|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
ความสิ้นหวัง ที่ควรทำให้สมหวัง
เป็นเพราะ"ความหวัง" นั้นล่ะ ทำให้จิตนั้นดิ้นรน ทะเยอทะยาน
เพราะ"ความหวัง" นั้นล่ะ จึงมีสมหวัง มีผิดหวัง
เพราะ"ความ หวัง" นั้นล่ะ จึงมีสุขเพราะสมหวัง จึงมีทุกข์เพราะผิดหวัง
เพราะ"ความ หวัง" นั้นล่ะ จึงเกิดการปรุงแต่งหลอกลวงจิต จมไปอยู่กับอดีต ฝันไปถึงอนาคต ทิ้งสติในปัจจุบัน
คนที่คิดว่าตน"สิ้นหวังหมดหวัง" แต่ก็ยังเสียใจ ก็เพราะยัง"มีหวัง"อยู่ แท้จริงคนที่หมดหวังหรือสิ้นหวัง แล้ว หรือไม่หวังแล้วก็ตาม เขาย่อมไม่สุข ไม่ทุกข์ มีปรกติไม่ยินดี ไม่ยินร้ายในอารมณ์ทั้งปวง
เมื่อจิตนี้สงบไม่หวั่นไหว เพราะไม่มีความยินดีไม่มีความยินร้ายเสียแล้ว จิตนี้ก็จักสงบควรแก่การ ปฏิบัติอบรม สติก็มั่นคง สมาธิก็ตั้งมั่น ปัีญญาก็กว้างขวางไม่คับแคบ และก็จักได้รับความสงบสุข ในสุขที่ยิ่งๆขึ้นไป
และคำว่า"สิ้นหวังหมดหวังนี้" ก็ขอให้เข้าใจว่าหมายตรงถึง สิ้นหวังหมดหวังในทางโลก กล่าวโดยย่อคือ โลกธรรม ๘ โดยพิสดารก็คือ สังสารวัฏ ภพภูมิทั้งหมด
ส่วนทางธรรมไม่ จำต้องนำมากล่าวถึง เพราะเมื่อเห็นสัจจะความจริงอยู่ดั่งนี้ ความหมาย ดั่งกล่าวก็เป็นเพียงสมมติบัญญัติ จะละปล่อยวางโดยปรกติ มิต้องปรุง แต่ง อะไรอีกต่อไป รู้เอง เข้าใจเอง ตามธรรมชาติของจิต "ธรรมทั้งปวงที่รู้ ที่เข้าใจ ที่ปฏิบัติศึกษาไว้ ก็ไม่ได้มีไว้เพื่อยึดหรือเพื่อละ แต่ เพื่อทำให้แจ้งแห่งปัญญา เพียงเท่านั้นเอง"
ผู้ปฏิบัติธรรมจึงควร รู้จักกระทำตนอย่างคนที่"สิ้นหวังหมดหวัง"อย่างฉลาดในอุบาย ตามโอกาสและตามความเหมาะสมแก่ธรรม ก็จักเห็นความเป็นอิสระของจิต พ้นบ่วงพันธนาการได้ ...แม้เพียงชั่วคราว ก็นับว่าประเสริฐ ดีกว่าไม่รู้จักปล่อยสละวางเสียเลย เพราะเมื่อสิ้นหวังหมดหวังเสียได้ การปล่อยวางก็ย่อมเกิดขึ้นได้อย่างสมบูรณ์.
Create Date : 28 มิถุนายน 2553 |
Last Update : 28 มิถุนายน 2553 15:32:55 น. |
|
1 comments
|
Counter : 1367 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]
|
มีหลายเรื่องที่ควรสงสัย แต่เราไม่สงสัยในสิ่งต่างๆนั้นแล้ว เราศรัทธาแต่ในพระรัตนตรัย
..แม้เทวดา มารหรือพรหม จะมีหรือไม่มีอยู่จริง เราก็มีธรรม มีปัญญารู้ในสิ่งต่างๆนั้นด้วยตนเองแล้ว ทั้งปัญญา ทั้งศรัทธา เป็นสิ่งที่ท่านต้องสร้างให้เกิดขึ้นเอง ใครสร้างท่านไม่ได้
พระพุทธเจ้า พระองค์ดุจผู้บอกทางให้เท่านั้น จะเดินหรือไม่ เรามิได้กล่าวโทษตำหนิท่านแต่อย่างใดเลย ท่านเชื่อ ท่านก็เดิน ท่านไม่เชื่อก็ควรแล้ว ที่ท่านจะสงสัยควรแล้วที่ท่านจะปฏิบัติ เพื่อคลายความสงสัยนั้น
|
|
ขอบคุณ code และ ภาพ จากคุณ aggie_nan ตามลิงค์ที่อยู่ ด้านล่างครับ
|
|
|
|
|
|
|