คิดถึงเธอ... มาร่วมรำลึก 25 ปี ของการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของ"องเหม่ยหลิง" อึ้งย้งในใจผู้ชมตลอดกาล
วันนี้(14 พ.ค. 2553) เป็นวันครบรอบ 25 ปี การจากไปขององเหม่ยหลิง เมในฐานะคนรุ่นหลัง คงต้องใช้คำนี้ เพราะเกิดไม่ทันได้ดูเธอเลย เธอเสียชีวิตไปห้าปีก่อนที่เมจะเกิด เมเป็นคนนึงที่เป็นคอหนังทีวีบี ทั้งหนังเก่า หนังใหม่ ยุคไหน สมัยไหน ก็หามาดูหลายต่อหลายเรื่อง แต่ไม่เคยได้ดูองเหม่ยหลิงเลย จนกระทั่งเมื่อเดือนที่แล้ว ได้มีโอกาสดูเรื่องมังกรหยก(The Legend Of The Condor Heroes 1983) ก่อนหน้าที่จะได้ดูเรื่องนี้ เมก็เคยได้ยินกิตติศัพท์ของเวอร์ชั่นนี้มานานมาก ว่าเป็นเวอร์ชั่นที่ดีที่สุด ทั้งยังเห็นมีคนเอ่ยชมองเหม่ยหลิงมากมายตามเว็บบอร์ดต่างๆ และก็ได้ทราบว่าเธอได้เสียชีวิตไปแล้ว แต่ก็ยังเห็นหลายคนที่ยังคงตั้งกระทู้เกี่ยวกับเธออยู่ ถึงวันนี้เป็นเวลา 25 ปี แล้วที่เธอลาโลกไป แต่ทว่ายังคงมีแฟนคลับของเธอให้เห็นมากมายบนโลกไซเบอร์ ก่อนที่จะได้ดูองเหม่ยหลิงนั้นเมยังคิดในใจว่า ..เธอไม่ธรรมดาจริงๆ มีคนชอบเยอะมากขนาดนี้.. แล้วพอได้ดูมังกรหยกในตอนแรกๆ ย้งยี้ยังไม่ออก เรื่องจะดำเนินที่มาของก๊วยเจ๋ง ตอนแรกก็รู้สึกชอบองค์หญิงมองโกลตามระเบียบ เพราะเมเป็นโรคแพ้ทางหญิงมองโกล เห็นแล้วไม่อยากกลับจงหยวนเลยล่ะ นี่ก็เป็นอีกครั้งที่ชอบองค์หญิงมากๆ แต่ก็รู้ว่านี่ไม่ใช่นางเอก เพราะนางเอกต้องเป็นอึ้งย้งสิถึงจะถูกต้อง แต่ดูแล้วสงสารองค์หญิงมาก ตอนนั้นรู้สึกไม่อยากให้อึ้งย้งออกมาเลย สงสารองค์หญิงถ้าต้องช้ำใจ พอก๊วยเจ๋งเดินทางลงใต้สู่จงหยวน และได้พบกับอึ้งย้งในคราบขอทานน้อย ตอนนั้นก็รู้สึกว่านางเอกคนนี้ก็โอเคนะ แต่ยังไงก็ยังแพ้ทางหญิงมองโกลมากกว่าอยู่ดี แต่พอดูไปเรื่อยๆ เริ่มมีบท งอน-ง้อ เอาแต่ใจ โมโหร้าย ไม่มีเหตุผล เจ้าเล่ห์ แสนกล เท่านั้นล่ะก็ชอบย้งยี้มากๆ เลย ดูไปยิ้มไปไม่มีเบื่อเลยจริงๆ ตอนไหนที่ย้งยี้หายไป ฟีลสนุกมันจะลดลงไปกว่าครึ่งเลยล่ะ ดูไปเรื่อยๆ ก็ได้แต่รอว่าเมื่อไหร่ฉากย้งยี้จะมาอีกนะ เป็นจุดเริ่มต้นของความบ้าองเหม่ยหลิงขึ้นมาทันที หลังจากดูจบก็ดูใหม่ และดูใหม่ รวมแล้ว 3 รอบ ในเวลา 10 วัน แต่เวลาดูใหม่นี่ตอนแรกๆ ก็ไม่ดูหรอกนะ เริ่มดูตอนที่ย้งยี้ออกมา เรียกว่าลืมองค์หญิงมองโกลไปสนิท