ขอให้รอ วันรุ่งของพรุ่งนี้ ฟ้าคงมี พรชัยให้กับเรา (พ.ท. ณรงค์เดช นันทโพธิเดช)
Group Blog
 
 
มิถุนายน 2550
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
18 มิถุนายน 2550
 
All Blogs
 
ถุงเท้ากับผ้าเช็ดหน้า


ผู้เสียสละ(ูถุงเท้ากับผ้าเช็ดหน้า)

ก่อนมาออสเตรเลีย จิตกรและแฟนสาว ไปเดินเลือกซื้อของใช้ที่จำเป็นที่ห้างเซ็นทรัล ลาดพร้าว เพื่อนำมาใช้ในต่างประเทศ เมื่อเลือกของที่ต้องการได้แล้ว ทั้งคู่ก็ไปนั่งกินข้าวที่เอส แอนด์พีเช่นทุกครั้งที่มา แต่ครั้งนี้ทั้งคู่รู้สึกว้าเหว่และเหงาอย่างบอกไม่ถูก เพราะรู้ดีว่าคงจะ อีกนานกว่าจะมาพบกันอีก ทั้งคู่จึงรำพันกันอย่างสุดซึ้ง และให้คำมั่นสัญญากันว่า จะไม่ลืมกัน แม้ม้วยดินสิ้นฟ้ามหาสมุทร

ลิลลี่แฟนสาวได้มอบผ้าเช็ดหน้าสุดเก๋ให้หนึ่งผืน และอวยพรให้จิตกรประสบความสำเร็จ และรีบกลับมาเร็วๆ พร้อมกับย้ำให้จิตกรเก็บผ้าเช็ดหน้าผืนน้อยนี้ไว้ตลอด จนกว่าจะกลับมาพบ กัน เพื่อตอกย้ำว่ายังรักลิลลี่อยู่เสมอ จิตกรก็รับปากอย่างเป็นมั่นว่า จะรักลิลลี่ไปตลอด จนกว่า ชีวิตจะหาไม่ และจะเก็บผ้าเช็ดนี้ไปจนตาย จะพกติดตัวเสมอ เหมือนกับว่าเราอยู่ด้วยกันตลอด เวลา ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดหนใดก็ดี ขอให้ผ้าเช็ดหน้าเป็นเครื่องย้ำเตือนว่า ยังมีคนที่รักและห่วงใย และรอวันกลับมาพร้อมกับความสำเร็จเสมอ

เมื่อจิตกรกลับถึงมาบ้าน เพื่อจัดกระเป๋าเดินทาง เพราะพรุ่งนี้ต้องออกเดินทางแต่เช้า โดยมี คุณแม่ของจิตกรอำนวยความสะดวก และเตือนในสิ่งที่จำเป็นต้องใช้ คุณแม่ของจิตกรเป็นห่วง ลูกมาก และคิดว่าเมลเบิร์นอากาศค่อนข้างเย็นและยาวนานมาก สิ่งที่จำเป็นสำหรับลูกชายก็คือ ถุงเท้า และคุณแม่ก็เดาถูกอีกเช่นเคยว่า ลูกชายสุดที่รักต้องลืมของสำคัญชิ้นนี้อย่างแน่นอน แต่ ไม่เป็นไร เพราะคุณแม่ผู้รอบคอบซื้อเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว และย้ำนักย้ำหนาว่า ให้จิตกรใส่ ถุงเท้านอน เท้าจะได้ไม่เย็น ควรจะซักถุงเท้าให้สะอาดอยู่ตลอดเวลาด้วย อย่าให้สกปรก

คุณแม่ของจิตกรมีนิสัยอยู่อย่างหนึ่งคือ ถ้าเผื่อว่าซื้อของให้ลูกคนไหน แล้วคนนั้นไม่ใช้ หรือไม่สนใจ คุณแม่จะแสดงอาการน้อยใจมาให้เห็น เรื่องนี้จิตกรรู้และเข้าใจดี จึงรับคำสั่ง แต่โดยดี เพราะเป็นคนหัวอ่อน

