Enter At Your Own Risk!!
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2554
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
24 สิงหาคม 2554
 
All Blogs
 
กระบี่อภิญญา - ปฐมบทพยัคฆ์คู่ผงาดฟ้า

เรื่อง กระบี่อภิญญา
เขียนโดย เจิ้งฟง แปลโดย น. นพรัตน์


กระบี่อภิญญา (The Sword of Spirits) เรื่องที่สองของเจิ้งฟงที่พิมพ์เมื่อปี 2009 เป็นเรื่องรุ่นพ่อของเรื่องแรก 'พยัคฆ์คู่ผงาดฟ้า' ถึงจะพิมพ์หลัง แต่ที่จริงร่างแรกจบตั้งแต่ปี 1998 และได้แก้ไขใหม่ภายหลังจากพิมพ์ 'พยัคฆ์คู่ผงาดฟ้า' แล้ว

--- LOTS OF SPOILERS ---

ภาค 1 นิกายอัคคีศักดิ์สิทธิ์

สมัยอู่จงฮ่องเต้ช่วงกลางราชวงศ์หมิง นิกายอัคคีที่นำโดยประมุข ต้วนตู๋เสิ้ง ที่มีอิทธิฤทธิ์มาแต่กำเนิดและธรรมบาลผู้ได้รับถ่ายทอดพลังอภิญญาและมนตรา เข้าควบคุมยุทธจักรโดยสิ้นเชิง บีบบังคับให้สำนักต่างๆ ส่งตัวประกัน ล้างสมอง และคำสาปแช่งผ่านตราประทับบนร่าง สำหรับเก้าสำนักหนึ่งพรรคใหญ่ เส้าหลินถูกทำลายจนกระจัดกระจาย อู่ตังปิดสำนักไม่ยุ่งเกี่ยวกับภายนอก เอ๋อเหมยถอนตัวจากยุทธจักร เตี่ยนชังเก็บตัวในป่าเขา ที่เหลือ หัวซาน ฉางชิง เซียะฟง ไท่ซาน ชิงซวง ล้วนแต่ถูกครอบงำ ส่วนพรรคกระยาจกก็ไม่กล้าปะทะเปิดเผย

นับว่ายุทธจักรเข้าสู่ยุคมืด แต่ฝ่ายต่อต้านก็มีความหวังเมื่อ เทพพยากรณ์ ได้เขียนคำเสี่ยงทายแปดประโยค (ที่แน่นอนว่าอ่านไม่รู้เรื่อง) มอบให้คนของ ชายชาติพยัคฆ์ และทำนายอายุขัยของนิกายอัคคีไว้อีก 27 ปี แต่เทพพยากรณ์ก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนเป็นชีวิตของตนและคนในครอบครัว

หลายปีให้หลัง หมิงเอ๋อ วัยแปดขวบที่เป็นเด็กถูกทิ้งไว้หน้าอารามนักพรตที่ภูเขาไท่ซาน ก็ถูกพัดพาเข้าไปวังวนการการต่อสู้กับนิกายอัคคี อาศัยที่มีพลังอภิญญา ได้ยินความคิดของผู้อื่นเห็นอนาคตบ้าง และความช่วยเหลือจากพรรคกระยาจก ทำให้สามารถรักษาตัวรอดจนได้เป็นศิษย์ เซียนสมุนไพร ที่ภูพยัคฆ์และศึกษาวิทยายุทธอย่างไม่รู้ตัวกับชายชาติพยัคฆ์ที่ดูเหมือนเฒ่าวิกลจริต

แต่ความสงบสุขก็ไม่ยาวนาน เมื่อหมิงเอ๋อมีอายุ 16 ปี ก็เริ่มจำอดีตของตนได้บ้าง โดยเฉพาะชื่อจริง คือ หลิงเซียว เข้าสู่ยุทธจักร และได้รู้จักกับ เฉินจิ้งหวิน บุตรตระกูลขุนนางที่เปลี่ยนแนวมาเป็นจอมยุทธ และยังได้คบ สีเฟย ศิษย์คนโตของสำนักเตี่ยนชังที่พาพี่น้องลงเขามาช่วยตระกูลใหญ่สู้ศึก

