ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาดูแลเสี้ยวหัวใจของผมที่เหลืออยู่ ขอบคุณครับ

มนตร์นิทรา ตอนที่2

มนตร์นิทรา ตอนที่2

.....เด็กน้อยฯเริ่มหันกลับมาจัดการผลไม้ที่เหลือ โดยมีแม่นั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างๆ และพ่อกับอาประภารเปิดวงเหล้าคุยกันอย่างออกรสอยู่ใต้ร่มไม้ข้างนอก เด็กน้อยฯมองดูบริเวณโดยรอบๆบ้าน ซึ่งเป็นบ้านสวน มีต้นไม้หลากหลาย ร่มรื่นยิ่งนักอีกทั้งบริเวณกว้างขวางกว่า 20 ไร่


“แม่ครับ ผมจะออกไปเดินเล่นข้างนอกนะครับ ต้นไม้เยอะดีผมชอบ” เด็กน้อยฯเอ่ยขอแม่
“อืมม์ ไปสิ อย่าไปไกลนะ เดี๋ยวจะเรียกมากินข้าวกัน ไปสิ” แม่ยิ้มด้วยความดีใจที่เด็กน้อยฯลูกชาย รู้สึกมีความสุข และอยากออกไปข้างนอก



.....เด็กชายเดินออกทางหน้าบ้านแล้วแอบไปที่รถของพ่อ รีบเปิดกระเป๋าของตนเองแล้วดึงสมุดวาดเขียนออกมา แล้วรีบเดินไปที่ริมสระท้ายสวน หาที่เหมาะๆพอได้ที่ก็นั่งลงเอนหลังพิงต้นไม้ แล้วเปิดสมุดวาดเขียน เริ่มจดปลายดินสอแล้วหลับตานึกเรื่องราวต่างๆ แล้วเริ่มเรียนเป็นเรื่องราวต่างๆตามจิตนาการของตนเอง ตัวการ์ตูนที่เด็กน้อยได้เขียนลงไป มันไม่ได้สวยงามอะไรนัก เพียงแต่เป็นตัวการ์ตูน “ก้างปลา” ที่ทำหน้าที่บอกเล่าเรื่องราวในจิตนากรของเด็กน้อย แล้วแต่เด็กน้อยจะเขียนให้ตัวมันมีกริยาท่าทางแบบใด ในการเขียนจิตนาการแต่ละครั้งเด็กน้อยจะทำหน้าที่เสริมเติมแต่งให้ตัวการ์ตูนของเขาให้มีชีวิตด้วยการพากย์ตามอิริยาบถของตัวนั้นๆไปด้วย เด็กน้อยจะจมสู่ห้วงจินตนาการของเขาเองอย่างลึกซึ้งและมีความสุขยิ่งนัก

.....สายลมเย็นพัดอ่อนๆ แสดยามเย็นไม่แรงมากนักส่องรอดช่องว่างใบไม้ลงกระทบทิวหญ้า ยอดหญ้าไหวตามลม กลิ่นดินชนบท กลิ่นยอดหญ้าโชยมาอ่อนๆ ทำให้หัวใจของเด็กน้อยศักดิ์ชายแฉ่มชื่นและเพิ่มความสุขกับจิตนาการของเขามากขึ้น ช่างสุขเหลือเกิน



“เฮ้....หวัดดี....เธอทำอะไรอยู่เหรอ....” เสียงเล็กๆใสๆ ร้องทักทายเด็กน้อยขึ้น พร้อมกับเสียงหัวเราะ “คิกๆ” เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นเจ้าของเสียง
“หวัดดี.....” ตามด้วยเสียงหัวเราะ คิกๆ อย่างเคย
“ใครหนะ?....” เด็กน้อยหันรีหันขวาง เด็กน้อยใช้ความคิด ไม่น่าจะเป็นเด็กในบ้าน เพราะคุณน้ากับคุณอา ก็ไม่มีลูก
“แล้วเธอว่าใครหละ คิกๆ” เสียงเล็กๆใสๆตอบกลับมา เด็กน้อยศักดิ์ชาย ตัดสินใจลุกขึ้น แล้วเดินอ้อมไปหลังต้นไม้ใหญ่ที่เค้านั่งอยู่ ปรากฏว่า ว่างเปล่า
“เธอเป็นใคร อยู่ไหนนี่” เด็กน้อยเริ่มหันรีหันขวาง
“ก็อยู่หลังเธอไง....คิกๆ” เสียงใสๆปรากฏขึ้นข้างหลังเด็กน้อยอย่างปัจจุบันทันด่วน เล่นเอาเด็กน้อยศักดิ์ชาย ตกใจ