เผ่นกลับจงหยวนอย่างเป็นการด่วนเลยงานนี้ หลังจากนั้นก็เริ่มเปิดเว็บไซด์ต่างๆ ดูรูป ดูคลิป ดูประวัติของเธอ และประจวบเหมาะจริงๆ ที่ทาง Truevision 64 เอาเรื่อง ชอลิ้วเฮียง ถล่มวังค้างคาว มาฉายทางช่อง Asian Series พอดี แต่ดันฉายตอนเที่ยงคืน และรีรันอีกทีตอนหกโมงเช้า ช่างเป็นเวลาที่จัญไรมากๆ ทีแรกก็ตั้งใจดูทั้งสองรอบ รอบนึงดูเป็นกวางตุ้ง อีกรอบก็พากษ์ไทย แต่เสียงซาวแทร็กมันดันเป็นจีนกลางล่ะสิ เซ็งเลย..ยย..ยย เพื่อสุขภาพที่ดีก็เลือกดูรอบหกโมงเช้า คือเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลมากที่ทำให้แหกขี้ตาตื่นมาแต่เช้า วันไหนมีธุระต้องตื่นตั้งแต่ตีห้ามาทำธุระประจำวันให้เสร็จ แล้วก็มานั่งดูหนังตอนหกโมง คุณแม่ยังชมและดีใจมากที่ตื่นเช้าได้ทุกวี่วันโดยไม่งอแง แถมยังแซวลูกอีกว่า ..จะไปคุยกับผู้บริหารทรูวิชชั่นให้เอาหนังที่ลูกชอบมาฉายเวลานี้ตลอดเลย.. บางวันตื่นมาแต่องเหม่ยหลิงไม่ออกก็มีเซ็งเหมือนกัน แต่ก็ไม่เป็นไร นู๋ทนได้ คิดไปแล้วเสียดายจังเลยที่เกิดช้าไป 30 ปี อยากเจอองเหม่ยหลิงตัวเป็นๆ บ้างอ่ะ เห็นรูปตอนที่มาเมืองไทยแล้วอิจฉาคนที่เจอเธอมาก เป็นอะไรที่ล้ำค่ามากจริงๆ เวลาดูผลงานของเธอก็เกิดความรู้สึกสองอย่างที่สวนทางกันคือ ยิ่งดูยิ่งชอบ กับยิ่งดูยิ่งเศร้า ชอบผลงานของเธอ แต่เศร้าที่เธอจากไปแบบไม่มีวันกลับ ตอนนี้ช่อง Truevision 64 ก็ยังฉายเรื่องมังกรหยกด้วย และก็ไม่พลาด ดูแล้วดูอีกจนได้ ถึงเสียงพากษ์ไม่ถูกใจเอาซะเลย แต่ก็มีความสุขที่ได้ดูองเหม่ยหลิงอีกครั้ง ดูได้ไม่มีเบื่อจริงๆ ดูแล้วก็ชอบคู่ หวงเย่อหัว(Felix Wong) กับองเหม่ยหลิง มากๆ เลย อยากให้คู่กันจริงๆ แต่องเหม่ยหลิงดันไปเจอเฮียทังเจินเยี่ย(Kent Tong) ก่อนในเรื่องสมิงสาวใจเพชร(The Legend Of Unknowns) เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นของจุดจบในชีวิตเธอ เมขอโพสต์รูปแห่งความทรงจำของเธอ พร้อมเล่าประวัติของเธอ เพื่อเป็นการรำลึกถึงเธอ
องเหม่ยหลิงเกิดที่ฮ่องกง เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 1959 (ปีนี้เธออายุ 51 ปีแล้ว) เธอเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของพ่อและแม่