หลิงเซียวได้พบหลวงจีนซิ่งเจี๋ย ผู้อาวุโสอันดับหนึ่งฝ่ายบำเพ็ญเพียรของวัดเส้าหลิน ก็ได้รับคำอธิบายเรื่องพลังอภิญญา (ยกอภิญญา 6 เลยโดยตรง - ทิพจักขุ ทิพโสต เจโตปริยญาณ อิทธิวิธิ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ อาสวักขยญาณ) และมนต์ที่ช่วยป้องกันจิตใจ

ถึงหลิงเซียวจะช่วยต่อต้านนิกายอัคคีอย่างเต็มที่ ทั้งด้านการต่อสู้ และรักษาบันทึกคำเสี่ยงทาย แต่ก็ยังโดนเข้าใจผิดหรือสงสัยจากคนที่ช่วยไว้ (ทั้งสำนักหรือตระกูลใหญ่) ไม่ก็เห็นว่าถึงมีบุญคุณแต่ก็ขอปิดปากจะเป็นประโยชน์กับเรากว่า (ตรงนี้เข้าท่าจริงๆ นะคะ)

สุดท้าย หลิงเซียวถูกจับส่งเข้าสำนักใหญ่นิกายอัคคี ฟื้นความจำที่สูญหายไปและพบว่าการที่ตนเองมีพลังอภิญญาอันแรงกล้า ทำให้ต้วนตู๋เสิ้งต้องการใช้ประโยชน์จนถึงขนาดเตรียมตั้งให้เป็นทายาท (แน่นอนว่าไม่หวังดี) หลังจากทนทุกข์ทรมานกว่าหนึ่งปี หลิงเซียวก็สามารถค้นพบจุดอ่อนของพลัง อาศัยการเสียสละของตนเอง ลบล้างอิทธิฤทธิ์ของต้วนตู๋เสิ้งและกำจัดเหล่าธรรมบาล

แต่ถึงอย่างนั้น ชาวยุทธจักรส่วนใหญ่ก็ยังระแวงสงสัยในตัวหลิงเซียว ยกเว้นวัดเส้าหลิน พรรคกระยากจก และคนอื่นอีกไม่มาก หลิงเซียวจึงอาศัยอยู่กับเซียนสมุนไพร ฝึกฝีมือเตรียมตัวรับมือนิกายอัคคีระรอกใหม่และอดทนต่อคำสาปอย่างเงียบๆ

ภาค 2 พยัคฆ์คำรนมังกรร่อน

แปดปีให้หลัง หลิงเซียวที่เป็นชายหนุ่มอายุเพียงยี่สิบกว่า แต่กลับท้อแท้เพราะความทรมานจากคำสาปของต้วนตู๋เสิ้ง แต่ก็เป็นหมอมีชื่อจนได้ฉายาแพทย์ผู้กล้าแห่งตึกพยัคฆ์คำรณ ส่วนนิกายอัคคีที่เสียศูนย์ก็ได้ตั้งผู้วิเศษขึ้นเป็นผู้ช่วยสำคัญ หัวหน้านิกายฝึกอวิชชาจนมีลมปราณคุ้มครองกายและมีอายุยืนยาว ยังดีที่เหล่าสำนักใหญ่ได้รับบทเรียนและร่วมมือกันต่อต้าน

เอี้ยนหลง ชายหนุ่มผู้หล่อเหลาและมีฝีมือเป็นเลิศมาเยี่ยมเยียนเพื่อขอฝึกวิชากระบี่ตระกูลฉิน เพราะเอี้ยนหลงเป็นบุตรนอกสมรสของ เฉินเส้าอี๋ ที่เป็นน้าเขยของหลิงเซียว จนเอี้ยนหลงสนิทสนมกับหลิงเซียวอย่างมาก ไม่ช้าก็ปรากฏว่าเอี้ยนหลงความจริงเป็นหญิง ชื่อจริงคือหิมะเฉิดฉันรุ่นที่เจ็ด ฉินเอี้ยนหลง หลิงเซียวนึกว่าฉินเอี้ยนหลงรักกับคนเสเพล เฉิงต๋า (ที่ความจริงนับถือเป็นพี่) จนกลายเป็นรู้สึกรักเขาข้างเดียวเมื่อฉินเอี้ยนหลงเงียบหายไป

หลายปีต่อมา หลิงหวิน น้องสาวร่วมพ่อหนีลงจากเขา ทำให้หลิงเซียวที่ตอนนี้อายุเหยียบเลขสามก็ออกสู่ยุทธจักรอีกครั้ง แต่สภาพการณ์กลับผันแปร เพราะมีพรรคมังกรที่นำโดย หลงโถว (หัวมังกร) ซินหลงเย่อ ได้รวบรวมค่ายสำนักมิจฉาชีพและมียอดฝีมือสูงส่ง โดยเฉพาะ ภรรยา ฝูฉิง องครักษ์ทั้งสี่ และฉินเอี้ยนหลง กลายเป็นขุมกำลังที่สาม ยันกับนิกายอัคคีและสำนักใหญ่

ตอนแรกหลิงเซียวก็ไม่มีปัญหากับพรรคมังกร แต่เมื่อน้องสาวโดนหลงโถวล่อลวงจนตั้งครรภ์ และพรรคมังกรยังนำกำลังไปแย่งชิงกระบี่ธารมังกร ของวิเศษสำนักเอ๋อเหมย เลยกลายเป็นเรื่องยอมไม่ได้ จึงร่วมมือกับสำนักใหญ่ร่วมต้าน แต่นิกายอัคคีก็รออาศัยโอกาสจู๋โจม หลิงเซียวต้องทบทวนจุดยืนและหนทางของตนอีกครั้งเมื่อเบื้องหลังของพรรคมังกรมีความเกี่ยวพันกับตนอย่างไม่คาดฝัน

ภาค 3 เทพกระบี่ร่ำไห้

หลิงเซียวกับฉินเอี้ยนหลงกลายเป็นคนรู้ใจ แต่ความไว้วางใจก็ถูกทดสอบจากการคุกคามของการแย่งชิง ความอิจฉาริษยา และความรักใคร่ลุ่มหลง ช่วงสุดท้ายนี้เป็นการขมวดปมจบไปสู่เรื่อง 'พยัคฆ์คู่ผงาดฟ้า' ทำให้ทราบก่อนแล้วว่าจะมีจุดจบอย่างไร ไม่ต้องลุ้นผลแต่ลุ้นเส้นทางเท่านั้นว่าจะตรงหรืออ้อม เลยไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่ค่ะ


รู้สึกว่าโครงเรื่องหลักโดยทั่วไปเข้าทีดีค่ะ สนุกใช้ได้ (ถึงจะไม่อยากอ่านซ้ำเท่าไหร่) รู้สึกเสียดายกลางเล่ม 4 ที่รู้สึกพล๊อตออกข้างไปหน่อยเพราะพยายามสร้างให้ยิ่งใหญ่สะท้านฟ้าสะเทือนดิน แต่ จขบ. อ่านแล้วรู้สึกแป๊กมากกว่า งงเล็กน้อยเรื่องการล่อลวงเข้านิกายและอิทธิพลด้านการเมือง เลยรู้สึกไม่ค่อยปูมาที่จุดสุดท้ายเท่าไหร่

รายละเอียดในเรื่องยาวกว่าที่สรุปเยอะมากนะคะ บางช่วงดูเหมือนต้องการให้มีบุคคลหรือเรื่องที่ต่อไปยัง 'พยัคฆ์คู่ผงาดฟ้า' กับแทรกบุคคลจริงในประวัติศาสตร์ มีบ้างขมวดปมกันง่ายๆ จนบางทีก็ดูเหมือนจะลงตัวเกินไป หรือปล่อยให้ด้ายรุ่ยอยู่ซะงั้น การดำเนินเรื่องบางทีรู้สึกยืดแต่ก็ไม่ถึงขนาดตกเขาออกทะเล ถือว่าเป็นฉากคั่นก็ได้ นอกจากนี้ก็มีหลุดๆ บ้าง

