Group Blog
 
<<
กันยายน 2550
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
23 กันยายน 2550
 
All Blogs
 
เชิญชมนิทรรศการภาพถ่าย 1 ปีที่เกิดเหตุ ของ "เต้ ธวัชชัย"




เรียนเชิญทุกท่านชมนิทรรศการภาพถ่าย ที่เกิดเหตุ บันทึก1ปีในพื้นที่3จังหวัดชายแดนภาคใต้

ภาพถ่ายขาว-ดำกว่า40ภาพ ถ่ายทอดเรื่องราวสิ่งที่เกิดขึ้นจริงอีกด้านใน3จังหวัดใต้สุดของประเทศนอกเหนือภาพข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์และสื่อกระแสหลัก ภาพที่ไม่เคยเป็นข่าว และอาจไม่เคยมีใครเคยเห็น เมื่อช่างภาพหนุ่มใช้ชีวิตตลอดปี 2549 เดินทางบันทึกภาพวิถีชีวิตความงดงามวิถีชาวมุสลิม ,ชีวิตเด็กหนุ่มสาวปอเนาะ ,การดำรงศาสนาของพระสงฆ์ จนถึงความเป็นอยู่ของทหาร ในมุมมองที่ละเมียดละไมต่อชีวิตทุกชีวิตบนพื้นที่เฉพาะแห่งความหลากหลายแห่งนี้

ภาพถ่ายขาว-ดำทุกรูป ถูกบันทึกลงบนฟิล์มขาว-ดำ แล้วผ่านการอัดบนกระดาษ Gelatin silver print คุณภาพสูงโดยช่างภาพเองทุกขั้นตอน


ภาพ : ธวัชชัย พัฒนาภรณ์
คำ : วรพจน์ พันธุ์พงศ์
สถานที่ : On Art gallery ถ.เศรษฐศิริ (เลี้ยวซ้ายจากถ.พระราม6 คลองประปา) เยื้อง รพ.วิชัยยุทธ1 หรือจะมาจากทางสถานีรถไฟสามเสนก็ได้ จอดรถบริเวณสถานีแล้วเดินมาสะดวกมากครับ
ระยะเวลา : 29กันยายน – 26 ตุลาคม 2550 เปิด 10.00-20.00 หยุดวันจันทร์



เปิดงานวันเสาร์29กันยายน เวลา17.00น.

เสวนา "ความจริงจากที่เกิดเหตุ"โดย พรภิรมย์ แสนรักษ์ ครูหนุ่มจากปัตตานีและธวัชชัย พัฒนาภรณ์
พี่ชาติ กอบจิตติ และหม่อมเชน มล.ปริญญากร วรวรรณ ให้เกียรติเป็นประธาน
ดนตรีจากมาโนช พุฒตาลและเพื่อน
บทกวีโดย ศักดิ์ศิริ มีสมสืบ
และอื่นๆ

โทรศัพท์ on art gallery 02-619-7304 ,ของผม 081-985-9691



Create Date : 23 กันยายน 2550
Last Update : 23 กันยายน 2550 17:18:50 น. 4 comments
Counter : 989 Pageviews.

 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภาพจากที่เกิดเหตุ...



ณรรธราวุธ เมืองสุข

ศูนย์ข่าวชายแดนใต้ : สัมผัสและเรียบเรียง



คงมีไม่บ่อยครั้งหรอกที่คนหนุ่มสองคนซึ่งไม่ได้มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับงานความมั่นคง จัดการแพ็คกระเป๋าเป้คนละใบนั่งรถไฟสายใต้ฝ่าคืนหนาวลงมาสู่พื้นที่ชายแดนใต้ หาก 2 คนนั้นไม่ใช่ 1 นักเขียนที่หลายคนส่ายหัวเพราะไม่เข้าใจแนว กับอีก 1 ช่างภาพหนุ่มที่อนาคตอันสดใสในวงการยังรออยู่ข้างหน้า แต่เหตุผลแรกที่เขาตัดสินใจลงมา ก็แค่อยากติดตามนักเขียนในดวงใจลงไปทำงาน –พูดกี่ครั้งๆ ใครก็ไม่เข้าใจเหตุผล