เมื่อมาถึงออสเตรเลีย ในช่วงแรกจิตกรอาศัยอยู่โฮมสเตย์ที่ทางโรงเรียนจัดหาให้ อยู่ได้สัก สี่เดือน ก็เริ่มมีเพื่อนมากขึ้น เมื่อสมาชิกคนไทยรักคนไทย อันประกอบด้วย เอ้ ขวัญ และหอย ชวนจิตกรมาอยู่ ด้วยกัน จิตกรจึงรีบตกลงทันที เพราะกลัวพวกมันจะเปลี่ยนใจ ทุกคนจะรุ่นราว
คราวเดียวกัน ดังนั้นจึงเรียกกันว่าไอ้เป็นเรื่องธรรมดา

ในบรรดาสมาชิกคนไทยรักคนไทย ไอ้หอยจะเป็นคนที่ทำอาหารเก่งมาก มันชอบทดลอง ทำอะไรของมันไปเรื่อยเปื่อย ไม่ว่าจะเป็นซูชิไส้แกงเขียวหวาน หรือพาสต้าน้ำยาป่า ถ้าใครได้ คบกับไอ้สี่สหายนี้ มักจะเป็นหนูทดลองอาหารแปลกๆของไอ้หอยตลอด ขนาดสาวญี่ปุ่นที่ไอ้ ขวัญมันหลอกมาบ้าน ไอ้หอยยังทำซูชิไส้ปลาร้าให้กินจนติดอกติดใจมาแล้ว ไอ้เอ้มันยังขำอยู่ จนถึงทุกวันนี้ เมื่อนึกถึงวีรกรรมของไอ้หอย ที่ชอบหลอกให้เพื่อนกินโน่นกินนี่ ไอ้หอยเคย ทำงานอยู่ร้านอาหารญี่ปุ่นมาก่อน จึงมีฝีมือในการห่อข้าวห่อสาหร่ายได้อย่างมืออาชีพ ถึงแม้ว่า มันจะเรียนการทำอาหารฝรั่งเสียส่วนใหญ่ วันนั้นสาวญี่ปุ่นตายใจ เมื่อไอ้หอยโชว์ฝีมือ ด้วยการ เอาข้าวผสมกับน้ำส้มมาแผ่บนสาหร่าย ต่อจากนั้นมันก็เอาน้ำปลาร้า ซึ่งเป็น สินค้ามีชาติตระกูล และเป็นหน้าเป็นตาของไทยทาจนทั่ว และใช้อโวคาโด หั่นเป็นเสี้ยว พร้อมกับแตงกวาหนึ่งแท่ง วางลงบนข้าวพร้อมกับวาซาบิ แล้วบรรจงห่ออย่างดี ออกมาสวยงามมากไม่แพ้ญี่ปุ่นห่อ ทั้งๆที่ มันเป็นคนอีสานโดยแท้ รสชาติเหมือนกินแตงกวาจิ้มกับปลาร้า

มีวันหนึ่งไอ้จิต ไอ้เอ้ ไอ้ขวัญ กลับมาบ้านตอนเย็น กำลังหิวโซ แต่ไอ้หอยก็ไม่ทำให้ทุกคน ผิดหวังเช่นเคย เพราะบนโต๊ะอาหาร มีผัดกะเพราอย่างดี กลิ่นหอมเหมือนที่ไอ้เอ้เคยกินที่ร้าน อาหารในมหาลัยเกษตรเลย ไอ้เอ้มันนึกถึงความหลัง (มันจบจากเกษตรศาสตร์) ที่มันมักจะสั่ง อาหารสิ้นคิดมากิน คือมันคิดอะไรไม่ออก มันก็จะสั่งผัดกะเพรากับไข่ดาวมากิน แต่ทั้งสามคน ก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ไอ้หอยเอาเนื้ออะไรมาผัดให้กิน ไก่ก็ไม่ใช่ เนื้อวัวก็ไม่ใช่ เพราะสีมันไม่ใช่ มองดูก็รู้แล้ว แต่ทุกคนตั้งหน้าตั้งตากิน เพราะรสชาติมันใช่เลยผัดกะเพรา เมื่อไอ้ขวัญถามว่า

“ไอ้หอยนี่มันเนื้ออะไรวะ” (ไอ้ขวัญมันจบนิติศาสตร์จากธรรมศาสตร์ มันจึงชอบซักถาม)

“มีให้แดก มึงก็แดกๆไปเหอะน่าไม่ต้องมาถาม” เสียงไอ้หอยมันไม่ค่อยพอใจที่จะตอบ

ทุกคนจึงเห็นด้วยกับคำพูดของมันว่า ในเมื่อหิวมีอะไรแดกก็แดกๆไปเหอะ จะไปถามให้
มันรำคาญหัวใจทำไมวะ แต่ไอ้จิตเสือกพูดต่ออีกว่า