คุณพ่อเธอเสียชีวิตตั้งแต่เธออายุแค่ 7 ขวบ หลังจากที่คุณพ่อของเธอเสียไป คุณแม่ของเธอก็แต่งงานใหม่ และย้ายไปอยู่อังกฤษกับสามี ฝากเด็กหญิงองเหม่ยหลิงไว้กับญาติๆ ที่ฮ่องกง ตอนนั้นองเหม่ยหลิงอายุแค่ 11 ปีเท่านั้น พอเธออายุ 15 ปี เธอก็ตามไปอยู่กับคุณแม่ที่อังกฤษ ชีวิตที่อังกฤษของเธอ นอกจากเรียนหนังสือแล้ว เธอยังช่วยดูแลร้านอาหารของครอบครัวอีกด้วย เธอจบด้านศิลปะจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์(Cambridge University) ในตอนนั้นเธอเข้าประกวดมิสไชน่าทาวน์ที่อังกฤษ(เมืองไหนไม่แน่ใจ น่าจะลอนดอน) และคว้าตำแหน่งรองอันดับหนึ่งมาครอง ต่อมาเธอเดินทางมาที่ฮ่องกง เข้าประกวดมิสฮ่องกง ปี 1982
การประกวดครั้งนี้ เธอไม่ได้เข้ารอบลึกๆ เลย แต่ด้วยความสามารถนิดๆ บวกกับความโชคดีมหาศาลที่ทางทีวีบีเห็นแววอนาคตพุ่ง เล็งเห็นว่าเธอต้องดังเป็นพลุแตกแน่ๆ ล่ะงานนี้ เลยจัดงานพิธีกรให้เธอ เป็นรายการเกี่ยวกับผู้หญิง และป้อนงานละครเรื่องแรกให้เธอ คือเรื่องสมิงสาวใจเพชร(The Legend Of Unoknows) และเรื่องนี้ล่ะนำพาเธอมาเจอกับทังเจินเยี่ย(Kent Tong) และคบหากันในที่สุด ตอนนั้นทังเจินเยี่ยกำลังดังจากบท ต้วนอี้ ใน 8เทพอสูรมังกรฟ้า(The Demi-Gods and Semi-Devils 1982) เรื่องสมิงสาวใจเพชรนี่เมอยากดูมากๆ เลย หาซื้อไม่ได้เลยจริงๆ ไอที่หาซื้อได้ก็ไม่กล้าเสี่ยงกับ ebay กลัวไม่ได้ของ
หลังจากนั้นความดังถล่มทลายได้เดินทางมาเยือนเธอ เมื่อเธอได้แคสติ้งเรื่องมังกรหยก(The Legend Of The Confor Heroes 1983) ซึ่งถือว่าเธอสร้างความตกตะลึงมากๆ เรียกว่าเป็นม้ามืดเลยล่ะ ไม่มีใครคาดคิดว่าเธอจะสอดเข้ามารับบทอึ้งย้งไปครองได้ บุญก้อนใหญ่หล่นทับเธอจริงๆ คราวนี้ เมื่อเธอโด่งดังเป็นพลุแตกจากละครทีวีเรื่องนี้ ไม่มีใครไม่รู้จักเธอ ไม่มีใครไม่รักเธอ ถือเป็นผลงานอมตะชั่วนิรันดร์ของเธอเลยล่ะ เพราะเวลาผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังคงมีคนพูดถึงกล่าวขวัญถึงผลงานชิ้นนี้ของเธอ
จากนั้นเธอก็มีผลงานตามมาไม่ขาดสาย เรื่องที่จะโพสต์รูปต่อไปนี้ ยังไม่ได้ดูซักเรื่องเลย มีแค่เรื่อง ชอลิ้วเฮียง ถล่มวังค้างคาว ที่กำลังดูอยู่ตอนนี้ เมื่อยังไม่ได้ดู เลยไม่รู้จะบรรยายยังไง ขอโพสต์รูปอย่างเดียวละกัน
เฉือนรักเฉือนคม(The Sandwich Man) เรื่องนี้ก็หาซื้อไม่ได้เลย เศร้า
ยุทธจักรชิงเจ้าบัลลังก์(The Foundation)
เทพอาจารย์จอมอิทธิฤทธิ์(The Fearless Duo)