โปรเจคท์ลงพื้นที่เป้าหมาย –เก็บข้อมูลหนึ่งปีเพื่อเขียนหนังสือหนึ่งเล่ม มีนักเขียนไม่กี่คนในประเทศนี้ที่ลงทุนทำเช่นนั้น แต่ ‘วรพจน์ พันธุ์พงศ์’ นักสัมภาษณ์ที่มีชื่อคนหนึ่ง (ทั้งที่ใครหลายคนบอกว่าเป็นนักสัมภาษณ์มือหนึ่ง แต่เจ้าตัวไม่เคยยินดียินร้าย และบางอารมณ์ที่ใครพูดย้ำ เขามักตะโกนถามเสียงดังว่า –จริงหรือวะ!) ลงมือทำเช่นนั้น เป้าหมายที่ดีควรจะเป็นหมู่บ้านแห่งหนึ่งแถบอีสาน เชิงดอยหนาวกับหมู่บ้านชาวไทยภูเขาในภาคเหนือ แต่เขากลับชี้นิ้วลงพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ในขณะที่เสียงระเบิดและเสียงปืนยังดังก้องอยู่ในพื้นที่ ไม่รู้เขาใช้อะไรตัดสินใจจึงโทรศัพท์ไปคุยกับ ‘ภัทระ คำพิทักษ์’ อดีตนายกสมาคมนักข่าวฯ เพื่อขอลงมาอาศัยร่มชายคาของ ‘ศูนย์ข่าวอิศรา’ ซึ่งภัทระ หรือ ‘พี่โม่ง’ ของน้องๆปลุกปั้นขึ้นเป็นโต๊ะข่าวเพื่อสันติภาพ ที่ปัตตานี



ต้นปี 2549 ทีมงานศูนย์ข่าวอิศราออกไปตระเวนทอดผ้าป่าหลายวัดใน 3 จังหวัดกับ ‘ป๋าเปลว’แห่งหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์และคณะนักข่าวจากกรุงเทพฯ เมื่อกลับมาที่ศูนย์ข่าวใน มอ.ปัตตานี ต้องสะดุ้งระคนแปลกใจ เมื่อพบกับสองหนุ่มในเสื้อยืดเก่าๆ สีขาวและกางเกงยีนส์สีซีด เป้ใบโตคนละใบบอกว่าการมาครั้งนี้เขาตัดสินใจกันดีแล้ว ปะแรกยังไม่รู้ว่าใครเป็นใคร เพราะทั้งสองคนโกนศรีษะเตียนโล่งเหมือนกัน ใส่แว่นดำเหมือนกัน พอปะสองจึงแยกแยะออกว่าคนที่มีหนวดเคราครึ้มคือ “หนึ่ง” วรพจน์ พันธุ์พงศ์ ส่วนคนหน้าโล่งๆ และอายุอานามยังเป็นหนุ่มวัยเบญจเพศนั้นยังไม่รู้จัก ได้รับการแนะนำผ่านนักสัมภาษณ์อีกทีว่า นี่คือช่างภาพ ‘ของเขา’ “เต้” ธวัชชัย พัฒนาภรณ์



“เราสบายๆนะ นอนตรงไหนก็ได้ ถ้านายลงพื้นที่ไหนก็บอก เราอาจขอติดรถไปด้วย” ผู้มาเยือนบอกด้วยอาการที่ไม่มีเกร็ง แต่คนที่ถูกบอกสิต้องเกร็ง เพราะไม่รู้จะวางตัวหรือต้อนรับขวัญใจที่ไม่เคยเจอตัว ‘เป็นๆ’ อย่างไรดี



แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดีและกลมกลืนอย่างคาดไม่ถึง...