.....จากการเผชิญหน้าอย่างไม่ได้ตั้งตัว เด็กน้อยศักดิ์ชายถึงกับตกใจ ดินสอสมุดวาดเขียนตกกระจายพื้น เด็กน้อยยืนตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจ ภาพที่เห็น เป็นภาพของเด็กหญิงรุ่นราวคราวเดียวกัน ผมยาว หน้าตาจิ้มลิ้มสดใส อยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนแบบเด็กๆเธอกำลังยิ้มแป้นส่งยิ้มให้เด็กน้อยศักดิ์ชาย


“ธะเธอ...เป็นใครหนะ...” เด็กน้อยฯตะกุกตะกักถาม
“ฉันเป็นใครดีหละ......ทายซิๆๆ” เด็กหญิงท่าทางขี้เล่น พูดพร้อมกระโดดไปมารอบตัวเด็กน้อย
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไงหละ ถ้าเธอไม่บอก” เด็กน้อยพูดพลางหมุนไปรอบๆตามที่เด็กหญิงกระโดดไปมารอบตัว จนเด็กน้อยฯรู้สึกทนรำคาญไม่ไหว
“นี่เธอ...หยุดพูดกันดีๆได้ไหม ฉันว่านะ เราจะพูดกันรู้เรื่องกว่านี้ ถ้าเธอหยุดวิ่งไปมารอบตัวฉันเสียที” มีแต่เสียหัวเราะคิกๆมาจากเด็กหญิง
“ก็ได้ๆ” เด็กหญิงรับคำแล้วหยุดวิ่ง แล้วมายืนตรงหน้าเด็กน้อยฯ
“โอ.เค.เอาหละ ทีนี้เราคงได้คุยกันรู้เรื่องเสียทีนะ” เด็กน้อยฯพูดพร้อมก้มเก็บสมุดวาดเขียนกับดินสอที่ตกอยู่ เด็กหญิงยังคงยืนเอามือไพล่หลังแล้วบิดตัวไปมาอย่างไม่อยู่นิ่ง
“เธอชอบวาดรูปเหรอ” เด็กหญิงถาม
“มันเรื่องของฉัน” เด็กน้อยฯตอบอย่างไม่มีเยื่อใย พร้อมกับ รีบซ่อนสมุดวาดเขียนไว้ข้างหลัง
“ขอดูหน่อยสินะ” เด็กหญิงทำท่าจะแย่ง
“ไม่!!” เด็กน้อยฯยืนกรานเสียงแข็งและบิดตัวหนี
“ขอดูแค่นี้ก็ไม่ได้” เด็กหญิงหันหลังกลับ เอามือกอดอก แล้วทำหน้างอน
“เช๊อะ..!!! แล้วเรารู้จักกันเหรอ” เด็กน้อยตอบอย่างไม่มีเยื่อใยอีก
“ก็ได้ ฉันชื่อ อมิตตา..ที่นี้ เราก็รู้จักกันแล้วนะ.....งั้นฉันดูได้แล้วสิ” เด็กหญิงตัดบทดื้อๆ แล้วแย่งมาได้โดยที่เด็กน้อยฯไม่ทันได้ตั้งตัว แล้ววิ่งหนีอย่างรวดเร็วปีนขึ้นต้นไม้อย่างคล่องแคล่วว่องไวอย่างไม่น่าเชื่อว่าเด็กรุ่นนี้จะทำได้ จนเด็กน้อยฯตามไม่ทัน ได้แต่ยืนข้างล่างร้องเย้วๆอยู่ข้างล่าง


