เป็นที่รู้กันดีว่า หนึ่งความฝันของคนวัยทำงาน Gen X Gen Y ฮิปสเตอร์ เด็กแนว ทั้งหลาย
คงหนีไม่พ้น การได้อยู่ หรือเป็นเจ้าของคอนโดกลางเมือง อยู่ติด รถไฟฟ้า ใช้ชีวิตชิคๆ เท่ห์ๆ
ตื่นเช้ามาจิบกาแฟชิวๆ เล่นฟิตเนสสักชั่วโมงแล้วเดินลงคอนโดขึ้นรถไฟฟ้าไปทำงาน
ซึ่งก็ต้องยอมรับว่า คอนโดนั้นก็ตอบโจทย์ความต้องการได้เป็นอย่างดี
แต่เหรียญมีสองด้านเสมอ การอยู่ในคอนโดมันก็อาจจะต้องแลกกับอะไรบางอย่าง
ที่คนคิดจะอยู่อาศัยในสังคมคอนโดอาจจะมองข้ามไปนะครับ
เรื่องความเป็นส่วนตัว
พูดเรื่องนี้ หลายคนอาจจะตกใจเฮ้ย จริงดิ พูดเป็นเล่น คอนโดเนี้ยนะส่วนตัวจะตาย
จริงอยู่อาจจะมีความเป็นส่วนตัวในเรื่องต่างคนต่างอยู่ก็จริง แต่อย่าลืมว่า สมัยนี้มันยุคโซเชียลมิเดียนะครับ
คอนโด ต่างๆมีไลน์กลุ่ม กลุ่ม Facebook กันเกือบหมด ใครทำอะไรที่ไหน นี่ถ้าเผลอทำไม่ดีนี่รู้กันทั้งตึก
รวมไปถึงสมัยนี้ ผนังห้องมันช่างบางบ๊างบาง ชนิดที่เรียกว่า ข้างห้องทำกิจกรรมอะไรกันดึกๆนี่ ได้ยินกันหมดเลยครับ
ถึงขนาดคนโสดมันอัดอั๋นตันใจ จนต้องไปตั้งกระทู้ใน pantip ว่าจะหาวิธีบอกข้างห้องอย่างไรดี ก็มีให้เห็นกันอยู่
นี่ยังไม่รวม เคสห้อง pool view วิวสระ ที่แพงกว่าห้องอื่น ต้องตบตีแย่งชิงใครต่อใครมาเท่าไรกว่าจะได้ห้องตำแหน่งนี้
วิวดีติดสระ แต่ขอบอกเลย หลายๆคนที่อยู่จริง ปิดม่านแทบทั้งวัน เพราะคนมองเข้ามาในห้องเห็นทะลุไปถึงไหนต่อไหน
ไม่ใช่โรคจิตนะ แต่ว่าปกติเราเดินหรือว่า ออกกำลังในฟิตเนส หรือนั่งเล่นริมสระ เราก็อดจะมองนู้นมองนี่ไม่ได้
บางทีเราก็มองเข้าไปในห้องคนอื่นโดยไม่ได้ตั้งใจ หรือเวลามีคนเดินออกมาที่ระเบียงห้อง มันก็ต้องมีเหลือบไปมองมั่งละ หรือคุณไม่เคย
เรื่องมารยาทการอยู่ร่วมกันในสังคมขนาดใหญ่
จริงอยู่ที่คนไทยสมัยนี้ เราเริ่มมีความรู้ และใส่ใจการอยู่ร่วมกันในสังคมเยอะขึ้นแล้วก็จริง
ไม่เหมือนสมัยก่อนที่มองขึ้นไป คอนโดที่ราวตากผ้าหลากสีพาดระเบียงก็มี
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า มันก็ยังมีคนที่ยังไม่ใส่ใจในเรื่องนี้มากนัก เพราะต้องยอมรับว่า คอนโดสมัยนี้
คนอยู่คือ ผู้เช่า ครึ่งต่อครึ่งๆ เลยก็ว่าได้ ซึ่งก็ต้องทำใจไว้เลย ไม่ว่าจะเรื่องเล็กๆน้อยๆ อย่างก้นบุหรี่
ที่ทิ้งลงมา ทำให้เสื้อผ้า หรือแม้แต่ รถยนต์ เสียหาย ก็เจออยู่บ่อยๆ ไหนจะเรื่องจอดรถซ้อนคันใส่เบรกมือ
เรื่องการส่งเสียงดังในส่วนกลาง มารยาทการใช้สระว่ายน้ำ ใช้ห้องน้ำส่วนกลาง เปิดประตูทำครัว ฯลฯ
