ตรวจการบ้าน ตอนที่ ๒ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมัน กินอะไรดีนะ

ต้องขอโทษเพื่อนๆที่คอยตามอ่านบล็อกของเมย์นะคะ พยายามจะมาเขียนต่อหลายวันแล้ว แต่ก็ไม่ได้มีเวลาซักที อาทิตย์นี้มันบี๊ซี่จริงๆอ่ะค่ะ ให้อภัยกันเถอะนะคะ

มาต่อกันเรื่องของการกินนะคะ


เพื่อนๆทราบแล้วว่า การไดเอ็ท มีหลายสูตร หลายสำนัก หลายด็อกเตอร์ หลายตำรา สูตรและตำราต่างๆก็มีเกิดแก่เจ็บตาย ไปตามวัฏจักร เหมือนสินค้าทั่วไป ช่วงคนนิยมสินค้าเกี่ยวกับสูตรนั้นๆก็จะมีออกมามากมาย พอคนเลิกอิต ก็หายๆไปบ้างอะไรบ้า่ง เหลือสูตรเด็ดๆอยู่ไม่กี่สูตร อย่างที่ยังพอมีสาวกเยอะอยู่บ้่างก็พวก Atkins, South Beach, Eat-Clean, Low Carbs
ถ้าจะสังเกตให้ดีๆ วิธีการกินของการไดเอ็ททั้งหมดข้างต้น คือการเพิ่มการกินโปรตีน และ จำกัดปริมาณคาร์โบไฮเดรต ค่ะ
ซึ่งแต่ละสำนักจะมีข้อแนะนำการกินโปรตีน และคาร์โบไฮเดรตที่แตกต่างกัน คุณจะเชื่อแบบไหน หรืออยากลองแบบไหนก็ขึ้นอยู่กับว่า คุณสามารถ ทนจำกัดการกินของคุณ ได้มากน้อยแค่ไหน












ถ้าถามว่า ทานโปรตีนมากขึ้น และลดการกินคาร์โบไฮเดรตลง แล้วจะผอมลงจริงมั้ย
ตอบตรงๆค่ะ ว่า “ลด” จริงๆค่ะ
ขอย้อยไปใช้ตัวอย่าง กองไฟเมทาบอลิซึม ในร่างกายของเรานะคะ
อยากให้เพื่อนๆลองหลับตานึกภาพตามไปค่ะ
สมมติว่าเราไปออกแคมป์กลางป่า แล้าเราก็ก่อกองไฟเพื่อทำอาหารทานกันนะคะ
ของที่เราเตรียมมาปิ้งทานกัน มี
Main Course เป็น ไก่ย่าง กับเบคอนย่าง
ของหวาน เป็น มาร์ชเมลโลเสียบไม้ย่าง ทานคู่กับโกโก้ร้อนๆ (อืมมมม อาหร่อย!) หรือถ้าใครหามาร์ชเมลโล่ไม่ได้ เอาโดนัท KK มาเสียบไม้ย่างละกัน

ที่นี้ตอนนี้เรา
สมมติเมทาบอลิซึมเราเป็นกองไฟ ไก่ย่างของเราคือโปรตีน เบคอนคือไขมัน และ มาร์ชเมลโล่หรือโดนัทคือ คาร์โบไฮเดรต
เพื่อให้สามารถเปรียบเทียบระยะเวลาในการเผาไหม้ (เผาผลาญ) ก็ตัดเนื้อไก่ และ เบคอนให้มีขนาดเท่าๆกับมาร์ชเมลโล่หรือโดนัทของเรานะคะ

เอามาเสียบไม้ย่างไปพร้อมๆกันเลย ทั้งไก่ ทั้งเบคอน ทั้งมาร์ชเมลโล่ ทั้งโดนัท







พอจะเดาออกมั้ยคะว่าอะไรจะสุกก่อน อะไรจะไหม้ก่อน และถ้าย่างไปเรื่อยๆ อะไรจะเป็นตอตะโกก่อนกัน




เฉลยเลยนะคะ มาร์ชเมลโล่ หรือโดนัท จะถูกเผาไหม้ ไปก่อน ส่วนเนื้อไก่จะต้องใช้เวลานานกว่ามากๆกว่าจะถูกเผาไหม้ไปให้หมด เบคอนก็ต้องใช้เวลานานมากๆ มากกว่าเนื้อไก่ซะอีก และเผลอๆ เราจะต้องเติมฟืนให้กองไปของเราด้วยเพื่อให้มีไฟพอที่จะทำให้เนื้อไก่ไหม้และเบคอนไหม้ไปจนหมด
แปลความหมายได้ว่า ในการย่อยคาร์โบไฮเดรตเพื่อนำเอาพลังงานไปใช้ ร่างกายใช้พลังงานและเวลาน้อยกว่า การย่อยโปรตีน และไขมันหรือในทางกลับกันคือร่างกายจะต้องใช้เวลานานกว่าและใช้พลังงานมากกว่าในการย่อยโปรตีน และไขมัน
เมื่อโปรตีน และคาร์โบไฮเดรตให้พลังงาน 4 กิโลแคลอรี่ ต่อ น้ำหนัก 1 กรัมเท่าๆกัน แต่ร่างกายใช้พลังงานน้อยกว่าในการย่อยคาร์โบไฮเดรต จึงมีพลังงานคงเหลืออยู่มากกว่า การย่อยโปรตีน
แม้ไขมันจะให้พลังงานมากถึง 9 กิโลแคลอรี่ ต่อ น้ำหนัก 1 กรัมแต่ร่างกายก็ต้องใช้พลังงานมากใขการย่อย