จากนั้น คนทั้งเมืองก็พบกับ “ เดินเป็นคู่ดูโอเลย...คู่หูหัวโล้นสองคน น่ารักมาก” นั่นคือปากคำจากเจ้าของร้านหนังสือรายหนึ่ง



“เดินมานึกว่าเป็นพี่กับน้อง นี่ถ้าอีกคนโกนเครารับรองว่าไม่รู้หรอกใครเป็นใคร” เสียงบอกเล่าจากปากแม่ค้าข้าวแกงมุสลิมแห่งหนึ่ง หลังจากทั้งคู่เป็นขาประจำทั้งมื้อเช้า มื้อเที่ยง



“กล้องถ่ายรูปเขาสวยมาก แปลกดี” กล้องถ่ายรูป Rolleicord กล่องสี่เหลี่ยมสีดำเก่าๆ แต่ดูเก๋ที่แขวนอยู่ในคอของเต้ ธวัชชัยกลายเป็นของแปลกสำหรับเมืองนี้ ไปที่ไหนใครก็มองหวั่นๆ นึกว่ากล่องต้องสงสัย



เด็กบางคนร้องไห้จ้ามาแล้วเมื่อกล่องนี้หันไปหา เพราะคิดว่าเป็นกล่องดูดวิญญาณ..



เป็นเรื่องพิลึกที่เคยอ่านแต่ในหนังสือ คนสองคนดั้นด้นไปสู่เมืองแปลก ไปอาศัยกับคนที่ไม่รู้จัก...แล้วเขามีวิธีการปรับตัวอย่างไร?



“มีสนามฟุตบอลไหมแถวนี้?” วรพจน์ พันธุ์พงศ์ถาม ใครบางคนบอกว่ามี ถ้าไม่ถึงกับเกรงใจนักฟุตบอลหน้าดุที่เดินกันเกลื่อนสนามก็เชิญแต่งองค์ทรงเครื่องไปวาดลวดลายได้ ทั้งสองคนไม่ยี่หระต่อคำเตือน เย็นนั้นเขาตระเวนไปหาซื้อรองเท้าผ้าใบ และเดินไปยกมือขอเข้าสนามลงดวลกับเจ้าถิ่น



มิตรภาพและความผูกพันก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆกับกลุ่มคนที่ทิ้งบ้านห่างเมืองมาอาศัยอยู่ในพื้นที่ บางคืนเรานั่งถกกันดึกดื่นหรือยันใกล้สว่าง –จะว่า “ถก” ไม่เชิงนัก ก็เมื่อคนอื่นนั่งถกอยู่คนเดียว แต่คู่สนทนาทั้งสองมัวนั่งหัวเราะกับแก้วน้ำสีอำพันในมือ ยกเว้นเจอเรื่องถูกใจ สามารถต่อปากต่ออารมณ์กันได้ยันเช้า เว้นแต่เสียง “ตูม” ที่ดังแว่วแต่ไกลๆ จะบังคับให้เราวางแก้วและรีบเข้านอนแต่หัวค่ำ ตอนเช้าถึงรู้ว่าหม้อแปลงไฟฟ้าระเบิด



บางคนบอกว่า ความสัมพันที่ว่ามันมาจากการ ‘ร่วมเป็นร่วมตาย’ แต่เต้ ธวัชชัยแย้งว่า ‘ฝนตกขี้หมูไหล...’มากกว่า



