สางสีทอง * จินตวีร์ วิวัธน์
สางสีทอง * จินตวีร์ วิวัธน์
.... แสงเดือนละออสาดส่องกระทบภาพเขียนสีน้ำมันเก่าแก่แขวนบนผนังปลายตีนเตียง ข้าพเจ้ามองเห็นถนัดถึงละอองหมอกบางๆลอยอ้อยอิ่งอยู่ที่นั่น และอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวเนิบช้าแทบจะสังเกตไม่เห็นอยู่เบื้องหลังม่านหมอกนั้นด้วย ... ข้าพเจ้านอนตัวแข็ง เบิกตาเพ่งมองสิ่งนั้นจนรู้สึกปวด ... สายตาที่ชินกับความมืดแล้ว พอแยกออกว่าอะไรเป็นอะไร พอเห็นและรับรู้ ข้าพเจ้าก็เริ่มรู้สึกกระตุกแรงๆที่หัวใจ และชาดิกไปทั้งกายเหมือนเป็นอัมพาตด้วยความตกใจกลัว ... แพรผืนใหญ่สองทองระยับไหวพลิ้วน้อยๆ อยู่หลังม่าน หมอกบางเบาเหมือนเจ้าของร่างกำลังเคลื่อนไหวการอย่างแช่มช้า .... หมอกแผ่ตัวขยายกว้างขึ้นลอยมาทางเตียงข้าพเจ้าพรน้อมแพรผืนนั้นขยับไหวมากขึ้น และมากขึ้น ... จนในที่สุด ข้าพเจ้าก้เห็นร่างที่คลุมด้วยแพรสีทองผืนนั้นถนัด เพราะดูเหมือนว่ามันขยับเข้ามายืนอยู่ตรงปลายตีน เตียง ห่างจากตัวข้าพเจ้าไม่กี่ฟุตเท่านั้นเอง ... ละอองหมอกบางเบาที่แผ่กั้นเราทั้งสองไว้ ทำให้ภาพพร่าเลือนไปบ้าง .... กระนั้นข้าพเจ้าก็เห็นถนัดถึงร่างโปร่งคลุมด้วยพัตราภรณ์ผืนใหญ่สีทองอร่าม ต้องประกายแสงเดือนเป็นมันระยับ .... (สางสีทอง หน้าที่ ๘๘ - ๘๙)
บล็อกนี้จะถือเป็นบล็อกรีวิวต่อเนื่องจากเรื่อง ..ขวัญหนี คราวที่แล้วก็ว่าได้นะครับ ... เพราะว่าหลังจากกระทู้ที่ผมโอดครวญไปคราวนั้นว่าอยากได้สางสีทองของคุณจินตวีร์ ฯ มาไว้ครอบครองเป็นสมบัติส่วนตัว โดยฝากของความอนุเคราะห์จากพี่ทอมมี่ พี่ที่น่ารักจากเวปพี่หมอโอ๊ตพงศกร ... จนมาในวันหนึ่งซึ่งผ่านมาเร็วๆนี้ ... พี่ทอมมี่สุดหล่อก็โฟนฮัลโหลมาหาบอกว่าได้ส่งสางสีทองกับนวนิยายที่ผมอยากได้อีกสองเรื่องมาให้แล้ว ... ผมร้องเย้ เย้ เย้ ไปครึ่งวัน (ไม่ทำงานทำการรึไง) จนได้รับพัสดุมาในไม่กี่วันหลังจากนั้น ... ก็รีบแกะออกมาตะลุยอ่านสองรวดจบ .... สรุปได้ในเบื้องต้นว่า ... ของเขาดีจริงๆ ด้วยล่ะ ...
นวนิยายเรื่องสางสีทอง ... เรื่องนี้พี่ทอมมี่ของเราบอกว่าเป็นนวนิยายของคุณจินตวีร์ฯ อีกเรื่องที่ชอบมาก ๆ ผมอ่านจบไปรอบแรกก็รู้สึกเหมือนกับพี่ทอมมี่ คือ เป็นนิยายที่สร้างบรรยากาศได้สยองขวัญตั้งแต่ต้นจนจบ ทั้งๆที่มีขนาดของเล่มเล็กบางมากมาย ... ความยาวของหน้า 200 หน้า( 13 บท) แต่ความสนุกกลับไม่เล็กน้อยเหมือนขนาดหนังสือเลย ...
เรื่องย่อของสางสีทอง ... มีอยู่ว่าอากร กับอัญชลี กัมลารัต ได้รับการติดต่อจากทนายประจำตระกูลว่าให้ไปรับมรดกเป็นที่ดินผืนหนึ่งพร้อมกับบ้านบังกะโลทาสีขาวหลังเล็กๆ .. แรกๆชายหนุ่มก็ไม่มีทีท่าสนใจอะไร กระทั่งทนายความแจ้งมาว่ามีคนมาติดต่อจะซื้อหลายรายแล้ว ... ถ้าจะขายก็ขายซะ ... อากรกลับมามองตัวเอง ภาระครอบครัวก็มาก การเงินก็ยอบแยบ เมียหนึ่ง ลูกอีกสาม
ทั้งสามคนคืออากร อัญชลีและทนายความจึงไปยังบ้านหลังนั้น ...ชายหนุ่มก็รับรู้ว่าอาคนเล็กของเขาคือ กอบเกียรติเป็นเจ้าของบ้าน พร้อมภรรยาที่เป็นศิลปินด้วยกันก็คือ ดุรียา ... อัญชลีเปิดลิ้นชักเจอสมุดบันทึกปกหนังสีดำขนาดเขื่อง สภาพเก่าซีดเล่มหนึ่ง นี่แหละคือจุดเริ่มต้นของสางสีทองที่จะเล่าย้อนไปครั้งกอบเกียรติกับดุรียา ได้มาอยู่บ้านหลังน้อยหลังนี้ ...