เฉือนคมเจ้าพ่อ(United We Stand)
ชอลิ้วเฮียง ถล่มวังค้างคาว(The New Adventures of Chor Lau Heung)
เทพบุตรทรนง(The Rough Ride)
ศึกสองแผ่นดิน(The Battlefield)
และเรื่องสุดท้าย ที่ไม่มีโอกาสสู่สายตาผู้ชมคือเรื่อง 桥王之王 ที่ถ่ายทำไปได้แค่วันเดียวเธอก็เสียชีวิตซะแล้ว
สาเหตุการเสียชีวิตก็มาจากพิษรัก เมื่อความรักของเธอสวนทางกับการงาน การงานของเธอรุ่งโรจน์ชัชวาล แต่ความรักของเธอกลับมีปัญหา เกิดมรสุมข่าวความรักของเธอมากมาย ทั้งข่าวที่ว่าทังเจินเยี่ยเกาะเธอดัง เนื่อจากตอนนั้นทังเจินเยี่ยมีดีกรีความดังลดลงไปเยอะมากๆ อีกทั้งมีข่าวว่าเฮียทังไปกิ๊กกับอู๋จินหยู(Sandra Ng) ถ้าใครนึกหน้ามือที่สามไม่ออก ก็ขอให้นึกถึงนางเอกจอเงินหนังตลกที่ชอบเล่นคู่กับโจวซิงฉือ(Stephen Chow)อ่ะนั่นล่ะ แต่ข่าวนี้เท็จจริงแค่ไหนก็ไม่อาจทราบได้
เหตุเริ่มเกิดวันที่ 13 พ.ค. 1985 องเหม่ยหลิง มีปากเสียงรุนแรงกับ ทังเจินเยี่ย และในคืนนั้นเธอโทรไปปรับทุกข์กับเพื่อนๆ หนึ่งในนั้นคือ Stephen Chow เขาเป็นห่วงจึงมาหาเธอที่อพาร์ทเมนท์ เคาะประตู แต่ไม่มีเสียงตอบ เขาจึงคิดว่าเธอไม่อยู่ เลยเดินทางกลับ เช้าวันต่อมา(14 พ.ค. 1985) เขาได้มาหาองเหม่ยหลิงที่ห้องอีกครั้ง คราวนี้ก็เช่นเดิมคือไม่มีเสียงตอบ แต่เขาได้กลิ่นแก๊ส เขาจึงตัดสินใจปีนหน้าต่างเข้าไป และพบเธอหมดสติอยู่ จึงรีบนำเธอส่งโรงพยาบาล Baptist ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด แต่มัจจุราชไม่ยอมปล่อยเธอไป เธอได้เสียชีวิตระหว่างทางไปโรงพยาบาล เธอลาโลกไปพบยมบาลด้วยอายุเพียงแค่ 26 ปี หลังจากเหตุการณ์นั้นได้สันนิษฐานจากเหตุการณ์ทั้งหมดได้ว่า เธอเปิดแก๊สรมตัวเองประชดทังเจินเยี่ย เพื่อให้ทังเจินเยี่ยกลับมาเอาใจใส่เธอเหมือนเดิม เธอไม่ได้ตั้งใจให้ถึงกับต้องเสียชีวิต แต่ทว่าความประมาทของเธอครั้งนี้ท่านมัจจุราชไม่ให้อภัย เธอจึงเสียชีวิตลงอย่างช็อควงการ
งานศพของเธอเต็มไปด้วยผู้คน และคนดังมากมาย มีแฟนๆ ที่ชื่นชอบเธอมาร่วมส่งเธอเป็นครั้งสุดท้ายมากมายแออัด ดูจากรูปที่ต้องใช้ตำรวจมากันฝูงชนเอาไว้ ผู้คนนี่น้องๆ ม็อบบ้านเราเลยนะเนี่ย รถขบวนศพของเธอก็เคลื่อนไปอย่างช้าๆ
องเหม่ยหลิง ย้งยี้คนนี้จะอยู่ในใจผู้ชมตลอดกาล
องเหม่ยหลิง และ หลิวตัน(Lau Dan)
องเหม่ยหลิง และ หยางพ่านพ่าน(Sharon Yeung)
