เ รื่ อ ง เ ล่ า ข อ ง ค น โ ด น < T A G >
หวัดดีครับ
โดน tag แล้วอ่า
มีคนมา tag ผมสาม(รึว่าสี่)คนนี่แหละ ถือว่าแท็กร่วมนะคับ ฮ่าๆๆ
รายชื่อทั้งหมดนั้นได้แก่
*~.Jasmin and Airedale.~*
Seraphyros DeCameron
Think (อยากใช้ชื่อนี้ แต่มันซ้ำ)
สะบะละเฮ่ยแจงแวง
ป.ล. ไม่แน่ใจว่าป้ามะลิแท็กผมรึป่าว ยังไม่มีประกาศอย่างเป็นทางการ
ก็เหมาว่า tag ผมละกัน 5555
บอกก่อนนะ ว่าเรื่องค่อนข้างยาว อ่านให้จบกันด้วยเน้อ
ก็ขอเริ่มเล่าเรื่องเลยละกาน
นึก ๆ ๆ ๆ เล่าเรื่องไรดีหว่า
ไล่ตั้งแต่ตอนเด็กเลยละกันเนาะ
1. ตอนเป็นเด็กน้อย (ตอนนี้ก็ยังเป็นเด็กอยู่ แต่เป็นเด็กโต)
ผมเป็นเด็กที่ซนมากกกก ชอบเล่นอะไรแผลงๆ
จนแม่บ่นว่าจะเอาไปปล่อยวัด จ๊ากกก ! ล้อเล่น นั่นมันนังฮอนด้า หมาบ้านผม
มีอยู่วันนึงตอนอายุ ราวๆ แปดขวบ ดูการ์ตูนในทีวีเรื่องนึง
ทุกวันนี้ผมก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าไอ้การ์ตูนเรื่องนั้นมันชื่อเรื่องอะไร
เป็นตัวร้ายอ้วนๆเตี้ยๆ เตี้ยม่อต้อมาก อารมณ์ประมาณอาเสี่ยอ่ะ
แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ที่สำคัญคือการ์ตูนตัวนี้ มันจะมีร่มอยู่คันนึง
แล้วมันชอบกระโดดลงมาจากตึกด้วยร่มคันนี้ พอจะนึกภาพออกใช่มั้ยคับ
กางร่มปุ๊บ ก็กระโดดลงมาจากตึก ร่อนลงพื้นอย่างสวยงาม
ผมเลยอยากเลียนแบบ ขึ้นไปบนต้นมะยมหลังบ้านพร้อมกับร่มสีสันสวยงามหนึ่งคัน
พอปีนขึ้นไปบนยอดต้นมะยมพร้อมกับเตรียมท่าที่คิดว่าจะร่อนลงมาได้สวยงามทีสุด
เมื่อได้เวลา ผมก็กางร่ม แล้วกระโดดลงมาจากต้นมะยม
หวังว่ามันจะราบรื่นเหมือนในการ์ตูน
แต่ อนิจจา .... วัฏสังขารา
พอจะนึกภาพออกมั้ยครับ ร่มเวลาที่เจอลมแรงๆ
มันจะพับขึ้นไป อ่าฮะ ... แบบนั้นแหละ
ไม่ได้ช่วยอะไรกรูเล้ยยยยย แสรดดดด
ลงมานอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้นดิน ดีนะโดดแค่ต้นมะยม
ลองคิดดูสิ .... ถ้าเราปีนขึ้นไปโดดจากหลังคาบ้านล่ะ ....
