู้สึกจะไม่มีความสุข เข้าเดินมาที่ห้องเลย เรายังไม่ทันได้ออกไปเลย เราถามว่า ให้เราย้ายแล้วห้องนี้ จะทำเป็นห้องอะไร
เค้าบอกว่ายังไม่รู้ ไม่มีการวางแผน เชื่อไหมว่าที่ทำงานเรามีห้องว่างเหลืออีกมากมายที่แกให้งานนั้นย้าย งานนี้ย้าย แล้วต้องไปสร้างห้องใหม่ให้เค้าเสียเงินอีกแต่ห้องทิ้งว่างไว้

เราถามว่าถ้าให้เราย้ายจะทุบกำแพงให้เราไหมเพราะห้องจะกว้างขึ้น เค้าบอกเค้าไม่ทุบ เราบอกว่า งั้นเราไม่ย้าย น้องอีกคนก็บอกว่า หมอค่ะ ตรงนี้มันเป็นงานที่คนไข้ ไม่อยากไปเจอใคร ๆ หรอกทั้งเอดส์ คนติดยา คนมีปัญหา ต่าง ๆ หมอเป็นน่าจะรู้ดี เป็นผู้บริหาร น่าจะเข้าใจมากว่าพวกเรา แล้วถ้าย้ายไปจริง ๆ ไหนจะต้องเจอ คนมาฝากท้อง เด็กมาฉีดวัคซีน ถ้าคนไข้เอดส์มีเชื้อวัณโรค แล้วไปติดกันล่ะ จะเอายังไง ตรงนี้ มัน one stop service อยู่แล้ว มาหาเราคุยกัน รับยากลับบ้าน คนไข้ของเรามาบำบัด ห้องตรวจปัสสาวะก็อยู่ไม่ไกล คนไข้พวกนี้เค้าไม่อยากเจอใคร ๆ หลายคนหรอก ถ้าเราบอกผลเลือด มีหลายๆ คนที่ยังรับไม่ได้ ร้องไห้อยู่ ถึงจะมีม่านก็เหอะแต่ออกไปตาบวมแดง คนอืน ๆ ก็เห็น เค้าก็ต้องสงสัย และถ้ารู้ว่าห้องนี้คือคลินิกอะไร เค้าก็รู้กันทั่ว

เค้าบอกว่าไม่เป็นไรลองดูก่อน ถ้าไม่ดีค่อยย้ายกลับ เราถามว่าย้ายกลับไปกลับมานะเหรอ รู้ไหมว่าของมันเยอะแค่ไหน เค้าก้บอกเหมือนเดิมว่าลองดูก่อน เราปรี้ดแตกเลย
ถามไปว่า ใครเป็นคนคิดที่จะย้ายห้องนี้คะ เค้าบอกว่าคณะกรรมการ เราถามต่อทันทีว่า คณะกรรมการมีใครบ้าง ชื่ออะไร เค้าก็บอก มี 4- 5คน เรากะลุยเต็มที่ เราบอกว่า หมอคะ ทำไมหมอไม่ถามคนที่ทำงานบ้างเค้าต้องการอะไร ทำงานตรงไหนแล้วมันดีมีความสุขทั้งคนทำงานและคนไข้ เท่าที่หมอสั่งย้ายเค้าไป เคยไปถามเค้าไหม ว่าเค้าคิดยังไง เคยทำแบบสอบถามคนไข้ไหมว่าพอใจแค่ไหน ที่ต้องเดินไกลกว่าเดิม อะไรอีกเยอะ ไม่เคยให้ขวัญและกำลังใจ แต่ยังมาทำลายของเราที่มีอยู่อีก ตอนนี้นะถ้าจับกลุ่มเกิน 3 คน ต้องพูดถึงแต่ท่าน ด้านไหนก็คิดเอาเอง เราไม่ค่อยพูดเพราะไม่ค่อยได้มีอะไรกับเค้า แค่ฟังอย่างเดียว ตอนนี้เรามีเรื่องแล้ว ตื่น ๆ

เราโกรธ และโมโห ทั้งที่เคยคิดว่า จะไม่ทำอะไรหรือพูดอะไรในเวลาที่โกรธ เพราะบางที จะเกิดผลเสียได้ แต่ตอนนั้นไม่ทันแล้วเราควบคุมไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่เคยบอกตัวเองว่า เราใจเย็นลงเยอะแล้ว แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่เลย เราเป็นลูกโป่งที่พร้อมจะแตกเสมอ อุตส่าห์ ไปเป็นวิทยากรสอน เด็ก ๆ มาเอง ดันมาเป็นซะเอง ถึงได้รู้ว่ามันยากมาก เรื่องการควบคุมและระงับอารมณ์ นี้เรารอให้เราสงบก่อนจะมาเขียนในบล็อค
ไม่งั้นจะรุนแรงกว่านี้

เราบอกว่า เราไม่ย้าย เราจะอยู่ห้องนี้แหละ แถมหัวหน้าเราโทรเข้ามาอีก พี่หนูอยู่ตรงนี้แล้วงานหนูทำไม่ดีตรงไหนเหรอ ทำไมเราต้องย้ายด้วย เค้าบอกว่าพวกเราอยู่ไกลตา ไม่รู้ว่าทำอะไรกันมั้ง เล่นเกมส์ เล่นอินเทอร์เน็ตหรือเปล่า เราบอกว่าพี่ เล่นเน็ตนะ มันเล่นกันทุกห้องนะแหละ เคยไปดูเค้าบ้างหรือเปล่า แต่เวลาที่พวกเราทำงาน พี่เคยเห็นไหม บางวันกินข้าวแค่มื้อเดียว และหลาย ๆ วัน กินข้าวเกือบบ่าย ทุกวันจันทร์และวันพฤหัสเราต้องอยู่ถึง2 ทุ่ม เพราะคนไข้ของเราทำงานมาในเวลาไม่ได้ เราไม่เคยเบิกเงิน โอที
ทั้ง ๆ ที่เราเบิกได้ แต่เค้าบอกเราว่า เราไม่รู้จักจัดสรรเวลา เราผิดอีก