“ทำไมมึงไม่ทอดไข่ดาวให้ด้วยวะ”

ไอ้หอยมองหน้าแบบยิ้มๆ พร้อมกับพูดว่า

“มึงอยากแดกก็ทอดเองสิ” ดังนั้นทุกคนจึงตั้งหน้าตั้งตากินจนหมดเกลี้ยงภายในพริบตา

เมื่อทุกคนกินอิ่มแล้ว ดูไอ้หอยมันมีความสุขมากในการนั่งมองเพื่อนมันกินอาหาร มันจึง ถามขึ้นว่า “อร่อยไหมวะ” ทุกคนเริ่มสงสัยว่าไอ้หอยมันจะพูดอะไรต่อ แล้วมันก็พูดต่อจริงๆว่า

“พวกมึงอยากรู้ไหมว่าเนื้ออะไร”

ทุกคนมองหน้ากันเพราะไอ้หอยมีพฤติกรรมไม่น่าไว้ใจ แต่ไอ้หอยมันไม่ต้องการคำตอบ ว่า ทุกคนอยากรู้หรือไม่ เพราะตอนนี้ถึงทุกคนไม่อยากรู้ ไอ้หอยมันก็ต้องบอกอยู่ดี ทุกคนจึงรอ ว่ามันจะพูดว่าอะไร ไอ้หอยมันพูดว่า

“เนื้อตัวพอสซั่มไง (possum) มันถูกไฟช็อตตกมาจากเสาไฟฟ้า กูเห็นกับตาเลยนะโว๊ย ทีแรกกูตั้งใจ จะเอามาให้ไอ้จิตมันดู เพราะมันจบสัตวบาลจากแม่โจ้ (มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เชียงใหม่) ตอนกูหิ้วมันมา ฝรั่งแม่งมองกูทุกคน กูก็ไม่รู้จะทำยังไง เพราะกูตั้งใจจะช่วยมัน จริงๆ แต่มันเสือกมาสิ้นใจกลางทางก่อนถึงบ้าน ตอนมันตายกูสงสารมันน้ำตาแทบตก กู เลยคิดว่า ถ้ามันตายโดยเปล่าประโยชน์ วิญญาณของมันคงไปเกิดในที่ไม่ดี กูเลยต้องเอา ร่างไร้วิญญาณของมัน มาทำให้เกิดประโยชน์ โดยที่ให้พวกมึงเป็นผู้ส่งวิญญาณมัน”

ทุกคนฟังไอ้หอยพูดอย่างสำนึกในบุญคุณของมัน และรู้สึกได้บุญในการกินผัดกะเพรา พอสซั่มของไอ้หอยในครั้งนี้ แต่ทุกคนก็ไม่ได้ว่าอะไร ทั้งที่รู้ว่าจริงๆแล้ว มันตั้งใจจะแกล้งให้ เพื่อนกินสัตว์ผู้น่าสงสารตัวนี้มากกว่า แต่ด้วยรสชาติและฝีมือการทำอาหารของมัน ทุกคนเลย ไม่ว่าอะไรเพราะมันอร่อยดี ทำให้ไอ้หอยมันผิดหวังนิดหน่อย แต่มันก็ยังไม่ละความพยายาม เพราะมันบอกว่ามันใฝ่ฝันที่จะเป็นเชฟ (Chef) ที่มีชื่อเสียงและมีรายการโทรทัศน์เหมือนคุณ หมึกแดง จึงไม่แปลกเลยที่ไอ้หอยของเพื่อนๆ จะสรรหาทำโน่นทำนี่ให้เพื่อนๆกินตลอด ถึง แม้ว่าบางครั้งหน้าตาอาหาร จะไม่เคยมีปรากฏในที่แห่งใดในโลกก็ตาม แต่ทุกคนก็เต็มใจกิน ไม่ใช่เพราะอยากเอาใจเพื่อนหรอก แต่เป็นเพราะว่ามันหิวและไม่มีอะไรกิน