ปัตตานี ยะลา นราธิวาสในมุมมองผ่านกล้อง Rolleicord ของเต้ กลายเป็นเมืองที่งดงามยิ่งขึ้น (อาจจะมากกว่าดวงตาของคนปกติที่ไม่รู้ว่าในมุมของคนทำงานศิลปะ เขาเลือกมองมันในมุมไหน...) จากวันก็เป็นเดือนและหลายเดือน...กล้องถ่ายรูปในมือของเต้ ธวัชชัยยังทำหน้าที่ของมันอย่างไม่บกพร่อง แม้จะเก่าและดูขี้โรค นอกจากอาการงอแงบ้างในบางคราว เมื่อเหตุการณ์สำคัญมาถึง มันก็ทำหน้าที่ต่อไปได้... ที่เกิดเหตุอย่างบ้านกูจิงลือปะ วัดพรหมประสิทธิ์ ฯลฯ ถูกบันทึกโดยช่างภาพหนุ่มอย่างละเอียดทุกแง่มุม และอย่างไม่รู้จักเบื่อ



เฉกเช่นปากกาและสมุดบันทึกในมือของหนึ่ง วรพจน์ก็จดได้ไม่รู้เบื่อเล่มแล้วเล่มเล่า ตัวละครและฉาก เขาละเอียดกับมันราวกับว่าหากขาดหายไปสักเล็กน้อย หนังสือเล่มที่เขาวางแผนเอาไว้จะไม่สมบูรณ์ ซึ่งเขารู้ดีว่า นั่นไม่ใช่มาตรฐานของมืออาชีพ



นักข่าวอย่างเราๆ ก็ได้เรียนรู้วิธีการทำงานของนักเขียนและช่างภาพมืออาชีพ แต่ลึกๆ ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะนำวิธีการทำงานของเขาไปใช้ได้สักเท่าไหร่ เพราะรายละเอียดของงานต่างกันลิบ



แต่อย่างน้อย...การได้ชีวิตร่วมกับ ‘คนเช่นนี้’ มันไม่น่าเบื่ออย่างที่หลายคนว่า...



รถไฟสายใต้นำเขาทั้งสองกลับกรุงเทพมหานครไปหลายครั้ง แต่ละครั้ง ทำเอาคนที่อยู่ภายในบ้านสองชั้นใต้เงาสนที่ปัตตานีถึงกับออกอาการเหงา นานนับเดือนทั้งสองกลับมาพร้อมฟิล์มขาวดำในมือจากที่เกิดเหตุ ฝีมือของเต้ ธวัชชัยและหนังสือของ วรพจน์ พันธุ์พงศ์เอามาฝากคนทางนี้ ตัวละครในภาพถ่ายของเต้ มักจะได้ภาพถ่ายที่ล้างด้วยฝีมือของช่างภาพเองเป็นของฝาก



และครั้งสุดท้ายที่รถไฟสายใต้นำเขาทั้งสองกลับไป เราพร่ำบอกแก่กันว่า สักวันหนึ่งคงจะได้ “ร่วมใจ” กันอีกสักตั้ง ตราบใดที่เสียงระเบิดและเสียงปืนมันยังคงเป็นเสียงที่บาดลึกลงไปในใจของคนที่โหยหาสันติภาพ –เราจะนิ่งนอนใจอยู่ได้อย่างไร...



ประตูแห่งชายแดนใต้ ยังเปิดต้อนรับผู้มาเยือนอย่างคนทั้งสองเสมอ แม้ภายใต้การทำงานอย่างละเอียดละออและแฝงไว้ด้วยความปรารถนาดีต่อผืนแผ่นดิน ทั้งสองบอกว่ากำลังกาย-ใจของเขาทั้งสองรวมทั้งผู้สื่อข่าวเพื่อสันติภาพทุกคนที่มีอยู่ หมายรวมทั้งทหาร ตำรวจทุกคนในพื้นที่คงไม่สามารถทำให้เปลวเพลิงแห่งชายแดนใต้มอดลงไปได้



ต้องใช้ “หัวใจ” ของคนไทยทุกคนเข้าร่วมด้วย –อาจจะใช้เวลานาน แต่มันก็คุ้มค่า...