“เอาคืนมานะๆ” เด็กน้อยฯเริ่มโวยวายอย่างหัวเสีย
“ดูนิดเดียวเองนะ...ไม่ได้เอาไปที่ไหนสักหน่อย คิกๆ” เด็กหญิงไม่สนความลนลานของเด็กน้อย แล้วบรรจงเปิดสมุดวาดเขียนเด็กน้อยดู ตั้งแต่น่าแรก เด็กน้อยเริ่มโวยวายหนักเข้าไปอีก และแล้ว...
“เรื่องของเธอสนุกจังเลยหละ บางครั้งก็เศร้า มีอะไรมากมายเลย” เด็กหญิงพลิกหน้ากระดาษไปเรื่อยๆ ท่าทางและคำพูดของเด็กหญิงทำให้เด็กน้อยศักดิ์ชายหยุดโวยลง และจ้องมองเด็กหญิงอยู่อย่างนั้น
“เธอจะไปรู้อะไร!!” เด็กชายกระแทกเสียงอย่างอายๆ
“รู้สิ ฉันรู้ ฉันรู้สึกนะ” เด็กหญิงตอบ เด็กน้อยฯนิ่งงัน
“ความรู้สึกของเธออยู่ในนี้ เรื่องนี้ ตื่นเต้นจังเลย ตัวเธอผจญภัยต่างโลก เรื่องนี้หน้าที่3 เธอเป็นฮีโร่ในสงคราม เรื่องนี้หน้า5 เศร้าจังเลย......” เด็กน้อยได้แต่ตะลึง เพราะไม่นึกว่า ใครจะเข้าใจ
“เธอ...รู้ได้ยังไง” เด็กน้อยถาม
“ฉันรู้ จากความรู้สึกของเธอที่ใส่ไว้ในนี้” เด็กหญิงหลับตาพริ้ม เอาฝ่ามือวางทาบกับสมุดวาดเขียนแล้วกระโดดลงมาจากคบไม้ถึงพื้นดั่งเป็นเรื่องธรรมดาที่ทำทุกวัน พร้อมกับคืนสมุดวาดภาพให้เด็กน้อยฯ




.....เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น สร้างความฉงนให้กับเด็กน้อยฯเป็นอันมาก ตอนนี้ในใจของเด็กน้อยฯมีความรู้สึกปนเปกันไปหมดทั้งกึ่งฉงนทั้งกึ่งอายและดีใจที่มีคนเข้าใจเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกทำให้ปั่นหน้าไม่ถูกเมื่ออยู่ต่อหน้าเด็กหญิง เด็กหญิงยืนยิ้มบ้องแบ้วอยู่อย่างนั้น



“ธ เธอ ชื่ออะไรเหรอ” เด็กน้อยฯตะกุกตะกักถามชื่อ
“อ้าว!! ก็ฉันบอกไปแล้วนี่นา” เด็กหญิงตอบ
“โทษที ฉันไม่ทันฝัง บอกอีกครั้งสิ แล้วฉันจะจำได้” เด็กน้อยฯเชิงขอโทษ
“ก็ได้!! ฟังนะ ฉันชื่อ อมิตตา อมิตตา นะ จำเอาไว้” เด็กหญิงพูดเน้นชื่อของตนเอง กอดอกทำท่าทางหยิ่งๆ
“อืมม์ อมิตตา ฉัน ศักดิ์ชาย นะเรียก ชาย ก็ได้นะถ้าอยากเรียก” เด็กน้อยฯตอบอ่อยๆ
“อื้อ! ฉันจะเรียกเธอว่า ชาย ไม่เรียกชื่อเต็มเธอหรอก ยาว ขี้เกียจจำ” อมิตตาพูดแบบกวนๆ
“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่นา” ศักดิ์ชายอ่อยๆพูด
“อ๊อ! แล้วบ้านเธออยู่ที่ไหนหละ ทำไมมาแถวนี้ได้หละ” ศักดิ์ชายย้อนถาม
“คิกๆ ฉันก็บ้านอยู่ในเมืองอย่างเธอนั้นแหละ ฉันมาเที่ยวแถวนี้ มาเจอเธอเข้าก็เลยมาทักทาย” เด็กหญิงอมิตตาตอบพร้อมยิ้ม
“นี่มันเขตบ้านไร่ของน้าฉันนะ เธอเข้ามาได้ไง” ศักดิ์ชายทำเสียตื่น
“อ้าว....โน้นไง รั้วโน้นมุดเข้ามาสิ” เด็กหญิงอมิตตาพรางชี้นิ้วไปที่รั้วลวดหนาม ซึ่งรกไปด้วยแนวป่า
“โห๋.....อะไรกัน นั้นมันป่านะ เธอไม่กลัวเหรอ...” ก่อนที่ศักดิ์ชายจะได้คำตอบอะไร ก็มีเสียงเรียกของพี่สาวตนเรียก
“พี่เธอเรียกแล้ว ฉันไปก่อนนะ บ๊ะบาย แล้วเจอกัน” อมิตตาโบกมือบายแล้วออกวิ่งไปทางแนวรั่วด้านหลัง ก่อนที่เด็กชายจะหันกลับมา
“อ้าว.....ดะเดี๋ยวสิ โอ๊ย!! อุ๊บ....” จังหวะที่ศักดิ์ชายหันกลับแล้วจะก้าวตามเด็กหญิง ได้เกิดสะดุดล้มฟาดกับพื้นอย่างแรง โชคดีที่บริเวณนั้นเป็นหญ้า แต่ก็ทำให้ศักดิ์ชายแน่นิ่งไปพักหนึ่งได้เหมือนกัน