วันนี้ก็อีกเช่นเคย เป็นวันศุกร์ที่ 8 พฤษภาคม 2546 ไอ้จิตจำได้ดี วันนี้ไอ้หอยรับหน้าที่ เป็นพ่อครัวอีกเช่นเคย ไอ้หอยมันทำอาหารสารพัด เพราะมีเพื่อนนักเรียนมาที่บ้านหลายคน มัน ทำปูดองไวน์ขาว เป็นเมนูจานเด็ดพร้อมเครื่องเคียงกันคาวคือกิมจิ (เป็นผักดองกับพริกของคน เกาหลี ) เพราะมันตั้งใจจะเอาใจเพื่อนเกาหลีผู้หญิงที่มันหลงรัก แต่ขอโทษสาวเกาหลีไม่แตะปู ของไอ้หอยเลย สาวเกาหลีตั้งหน้าตั้งตากินส้มตำไก่ย่าง แต่คนที่กินปูซะเต็มคราบเลยคือไอ้จิต เพราะมันชอบกินปูมาก ยิ่งตอนที่มันมาเรียนที่นี่ใหม่ๆด้วยแล้ว มันแทบจะคลั่ง เพราะอยาก กินปูมาก ตอนอยู่กรุงเทพฯ มันไปนั่งกินที่ร้านปูทองของคุณมานพ อัศวเทพ เป็นประจำ มา ตอนนี้ไอ้หอยทำปูดองของโปรดมัน

“ไม่ต้องเสียใจหอยเพื่อนรัก โซเฮียน แฟนมึงไม่แดก กูแดกเอง” ไอ้จิตปลอบไอ้หอย

คืนนี้ไอ้จิตมีความสุขมากที่ได้กินปูดองที่อร่อยมากที่สุดเท่าที่มันกินมา พร้อมกับน้ำจิ้มรส แซ่บๆ มันบอกว่าชาตินี้มันนอนตายตาหลับแล้ว

ุ เช้าวันนี้อากาศแจ่มใสเป็นพิเศษ ถึงแม้ทุกคนจะไม่แจ่มใสเลย เพราะสารตกค้างในสุราเมื่อ คืนนี้ ไหนจะนอนดึกเกือบสว่าง เมื่อทุกคนตื่นนอนขึ้นมา แต่ละคนหน้าตาเหมือนผีดิบที่ไม่ได้ ดื่มเลือดมาพันปี ทั้งซีดทั้งโซ แต่ในเมื่ออากาศดี ทุกคนก็พยายามตื่นขึ้นมารับอากาศยามเช้าและ อาบแสงแดด เพราะในเมลเบิร์นนั้น วันที่มีแดดไม่ได้เจอง่ายๆ คนเมลเบิร์นต้องติดตามรายงาน อากาศอย่างใกล้ชิด ไม่อย่างนั้นอาจจะเจ็บไข้ได้ป่วย เพราะไม่ได้เตรียมตัวเรื่องเสื้อผ้า ในเมื่อ วันนี้อากาศดี ทุกคนเลยตัดสินใจว่า จะขับรถไปเที่ยวที่ตลาดสปริงเวล เพราะของถูกและมีของ ขายมากมาย อาหารเอเชียก็มีขาย ไอ้สี่สหายพรรคมาร จึงรีบอาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็ว คนที่ ช้าที่สุดเห็นจะเป็นไอ้จิต เพราะมันต้องบรรจงพับผ้าเช็ดหน้าที่แฟนซื้อให้ และก็ต้องใส่ถุงเท้า ที่แม่มันซื้อให้ เพื่อแสดงความกตัญญูกับมารดาของมัน (แต่จริงๆแล้ว มันไม่อยากไป)

ระหว่างที่รถแล่นอยู่ ไอ้จิตนั่งหน้าซีดเหงื่อแตกมาตลอดทาง มันนั่งภาวนาว่า เมื่อไหร่จะถึง ซะทีวะ ที่จริงระยะทางมันไม่ไกลเลย แต่ทำไมรถมันวิ่งช้าเหลือเกินวะ

“ไอ้ขวัญ มึงขับเร็วๆหน่อยสิวะ ประตูเมืองกูจะพังอยู่แล้วเนี่ย”

“ขับเร็วกว่านี้ ตำรวจจับถูกปรับ โดนตัดคะแนนใบขับขี่” ไอ้ขวัญตอบอย่างใจเย็น และไม่ สนใจในความทุกข์ทรมานของเพื่อนมัน

ไอ้จิตได้แต่รำพึงอยู่ในใจ เดี๋ยวเหอะมึง เดี๋ยวมึงจะรู้สึก

“ไอ้หอย ไอ้เอ้ มึงเปิดกระจกทำไมวะ หนาวจะตายห่า”