2. เรื่องที่สอง ก็ยังเด็กอยู่ ... ย้อนไปสมัยอายุ 3 ขวบ
(เหมือนเราจะเรียงลำดับเรื่องผิดๆนะ)
ตอนนั้นจำได้ว่าแต่งตัวหล่อ(และน่ารัก)จะไปเที่ยวฟาร์มจระเข้ จ.สมุทรปราการ (แถวบ้านผมเอง)
แล้วไม่รุ้เวรกรรมอันใด ดลบันดาลให้ไปแกล้งหมา
ก็ฮอนด้าสุดสวยตัวเดิมในเรื่องแรกนั่นแหละฮะ
(ท้าวความนิดนึง ฮอนด้าเป็นหมาพันธุ์ผสม พ่อฮอนด้าเป็นชายหนุ่มพันธุ์โกลเด้นเชียวนะ เลยทำให้เค้าเป็นหมาที่สวยมากๆ)
ในวันนั้น ... ฮอนด้านอนอยู่ดีๆ ก่อนจะไปเที่ยวก็เดินเตาะแตะไปดึงหางเค้า
วันอื่นก็เห็นน่ารักดี แต่สงสัยวันนั้นเค้าจะอารมณ์ไม่ดี
ฮอนด้าเลยหันมาตะปบเข้าที่หน้าผม
แม่บอกว่า เลือดเต็มหน้าเลย เพราะเล็บเค้าตะปบเข้าใกล้ตาพอดี
ร้ายลึกนะเนี่ย .... เซ็งเป็ด ทำกรูเกือบตาบอดเลยยย
ตอนนั้นจะเย็บแผลก็ไม่ได้ เพราะมันอยู่ใกล้ตามากๆ
ลองคลิกรูปดิสเพลย์ของผมในบล็อกนี้ดูก็ได้
แผลเป็นนั้น ยังติดอยู่บนหน้าของผมจนทุกวันนี้ที่ริบขอบตาด้านซ้าย
..... และดูเหมือนว่า มันจะโตตามตัว
ป.ล. ตอนนี้ฮอนด้าตายไปนานแล้ววว
ที่จริงเค้าเกือบตายตั้งแต่ตะปบตาผมแล้วแหละ เกือบโดนพ่อผมฆ่าไปแล้ว หึหึ
ยังดีที่แม่ผมห้ามไว้ได้ ไม่งั้นฮอนด้าไม่ได้มีชีวิตอยู่จนแก่ตายตอนอายุ 14 ปีแน่ๆ
แต่ผมก็ไม่ได้โกรธ เกลียด ฝังใจอะไรหมานะ ยังรักหมาเหมือนเดิม ~
ก็เค้านอนอยู่ดีๆ มันไม่รู้เรื่อง เดินไปดึงหางเค้า แล้วพอเค้าตะปบให้
จะไปโกรธเค้าทำม้ายยย อยากซนดีนัก -_-
3. เพิ่งจะเรื่องที่ 3 เองเหรอ ทำไมมันเยอะจัง = ='
เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตอนผมเรียนอยู่ม.3 ในโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งของจังหวัดสมุทรปราการ
ตลอดเวลาสามปีในตอนม.ต้น เป็นช่วงที่สนุกมากๆ สนุกแบบเด็กๆ
แล้วเป็นช่วงที่เพิ่งเริ่มออกกฎห้ามทำโทษนักเรียนด้วยการตี
ครูที่โรงเรียนเลยสรรหาสารพัดวิธีที่จะมาทำโทษเด็ก ส่วนใหญ่จะเน้นฮากันมากกว่า
อาทิเช่น นั่งท่าอเมซิ่ง ตอนนั้นมีการโหมกระแส อเมซิ่ง ไทยแลนด์
ครูปุ๊ย (ครูประจำชั้น) ลงโทษที่พวกเราชอบนั่งย้ายที่ และด้วยความที่เป็นครูสอนนาฎศิลป์
จึงครีเอทท่านั่งแบบพิเศษขึ้นมา
ใครที่นั่งอยู่บนเก้าอี้อยู่ ลองทำตามเรานะ ....
ผู้หญิง ... นั่งพับเพียบ บนเก้าอี้
ผู้ชาย ... นั่งท่าเทพพนม บนเก้าอี้เช่นกัน
และ จะถูกมัดด้วยเชือกฟาง เพื่อให้ตัวติดกับเก้าอี้ตลอดเวลา
จะแกะได้ก็ต่อเมื่อเวลาพักเท่านั้น 55555 มันเมื่อยมากๆ
หรือ ....