.....ไม่นานศักดิ์ชายก็รู้สึกว่ามีใครมาพลิกตัวแล้วเขย่าตัวเองอย่างแรง พร้อมเรียกชื่อซ้ำๆ พอตั้งสติได้ ศักดิ์ชายจึงได้รู้ว่า เป็นวิภาพี่สาวของตนเองนั้นเอง


“ชาย...ชาย...เป็นอะไรไปหนะ....” วิภาเรียกอย่างตกอกตกใจและเขย่าตัวน้องชายไม่หยุด
“โอ๊ย! พี่ทำผมเจ็บนะ!” ศักดิ์ชายรู้สึกตัวพร้อมกับพยายามปัดมือพี่สาวออก
“นี่เจ้าชาย ทำดีๆหน่อยสิ เราอุตส่าห์เป็นห่วงนะ ดีไม่เป็นไรก็ดี รู้งี้ปล่อยให้มดกัดตายไปเลย” วิภาทำเสียงดุ
“ก็ผมไม่เป็นไรแล้วนี่” ศักดิ์ชายแย้ง พร้อมดูรอบตัวเพื่อมองหาสมุดวาดเขียนของตนเอง และมันไม่ได้อยู่กับตนเองในขณะนี้ ทั้งๆที่สักครู่ตนเองยังถืออยู่
“มัวโอ้เอ้อยู่ได้ แม่เรียกไปกินข้าวได้แล้ว รู้งี้ไม่มาเรียกก็ดี รีบๆมาหละ” วิภาลุกขึ้นแล้วรีบเดินมุ่งหน้าไปบ้านอย่างรวดเร็ว




.....ศักดิ์ชายรับคำพี่สาวว่าสักพักจะตามไป ที่จริงศักดิ์ชายหาสมุดวาดเขียนของตนเองต่างหาก น่าแปลกที่ศักดิ์ชายพบมันวางพร้อมดินสออยู่ใต้ต้นไม้ตรงที่ศักดิ์ชายนั่งวาดรูปครั้งแรกที่มาถึง ศักดิ์ชายจำได้ว่า ตอนที่เจอกับนิตยาตนเองยืนอยู่ตรงไหน บริเวณใด ซึ่งมันห่างจากจุดที่ตนเองนั่งวาดรูปอยู่มาก แต่ศักดิ์ชายไม่มีเวลาคิดมากนักเพราะได้ยินเสียงแม่เรียกให้ไปทานข้าว ก่อนจะเข้าบ้านศักดิ์ชายต้องหาที่ซ่อนสมุดวาดภาพให้พ้นสายตาของพ่อและพี่สาวของตนเอง ตอนนี้ไม่มีเวลาหาที่ซ่อนมากพอ ศักดิ์ชายจึงนำเอาไปซ่อนในโพรงไม้เล็กๆใต้ต้นไม้ที่อยู่ใกล้บ้านที่สุดและดูเป็นโพรงที่เหมาะสำหรับเก็บความลับของศักดิ์ชายที่สุดในยามนี้

.....ในโต๊ะอาหารเย็นต่างก็สรวนเสเฮฮากันตามประสาครอบครัว โดยเฉพาะคุณพ่อและคุณอาที่อารมณ์ดีด้วยฤทธิ์เหล้าต่างเฮฮากันตามประสาพี่น้อง คุณแม่กับคุณน้าและพี่สาวก็สนุกสนานกับการทำอาหารทำไปด้วยทานไปด้วยต่างหัวเราะกันคิกคักๆ ส่วนศักดิ์ชายได้แต่ยิ้มๆ ตอบเมื่อมีผู้ใหญ่ถามเท่านั้น จากนั้นก็ก้มหน้าก้มตาจัดการกับอาหารในจานต่อไป ศักดิ์ชายตอนนี้มีความสุขกับอาหารที่แสนอร่อย ขนมและน้ำหวาน ในใจของศักดิ์ชายก็ยังไม่ลืมเรื่องเมื่อตอนกลางวันยังคอยหาโอกาสเหมาะๆที่จะคอยถามน้าพรประภา ไม่นานนักจากโต๊ะอาหารคุณพ่อกับคุณอาก็ย้ายกันออกไปหน้าบ้านเช่นเดิมเพื่อรับอากาศเย็นๆในช่วงฤดูหนาวและบรรยากาศ