เสียงไอ้ขวัญต่อว่าเพื่อนทั้งสอง

“มึงไม่ให้กูเปิดได้ไงวะ แม่งเหม็นตดฉิบ......” เสียงไอ้เอ้ตอบโดยไม่ต้องคิด

เสียงไอ้เอ้ ไอ้ขวัญ ไอ้หอย ด่าไอ้จิตไปตลอดทาง เพราะต้องนั่งดมตด แล้วคิดดูว่า ตดก่อน ที่อึจะออก จะเหม็นมากเป็นพิเศษขนาดไหน ถ้าเปิดกระจกรถก็หนาว ปิดก็เหม็น สร้างความคับแค้นใจ ให้กับทุกคนเป็นอย่างมากไปจนถึงปลายทาง

พอรถจอดสนิทที่ตลาดสปริงเวล ไอ้จิตโกยแน่บอย่างรวดเร็วเพื่อหาห้องน้ำ มันเป็นห้องน้ำ สาธารณะที่อยู่ไม่ไกลจากลานจอดรถ เป็นห้องน้ำที่ดูไม่มีชาติตระกูลเท่าไหร่ เป็นห้องน้ำพื้นซีเมนต์ธรรมดา มีห้องสำหรับปลดทุกข์หนึ่งห้อง และก็มีรางสำหรับ ยืนฉี่ เมื่อไอ้จิตวิ่งไปถึง มันต้องเสียเวลายืนเอาขาไขว้กันอยู่ประมาณสามนาที เพราะห้องน้ำมี คนกำลังใช้อยู่

“รีบๆออกมาสิวะ มึงจะรอให้กูเชิญมึงออกมารึไงเนี่ย” ไอ้จิตได้แต่ก่นด่าอยู่ในใจ

และแล้วเสียงกดน้ำที่ดังออกมาเตือนให้มันรู้ว่า คนที่อยู่ด้านใน เสร็จสิ้นภาระกิจอันใหญ่ หลวงแล้ว เมื่อชายผู้นั้นก้าวพ้นประตูออกมา ไอ้จิตรีบแทรกอากาศเข้าห้องปิดประตูใส่กลอน ทันที วันนี้ไอ้จิตยังดีใจ ที่วันนี้มันใส่ลีวายส์ห้าศูนย์หนึ่งกระดุมเงินมา มันแค่ปลดกระดุมเม็ด แรกออก ที่เหลือไม่ต้องปลดใช้ดึงเอา เสียงกระดุมหลุดเป็นจังหวะ แต่ไอ้จิตไม่กล้านั่งในทันที เพราะรู้ว่าข้าศึกมาทั้งกองพันขนาดนั้น มันจะต้องทะลุทะลวงออกมาอย่างแรง จนอาจจะทำให้ ข้าศึกพลาดเป้าหมายได้ มันจึงยืนขาไขว้กัน และเอียงหน้าเล็กน้อย เพื่อหันไปมองเป้าหมายให้ แน่ใจว่า หัวหมู่ทะลวงฟันชุดแรกต้องพุ่งตรงเป้าแน่ เมื่อมันแน่ใจแล้ว มันจึงดึงกางเกงยีนส์ พร้อมกางเกงในลงอย่างรวดเร็ว และนั่งลงตรงที่หมายทันที