สางสีทอง เริ่มเข้มข้นเมื่อทั้งสองสามีภรรยาได้มาปลูกบ้านน่ารักหลังนี้ในยุคเมืองพัทยา ปี พ.ศ. 2508 ชีวิตประจำวันของคนทั้งสองอาจจะธรรมดาไป ถ้าไม่ไปอยากรู้จักตึกใหญ่เก่าแก่ปรักพังเหลือแต่ซากหลังหนึ่ง ... ตึกหลังนี้แหละคือเรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบของสางสีทอง ... เพราะความเป็นนักศิลปะตัวยง ทำให้ดุรียาทำเรื่องที่ไม่น่าจะทำ ...นั่นก็คือไปหยิบฉวยภาพวาดต้นเรื่องทั้งหมดคือภาพหลวงอภิรักษ์พิธภัณฑ์กับคุณหญิงมาไว้ครอง ... แถมยังเอาแขวนไว้ปลายเตียงอีกต่างหาก ...
บรื๋อ ๆ ๆ ๆ ๆ น่ากลัวมากกกกก ....
วิญญาณร้ายก่อเรื่องราวมากมาย นับตั้งแต่ฆ่าหมา ลามมาฆ่าคน และจะปิดท้ายด้วยฆ่าพระเอกและนางเอก ... จนสุดท้ายนึกว่าเรื่องราวจะจบแล้วเพราะผีร้ายถูกทำลายไปอย่างสิ้นซาก ... แต่ ... ที่ไหนได้ ... ยังหลอนก๊อกสองได้อีกครับ โอ้ว .. มายก็อด ... น่ากลัวจริง ๆ เลยนังผีตนนี้ ... นิยายเรื่องนี้อ่านแล้วสนุกมากตั้งแต่ต้นจนจบ ... ผมไม่สปอยเนื้อเรื่อง เพราะอยากให้ไปอ่านกัน ... เนื้อหาในเรื่องนี้ไม่ใช่ดุแต่ผีคนนะ ผีหมาในเรื่องก็ดุโคตร ๆ ด้วยเช่นกัน ... พออ่านไปก็จะอินกับบรรยากาศอึมครึมไปตลอดทั้งเรื่อง อาจมีเหลียวดูรอบตัวเป็นพัก ๆ เพราะอาการเสียวสันหลังวาบเหมือนถ้อยความเกริ่นนำในวรรคแรกไงล่ะครับ ...
ในผลงานของคุณจินตวีร์ วิวัธน์มีมากมายหลากหลายเรื่องให้ได้ติดตาม และเก็บสะสม ..หายากบ้างง่ายบ้าง ก็แล้วแต่โชคชะตาบันดาลให้ได้เป็นเจ้าของ ... สำหรับสางสีทองเรื่องนี้ผมก็ขอขอบพระคุณพี่ทอมมี่ผู้ใจดี ที่เผื่อแผ่คิดถึงน้องนุ่งเวลาเดินร้านหนังสือเก่าแถวสวนจัตุจักร ... ถ้าวันดีคืนดีเจอมฤตยูเขียววววววว ก็บอกกล่าวน้องนุ่งบ้างเด้อพี่เน้อ อิ อิ อิ ... วันนี้วันจันทร์แสนสดใสอีกวันแล้ว ... ขอบคุณที่ติดตามอ่านครับ ... นายเมฆฉาย
********************************
คำคมจากนักเขียน : กิ่งฉัตร
สิ่งแรกสำหรับการเริ่มต้นคืออะไร?
กิ่งฉัตร : คือการสำรวจตัวเองก่อนว่ามีความรักในการอ่านการเขียนมากน้อยแค่ไหน การเป็นนักเขียนไม่ใช่ทำได้ในชั่วข้ามคืน อย่างน้อยต้องใช้เวลานับปี ต้องทำงานมานานพอสมควรจึงจะอยู่รอด และพอมีผู้อ่านรู้จักบ้าง ฉะนั้นคนที่คิดจะมายึดอาชีพนี้ต้องมีใจรักมากพอที่จะอดทนทำงานได้อย่างต่อเนื่อง ....
แล้วเคล็ดการเขียนของ กิ่งฉัตร คืออะไร?
กิ่งฉัตร : เคล็ดอย่างหนึ่งที่ดิฉันถือมาตลอดในการเขียนหนังสือคือ เขียนเรื่องที่ตัวเองชอบอ่าน ไม่ฝืนเขียนอะไรที่ตัวเองไม่ชอบหรือไม่รู้ เพราะดิฉันถือเสมอว่าตัวเองเป็นผู้อ่านคนแรก ถ้าเขียนออกมาแล้วผู้อ่านคนแรกไม่ชอบ จะมีคนอ่านที่ไหนชอบงานของเราอีก ...
( หนังสือชงคำ ... เรียบเรียงโดยสัจภูมิ ละออ .. หน้าที่19 และ 25 )
Create Date : 29 มิถุนายน 2552 |
|
5 comments |
Last Update : 29 มิถุนายน 2552 10:25:29 น. |
Counter : 2973 Pageviews. |
|
|
|
ปล. รูปประกอบหลอนได้อีก