Episode เด็กบ้านนอก ตอน ความมีน้ำใจของชาวไกลบ้าน ตอน 2
สวัสดีครับ พี่ๆ เพื่อนๆทุกท่าน ผมกลับมาเล่าเรื่องราวความประทับใจ ของการเดินทางกลับไทย เป็นตอนที่สอง หลังจากที่ตอนแรกได้รับการตอบรับไป แปดร้อยกว่า Reply (เว่อร์มะ)
หลังจากแยกจากคุณลุง Smartupid แล้ว ก็ขึ้นเครื่องเหิรฟ้า กลับมาเมืองไทย แบบว่าเหมือนติดคุกเลยครับ 17 ชม อันแสนทรมาน แต่ด้วยความที่อยากกลับบ้าน ยังไงก็ยอม พอมาถึง Airport เกิดอาการ บ้านนอกเข้ากรุงล่ะครับ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ใช้สนามบินสุวรรณภูมิ แบบว่าออกจา เครื่องบิน ก็เดินไปหาที่รับกระเป๋า ไกลมากทีเดียว แถม ผมรับสายพานที่ 47 แต่เดินหาเจอแค่ สายพานที่ 1-46 ฮ่วย! แล้วเจ้า 47 มันอยู่ไหนฟะ เห็น เพื่อนๆร่วม Flight ก็เดิน งงเหมือนกัน ถามไปถามมา ที่ไหนได้ มีป้ายรูปภาพอันเบ้อเร่อ เป็นกำแพงลายไทยรามเกียรติ์ ยาว เป็นสิบเมตร บังอยู่นั่นเอง แหม บ้านนอกจริงๆเลยเรา แต่จะให้ดี มีป้ายบอกผมหน่อยก็ดีนะครับ โอเค ได้กระเป๋ามาละ
และการกลับครั้งนี้ผมก็ ซื้อของฝากครอบครัวมาด้วยหลายรายการ และความที่ผมเฟอะฟะ ก็กลัว ศุลกากรจะมาค้นกระเป๋า เพราะโดนเพื่อน ขู่ไว้เยอะว่า ถ้าโดนค้น เอ็งเสร็จแน่ นึกๆแล้วเหมือนตอน มาจากบ้านนอกเข้ากทม ใหม่ๆ ที่เพื่อนมันขู่ว่า ระวังรถตู้จะมาไล่จับ ทำเอาตอนนั้น กลัวรถตู้ขึ้นสมองไปเลยครับ อิอิ กลับมาที่ สุวรรณภูมิ Airport กันต่อ หลังจากได้กระเป๋า ผมก็ เดินลอยหน้าลอยตา แจกยิ้มสุดๆ เพราะ เพื่อนมันขู่ว่า ถ้าทำหน้ามีพิรุธเอ็งโดนค้นแน่ๆ (ชัก อยากเตะเพื่อนผมแล้วใช่ไหมครับ ขยัน ขู่ จริ๊งงง) ตอนนั้น ใครมองหน้าผมยิ้มสยามแจกไม่บันยะบันยังเลยครับ และแล้ว ก็เดินมาถึงด่านมหาภัย มีเจ้าหน้าที่ยืนตรวจตรา เพียบ ตายล่ะวา เอาไงดีวะ ไม่เป็นไร ไม่เข้าถ้ำเสือ จะได้ลูกเสือได้ยังไง แง๊วๆ ผมก็ รีบเข็นรถ ทำตัว เนียนไปกับกลุ่มคนไทยกลุ่มนึงที่กำลัง เข็นกระเป๋ากออกไป พอดีเข็นตามสาวสวยหมวยจิ้มลิ้มคนนึง ไปติดๆ ประมาณเหมือนมาด้วยกันอ่ะครับ กะว่า รอดแน่ๆ ตู งานนี้ อิอิ (ในใจก็มือสั่นอ่ะครับ ก็ผมมันบ้านนอกนี่นา)