โปสการ์ดที่เป็นรูป “เด็กสาวปอเนาะ” 3 คนภาพขาวดำ ฝีมือของเต้ ธวัชัยเพิ่งเดินทางมาถึงนราธิวาสเมื่อเที่ยงวันนี้ ภาพนี้เคยประกอบหนังสือ “ที่เกิดเหตุ” ของวรพจน์ พันธุ์พงศ์มาแล้ว เลยเป็นภาพที่ติดตาสำหรับใครหลายคน ใต้ภาพมีบรรยาย “นิทรรศการภาพถ่ายที่เกิดเหตุ” บันทึก 1 ปีในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ลงชื่อเจ้าของงานว่า ธวัชชัย พัฒนาภรณ์ และลงวันที่จัดงานว่า 29 กันยายน -26 ตุลาคม 2550 ณ On Art Gallery พร้อมข้อความ



“เราควรเป็นมิตรกันมิใช่หรือ ในเมืองอันงดงามเช่นนี้

เราควรแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกันมิใช่หรือ

ในสังคมที่แตกต่างหลากหลาย ยากจะหาที่ใดเสมอเหมือน”



พร้อมกับข้อความที่เขียนด้วยลายมือเชื้อเชิญให้เพื่อนไปร่วมงาน เพื่อนที่ยังไม่แน่ใจว่าจะหยุดภารกิจที่ทำอยู่ขณะนี้ขึ้นรถไฟสายใต้กลับสู่เมืองหลวงได้หรือไม่



เพราะพื้นที่เกิดเหตุยังมีเมฆฝนมืดทมึน ส่อเค้าว่า ‘พายุใหญ่’ กำลังมา...



เพื่อนสำทับว่า นอกจากภาพถ่ายขาวดำ 50 ชิ้นที่บอกเล่าเรื่องราวในจังหวัดชายแดนภาคใต้ผ่านกล้องสี่เหลี่ยมขี้โรคตัวนั้น ยังมีภาพฝีมือกัลยาณมิตรอย่าง “โจ้ NG” หรือยุทธนา อัจฉริยะวิญญู แห่งเนชั่นแนล จีโอกราฟิก, วิจิตต์ แซ่เฮง จากค่ายสารคดี, รวมทั้งภาพจากกล้อง ‘ก๊อกแก๊ก’ แต่มุมมองไม่ธรรมดาของคนเขียนที่เกิดเหตุ พี่หนึ่ง วรพจน์ก็ไม่พลาดที่จะร่วมแจม



คนรู้ใจสัตว์อย่าง ‘หม่อมเชน’ ม.ล.ปริญญากร วรวรรณ ก็นำภาพเก่าที่เคยถ่ายขณะมาใช้ชีวิตอย่างยาวนานแถบเทือกเขาบูโดเข้าร่วมแสดงในงานของน้องด้วย



ดนตรีจากฝีมือคน(กลัว)ป่วยอย่าง ‘มาโนช พุฒตาล’ ก็ใช่ว่าจะหาฟังสดง่าย แต่เพื่อน้องและมองเห็นเป้าหมายของภาพทุกภาพที่สื่อ เขายินดีแบกกีต้าร์ขึ้นเวทีสร้างบรรยกาศให้กับงานวันที่ 29 กันยายนนี้



คือกลุ่มคนที่รักศิลปะ และมองเห็นเช่นเดียวกันว่า ภายใต้ความเชี่ยวชาญและความสนใจเฉพาะ เขาจะทำอะไรเพื่อแผ่นดินขวานทองผืนนี้ได้บ้าง



ที่เกิดเหตุที่ทุกวันนี้ยังมีเหตุให้เกิดอย่างสม่ำเสมอ...



ที่กำลังมีเหตุ...กำลังรอความหวังจากฝนฤดูกาลใหม่ ตกลงมาชะล้างคราบเลือดในที่เกิดเหตุให้สะอาดบริสุทธิ์ดังเดิมอย่างที่เคยเป็นมา...