ไอ้จิตถอนหายใจอย่างโล่งอก และหายใจทั่วท้องอย่างสบาย เหมือนไปเกณฑ์ทหารแล้วจับ ได้ใบดำอย่างไงอย่างงั้นเลย ชุดแรกไอ้จิตยิงติดกันตลอด เว้นระยะอีกไม่ถึงสองวินาที ชุดสอง และชุดสามก็ตามมาติดๆเป็นระยะ ๆ เมื่อคลื่นลมเบาลง มันก็มีเวลานึกถึงอะไรบางอย่าง คือ
การทำดีทอกซ์ (DETOX) มันคิดว่าปล่อยออกมาหมดไส้เหมือนกันไม่ผิด แต่ต่างกันตรงที่ ดีทอกซ์ใช้น้ำเกลือหรือน้ำกาแฟอุ่นๆ ผ่านเข้าภายในร่างกายเรา จนทนไม่ไหว ต้องปล่อยมัน พรวดออกมาจนหมดไส้ แต่เมื่อคืนมันผ่านปูดองไอ้หอยเข้าไป ก็ทำให้ปล่อยออกมาหมดพุง เหมือนกัน แต่การทำดีทอกซ์ เหมือนถูกเกย์คิงเปิดซิงทางประตูหลัง แต่ นางนิตยา จันทร์เรือง
มหาผล โฆษกกระทรวงสาธารณะสุข(สธ) กล่าวว่า การสวนทวารหนักโดยใช้น้ำ น้ำเกลือ และ
น้ำกาแฟ เพื่อหวังรักษาโรคและล้างพิษออกจากร่างกาย ซึ่งการกระทำดังกล่าวมีข้อควรระวัง
โดยเฉพาะคนที่เป็นไส้ติ่งอักเสบ ลำไส้อักเสบ หากใช้น้ำหรือของเหลว ที่มีความดัน เข้าไปทาง
ทวารหนัก จะเกิดการระคายเคือง ผิวลำไส้ที่บางอยู่แล้วอาจเกิดการโป่งพองจนถึงขั้นระเบิดได้
กลุ่มคนที่เป็นโรคไต กรณีใช้น้ำเกลือหรือน้ำกาแฟสวนทางทวาร การรับน้ำหรือน้ำเกลือมาก
เกินไป จะมีผลต่ออวัยวะ ผิวสัมผัสของลำไส้ใหญ่ ทั้งนี้ลำไส้ใหญ่มีหน้าที่ดูดซึมน้ำเข้าสู่ร่าง
กาย เมื่อสวนน้ำเกลือหรือกาแฟเข้าสู่ร่างกาย ร่างกายจะได้รับทั้งเกลือและคาเฟอีน ผ่านการ
ดูดซึมของลำไส้ใหญ่บางคนที่ไวต่อเกลือและคาเฟอีนจะเป็นอันตรายได้ (จากบทความเรื่อง
ล้างพิษด้วยการสวนทวารหนักระวัง “ลำไส้ระเบิด” //www.bangkokhealth.com)
แต่การกินปูดอง ของ ไอ้หอยอร่อยดี ได้รสชาติของความแซ่บ ไม่ต้องกลัวไส้ระเบิด แค่ทน
แสบก้นนิดหน่อย แล้วยังเป็นการถ่ายท้องอย่างชีวจิตด้วย คือ มีทั้งสีเหลืองจากเมล็ดข้าวโพด
สีแดงจากน้ำจิ้มพริกขี้หนูสด

เมื่อไอ้จิตแน่ใจว่า ข้าศึกตายหมดทั้งกองทัพแล้ว มันจึงมองหากระดาษที่จะเอามาทำความ สะอาด แต่วันนี้เป็นวันเสาร์ ผู้คนมาใช้ห้องน้ำมากเป็นพิเศษ พระเจ้าช่วยกระดาษชำระหมดไป ก่อนหน้าที่มันเข้ามา คิดอย่างสะระตะแล้วกูจะเอาอะไรเช็ดตูดวะ

“ทำไงดีวะ จะเรียกให้คนข้างนอกไปหาให้ ก็คงไม่มีใครไปแน่ จะเรียกเพื่อน ก็ไม่รู้พวกแม่ง หายหัวไปไหน จะเดินออกไปเลยก็ไม่ได้ เพราะมันเป็นน้ำซะส่วนใหญ่ มันต้องไหลนองไป
สู่ง่ามก้นของกูเป็นแน่” ไอ้จิตรำพึงในใจ