มีเพื่อนคนนึง ชื่อ ไอ้นำโชค ตอนนั้นเป็นช่วงที่ฝนตกบ่อย
ครูเค้าเป็นห่วง ทุกคนเลยต้องพกร่มมาทุกวัน
แล้วไอ้โชค มันเอาร่มของนักกอล์ฟมา ที่แบบครอบไปบนหัว
เวลาเดินจะได้ไม่ต้องถือ
ครูบอกว่า เป็นร่มเห็นแก่ตัว ดังนั้นไอ้โชค(และผองเพื่อนในห้อง)
จึงโดนลงโทษด้วยการให้ไอ้โชคใส่/สวมร่มคันนั้น แล้วเดินนำหน้าขบวน
เดินรอบสนามในโรงเรียน (จำไม่ได้ว่ากี่รอบ) แบบว่าต้องเจอเองอ่ะ มันฮามากๆ
ที่จริงมีอีกเยอะนะ เล่าแถมอีกเรื่องละกัน
มีอยู่ช่วงนึงตอนม.3 พวกห้องเรามันก็ทะลึ่งกันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
แล้วมีวลีฮิต ที่ช่วงนั้นเพิ่งอิมพอร์ตมาใหม่ ทุกคนหัดพูดกันอย่างสนุกสนาน
"ยายมีเลี้ยงหอย ยายมอยเลี้ยงหมี อยู่มาวันหนึ่ง หอยยายมีกัดหมียายมอย"
แล้วครูเค้ามาได้ยินเข้า เลยลงโทษ(อีกแล้ว)
ให้คนทั้งห้องไปยืนเข้าแถวหน้าสนาม แล้วตะโกนประโยคนี้ซ้ำๆกันหลายๆรอบ
มีการเพิ่มเลเวลของความเร็วในการพูดด้วยนะ 5555
พูดไปก็ขำไป เด็กห้องอื่นมองเต็มเลย
4. เรื่องตอนม.ต้นอีกนั่นแหละ
ตอนม.3 เราต้องทำงานส่งอาจารย์
ช่วงนั้นยังใช้แผ่นดิสก์สี่เหลี่ยมสีดำๆอยู่
แล้ววันนั้น ครูอ้น (ครูสอนภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นที่รักยิ่งของเด็กๆ)
ลงโทษให้เราคาบแผ่นดิสก์ เพราะทำงานผิดหรืออะไรเนี่ยแหละ
แต่เราก็เอากระดาษมาห่อแผ่นดิสก์ไว้ก่อนที่จะคาบ
ครูเค้าเลยถามว่า รังเกียจมากนักรึไง แผ่นดิสก์เนี่ย มันจะสกปรกอะไรนักหนา
เราเลยตอบไปอย่างมั่นใจว่า
"ผมกลัวไวรัสเข้าแผ่นดิสก์ครับ"
เพื่อนก็หัวเราะกันใหญ่ เราก็งง ว่ากรูผิดไรหรอ กรูพูดอะไรผิด
จนเมื่อเรามีความรู้ทางคอมพิวเตอร์มากขึ้น ....
55555555555
ไอ้โง่ โงงงง่ โงงงงงงง่ (เอคโค่) ไวรัสมันไม่ได้จากน้ำลายมรึงนะเว้ยยย
5. เรื่องของไอ้แป้ก
แป้กคือใคร ... ?
หลายๆคนอาจจะสงสัย
เพราะเห็นคนที่มาคอมเม้นบล็อกเรา เรียกชื่อนี้บ่อยๆ
แป้ก ก็คือเรานั่นเอง
แหะๆๆ
เรื่องความแป้กนี่มันอธิบายกันไม่ถูกนะ
ต้องมาเจอด้วยตัวเอง
ที่มาของคำนี้ มาจากตอนเรียนม.4
เพื่อนๆก็เพิ่งรู้จักกัน ทุกคนวาดภาพของเพื่อนไว้ในทิศทางที่ดี
แต่ยังไม่ทันพ้นหนึ่งเดือน
เราก็ลายออก .... ในแต่ละวันแล้ว
หากคิดเป็นเปอร์เซนต์ เราจะพูดปกติ 30 %
ส่วนอีก 70 % เผื่อแผ่ให้กับมุกแป้ก
จนเพื่อนมันไม่เรียกชื่อเล่นจริงๆเราแล้วแหละ
กุรู้นะ บางคนเนี่ย เรียก แป้กๆๆๆๆ
จนลืมว่าชื่อแจ็ค
บางคนก็เรียกสับสน
แจ้ก แป๊ก ... 5555
.
.
.
.
จบมันง่ายๆแบบนี้แหละ
ที่จริงเรื่องเล่ามีอีกมากกกกกก มายยยยยย
แต่วันนี้ขอไปทำงานต่อแว้ว
บับบายยย ~
ป.ล. เสปซของผม เก็บรูปไว้ที่นี่หล่ะ เข้าไปดูรูปได้นะค้าบ
//lljackiezll.spaces.live.com/
Create Date : 22 มกราคม 2550 |
|
19 comments |
Last Update : 30 มกราคม 2550 2:19:44 น. |
Counter : 704 Pageviews. |
|
|
|
ข้ามมาข้อ 4 อันนี้ฮากว่า แหม คนเราผิดพลาดกันได้ครับ เอาเถอะ ช่างไวรัสมัน
ข้อ 5 ถึงแม้จะแป้ก แต่ ก็ ยังดีนะ ไม่งั้นใครเล่นมุกมาขำๆ กันตลอด มันก็ไม่มีสีสันสิจริงไหม