ซึ่งก็แน่นอนว่า ผู้เช่าบางราย อาจจะขาดความรู้สึกในการเป็นเจ้าของร่วม
จนไปถึงเรื่องใหญ่ๆ ที่กระทบเรื่องความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน
อย่างการปล่อยเช่ารายวัน ที่มีทั่วทุกย่านเกือบทุกคอนโดอยู่ตอนนี้ก็ว่าได้
เรื่องการปรับตัวที่อยู่ในที่แคบๆ
แน่นอนละ เวลาเราไปดูคอนโด ห้องตัวอย่างมันช่างสวยหรู ดูดีมากๆ ไม่ว่ามุมไหนก็สวยทั้งนั้น ห้องแค่นี้อยู่ได้นะ
ชุดครัวสวยๆเอย มุมทานข้าวกระหนุงกระหนิง นั่งเขาชนกันเอย ตู้เสื้อผ้าบานเล็กๆแค่หลังนึง มันดูโอเคไปหมด
แต่พอหิ้วกระเป๋า เข้าอยู่จริง เฮ้ยมันไม่ใช่อ่ะ ตู้ครัว 2-3 บาน มันไม่พอเก็บของหรอก ไม้กวาด ที่รีดผ้า อุปกรณ์ซักผ้า
ต่างๆนานา ไปจนถึง รองเท้า ไม่รู้กี่คู่ต่อกี่คู่ที่นี้จะเอาไปไว้ไหนดีฟระ
โต๊ะทานข้าวนี่ แบบว่า วันไหนอยากชวนเพื่อนมาบ้าน ก็ต้องนั่งล้อมวงกันจกส้มตำนะ
เพราะมันไม่พอวางของหรอก แค่ 2 จานก็เต็มโต๊ะแหละ เราไม่ได้กินข้าวแบบฝรั่งของเรากับข้าวนี่4-5อย่าง
ไหนจะของในตู้เสื้อผ้า มันไม่ได้มีแค่ ตัว สองตัว แบบในห้องตัวอย่างนะ ตู้แค่นี้ของคุณผู้หญิงยังไม่พอเลย
ของผู้ชาย คงโดนเอาไปไว้ในกล่องในลังเอา นอกจากนี้เรื่องสุขภาพจิตก็สำคัญ
เพราะบางคนไม่ได้โตมาในการอยู่ที่จำกัดๆแบบคอนโด ถ้าอยู่คนเดียว หรือ ข้าวใหม่ปลามันก็ยังพอไหว
แต่ถ้าเกิด แต่งงานกันมานานแล้ว นั่งมองหน้ากันทั้งวัน จะไปหลบมุมไปไหนก็ไม่ได้ ยิ่งห้องสตูดิโอนี่
เรียกว่า เห็นกันทุกจังหวะการใช้ชีวิตจริงๆ แต่บางที ชีวิตคู่ เราก็อยากมีมุมส่วนตัวบางป่ะ ไม่ได้อยากติดกัน
ตลอด 24 ชั่วโมงนะ เช่นเราอยากเชียร์บอล แฟนอยากดูละคร ตรงนี้ ถ้าไม่รู้จักปรับตัว ก็อาจจะมีปัญหาได้
เรื่องการเลี้ยงสัตว์ หรือปลูกต้นไม้หรือกิจกรรมที่ต้องใช้พื้นที่กลางแจ้ง
คอนโดส่วนใหญ่มักจะไม่ให้เลี้ยงสัตว์อยู่แล้ว และการปลูกต้นไม้ก็ต้องเหมาะสมด้วย
ไม่ใช่ปลูกต้นไม้สูงๆ ลมพัดมาทีล้มฟาดมาด้านล่าง หรือปลูกต้นไม้ที่ใบหรือร่วงเยอะๆ อันนี้ก็ลำบากเพื่อนบ้านด้านล่าง
ไหนจะการรดน้ำ ไม่ให้กระเด็น กระถางก็ห้ามแขวนที่ราวระเบียง
แต่เรื่องนี้คงเป็น ไลฟ์สไตล์ เฉพาะตัวคนนะ มองว่ามันไม่ใช่ประเด็นใหญ่อะไร ใครจะอยู่ก็ต้องทำใจไว้อยู่แล้ว
อย่ามักง่าย แอบเลี้ยง สร้างความเดือดร้อนให้เพื่อนบ้าน
สรุปสุดท้ายตัวคุณเองนั้นแหละ ที่จะตอบได้ว่า คุณเหมาะหรือไม่เหมาะที่จะอยู่คอนโด
ลองดูผลดีผลเสีย แล้วคุณจะตอบตัวเองได้เพราะ สุดท้ายแล้วคงไม่พ้น...คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก
