--- SPOILER ALERT ---
ระบำรักวาดวิรัณ เป็นลูกติด
เดือนวาด ที่แต่งงานใหม่กับ
มาร์แตง เบอร์นัว ชาวฝรั่งเศส ทำให้เธอไปอยู่ที่นีซตั้งแต่สามขวบ ในครอบครัวยังมีพี่ติดพ่อ คือ
มาร์คัส ที่อายุมากกว่าสองปี และ
มาร์เซล น้องต่างบิดาที่อ่อนกว่าสี่ปีอีกคน พอเธอเรียนจบปริญญาโทก็ไปแบ็คแพ็คเกือบปี แต่เมื่อกลับมาบ้านพ่อเลี้ยงก็ล้มป่วยหนักด้วยโรคหายาก ต้องการค่าผ่าตัดสามแสนยูโรโดยด่วน มาร์คัสที่เป็นเชฟในปารีสจึงตกลงกับวาดวิรัณว่าจะเอารูปที่ทวดเคยได้มาจากชาวเอสโตเนียลี้ภัยไปขาย แต่เพราะพ่อรักรูปมาก จึงจะเอาไปวาดเลียนแบบไว้แทนที่ก่อนจะเอารูปไปขาย วาดวิรัณจึงเดินทางไปหานักซ่อมแซมภาพวาดชื่อดัง
ลูค ลานาต ที่ปารีส
ส่วนลูค ที่นอกจากจะซ่อมแซมภาพวาด (เลือกงานสุดๆ) ยังเป็นจิตรกรเขียนภาพเลียนแบบควบโจรขโมยภาพเขียน (สไตล์โรบินฮูดที่จ้องสมบัติของคนเลว) เพื่อตอบสนองความตื่นเต้นอันเป็นผลจากวัยเด็กกำพร้า เมื่อไม่กี่วันก่อนมีคนขโมยภาพ Danse Macabre (ระบำความตาย) ฝีมือเบิร์นท์ โนตเคที่พิพิธภัณฑ์ของโบสถ์เซนต์นิโคลัส ในเมืองทาลลินน์ เอสโตเนีย (รูปนี้เป็นศิลปะทางศาสนาที่เป็นรูปต่อกันหลายชิ้นขนาดขนาดยาวมาก) แล้วป้ายความผิดให้ลูคว่าเป็นคนขโมย โดยสร้างตำหนิเฉพาะตัวของลูคลงในภาพที่เอาไปเปลี่ยนกับภาพจริง ทำให้ลูคถูกตำรวจสงสัย
เมื่อวาดวิรัณมาขอความช่วยเหลือให้วาดรูปเลียนแบบของส่วนหนึ่งของภาพ Danse Macabre ที่ลูคดูว่าเป็นของแท้แถมสาวยังหน้าเหมือน
ละไมมาด ที่ลูกเคยเจอและออกจะชอบ เลยตกลงรับงานและติดต่อกับพิพิธภัณฑ์โบสถ์เซนต์นิโคลัสเพื่อขายภาพนี้โดยรับค่าจ้างจากวาดวิรัณด้วยค่าจ้างถูกมาก ระหว่างนี้วาดวิรัณก็อยู่เฝ้าภาพจนกว่าภาพเลียนแบบจะเสร็จ (และเนื่องจากเป็น romantic suspense เลยไม่ได้ลุ้นตรงนี้) ว่าทั้งคู่ต้องถูกใจกันแน่
แต่เส้นทางรักก็ไม่ได้เรียบ เมื่อ
นาทัลญ่า สาวรัสเซียนักขโมยรูปที่เป็นแฟนเก่าของลูคมาขอออกแรงช่วย (ค่าจ้างคือรูปที่ลูคเคยขโมยมา) แถมเมื่อไปถึงทาลลินน์
คาซานดร้า อัลวาโร ผู้เชี่ยวชาญด้านการทดสอบภาพที่ทางพิพิธภัณฑ์จ้างมาตรวจสอบรูป ก็ยังเป็นแฟนคนแรกที่ลูคเคยรักอีก ทำให้เรื่องความรัก สมบัติของชาติหาย และการขายรูปตีกันให้ยุ่ง ตามด้วยคดีเก่าที่ลูคเคยขโมยรูป The Card Players ของเซซานน์ ที่เจ้าพ่อ
อีวาน ดราโกมิดรอฟ ซื้อมาด้วยราคาร้อยห้าสิบล้านยูโร ...