เราน้อยใจมาก เราเงียบ และไม่พูดอีกวางหูไป จากโมโห มาเป็นเศร้าแทน แถมมีคนไข้เรามาอีก เราต้องทำงานต่อ ทั้งที่อยากจะร้องไห้

น้องเราบอกว่าใคร ๆ ก็เอาตัวรอดกันทั้งนั้นแหละ เราเซ็งไม่อยากทำอะไรเลย ทั้งวัน ข้าวก็ไม่อยากกิน

แต่มานั่งคิด ๆ มีคนลำบากกว่าเราอีกเยอะ เรื่องแค่นี้ ไม่ได้ทำให้เสียความเป็นเราซะหน่อย แต่เค้านะแหละ ที่จะโดนคนไม่ชอบ พอข่าวนี้กระจาย เพราะมีคนได้ยิน ( มีห้องนึงมันติดกัน ห้องนั้นโดนมาก่อนห้องเราแล้ว แต่คนละเรื่องกัน ) ท่านก็โดนด่าไปอีกชุดใหญ่

มานั่งคิด ๆ เราว่า เค้า น่าสงสาร ไม่มีใครอยากพูดด้วย ไปตรงไหน
ทุกคนก็ลุกหนี ไม่มีใครยกมือไหว้ เรายังไหว้พวกแม่ครัวพวกน้าที่เป็นเวรเปล น้าคนขับรถ พี่ที่อายุมากกว่าไม่ว่าจะทำงานหน้าที่อะไร
ถ้าเป็นรุ่นน้องก็ทักทายสวัสดีกันในตอนเช้าหรือเมื่อเจอกันตอนไหน

เค้าน่าสงสารเหมือนอะไรเหม็น ๆ สักอย่าง ไม่มีใครอยากอยู่ใกล้ๆ
เราก็สงบจิตใจ ก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป
ให้ดีที่สุดก้แล้วกัน

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าพูดหรือทำอะไรเวลาที่โกรธ หรืออารมณ์ยังไม่นิ่ง เพราะมันจะเสียหายทั้ง 2 ฝ่าย

แต่เราทำไปแล้ว ยังต้องคอยดูผลที่จะเกิดตามมา ว่าเราจะต้องเจอกับอะไรบ้าง สู้ตายค่ะ



Create Date : 27 มิถุนายน 2553
Last Update : 27 มิถุนายน 2553 11:54:39 น.
Counter : 1092 Pageviews.

8 comments
  
อย่าให้ร้องเลยค่ะ เด่วเสียอารมณ์ป่าว ๆ 5555

โดย: ตุ๊กตาซัง วันที่: 27 มิถุนายน 2553 เวลา:21:02:31 น.
  
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


โดย: นนนี่มาแล้ว วันที่: 28 มิถุนายน 2553 เวลา:5:59:11 น.
  
ความรักทำให้คนตาบอด และความรักทำให้คนตาแข็งด้วยเนอะ 5555+ อันนี้ชอบมากๆครับ



สู้ๆนะครับ...
ผมแวะมาอยู่เป็นเพื่อน
ขนกำลังมาให้ด้วยครับ



อรุณสวัสดิ์ครับ ^^
โดย: พระจันทร์ของคุณ (Great_opal ) วันที่: 28 มิถุนายน 2553 เวลา:7:31:24 น.
  
สวัสดีค่ะ แวะมาทักทาย และเอากำลังใจมาฝากด้วยนะคะ
โดย: สายลมที่จากไป วันที่: 28 มิถุนายน 2553 เวลา:14:20:16 น.
  
สู้ๆ ค่ะ

สักวันหนึ่ง เรื่องราวดีๆ ต้องเป็นของเราบ้าง
โดย: kiwi (la_ongrat ) วันที่: 28 มิถุนายน 2553 เวลา:14:26:10 น.
  
แบบนี้ล่ะค่ะ คนเราเวลาโกรธมักจะทำอะไร แค่ชั่ววูบล่ะค่ะ
ทำไปแล้วไม่เป็นไรหรอกนะคะ คิดถึงวันพรุ่งนี้ดีกว่า บางครั้งเราเองก็คุมสติตัวเองไม่ได้เวลาโกรธทั้งๆที่รู้หมดทุกอย่างว่าผลลัพ ออกมาอาจจะไม่ดีสักเท่าไร เป็นกำลังใจให้เสมอนะคะ เดี๋ยวก็ดีเองค่ะ ขอบคุณนะคะที่เข้ามาเม้นท์ให้แหม่มตลอด แวะมาอ่านบล๊อคและเข้ามาทักทายเช่นกันค่ะ
โดย: Passion Theme วันที่: 28 มิถุนายน 2553 เวลา:16:13:42 น.
  
ขอบคุณสำหรับคำอวยพรคะ
โดย: BoRntoBe_engineer วันที่: 28 มิถุนายน 2553 เวลา:18:54:30 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

magic-women
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



มิถุนายน 2553

 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
15
16
17
18
19
20
21
22
23
25
26
29
30
 
 
All Blog
MY VIP Friend