“เออ...น้าพรครับ หากน้าไม่ว่าอะไร ผมมีอะไรจะถามหน่อยครับ....” ศักดิ์ชายเอ่ยถามน้าอย่างแผ่วเบาราวกับว่า กลัวใครจะได้ยินหรือรู้เรื่องเข้า
“ไม่ว่าหรอกจ่ะชาย ว่ามาเลยจ่ะ” น้าพรตอบอย่างใจดี
“เออ....น้าครับ น้ารู้จักเด็กผู้หญิงที่ชื่อ อมิตตา ไหมครับ” เด็กชายถามออกไป
“อืมม์..............” น้าพรประภาใช้ความคิด “ไม่รู้หรอกจ่ะ”
“แล้วไร้ด้านหลังโน้น เออ...มีบ้านคนหรือมีถนนทางเดินไหมครับ” ศักดิ์ชายพูดพร้อมชี้มือไปทางทิศนั้น
“อืมม์ ทำไม่เหรอจ๊ะ หรือ เราอยากเป็นนักสำรวจ ไม่มีหรอกจ่ะ มันเป็นป่ารกทึบหนะ บ้านคนก็ไม่มี” น้าพรประภาทำหน้าฉงน
“ไม่มีอะไรหรอกครับ เออ...อาจเป็นได้ครับ ที่ผมอยากเป็นนักสำรวจ” ศักดิ์ชายตอบอย่างเลี่ยงไม่ได้
“อืมม์ แล้วคนที่ชื่ออมิตตานั่น เป็นใครเหรอจ๊ะชาย” น้าพรฯยิงคำถาม
“เออ......คือ ผมเจอเธอเมื่อบ่ายนี้หนะครับน้า ตรงหลังไร่ริมสระน้ำนั้นแหละ” แล้วศักดิ์ชายก็เล่าเรื่องราวต่างๆที่พบนิตยาให้น้าพรฟัง หน้าพรรับฟังจนทำหน้าฉงน
“ไม่น่าเป็นไปได้นะ แถวๆนี้ เป็นไร่เป็นสวน แล้วบริเวณนี้มีสวนของน้าแห่งเดียว รอบๆก็เป็นสวนรกร้าง ป่ารกร้าง” น้าพรใช้ความคิด
“เออ...ช่างมันเถอะครับ...” ศักดิ์ชายตัดบท
“อืมม์...หนูอมิตตานั้น ถ้ามาทางหลังไร่หลังสวน เค้าคงเป็นเด็กที่เก่งและกล้าหาญมากเลยจ่ะ” น้าพรพูดพร้อมเอามือขยี่หัวศักดิ์ชาย แล้วหันไปจัดการกับการล้างจานต่อ เด็กชายพูดได้แต่เพียงคำว่า “ครับ” แล้วแยกตัวออกไปนั่งระเบียงข้างบ้านรับลมหนาว




.....ท้องฟ้าในยามฤดูหนาวจะโปร่งใส่เห็นดาวดาดาษอยู่เต็มท้องฟ้าและส่องแสงสุขสกาวกว่าฤดูใดๆ ทำให้เด็กน้อยฯเอนหลังนอนพร้อมกับผ้าห่มหนาอันอบอุ่นนอนดูดาวใช้จิตนาการอย่างเต็มที่ ปล่อยความคิดล่องลอยไปกับหมู่ดาวอันไกลแสนไกล ทำให้เด็กน้อยฯมีความสุขกับตนเองเป็นอันมาก เริ่มปล่อยจิตใจเคลิ้มไปกับไอเย็นและมวลหมู่ดาว



“เฮ้.....เฮ้.....นายหนะ...ตื่นสิ...” เสียงกระซิบพร้อมเขย่าตัวเด็กน้อยศักดิ์ชายเบาๆ
“ฮือ.......!!!” ศักดิ์ชายค่อยๆลืมตาขึ้น
“ตื่นสิ....นอนอยู่ได้....” เสียงเร่งให้ตื่น
“ใครหนะ......” เด็กชายงัวเงียถาม
“นี่นาย จะนอนอยู่อย่างนั้นไปถึงไหนกันหนะ ไม่เบื่อบ้างหรืออย่างไรกัน” พูดพร้อมเขย่าแรงขึ้น
“โอ๊ย...พอแล้วนะ ตื่นแล้ว...” เด็กน้อยศักดิ์ชายลืมตาเต็มที่ มองไปที่เจ้าของเสียง