รูปนี้ตอนมาเมืองไทย อิจฉาคนที่ได้ไปดูจัง
เหล่านี้เป็นคลิปเสียงร้องเพลงสดๆ ขององเหม่ยหลิง คลิกขวา และเลือก save target as เสียงขององเหม่ยหลิงก็...พูดตรงๆ แบบไม่ลำเอียงว่า ไม่เพราะเลยอ่ะ แต่ก็ไม่ใช่ขั้นที่ฟังไม่ได้ เสียงก็ปกติธรรมดาทั่วไปแหละ แต่เชื่อเหลือเกินว่าเสียงของเธอมีคุณค่ามากๆ โดยเฉพาะคนที่ยังชื่นชอบและคิดถึงเธอ เมว่าเพลงที่ 6 เพราะดีนะ เป็นเพลงที่เหมาะกับเสียงเธอดี
Credit: //www.barbarayung.net/
01 楚留香之蝙蝠傳奇《笑踏河山》 //www.barbarayung.net/show/show01.wma
02 決戰玄武門《夢裡幾番哀》 //www.barbarayung.net/show/show02.wma
03 天師執位《誰可改變》 //www.barbarayung.net/show/show03.wma
04 鐵血丹心主題曲 //www.barbarayung.net/show/show04.wma
05 主持人介紹 //www.barbarayung.net/show/show05.wma
06 夢想黃包車 //www.barbarayung.net/show/show06.wma
07 順流逆流 //www.barbarayung.net/show/show07.wma
08 情比雨絲 //www.barbarayung.net/show/show08.wma
09 在雨中《國語歌曲》 //www.barbarayung.net/show/show09.wma
10 愛情陷阱 //www.barbarayung.net/show/show10.wma
11 謝詞 //www.barbarayung.net/show/show11.wma
เมขอพูดถึงหนังที่ทำให้องเหม่ยหลิงเข้ามาอยู่ในใจเม เรื่องมังกรหยกนั่นเอง เนื่องจากเรื่องนี้ดูเท่าไหร่ก็ไม่รู้สึกเบื่อหน่ายเลย เวอร์ชั่นนี้ตามที่รู้กันเป็นเวอร์ชั่นอมตะตลอดกาลของมังกรหยก เฉกเช่นเดียวกับท่าเกาหัวของก๊วยเจ๋งและท่าจับผมของอึ้งย้งเวอร์ชั่นนี้ก็อมตะด้วย ทำให้ยังมีคนพูดถึงไม่ว่าเวลาจะเนิ่นนานแค่ไหน ความเจ้าเล่ห์แสนกล ฉลาดเฉลียว โมโหร้าย ใจแคบ ขี้งอน ไม่มีเหตุผล ความน่ารักน่าชังของย้งยี้ทำเอาใจอ่อนกันไปตามๆ กันเลย ในตอนที่ก๊วยเจ๋งเข้าใจย้งยี้ผิด ตอนนั้นอยากจะเข้าไปเขกหัวก๊วยเจ๋ง ทำไมคิดไม่ออกว่าเอี้ยคังก็เป็นกรงเล็บมฤตยู เด็กประถมดูแล้วยังคิดออก สงสารก็แต่ย้งยี้ที่ไม่คิดตำหนิก๊วยเจ๋งเลย เมจะขอบรรยายเป็นฉากๆ ไป ดึงมาเฉพาะฉากที่ประทับใจมากๆ แล้วกัน
ฉากที่หนึ่ง เป็นฉากเปิดตัวอึ้งย้งอย่างเต็มตัว ขอทานน้อยแปลงร่างเป็นแม่นางน้อย ที่ทำพี่ก๊วยเจ๋งเห็นแล้วต้องอึ้งตะลึง และมอบหัวใจให้น้องย้งยี้ดูแล ฉากนี้ที่ชอบก็เพราะบทสนทนา อึ้งย้งพูดและแสดงท่าทีได้กวน แถมยังแอ๊บเรียบร้อยแบบกวนๆ อีกกระบวน ดูแล้วน่ารักมากๆ ก๊วยเจ๋งเองก็ทำหน้าตาทึ่มได้ใจ
