|
ส่วนราชการตอกกลับอุตฯ อุดร จะขุดเหมืองโปแตซ ต้องคำนึงสิทธิที่ดินชาวบ้าน
รายงานโดย เดชา คำเบ้าเมือง
สำนักข่าวประชาธรรมอุดรธานี
เมื่อวันที่ 30 ต.ค. 2550 นายสุพจน์ เลาวัณย์ศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เป็นประธานการประชุมประจำเดือนของ หัวหน้าส่วนราชการ หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ผู้บริหารงานปกครองท้องถิ่น ผู้บริหารสถานศึกษา ทั่วทั้งจังหวัดอุดรธานี จำนวนกว่า 200 คน
ในวาระการประชุม มีวาระการชี้แจงการรังวัดคำขอประทานบัตรเหมืองแร่ใต้ดิน ตามโครงการเหมืองแร่โปแตช จ.อุดรธานี ของอุตสาหกรรมจังหวัดอุดรธานี อีกด้านหนึ่ง มีตัวแทนชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี จำนวน 4 คน เข้าร่วมรับฟังและสังเกตการณ์ประชุมในครั้งนี้ด้วย
อุตสาหกรรมจังหวัดอุดรธานีเริ่มชี้แจง โดยแนะนำเจ้าหน้าที่จากส่วนกลางของกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) กระทรวงอุตสาหกรรม แล้วรายงานถึงสถานการณ์และขั้นตอนตามกระบวนการขออนุญาตประทานบัตรทำเหมืองแร่ใต้ดิน ตามพ.ร.บ.แร่ ปี พ.ศ.2545 รวมทั้งขั้นตอนการรังวัดเขตพื้นที่เหมือง
นายวิชัย ณัฐรังษี อุตสาหกรรมจังหวัดอุดรธานี กล่าวว่า ขั้นตอนอนุญาตประทานบัตรมีทั้งหมด 18-19 ขั้นตอน แต่โดยสาระสำคัญแล้วมีอยู่ด้วยกัน 5 กระบวนการ คือ 1.การรังวัด 2.การขึ้นรูปแผนที่เหมือง 3.การจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) 4.การประชาพิจารณ์ และ 5. รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมลงนาม
ที่ผ่านมาบริษัทได้ยกเลิกอีไอเอ ยกเลิกผลการรังวัดไปแล้ว ดังนั้นปัจจุบันจึงยังคงอยู่ในขั้นแรก ซึ่งก่อนจะรังวัด จะต้องชี้แจงตามกระบวนการของกฎหมายแร่ แต่หากจะให้ลงพื้นที่ชี้แจงเป็นรายหมู่บ้านตามข้อเสนอของชาวบ้าน กพร.คงไม่สามารถทำได้ อีกทั้งการรังวัดขึ้นรูปแผนที่เหมืองก็จะทำโดยการหาพิกัดทางดาวเทียม (จีพีเอส) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิชัยชี้แจงอย่างรวบรัดโดยใช้เวลา 5 นาที
หลังจากนั้นนายสุพจน์ เลาวัณย์ศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี จึงแสดงความคิดเห็นต่อที่ประชุมด้วยความกังวลว่า ไม่ค่อยเห็นด้วยกับการรังวัดขึ้นรูปแผนที่แบบจีพีเอส เพราะเกรงว่าจะมีปัญหาตามมาในกรณีความชัดเจนในเนื้อที่ของชาวบ้านตามเอกสารสิทธิ ซึ่งจะเกี่ยวเนื่องกับประมวลกฎหมายที่ดิน ฉะนั้นหากจะรังวัดก็ต้องให้เจ้าหน้าที่ที่ดินมาดำเนินการสอบเขตในที่ดินของชาวบ้านที่จะทำการรังวัด และจะต้องแจ้งให้นายอำเภอและเจ้าของที่ดินได้รับทราบเสียก่อน ส่วนเรื่องการชี้แจงในพื้นที่นั้น ก็เป็นสิทธิของกพร.เองว่าจะดำเนินการหรือไม่ เพราะตนได้คืนอำนาจให้กับ กพร.ตัดสินใจเองแล้ว นายสุพจน์กล่าว