ทันใดนั้นสมองมันก็เริ่มสั่งงาน มันก็คิดได้ว่า ในตัวมันมีของสองสิ่งที่จะช่วยแก้ปํญหา เฉพาะหน้าได้คือ ถุงเท้ากับผ้าเช็ดหน้า แต่ของสองสิ่งนี้ คนที่มันรักดังดวงใจซื้อให้ มันตัดสินใจ ไม่ถูก มันนั่งคิดหาเหตุผลให้กับถุงเท้าก่อน ถ้ามันใช้ถุงเท้า มันก็เหมือนคนอกตัญญู เพราะคุณ แม่ซื้อให้ แต่ถ้ามันใช้ผ้าเช็ดหน้า มันก็เหมือนคนไม่รักษาสัญญา ผิดคำพูดที่ให้ไว้กับแฟน สภาพ ของไอ้จิตตอนนี้ เหมือนนายกรัฐมนตรีถูกบีบให้ยุบสภา ในขณะที่เพลี่ยงพล้ำทางการเมือง ไม่รู้ จะหันหน้าไปพึ่งใคร ทุกพรรคร่วมต่างถอนตัวในการร่วมรัฐบาล ไอ้จิตเลยยอมเป็นลูกอกตัญญู เพราะมันคิดว่าถุงเท้ามันหนา ใช้แค่ข้างเดียวและด้านเดียว มันยังม้วนแล้วเอาไปซักตากได้ แต่ ไอ้จิตต้องน้ำตาคลอเบ้า เพราะในเมื่อมันท้องเสียขนาดนั้น ย่อมมีแต่น้ำที่เลอะไปทั่วแก้มก้นของ มัน ยิ่งเช็ดก็ยิ่งเลอะ มันต้องใช้ถุงเท้าถึงสองข้างด้วยกัน ก้นมันจึงสะอาด พอที่จะเดิน ออกไปได้ ครั้นจะห่อกลับไปซักก็คงไม่ไหว ไหนจะกลิ่น ไหนจะถือออกไปอย่างไร มันเลยตัดใจเดินไป ด้วยน้ำตานองหน้า ปิ่มว่าจะขาดใจ เหมือนเทพ โพธิ์งาม คือใส่รองเท้าหุ้มส้น แต่ไม่ใส่ถุงเท้า และเดินขาถ่างนิดๆ เพราะตูดหุบไม่ลงด้วยความแสบ จากน้ำจิ้มปูดองรสแซ่บของไอ้หอย

ขณะนั่งรถกลับบ้าน ไอ้จิตนั่งซึมเหมือนถ่ายมิวสิควีดีโอไปตลอดทาง มันหน้าเศร้าไม่ยอม พูดจากับใคร มันทำหน้าเหมือนหมาป่วย ได้แต่เหม่อลอยออกนอกหน้าต่างรถ มันนั่งนึกถึงตอน ที่มันบรรจง ถอดถุงเท้าที่แม่มันซื้อให้มาพับและเช็ดไปในช่องว่างระหว่างแก้มก้น เสร็จแล้วเอา ออกมาพับปิดรอยเปรอะ แล้วเช็ดอีก แล้วเอามาดู ยังมีอีกเยอะต้องเช็ดอีกจนหมด แต่มันยัง รู้สึกเหนียวอยู่ มันต้องถอดอีกข้างออกมาเช็ดจนหมด ยิ่งคิดถึงตอนนี้ มันยิ่งทำหน้าเหมือนใคร สักคนที่มันรัก ตายจากมันไป โดยที่มันไม่มีโอกาสดูใจ มันน้ำตาเริ่มคลอเบ้าอีกครั้ง เพราะมัน สงสารถุงเท้าที่คุณแม่ซื้อให้อย่างจับใจ ถุงเท้าของมันต้องมาเสียสละเพื่อปกป้องนายมัน วีรกรรม ของถุงเท้าครั้งนี้ ยิ่งใหญ่กว่าการเสียสัตย์เพื่อชาติ อย่างที่นายกรัฐมนตรีท่านหนึ่ง เคยพูดขณะ เข้ารับตำแหน่งเสียอีก แต่นี้ไอ้จิตมันเสียสละถุงเท้าเพื่อความสะอาดของก้น ถ้าไม่มีถุงเท้าใน วันนั้น ไอ้จิตคงนึกไม่ออกว่า จะทำอย่างไรกับก้นมัน อย่างน้อยวันนั้น มันก็ยังมีสิ่งที่ให้เลือก ได้ถึงสองอย่าง นี่ถ้าถุงเท้ามีวิญญาณ มันคงจะรับรู้ว่า ไอ้จิตไม่เคยลืมบุญคุณเลยตลอดชั่ว นิจนิรันดร์...
ปัญหาทุกอย่างนั้นมีทางออกได้ หากเรานั้นมีสติไตร่ตรอง ค่อยๆแก้ปัญหานั้นๆ ยามใดที่
รู้สึกว่าหนักใจกับสิ่งรอบข้าง ก็จงใช้ปัญญามองปัญหาอย่างถ่องแท้ แล้วหาสาเหตุหรือต้นเหตุ
ของปัญหา ดังพระอริยะเจ้าองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้ด้วยอริยะสัจสี่ คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
แม้ว่า จิตกร หอย เอ้ ขวัญ จะเรียนจบกลับไปทำงานในเมืองไทยแล้ว แต่ยามใดที่ ทุกคนเจอหน้ากันก็จะต้องรำลึกถึงเรื่องนี้ทุกคนก็จะหัวเราะทุกครั้ง เหมือนกับเป็นตำนานแห่ง การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอย่างดีเยี่ยม แล้วถ้าวันนั้นไม่มีทั้งถุงเท้าและผ้าเช็ดหน้า จิตกรจะทำ อย่างไร