โดยทั่วไปคิดว่าสนุกและน่าสนใจกว่า เรื่อง 'พยัคฆ์คู่ผงาดฟ้า' เหมือนบังเอิญแต่อาจไม่ พระเอกที่ถึงมีประสบการณ์พิเศษแต่ก็ไม่ได้เก่งเวอร์ ดูมีความเรียบง่าย สาวงามทั้งหลายที่ผ่านมาก็ผ่านไป (ไม่ได้กวาดเรียบ) เรื่องความหวาดระแวงและรักษาผลประโยชน์ของตนแทนที่จะร่วมมือกันต้านอันตรายก็ดูสมจริง แต่ก็ไม่หดหู่มากเกินไป (แบบบางเรื่องของอุนสุยอันที่อ่านแล้วอยากจะร้องอ๊าก...) ปัญหาจริงๆ คือตัวละครเยอะจนจำไม่ค่อยได้ว่าใครเป็นใคร ไปต่อตรงไหน ส่งผลให้รู้สึกว่าถ้าจะอ่านสองเรื่องนี้ ขอแนะให้อ่าน 'กระบี่อภิญญา' ก่อนนะคะ

การแปลมีที่แปลกคือเวลาทับศัพท์มีทั้งจีนกลางและแต้จิ๋วปนกัน ดูเหมือนจะพยายามใช้แต้จิ๋วสำหรับคำจีนที่คุ้นหูกันอยู่แล้ว ด้านหนึ่งก็ดีนะคะเพราะทำให้ทราบว่านี่คือใครหรืออะไรจากที่เรียกๆ กันอยู่ แต่สำหรับ จขบ. กลับทำให้งงมากกว่า อยากให้เลือกเอาเลยว่าจะจีนสำเนียงไหน เวลาไปเจอที่อื่นจะได้ไม่สับสน แบบว่าเคยอ่านคำนี้เจอในนิยายเล่มนี้มาแล้ว และเล่มนี้เลือกสำเนียงนี้นะ

ที่น่าสนใจคือมีพลังอภิญญาเพิ่มจากวิทยายุทธ แต่ส่วนตัว จขบ. ไม่เข้าใจตรงพลังหยั่งรู้อดีตและอนาคตที่ทำให้มองเห็นได้แปดเก้าส่วน ที่ไม่ได้ครบสิบส่วนเพราะความเห็นและการกระทำของคนที่เปลี่ยนแปลง ทำให้อนาคตเปลี่ยนได้เสมอ (อันนี้เห็นว่าเข้าท่าดี) แต่เมื่อพูดเรื่องคำเสี่ยงทายที่เป็นการเปิดเผยความลับฟ้า กลับเหมือนว่าแก้ไขเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ถึงขนาดมีการปลอมแปลงคำทำนายเพื่อหลอกศัตรู พยายามตั้งชื่อหรือสร้างเงื่อนไขจากการตีความคำทำนาย จนทำอันตรายฝ่ายตนเอง (เคยมีเรื่องไหนที่คำทำนายออกมาเลยตรงๆ เลยบ้างหรือเปล่า ไม่ต้องให้เดากันให้วุ่นวาย ทำเอาหญ้าแพรกแหลกเป็นแถบๆ)

ตกลงจะเปลี่ยนได้หรือไม่ได้กันแน่? ในเรื่องบอกว่า ไม่ว่าการทำนายทายทักใดไม่มีข้อกำหนดตายตัว การปรากฏขึ้นของคำเสี่ยงทาย ได้เปลี่ยนแปลงเรื่องราวมากหลาย ตอนนี้ทุกการตัดสินใจและการกระทำของพวกเราจะส่งผลกระทบต่อทิศทางของเรื่องราว และ ทุกคนสามารถบังเกิดความคิด ดังนั้นเรื่องราวไม่มีข้อกำหนดแน่นอน ขอเพียงใจคนเปลี่ยนไป เรื่องราวต้องปรับเปลี่ยนตาม แต่สุดท้ายก็ออกตามคำทำนาย เพียงแต่อาจจะตีความไม่ออกจนเกิดเรื่องนั่นแหละ