.....ภาพที่เห็นเป็นภาพของเด็กชายที่อายุมากกว่าตนเอง ท่าทางกะตือลือล้น ผอมบาง ยืนอยู่ข้างๆตนเอง ศักดิ์ชายลุกขึ้นนั่งขยี่ตาของตนเอง และพิจารณาว่าผู้มาเยือนนั้นเป็นใคร แต่ก่อนที่จะพูดอะไร




“จุ๊ๆ อย่าเอ็ดไป ช้านมาจากด้านหลังสวนโน้น ทางที่น้องสาวช้านมาเมื่อเช้านี่แหละ” พูดพลางชี้มือไปด้านหลังสวน
“แล้วๆ นายเป็นใครหละ” ศักดิ์ชายเอ่ยถามอย่างงงๆ
“อ๋อ...โทษที ช้านลืมแนะนำตัวเองไป ช้านชื่อ อนัตตา” เด็กชายรุ่นพี่ผู้มาเยือนแนะนำตนเอง
“อืมม์ อนัตตา.....” ศักดิ์ชายทวนคำ
“ช่าย อนัตตา เป็นชื่อของช้าน” เด็กชายรุ่นพี่พูดดอย่างภูมิใจ
“อ่า....งั้นก็ยินดีที่รู้จักนะ แต่ชื่อนายฉันว่าแปลกดีนะ นายเป็นใครหละ โทษที่ วันนี้ฉันเจอแต่เรื่องแปลกๆมาหนะ” ศักดิ์ชายตั้งหน้าตั้งตาถาม
“งั้นดีจัง..ที่นายเจอเรื่องแปลก น้องช้านไม่ได้บอกนายเหรอ” อนัตตายืนกอดอกถาม
“น้องนาย? ใครหละ เออ...โทษที ฉันไม่แน่ใจ” ศักดิ์ชายทำหน้างงๆ
“อ๊าว!! ก็อมิตตาไง นายเคยเจอแล้วไม่ใช่เหรอ” อนัตตาทำหน้าตื่น
“อมิตตา อ๋อ....อมิตตา เป็นน้องของนายหรอกเหรอ.....” ศักดิ์ชายรู้สึกตื่นเต้นจนแสดงสีหน้ายิ้มออกมา
“ช่าย อมิตตา คือน้องสาวของช้านเอง.......” อนัตตา กอดอกพูดอย่างภูมิใจ.


จบตอนที่2




 

Create Date : 09 มิถุนายน 2550
3 comments
Last Update : 14 มิถุนายน 2550 11:19:10 น.
Counter : 442 Pageviews.

 

เด๋วมาอ่านนะค้า

 

โดย: :: ปลาทองน้อยๆตัวสีส้ม :: (mix_9001 ) 9 มิถุนายน 2550 12:04:04 น.  

 

..มาเยี่ยมวันหยุดค่ะ..
..ตอน2มาและนี่..

..อ่านเสร็จไปนิทราต่อ..

 

โดย: นู๋ญ่า (kayook ) 9 มิถุนายน 2550 13:07:06 น.  

 

สวัสดีค่ะ มาทักทาย และขอบคุณมากน่ะค่ะ ที่ไปทักทาย
กัน ตอนนี้ขอมาจองพื้นที่ก่อนน่ะค่ะ แล้วจะกลับมาอ่าน
ตอนที่หนึ่งใหม่ค่ะ

ชื่อรายาสุรีย์ แปล ว่า ภรรยาพระอาทิตย์ ค่ะ
คุณพ่อเป็นคนตั้งให้ค่ะ ชื่อเล่นเรียกสั้นๆ ว่า เจี๊ยบ ค่ะ
ขอให้มีความสุขมากๆ น่ะค่ะ

 

โดย: Jeab (rayasuree2526 ) 9 มิถุนายน 2550 13:43:22 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธาราภิรมย์
Location :
น่าน Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ด้านในของชีวิต มีทั้งความคิด ความฝัน
ความจริงและหลอกลวงปะปนกัน
จึงมาร่วมแบ่งปันความคิด ความฝันนั้น
เพราะเรามันก็แค่ "มนุษย์"



Click here to get your own clock for your site/profile!


++++ ชายราศีตุล ++++

visit www.mp3-codes.com now!
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2550
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
9 มิถุนายน 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ธาราภิรมย์'s blog to your web]
Links