ฉากที่สอง คือฉากที่มารพ่อกับมารลูกร่วมกันพังข้าวของในห้องราบคราบ เนื่องมาจากมารลูกอึ้งย้งโมโหกับภาพบาดตาบาดใจ ที่องค์หญิงเข้ามาซบอกพี่ก๊วยเจ๋ง พอกลับเข้าที่พักเลยจัดการระเบิดลมปราณอารมณ์ออกมาเล่นกับสิ่งของภายในห้อง พอมารพ่ออึ้งเอี๊ยะซือเข้ามาเห็นลูกสาวเป็นเช่นนี้ ก็เลยจัดการช่วยพังซะงั้นเลย เป็นพ่อแม่คนอื่นเค้าต้องห้ามลูก ให้ลูกสงบสติอารมณ์ แต่นี่ท่านพ่อกลับช่วยส่งเสริมท่านลูก พอพังของในห้องจนไม่มีอะไรให้พังแล้วทั้งสองก็มองหน้ากัน เริ่มยิ้ม และหัวเราะกันอย่างโรคจิต เป็นฉากที่น่ารักจริงๆ พ่อลูกคู่นี้นิสัยแปลกๆ แต่ก็น่ารักทั้งคู่เลย
ฉากที่สาม เป็นฉากระหว่าง อั้งชิกกง กับ อึ้งย้ง ไม่รู้จะหยิบฉากไหนมาดี ชอบทุกฉากที่สองคนนี้อยู่ด้วยกัน ยิ่งตอนที่ดีกันแล้วนี่น่ารักดี เพราะย้งยี้เริ่มเล่นคิ้ว เล่นหนวดของชิกกง มันน่ารักพิลึกดี
ฉากที่สี่ คือฉากที่พี่ก๊วยเจ๋งเมามาย เนื่องจากน้องย้งยี้ตามพ่อกลับเกาะดอกท้อ สาเหตุอันเนื่องมาจากองค์หญิงผู้น่าสงสารนั่นล่ะ ไปอ้อนวอนย้งยี้ จะเป็นจะตายบอกว่าขาดพี่เจ๋งไม่ได้ ย้งยี้ก็ใจอ่อนยอมถอยออกมา แต่พี่เจ๋งหารู้ถึงสาเหตุที่แท้จริงไม่ ก็เมาไว้ก่อนล่ะงานนี้ พอกลับมาเห็นองค์หญิงที่ห้อง พี่เจ๋งก็เมาละเมอนึกว่าเป็นย้งยี้ ร้องห่มร้องไห้บรรยายความทุกข์ทรมานใจสารพัด องค์หญิงขาดพี่เจ๋งแล้วจะตาย พี่เจ๋งขาดย้งยี้ก็จะตายเช่นเดียวกัน ดังคำพูดของพี่เจ๋งที่ว่า"เจ้าไปแล้วข้าไม่รู้ทำยังไง เจ้าอย่าไปนะย้งยี้และน้ำตาลูกผู้ชายก็ไหลพราก ฉากนี้เฮียหวงเล่นดีมากๆ เล่นเอาคนดูทรมานไปด้วยเลย
ฉากที่ห้า เป็นฉากระหว่าง ส่าโกว กับ จิวแป๊ะทง สองตัวละครคลายเครียดประจำมังกรหยก ดูแล้วเพลินอารมณ์ดี มีแต่ฮากับฮา ฮาในแนวน่ารักๆ เด็กๆ ตอนส่าโกวตายในภาคเอี้ยก้วยยังนึกสงสารอยู่เลย เฒ่าทารกเวอร์ชั่นนี้ดีเยี่ยม ถ้าให้คะแนนก็ให้เต็มเลย แต่ว่าตอนหนุ่มนี่ดูไม่ขึ้นเท่าไหร่อ่ะ หลี่เย่าเสียง(Wayne Lai)เหมาะกว่า เฮียหลี่เย่าเสียงนี่ให้เต็มทั้งตอนหนุ่มและแก่เลย ส่วนส่าโกวก็ต้องคนนี้ล่ะเหมาะสุดๆ แล้ว พอไปดูเรื่องอื่นบทอื่นแล้วยังไงไม่รู้ รู้สึกบทส่าโกวดีที่สุดสำหรับเธอคนนี้