ที่มา : ประชาไท วันที่ : 27/9/2550



โดย: Darksingha วันที่: 28 กันยายน 2550 เวลา:14:34:05 น.  

 
ดีต่ะ บังเอิญที่เปิดมาเจอ

เราพึงไปงานภาพถ่ายจากที่เกิดเหตุมาเมื่อวานนี้เอง
ภาพของคุณธวัชชัย พัฒนาภรณ์ ทำให้เรมองมุมมองที่ต่างออกเกี่ยวกับความรุ่นอรงทางชายแดนใต้
อีกทั้งรอยิ้มของน้องๆชาวมุสลิม
สดใสมากๆ


โดย: penguinbear (penguin_bear ) วันที่: 30 กันยายน 2550 เวลา:12:18:59 น.  

 
อบคุณครับที่เข้ามาแลกเปลี่ยน


โดย: Darksingha วันที่: 1 ตุลาคม 2550 เวลา:16:34:48 น.  

 
เข้ามาเยือนเป็นครั้งแรก ก็พบเรื่องประทับใจ ไป "ที่เกิดเหตุ" มาเมื่อค่ำวันเสาร์ ไปในฐานะคนอ่านตัวหนังสือและชอบภาพขาวดำ บอกตัวเองว่าเสียดายแย่หากมีข้ออ้างที่จะไม่ไปงานนี้ค่ะ เจอเพื่อนเก่าหลายคน

เปล่าเลย... ไม่ได้รู้จักนักเขียนและช่างภาพ

ได้อ่านที่คุณเขียนทำให้เข้าใจหนังสือเล่มนี้มากขึ้น ได้เห็นความมานะและหัวใจของคนทำงานด้านนี้

มีโอกาสได้ทักคุณวรพจน์ฯ ถามว่าผู้คนมากหน้าหลายตาจัง เขาบอกว่ามีทั้งเพื่อนสื่อฯ, คนฟัง The Radio คลื่น 99.5 fm ของคุณมาโนช พุฒตาล และพ้องเพื่อน ยังบอกนักเขียนไปว่าคุณโชคดีจังที่มีเพื่อนดี (หลายคนด้วย)

ยังมีเวลาให้เราได้พาตัวเองแวะไปดูที่เกิดเหตุอีกครั้ง.... วันสองวันนี่แหละค่ะ






โดย: ทองริน IP: 203.209.127.185 วันที่: 4 ตุลาคม 2550 เวลา:1:04:03 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Darksingha
Location :
สมุทรสงคราม Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]





Click for use Graphics comment


Darksingha ที่แสดงถึงอำนาจและความมืดมัว ผมให้แทนคำว่า Age of Doubt หรือยุคแห่งความสงสัยก็แล้วกัน ดังนั้นBlogนี้จึงเป็นแดนสนธยาที่เต็มไปด้วยหมอกควันแห่งคำถาม และการละเล่น เพื่อแสวงหา ?


TV3 Live CH5 Live CH7 Live Modernine TV Live NBT LIVE - CH11 TPBS - Public Channel ASTV1 New11 - Online News 24 hours Nation Channel DMC.TV - Buddhistic Television ASTV5 - Suvarnbhumi ASTV7 - Buddhistic Television  True New 24 Channel  skynew  cnnibn Channel  cnn Channel  bbcnews_island Channel  cctv  Channel  bfmtv  Channel  ntv  Channel  fox8 Channel  foxnews5 Channel  cspan  Channel  france24 Channel  world_explorer Channel  discovery_channel Channel  nasa  Channel kimeng-channel dmc-channel ebr-channel research-channel utv-channel michigan-channel at-florida-channel islam-channel peace-usa-channel bbc-panorama-channel CH7 Live CH7 Live CH7 Live CH7 Live CH7 Live CH7 Live CH7 Live CH7 Live

music is life

ชุมทางเพลงเพื่อชีวิต

Friends' blogs
[Add Darksingha's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.