ด้านนายภิรัตน์ ควรสนธิ อัยการจังหวัดอุดรธานี กล่าวว่า การชี้แจง 5 นาทีของอุตสาหกรรมจังหวัดในวันนี้ แม้แต่ส่วนราชการเองก็ไม่มีความเข้าใจเลย แล้วจะให้ประชาชนเข้าใจได้อย่างไร ซึ่งหากประชาชนไม่เข้าใจ ลงไปทำก็พัง กพร.จะต้องมีแผนอย่างชัดเจนและเรื่องเอกสารสิทธิในที่ดินก็ต้องชัดด้วย เพราะเรื่องโปแตชเป็นเรื่องใหญ่ จังหวัดให้ความสำคัญและได้ประชุมกันหลายครั้ง ดังนั้นการชี้แจงในครั้งนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการชี้แจงกับส่วนราชการ นายภิรัตน์กล่าว
ฝ่ายตัวแทนชาวบ้าน นางพิกุลทอง โทธุโย แกนนำกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี กล่าวว่า การปฏิบัติหน้าที่ของกพร.ส่อเค้าว่าเป็นการขัดกฎหมายรัฐธรรมนูญ ปี 2550 ซึ่งกพร.ได้อ้างกฎหมายแร่ ปี พ.ศ.2545 แล้วดำเนินการอย่างรวบรัด เปิดเวทีชี้แจงเพียงเพื่อนำไปสู่การรังวัด ปักหมุด และเห็นได้ชัดที่ กพร.จะรังวัดขึ้นรูปแผนที่โดยใช้จีพีเอส แต่กพร.ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายรัฐธรรมนูญที่ให้ประชาชนและชุมชนได้มีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายและวางแผนเพื่อจัดการทรัพยากรท้องถิ่น ดังนั้นปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นจึงมาจากการที่กพร. หลีกเลี่ยงที่จะชี้แจงข้อเท็จจริงกับชาวบ้าน โดยเลี่ยงบาลีชี้แจงผ่านตัวแทน ซึ่งตัวแทนนั้นจะตัดสินใจแทนชาวบ้านไม่ได้ นางพิกุลกล่าว
นายสุวิทย์ กุหลาบวงษ์ ที่ปรึกษากลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองในปัจจุบันนี้ รัฐบาลเฉพาะกาลไม่ควรตัดสินใจดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น หากแต่ควรทำกระบวนการการมีส่วนร่วมของประชาชนกับกรณีโครงการเหมืองแร่โปแตช ให้เข้ารูปเข้ารอย ซึ่งรัฐจะต้องวางกรอบหรือกลไกให้สอดคล้องกับหมวดสิทธิชุมชนตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 66 , 67
นายสุวิทย์ ยังกล่าวต่ออีกว่า ในส่วนของภาคประชาชน ก็จะได้มีการจัดตั้งเครือข่ายเหมืองเพื่อร่วมกันเคลื่อนไหวทั่วประเทศ เช่น เหมืองทองคำ เหมืองถ่านหิน ฯลฯ เพื่อผลักดันให้รัฐใช้กลไกตามรัฐธรรมนูญในหมวดสิทธิชุมชน ซึ่งปัจจุบันกำลังศึกษาร่วมกันในประเด็นกฎหมายสิ่งแวดล้อม กฎหมายแร่ เพื่อผลักดันให้มีการแก้ไข นายสุวิทย์กล่าว
ที่มา : ประชาไท วันที่ : 30/10/2550
Create Date : 31 ตุลาคม 2550 |
Last Update : 31 ตุลาคม 2550 12:44:39 น. |
|
0 comments
|
Counter : 376 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|