...บุคคลใด เกียจคร้าน มีความเพียรทราม
ถึงจะมีชีวิตอยู่ตั้งร้อยปี ชีวิตของเขาก็หาประเสริฐ
ส่วนบุคคลใด มุ่งหน้าทำความเพียรอย่างมั่นคง
แม้ชีวิตอยู่เพียงวันเดียว ก็เป็นชีวิตที่ประเสริฐกว่า....

ขอบคุณ ดร.สิทธิพร ขจรเนติยุทธ เอื้อเฟื้อเรื่อง
จิต เอ้ ขวัญ หอย ให้ยืมชื่อ



Create Date : 18 มิถุนายน 2550
Last Update : 13 กรกฎาคม 2553 9:08:17 น. 0 comments
Counter : 979 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

พินิจนันท์ เจมส์
Location :
โน้ส อุดม Ayaka Oishi Hiroko Australia

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




รวมเรื่องสั้นจากต่างแดน ชุด หนูอยากเป็นโสเภณีนี้
ผู้เขียนตั้งใจเขียนเพื่อให้เป็นความรู้ และตีแผ่สังคมที่ได้พบได้เจอมา ต้องการให้เป็นเรื่องสั้นที่มีครบทุกอรรถรสหลากหลาย อารมณ์ตลก ชีวิต เสียดสีสังคม และแฝงไปด้วยคติเตือนใจ แต่ละเรื่องผู้เขียนหวังแค่ปลุกจิตให้กับผู้อ่าน ได้รู้ได้สัมผัสกับแง่มุมบางแง่ ที่คนอาจมองข้ามไป และต้องการแสดงให้ เห็นว่าทุกสังคมนั้น ย่อมมีการแก่งแย่งแข่งขัน ดิ้นรน โอ้อวด เหยียดหยามกัน มีทั้งคนดี และคนไม่ดี สิ่งเหล่านี้ในสังคมเดียวกัน แต่คนอาจจะพบอาจเจอไม่เหมือนกัน และสังคม ของคน ก็เหมือนสังคมของสัตว์ผู้ที่เก่งผู้ที่มีกำลังมาก ผู้ที่รู้จักปรับตัว ก็ย่อมอยู่ได้ในสังคม นั้น ผู้ที่อ่อนแอและไม่ปรับตัว ก็ไม่สามารถจะอยู่ร่วมกับคนในสังคมนั้น เพราะทุกคนมี ที่มาต่างกันและมีจุดมุ่งหมายต่างกัน แต่ในเมื่อมาอยู่ร่วมกันในที่ที่เดียวกัน ก็ย่อมที่จะมี ปัญหา เพราะทุกคนเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ต่างคน ต่างต้องต่อสู้ดิ้นรน เพื่อความอยู่รอด

เรื่องสั้นส่วนใหญ่ เคยโพสต์ลงในเวปเอ็มไทย ได้รับคำวิจารณ์และคำติชมจากผู้อ่านพอสมควร ผู้เขียนต้องการเพียงแค่ เสนอแนะให้เป็นข้อคิดกับคนรุ่นต่อไป หรือคนที่กำลังจะก้าวเข้าสู่สังคมของคนในต่างแดนว่า เราควรจะเตรียมตัวอย่างไร ถึงจะอยู่รอดได้ ผู้เขียนไม่ได้มีจุดมุ่งหมาย ที่จะนำชีวิตผู้หนึ่งผู้ใดมาประจานให้ได้รับ ความเสียหาย เพราะทุกเรื่องตัวละครทุกตัวก็เป็นเรื่องสมมุติ ถึงแม้จะอิงหรืออ้างถึงสถานที่ จริง ก็เพื่อให้เกิดความสมจริงขึ้นกับเนื้อเรื่องเท่านั้น

ผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังสือเล่มนี้ จะบรรจุเรื่องราวต่างๆที่เป็นประโยชน์ ความสนุก สนาน สำหรับผู้อ่านอย่างครบถ้วน

ด้วยความปรารถนาดี

เจมส์

มกราคม 2543
New Comments
Friends' blogs
[Add พินิจนันท์ เจมส์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.