ส่วนที่ไม่ค่อยชอบในเรื่องโดยมากมาจากเรื่องอคติที่มีต่อเรื่องหมอดูของ จขบ. ไม่ได้แปลว่าจะลบหลู่นะคะ แต่สำหรับตัวเองแล้ว เชื่อว่าจะมีคำทำนายอะไรมาก็ตาม ก็ต้องพยายามทำหน้าที่ให้เต็มที่ อย่ายึดติดกับคำพยากรณ์ที่เป็นบวกหรือลบ (โดยเฉพาะในเรื่องที่เทพพยากรณ์ฆ่าคนในครอบครัวตั้งแต่ชรายันทารกเพราะบอกว่าไม่ต้องการให้ทรมานภายหลัง เล่นเอาออกยั๊วะตั้งแต่บทแรก) และที่สำคัญคือถ้ามีคำทำนายที่ผิดศีลธรรม ก็อย่าไปทำตามโดยเด็ดขาด (นี่คือข้อคิดหลักส่วนตัวที่ได้จากการอ่านเรื่อง 'รามเกียรติ์' ถ้าหมอดูบอกว่าให้ทิ้งลูกที่เพิ่งเกิดเพราะจะทำอันตรายให้ ก็ควรจะไล่หมอดูอออกไปแทน)

ที่มา
[1] เจิ้งฟง (น. นพรัตน์ แปล), กระบี่อภิญญา. สยามอินเตอร์บุ๊คส์, พิมพ์ครั้งที่ 1, 4 เล่มจบ, 280 + 288 + 272 + 304 หน้า, 2554.


Create Date : 24 สิงหาคม 2554
Last Update : 27 ตุลาคม 2560 15:47:33 น. 5 comments
Counter : 6732 Pageviews.

 
555 เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะเรื่องรามเกียรติ์ ตอนที่อ่านก็คิดอยู่เหมือนกันว่า สาเหตุความหายนะมาจากหมอดูนี่แหละหนอ... (อ้อ ยังมีปุโรหิตอีกตัวหนึ่งที่เป็นตัวสร้างความร้าวฉานให้แก่นิยายทั้งหลาย 55)


โดย: แพนด้ามหาภัย IP: 180.183.201.169 วันที่: 24 สิงหาคม 2554 เวลา:22:20:24 น.  

 
สวัสดีค่ะ
เพิ่งแวะมาดูบล๊อกนี้
โอ้โห...คลังข้อมูลนิยายชัดๆเลยอ่ะ





โดย: Nagascales วันที่: 26 สิงหาคม 2554 เวลา:9:40:11 น.  

 
คุณแพนด้าฯ > เราว่าหมอดูในรามเกียรติ์มีผลประโยชน์ทับซ้อนนะคะ

คุณ Nagascales > พวกบ้านิยายค่า


โดย: jackfruit_k วันที่: 28 สิงหาคม 2554 เวลา:14:24:01 น.  

 
มันเป็น นวนิยาย นะจ๊ะ ไม่ใช้นิยาย เข้าจัยความหมายมั้ยครับ


โดย: Champ IP: 182.52.114.63 วันที่: 26 ธันวาคม 2555 เวลา:9:06:00 น.  

 
คุณ Champ > เรื่องนี้น่าจะเป็น Wuxia novel นะคะ คือเป็นนิยาย แล้วนวนิยายกับนิยายต่างกันอย่างไรในที่นี้คะ ขอความเห็นเพิ่มเต้มด้วยค่ะ งง??


โดย: jackfruit_k วันที่: 26 ธันวาคม 2555 เวลา:13:43:06 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jackfruit_k
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 211 คน [?]




Latest Updates
นิยาย ไทย, จีนแปล, แปล, อังกฤษ; การ์ตูน ญี่ปุ่น, อื่นๆ; หนังสือ ไทย, แปล, อังกฤษ
New Comments
Friends' blogs
[Add jackfruit_k's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.