สรุปว่าสนุกดีค่ะ มีหักเหลี่ยมเฉือนคมกันพอดีๆ (สำหรับ จขบ. ที่ไม่ชอบคิดซับซ้อนมากนัก ถ้าน้อยไปก็ไม่สนุก ถ้ามากไปก็เครียดแทนที่จะได้อ่านคลายเครียดแทน) ผสมกับการพาเที่ยว ความหวานก็ไม่เวอร์ไป แนวคิดในภาพรวมก็ดีค่ะ จบโอเคนะคะถึงแบบออกสบายๆ ไปหน่อยสำหรับดีกรีความโหดของมาเฟียรัสเซีย
มีอ้างถึงรูปต่างๆ เยอะพอควร แต่เนื่องจากเป็นประเภทที่ จขบ. ไม่ค่อยชอบ อย่าง Danse Macabre (Bernt Notke) และ The Card Players (Cézanne) เลยเห็นด้วยกับนางเอกมากที่ว่าดูแล้วประเทืองปัญญาหรือสติอารมณ์ตรงไหน แถมสำหรับคนที่ต้องการภาพแบบไม่เลือกวิธีจะมองสัจธรรมออกหรือ (ถ้าจะบ่นคือรูปที่หน้าปกไม่เห็นเกี่ยวกับเรื่องเลย แต่ก็นะ ปกสองเล่มต่อกันเป็นรูปเดียว ขืนเอารูปโหดๆ จากเล่มนี้ก็คงดูไม่จืด) แต่จุดที่อยากเห็นมากๆ คือลาเต้อาร์ตรูป Flaming June (Leighton) กับอาหารพื้นบ้านเอสโตเนีย อย่างเนื้อกวางเอล์ค ไส้กรอกเนิ้อผสม พุดดิ้งกุหลาบ เบียร์น้ำผึ้ง ฯลฯ (สรุปว่า จขบ. สนใจของกินมาก)
ระบำฝัน
มุขพล และ ลดามณี ราชชัยกุล นักธุรกิจด้านอาหารชั้นนำของประเทศ รับ ละไมมาด ที่อายุประมาณห้าขวบเป็นลูกสาวบุญธรรม ก่อนที่จะมีลูกชาย คือ ลัทธพล ถึงครอบครัวรักกันมาก ชีวิตรักกับ วชิรวิทย์ ทนายหนุ่มหล่อ ลูกเพื่อนสนิทของครอบครัวก็ไปได้ด้วยดี (เชียร์กันทั้งบ้าน) แต่ละไมมาดก็มีความไม่มั่นใจในบางครั้ง แถมยังฝันร้ายถึงพ่อที่จำหน้าไม่ได้บ่อยๆ ระยะหลังความฝันยิ่งน่ากลัวขึ้น
มีคนพบสาวที่หน้าตาเหมือนละไมมาดยังกับแกะอยู่ที่ฝรั่งเศสและภาพสุดรักของมุขพล คือ Dancers ของ ราคาสิบล้านโดนขโมยโดยไร้ร้องรอย วชิรวิทย์จึงรับหน้าที่ไปตามร่องรองภาพที่อาจจะมีการประมูลอย่างลับๆ ในปารีส ละไมมาดจึงขอตามไปด้วย กึ่งทำงาน กึ่งท่องเที่ยว ถึงวชิรวิทย์ไม่ได้เบาะแสของภาพที่หาย แต่ก็สามารถประมูลภาพ The Dance Lesson ของเดอกาส์ได้ในราคา 8 ล้าน ก่อนที่ทั้งคู่จะไปสืบหาสาวที่หน้าเหมือนละไมมาดราวพิมพ์เดียวเมื่อพบตัววาดวิรัณ ทำให้ละไมมาดได้เบาะแสมาสืบต่อ (แจมด้วยตัวละครจากเรื่อง 'ด้วยรักและฆาตกรรม') ทำให้อดีตที่หลงลืมไปแล้วกลายมาเป็นเรื่องที่จะทำลายตัวตนของละไมมาดได้อย่างไม่น่าเชื่อ ...
เรื่องนี้น้ำตาลเป็นกองพเนิน ก็ทั้งพระเอกนางเอกรู้ใจกันดีอยู่แล้ว เลยหวานกันซะเต็มที่ เรื่องเน้นความหลังของละไมมาดมากกว่าจะเกี่ยวกับรูปภาพซึ่งมักใช้เป็นสัญลักษณ์ต่างๆ จขบ. รู้สึกว่าอ่านได้เรื่อยๆ นะคะ ไม่สนุกเท่า 'ระบำรัก' ที่หักเหลี่ยมเฉือนคมมากกว่า และออกจะมึนๆ หน่อยตอนการย้ายที่ของเด็กน้อยละไมมาดในคืนที่เกิดเรื่อง ส่วนรูปในเรื่องนี้ชอบมากกว่าเยอะ เพราะชอบผลงานของ Degas เป็นพิเศษอยู่แล้ว ^_^