ฉากที่หก เป็นฉากรักชาติของก๊วยเจ๋ง หลังจากพี่เจ๋งทำคนดูเคืองตอนที่เข้าใจผิดย้งยี้ พี่เก๋งก็แก้ตัวได้ในฉากนี้ เลือดรักชาติชาวฮั่นมันพุ่ง ฉากนี้เป็นการสูญเสียท่านแม่เจ๋ง ข้าคือราษฎรต้าซ้ง ทำไมต้องฟังคำสั่งท่าน มาโจมตีแผ่นดินเรา เมื่อพูดดีๆ ก๊วยเจ๋งไม่ยอม ท่านเจงกิสข่านก็ต้องใช้ไม้แข็งเอาชีวิตของท่านแม่เจ๋งมาข่มขู่ เพื่อนพี่น้องชาวมองโกลก็ช่วยกันเกลี้ยกล่อมก๊วยเจ๋งให้เห็นความสำคัญของมองโกล ดินแดนที่ก๊วยเจ๋งเติบโตมา จนเสมือนได้เป็นชาวมองโกลไปแล้ว แต่ก๊วยเจ๋งไม่ลืมคุณแผ่นดินตะโกนออกมาว่า ไม่ ข้าคือชาวซ้ง ข้าคือชาวซ้ง ท่านแม่เจ๋งจึงบอกกับลูกชายอย่าเอาเยี่ยงอย่างเอี้ยคัง ที่ทรยศแผ่นดิน กราบไหว้โจรเป็นพ่อ ต้องมีจุดจบที่เลวร้าย พร้อมทั้งสั่งสอนให้รักชาติ รักบ้านเมือง รักเกียรติของวงศ์ตระกูล แล้วแม่เจ๋งก็ชักมีดสั้นออกมาฆ่าตัวตาย นักการเมืองไทยน่าจะมาฟังและนำคำสั่งสอนของแม่เจ๋งไปใช้กันบ้าง
ฉากที่เจ็ด คือทุกฉากที่มีย้งยี้ ชอบหมดเลย อิอิ
ย้งยี้ผู้ลาจากโลกชั่วนิรันดร์ แต่เธอก็จะอยู่ในใจผู้ชมชั่วนิรันดร์เช่นกัน และไม่มีใครในโลกนี้สามารถเป็นอึ้งย้งได้ดีเท่าองเหม่ยหลิงอีกแล้ว ป่านนี้เธอคงได้ไปเกิดแล้ว ขอให้เธอเกิดมาเล่นละครให้ผู้ชมได้ดูอีก ขออย่าให้ชีวิตเธอสั้นเหมือนก่อนเลย ขออย่าให้พบพานความรักที่ขมขื่นเลย นันนัน หรือองเหม่ยหลิง ขอให้เธอไปสู่สุขคติ
Rest In Peace Barbara Yung
ขอบคุณข้อมูล คลิป รูปภาพ จากทุกๆ แหล่ง มันเยอะเหลือเกิน ยังไงก็ขอขอบคุณคนที่รักชอบเธอและแบ่งปันเรื่องราวของเธอไว้ ณ ที่นี้ด้วย ที่พอจำได้มีคุณฮิวเยียก suta_kung ขอบคุณท่านอื่นด้วย ขอโทษที่เยอะจนจำไม่ได้ทั้งหมด อิอิ
ลิงค์น่าสนใจอื่นๆ ที่แฟนๆ ของนันนันควรจะอ่านอย่างยิ่ง
จากบล็อกพี่กุ๊ก(ข้าน้อยคารวะ) จดหมายฉบับที่ 6 และเยี่ยมสุสานอุงเหม่ยหลิง //www.bloggang.com/mainblog.php?id=lamfungpavilion&month=10-05-2008&group=7&gblog=35
จดหมายฉบับที่ 7 //www.bloggang.com/mainblog.php?id=lamfungpavilion&month=07-05-2009&group=6&gblog=76
อ่านจดหมายฉบับที่ 8 ที่อุงเหม่ยหลิงติดต่อกับคุณแม่ที่อังกฤษ //www.bloggang.com/mainblog.php?id=lamfungpavilion&month=07-05-2010&group=6&gblog=126
ตามไปรำลึกกันต่อได้ที่ pantip //www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A9248271/A9248271.html
Create Date : 14 พฤษภาคม 2553 |
|
31 comments |
Last Update : 25 เมษายน 2554 19:27:39 น. |
Counter : 16389 Pageviews. |
|
|
|
เป็นหญิงสาวที่ยิ้มแล้วโลกสดใสมากๆ