แล้วทันใดนั้น เจ้าหน้าที่คนหนึ่งก็ ปราดเข้ามา เอามือยกห้ามแล้วบอกให้หยุด! จ๊ากกกก!! ชายน้อยเสร็จแน่ๆเยยย แต่ก็ยิ้มเจื่อนๆถามเจ้าหน้าที่ว่า มีอะไรเหรอครับ เขาบอกว่า เข็นช้าๆหน่อย มันจะชนคนข้างหน้าเค้า โอละพ่อ!! เกือบไปแล้วไหมล่ะ พอเข็นออกมาได้ ก็เล่าให้ ที่บ้านกับเพื่อนที่มารอรับด้วย ฟัง หนอยโดนประนามว่า ไอ้บ้านนอก เขาไม่ค้นเอ็งหรอก คนที่จะโดนต้องหิ้วมาเป็นโหลๆ ถึงจะโดน ใครจะไปรู้ล่ะครับ แหม ก็ผมขน Chocolate กับ น้ำหอมและอะไรมาอีกนิดหน่อย ก็คิดว่ามันเยอะแล้วนี่นา เอาน่ะ เกือบฉี่ราดไปซะแล้ว อิอิ
ก็ หลังจากกลับไปที่ไทย ผมก็เล่าเรื่องราวความประทับใจ ให้กับครอบครัวที่ไทยฟัง ทุกคนดีใจ และปลื้มใจครับที่ผมได้มีโอกาส ได้พบและได้รับน้ำใจจากคุณลุง Smartupid เล่าไป ก็ กินซาลาเปาจาก New York ไป อิอิ แบบว่ามีลูกเดียว แต่แบ่งสี่ชิ้นครับ เอาแค่พอรู้รส ก็ Import นั่งเครื่อง 17 ชม ไม่เน่าคากล่อง ก็ดีถมไปแล้ว แถมทุกคนชมว่า อร่อยมากกก รสชาติเมืองน๊อก เมืองนอก
ระหว่างที่อยู่เมืองไทย ผมรู้สึกว่า บ้านเกิดเมืองนอนของเราม มันช่างน่าอยู่เสียนี่กระไร อยากกินอะไร อยากซื้ออะไรก็มีเหมือนเมืองนอกเมืองนา ทั้งนั้น และก็รีบไปทำสิ่งหนึ่งที่ตั้งใจไว้มานานแสนนาน ว่ากลับจากเมกาต้องทำให้ได้ ทายสิครับ ว่าคืออะไร
นั่นคืออาหารจานโปรด ที่คิดถึงสุดๆ พอดีได้ไปธุระให้ที่บ้าน ผ่านไปเจอร้านรถเข็นข้างถนน ผมก็ปรี่เข้าไป ปากซี้ปากสั่น บอก ป้าคนขายว่า ป้า ส้มตำปลาร้า ใส่มะกอก เอาแซ่บๆ ด่วนเลยเด้อ
ป้าแกทำหน้า งง ประมาณว่า หนูมาจากไหนจ๊ะ โถ พ่อผู้ดีตกยาก หน้าตาก็ดี๊ดีประมาณกิมจิ สั่งซะสารคามเชียว ว่าแล้วผมก็ได้กินส้มตำจานแรก แสนอร่อย ซัดหมดจาน ชุด Combo ส้มตำพร้อมข้าวเหนียวแสน Classic โหย ตอนอิ่มนี่ มีความสุขมาก คิดได้ว่า ไม่เสียทีที่ได้ไป อเมริกา ไม่งั้นคงไม่รู้หรอกว่า ส้มตำปลาร้ามัน แซ่บขนาดนี้ อิอิ
แล้วพอผ่านไปได้สักสองสามชั่วโมง เริ่มตาลายล่ะครับ เวียนหัว นั่งอยู่ดีๆ ก็ โดนข้าศึกบุก ประมาณ ของข้างในอยากจะออก ของข้างนอก ก็ไม่อยากจะเข้าซะแล้ว แบบว่าท้องเสียจู๊ดๆ แถมด้วย อาเจียนไปอีกสองรอบ ไข้จับไปเลยครับ ฮือๆ!