(สองสมมติตัวเลขเล่นๆก็ได้ค่ะ สมมติใช้พลังงานย่อยคาร์โบไอเดรต 1 กิโลแคลอรี่ ต่อ คาร์โบไฮเดตร 1 กรัม จะมีพลังงานเหลือไปใช้ 3 กิโลแคลอรี่ และสมมติใช้พลังงานย่อยโปรตีน 3 กิโลแคลอรี่ ต่อ โปรตีน 1 กรัม จะมีพลังงานเหลือไปใช้ 1 กิโลแคลอรี่ และสมมติใช้พลังงานย่อยไขมัน 7 กิโลแคลอรี่ ต่อ ไขมัน 1 กรัม จะมีพลังงานเหลือไปใช้ 2 กิโลแคลอรี่ และเมื่อเราไม่มีกิจกรรมที่ต้องใช้พลังงานเหล่านั้น ก็จะมีพลังงานส่วนเกิน ที่ร่างกายเอาไปแปรรูปเพื่อเก็บสะสมไว้ใช้ในโอกาสต่อๆไป …พอจะเอาออกใช่ม้ยคะว่าร่างกายมักสะสมพลังงานส่วนเกินในรูปของไขมัน และจากการสมมติข้า่งต้นก็จะได้ว่าพลังงานส่วนเกินโดยมากจะได้มาจากคาร์โบไฮเดรตนั่นเอง)





มาถึงตรงนี้หลายคนคงขวัญผวาา อยากจะตัดคาร์โบไฮเดรตออกไปจากเมนูอาหารแล้วสิ




อย่าใจร้อนค่ะ ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกมีทั้ง ขาวและดำ มีหยิน มีหยาง มีบวกมีลบ มีดี และไม่ดี เช่นเดียวกับโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมัน เกลือแร่ และวิตามินสารอาหารพื้นฐานที่ร่างกายต้องการ การขจัดองค์ประกอบใดองค์ประกอบหนึ่งออกไป จะทำให้ร่างกายขาดสมดุล และที่น่ากลัวมากไปกว่านั้นคือโรคต่างๆที่มากับการลดความอ้วน ไม่ว่าจะเป็นโรคเครียด โรคที่เกี่ยวกับต่อมไร้ท่อ โรคจิตสัมพันธ์กับอาหาร ความดันโลหิตไม่ปกติ โรคหลอดเลือดอุดตัน และสิ่งสุดท้ายที่เหล่านักรบความอ้วนทั้งหลายกลัวที่สุดคือการกลับมาอ้วนใหม่
เมย์เองยอมรับว่า การ “ลด” ปริมาณคาร์โบไฮเดรต จะทำให้เราผอมลงได้ แต่การ “ลดมากเกินไป” หรือ “งด” คาร์โบไฮเดรตจะทำให้ร่างกายเสียสมดุล และเกิดผลเสียต่อร่างกายต่างๆตามมาคะ
การทานอาหารเพื่อน้ำหนักในฝัน ต้องทานให้ถูกต้อง ทานให้ครบ ตามที่ร่างกายต้องการ ไม่อย่างนั้นจะเกิดผลเสียมากกว่าผลดี เมื่อโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมัน เป็นสิ่งที่ร่างกายต้องการ เราก็ต้องทานให้ครบ เพียงแต่เราต้องเลือกทานแต่ตัวที่ดี ลดการทานตัวที่ไม่ดี เพื่อเราได้ประโยชน์สูงสุดจากอาหารที่ทาน ซึ่งนั่นก็คือการมีสุขภาพดี หุ่นดี น้ำหนักเหมาะสม จริงมั้ยคะ



บล็อกหน้าจะมาแจกแจงว่า กินอะไรดี อะไรไม่ดีนะคะ วันนี้ลาไปก่อนค่ะ

Create Date : 25 กุมภาพันธ์ 2554 Last Update : 25 กุมภาพันธ์ 2554 22:02:42 น. Counter : 4418 Pageviews.		9 comments
Share Tweet