ดีนะที่ผมแมนทั้งแท่ง ไม่งั้นต้องโดนข้อหา ไปเมืองนอกกลับมา โดนฝรั่งทำให้ท้องมารึเปล่าเนี่ย !!!
เรื่องนี้กลาย เป็นที่สมน้ำหน้าของบรรดาเครือญาติว่า ตะกละดีนัก ไปเมืองนอกมา ลำไส้สะอาดแล้ว ไม่คุ้นกับเชื้อโรค ดันไปล่อปลาร้า ซะเต็มสูตร โหย ก็คนมันอยากนี่ครับ ใครกลับมาเมืองไทยใหม่ๆ ไม่เป็นแบบผมก็ให้รู้ไป เอ๊ะ หรือผมเป็นคนเดียวเนี่ย ไม่สิ โบราณเขาว่าไว้ หนามยอก ต้องเอาหนามบ่ง สรุป ผมไม่เข็ดครับ อีกสองวันไปกินอีกรอบ อารมณ์เดิมเลยครับ วิ่งเข้าห้องน้ำแทบไม่ทัน ไหนเขาว่า พิษต้านพิษได้ไงอ่ะครับ สรุป ชายกลางแพ้ปลาร้าไปโดยปริยาย
อีกเรื่องหนึ่งครับ อันนี้ผมสงสัยตัวเองมากๆ ตอนอยู่บนเครื่องกลับไทย ขณะที่เครื่องกำลังลดระดับความสูง (Landing) ผมเกิดปวดที่หัวคิ้วซ้ายมากๆครับ ทรมานสุด ต้องเอาฝ่ามือกดที่หัวคิ้วแบบแรงมากๆ ถึงจะบรรเทา เหมือนโดนคีมบีบหัวเลยครับ แต่ก่อนก็แค่ปวดหูตามเรื่อง นิดๆหน่อยๆ งานนี้ปวดสุดๆ แต่พอถึงพื้น ก็ดีขึ้น
แต่ปัญหามาเป็นอีกทีตอน ขึ้นเครื่องกลับมาเมกาน่ะครับ ตอนเครื่องกำลัง Landing ลง JFK ปรากฏ ปวดหัวตำแหน่งเดิม แต่มากกว่าเก่า พอลงถึงพื้น สักครู่ ปวดหัวตึ๊บๆ มึนๆ งง ๆ เหมือนมีน้ำมูกในโพรงจมูกครับ แต่พอสั่งออกมา เลือดเป็นลิ่มเลยอ่ะครับ ตกใจมาก เกือบสลบคา Air port กลุ้มใจเหมือนกันครับว่าเป็นเพราะอะไร
ท่านไหนเคยเป็นหรือมีวิธีแก้ไข แนะนำชายน้อยด้วยฮับ เครียดไปเลย ไม่กล้าขึ้นเครื่องก็งานนี้ล่ะ
อ้าว ว่าแล้วก็หมด โควต้าซะแล้วครับ ไม่เป็นไรครับ จะมาเล่าต่อนะครับ ตอนหน้าว่า ไป New York City แล้วเป็นยังไงมั่ง
ขอบคุณทุกท่านครับที่กรุณาติดตามและส่งกำลังใจมาให้ ตอนนี้อากาศหนาวจัด รักษาสุขภาพด้วยครับผม
เด็กบ้านนอก Version ไม่กินเผ็ด
Create Date : 18 มกราคม 2550 |
|
15 comments |
Last Update : 19 มกราคม 2550 22:25:28 น. |
Counter : 886 Pageviews. |
|
|
|